ตอนที่ 15 ขอโทษทีนะ ฉันลืมตัวไป!

I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ

ภายในห้อง VIP หลิงหลานเบิกตากว้าง ไม่นึกเลยว่าการซื้อของในโลกