“พวกเจ้าคิดว่ากำลังทำอะไรกับแขกผู้มีเกียรติของข้ากัน!!! ”จูปิเตอร์
ในขณะที่สถานการณ์กำลังอยู่ในช่วงชุลมุน องค์ชายจูปิเตอร์ที่พึ่งฟื้นจารการสลบได้เข้ามาหยุดความบ้าของพวกขุนนางชายทั้งหลายเอาไว้ ก่อนที่ฉันจะทำลายมันทิ้งซะทั้งหมด
แม้ว่าองค์ชายจะดูเป็นคนที่เหลวแหลก แต่ในเมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ค่อยจะดีนัก เขาก็เป็นคนนึงเลยที่สามารถไว้ใจได้ และใช่ ทันทีที่จูปิเตอร์ได้เดินเข้ามาในโถงงานเลี้ยงเสียงฮือของเหล่าขุนนางต่างก็เงียบไป
“ จูปิเตอร์, แกมาช้า ”รุยซ่า
“ ขออถัยครับท่านพี่ พอดีมันรู้สึกดีนานไปนิดส์ ”จุปิเตอร์
มันก็ยังเป็นคนที่หน้าไม่อายไม่เคยเปลี่ยนไปเลยสักนิด
“ ส่วนท่าน.. คงจะเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ งดงามสมคำร่ำลือจริงๆ กระผมขออภัยสำหรับกิริยาที่หยาบคายของเหล่าขุนนางผู้เยาว์ทั้งหลายด้วยนะขอรับ ”จูปิเตอร์
องค์ชายคุกเข่าต่อหน้าสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังร้องไห้ ด้วยความเป็นสุภาพบุรุษมันจึงหยิบผ้าเช็ดหน้าขึึ้นมาจากกระเป๋าเสื้อ แล้วยื่นให้อิกนิส
“ ผ้าเช้ดหน้าแทนคำขอโทษขอรับ เลเดี้ที่น่ารักเช่นท่านไม่คู่ควรกับน้ำตาหรอกนะครับ”จูปิเตอร์
“ ข- ขอบคุณค่ะ… ”อิกนิส
“ จูปิเตอร์ หาที่เงียบๆให้ที ”เมเดียร์
“ ได้ครับท่านหญิงที่รักของผม เดี๋ยวผมและท่านพี่จะเป็นคนจัดการทางนี้เองขอรับ~ ”จุปิเตอร์
“ ใครที่รักแกกันยะ!! ”เมเดียร์
ตอนนี้ฉันยังทำอะไรมันไม่ได้มาก ค่อยรอเวลาอื่นแล้วฉันจะไปซัดมันด้วยตัวเอง
“ ทหาร! พาเลเดี้เมเดียร์ไปที่ห้องพักหน่อย! ”จูปิเตอร์
ด้วยอำนาจขององค์ชายแล้ว เขาสั่งทหารได้ด้วยคำสั่งเดียว ไม่นานกลุ่มของทหารองครักษ์ก็ได้นำทางพวกเราไปที่ห้องพักภายในปราสาท ฉันพาอิกนิสตามพวกเขาไป ส่วนสถานการณ์ภายในงานเลี้ยงก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกรัชทายาทไป
…
“หายกลัวรึยัง ”เมเดียร์
“ค่ะ… ”อิกนิส
ฉันนั่งอยู่กับอิกนิสอยู่พักหนึ่ง เพื่อให้เธอได้สงบสติอารมณ์ลงก่อนแล้วค่อยพูดถึงเรื่องที่อยากจะระบาย
“ฉันไม่น่ามาเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์เลยค่ะนายหญิง.. แต่ไม่รู้ทำไมท่านอิกนิสถึงเลือกฉัน.. ”อิกนิส
ฉันคิดว่าคงจะเป็นเพราะว่าอิกนิสนั้นมีกระแสจิตที่พิเศษ ทำให้เทพอิกนิสผ่านร่างของตัวเองได้สะดวกมากกว่าใคร และลงมาประทับได้ด้วยตัวเอง.. ด้วยเหตุนั้นผู้หญิงที่เป็นร่างสถิตของเทพจึงถูกเรียกว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์..
ฉันก็ไม่รู้อะไรมากหรอก ยังไงซะฉันก็ต้องอยู่เป็นเพื่อนยัยนี่อยู่ดี
“ เป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์มานานเท่าไหร่แล้วล่ะ? ”เมเดียร์
“ 3 ปีค่ะ.. แต่ถึงจะเป็นมานานขนาดนี้ฉันก็ยังทำใจให้ฉันสู้หน้าผู้ชายไม่ได้เลยค่ะ.. ”อิกนิส
“ ทำไมเป็นงั้นล่ะ? ”เมเดียร์
“ คือ.. มันน่ากลัวอ่ะค่ะ..”อิกนิส
“ อืม.. งั้น ฉันเมเดียร์ ไกอา เจเนซิส เธอล่ะ? ”เมเดียร์
“ อิกนิสค่ะ.. แค่อิกนิส ”อิกนิส
พวกเราทำความรู้จักกันก่อน ที่จะได้ถลำลึกลงไปในเรื่องส่วนตัวของอิกนิส เธอค่อยๆเล่าเรื่องของตนเองให้ฉันฟัง
“ …คือเมื่อก่อนน่ะค่ะ ฉันเป็นเพียงแค่สามัญชน ที่ไม่ได้มีความกล้าอะไรเลย ฉันถูกพ่อแม่ของฉันขายให้กับศาสนจักรเพียงเพราะว่าพวกท่านต้องการใช้เงิน และฉันเป็นคนจิตอ่อนที่สามารถเป็นร่างประทับให้กับเทพีอิกนิสได้ค่ะ.. ”อิกนิส
“ ตลอด 3 ปีที่ผ่านมาฉันกลัวมากเลย กลัวว่าจะต้องเจอกับคนน่ากลัวๆ กลัวว่าจะต้องถูกต่อว่า.. กลัวว่าจะต้องถูกทุบตี.. แต่ทุกๆคนในศาสนจักรใจดีกับฉันมากเลยค่ะ รวมถึงท่านเทพธิดาอิกนิส.. ฉันสามารถพูดได้เต็มปากเลยว่าเธอเป็นเหมือนกับพี่สาวของฉัน ”อิกนิส
“ แต่เหตุการณ์ที่ทำให้ฉันกลัวผู้ชายมากที่สุดคือตอนที่ฉันถูกพวกอันธพาลลักพาตัวไปค่ะ.. ”อิกนิส
“ แล้วพวกพาลาดินที่ต้องปกป้องเธอล่ะ? ”เมเดียร์
“ตอนนั้นเป็นช่วงที่ฉันออกมาดูรอบๆเมืองอยู่คนเดียวพอดีน่ะค่ะ.. ”อิกนิส
อืม ยัยนี่เป็นพวกประมาทสินะ เดาว่าจากเหตุการณ์นั้นมามันเลยทำให้เธอมีแผลใจเกี่ยวกับผู้ชายสินะ ..ก็ไม่ได้แปลกใจสักเท่าไหร่
“ เอาเป็นว่าเธอรออยู่ที่นี่จนกว่าพวกพาลาดินจะมาก็แล้วกัน ”เมเดียร์
ฉันมองออกไปนอกหน้าต่าง ฉันก็เห็นขบวนของพวกพาลาดินและดยุคอาเธนอนมาแต่ไกล ฉันมองดูภาพสตรีศักดิ์สิทธิ์ในตอนนี้สลับกับตัวเธอเมื่อสักครู่ที่สามารถยืนอยู่ท่ามกลางเหล่าผู้ชายได้โดยที่ไม่มีความกลัวเลย
สงสัยว่าเธอในตอนนั้นคงจะเป็นเทพธิดาอิกนิสที่ลงมาประทับร่างล่ะมั้ง
“ แปลกจริงๆ.. ”เมเดียร์
ฉันล่ะไม่เข้าใจพวกเทพเลยจริงๆ
หลังจากที่พวกพาลาดินมาถึงกันแล้ว ฉันพาอิกนิสกลับเข้างานเลี้ยงอีกครั้ง เนื่องจากว่าวันนี้มีเธอเป็นดาวเด่น เพราะฉะนั้นที่นี่จะขาดเธอไปไม่ได้เลย
“ ท่านอิกนิส! ”ลูอิส
ฉันยืนท้าวเอวมองดูลูอิสที่เข้ามาหาอิกนิสด้วยความร่าเริง ดูเหมือนว่าการที่ลูอิสได้เข้ามาคุยกับยัยนั่นจะทำให้เธออารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง ก็ถือว่าดีไป
“ช้านะลูอิส ”เมเดียร์
“ขอโทษที่มาช้าค่ะคุณเม ”ลูอิส
ผ่านไปไม่นานที่ฉันเริ่มคุยกับลูอิส ดวงไฟของงานก็ได้ดับลงก่อนจะสว่างขึ้นมาแค่ที่เดียว คือจุดที่สตรีศักดิ์สิทธิ์อยู่ ซึ่งก็คือตรงหน้าฉันนี่เอง
ฉันคิดว่ามันคงจะถึงส่วนสำคัญของงานแล้วล่ะมั้ง
อิกนิสที่ขี้กลัวคนนั้น ในตอนนี้กลับแสดงความกล้าออกมาได้อย่างกล้าหาญราวกับเป็นคนละคนกันกับก่อนหน้านี้เลย มันคงจะเป็นเพราะมีลูอิสคอยให้กำลังใจด้วยล่ะนะ และแถวนี้เองก็ไม่ได้มีผู้ชายใกล้ๆเลย
อิกนิส แนะนำตัวเองกับทุกคน กล่าวอะไรบางอย่าง ก่อนจะกล่าวเปิดงานเต้นรำอย่างเป็นทางการ
ด้วยความที่พวกขุนนางรู้ซึ้งถึงความสำคัญของสตรีศักดิ์สิทธิ์จากองค์ชายแล้ว จึงออกห่างจากอิกนิสให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้.. ทำเอารอบๆตัวอิกนิสนี่โล่งเลยเชียว
ขณะนั้นฉันก็แยกตัวออกไปหาของกินต่างๆเพื่อมาประทังความหิวเอาไว้
“ แต่งตัวสวยจังเลยนะคะ คุณเม ”พานาร์
ทันใดนั้นก็มีคนมีทักฉัน นั่นก็คือพานาร์ ในชุดราตรี
“ ขอบใจ ”เมเดียร์
ไม่นานนักหลังจากที่ฉัน ได้คุยกับพานาร์ อยู่ๆไฟก็ดับลงอีกครั้ง ก่อนที่จะติดขึ้นตรงพื้นที่เต้นรำตรงกลาง พร้อมๆกับวงดนตรีคลาสสิคที่มาเล่นดนตรีอยู่กึ่งกลางของพื้นที่ตรงนั้น
แล้วองค์ชายก้ได้เดินเข้ามาในพื้นที่เต้นรำเป็นคนแรกและยื่นมือมาทางฉัน
“ ให้เกียรติผมได้เต้นรำกับคุณสักบทเพลงเถอะครับ.. ท่านหญิงเมเดียร์ ”จูปิเตอร์
ฉันมองหน้ามันแบบเอือมๆ ก่อนจะก่อนอกแล้วตอบปัดไป
“ ฝันไปเหอะ ”เมเดียร์
เจ้าองค์ชายนั่นหน้าแหกเลยเชียวล่ะ ฉันล่ะสะใจแท้
“เต้นรำกันไหมคะ ”พานาร์
อยุ่ๆพานาร์ก็หันมาชวนฉัน
“ เอาสิ ”เมเดียร์
เรื่องอะไรที่ฉันจะปฏิเสธล่ะจริงไหม นั่นน่ะเพื่อนฉันทั้งคนเลยนะน่ะ
งานเลี้ยงดำเนินไปอย่างราบรื่น ดนตรีเล่นไปอย่างเพลิดเพลิน ฉันคิดว่าคืนนี้มันไม่น่าจะมีอะไรมากไปกว่านี้แล้วล่ะ
เพราะแต่แรกแล้วงานเต้นรำมันก็ไม่ได้จัดนานมากนี่นา ก็แค่มีอาหารให้กิน และออกมาเต้นรำกัน พบปะกับคนมากหน้าหลายตาก็แค่นั้น บอกตามตรง มันค่อนข้างจะน่าเบื่อเลยล่ะ..
ทว่าอยุ่ๆฉันก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของพลังศักดิ์สิทธิ์อันรุนแรงขึ้นมาอีกครั้งผ่านร่างของอิกนิส ดูท่าแล้ว.. ท่านเทพธิดาคงจะอยากเต้นรำด้วยเป็นแน่
“ เต้นรำกับข้าสักหนึ่งบทเพลงได้ไหม ลูอิส ”อิกนิส
“ก็- ก็ได้ค่ะ! ”ลูอิส
เหมือนว่าคนที่สนุกจะไม่ได้มีแค่พวกขุนนางเท่านั้น แต่รวมไปถึงตัวของเทพธิดาเองก็ด้วย วันนี้มันทำเอาเธอยิ้มไปหลายรอบเลยล่ะ
แต่เพราะแบบนั้นแหละ ที่ทำให้เธอเป็นถึงเทพธิดาแห่งความอบอุ่น
…
หลังงานเลิก ฉันถอดปิ่นปักผมออกแล้วออกมารอพ่อกับแม่ที่รถม้า ส่วนตัวน้องสาวกับน้องชายฉันเองก่อนหน้านี้ก็อยู่ด้วยในงานนะ แต่พอหลังจากครึ่งงานหลังก็หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ พอโผล่มาอีกทีก็มาที่รถม้าแล้วน่ะ
ตอนนี้ก็คงได้แต่รอเวลาให้อิกนิสรักษาภรรยาของกษัตริย์ราชุระอยู่สินะ.. มันคงจะใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่หรอกในการรักษา แต่ก็เอาเถอะถือว่าเป็นการพักผ่อนก็แล้วกัน
ระหว่างนั้นฉันก็ได้ลากับพานาร์ และลูอิส เพราะพวกเธอต้องเดินทางกลับกันแล้วน่ะ
ผ่านไปอีกสักพัก.. ฉันเห็นแม่และพ่อออกมาจากปราสาทแล้วล่ะ และยังออกมาพร้อมๆกับอิกนิสด้วย…
อืม.. งี้เองสินะ
สงสัยว่าอิกนิสจะไม่มีที่ไปเลยได้มานอนอยู่กับฉันนี่แหละ
“ขอรบกวนหน่อยนะคะ… ”อิกนิส
จริงๆเธอน่าจะมีห้องพักอยู่ในเมืองสักที่นะผ่านการจองจากศาสนจักรนะเนี่ย
แต่เป็นตัวเธอเองที่ไม่ต้องการ เพราะที่แบบนั้นมันไม่ได้ถูกมองว่าดีในสายตาของเธอเลยสักนิด
ก็นะ.. สุดท้ายแล้วบ้านเราก็มีสมาชิกเพิ่มขึ้นมา 1 คนจนได้
…
ลาสต์โฮลเดอร์
สถานที่ที่เต็มไปด้วยดอกไม้สวยงามบานสะพรั่งท่ามกลางสายลม มีขวานอยู่เล่มหนึ่งที่ถุกปกป้องโดยเหล่าภูติ และนั่นก็คืออาวุธของกอร์..
แล้วก็ยังมีข้า.. ที่เป็นคนโอบอุ้มร่างของเขาเอาไว้มิเสื่อมคลาย
ชะตากรรมของคนผู้นี้ช่างน่าสงสาร เพียงแต่มันก็ยังมีวิธีอยู่ที่จะทำให้เขารอดพ้น
นั่นก็คือการที่เขาจะได้ไปเกิดใหม่ไปที่ดีๆ.. ถ้าขอเพียงแค่บอกล่ะก็นะ
“ รายงานราชันย์ภูติ! พบเจอมนุษย์ที่มีร่างวิญญาณเดียวกับท่านกอร์จากทางทะเลมรสุมค่ะ! ”ภูติลมตนหนึ่ง
“ มิต้องแตกตื่นไป.. ถึงยังไง เค้าคนนั้นก็ต้องมาที่นี่อยู่ดี ”ราชันย์ภูติ
“ ไม่นานเกินรอ เขาก็จะมาถึงที่นี่อย่างปลอดภัย เพราะฉะนั้นจึงได้แต่รออยู่ร่ำไป ”ราชันย์ภูติ
“ ในที่สุดเราก็จะได้พบกันสักที.. อัลเลียน… ”ราชันย์ภูติ
ตัดจบตอน..
ตอนนี้คือ.. ผมง่วงมากแต่งไม่รู้เรื่องเลย..
อีกอย่างคือฉากตอนงานเต้นรำนี่ผมตันสุดๆไปเลยล่ะ นึกอะไรไม่ออกเลยฮะะ
ยังไงก็.. ขอบคุณคนอ่านที่อ่านนิยายของผมด้วยนะครับ… แล้วก็ การคอมเม้นต์นี่ทำให้ผมมีกำลังใจในการเขียนเยอะขึ้นมากเลยนะจะบอกให้ เอเฮะ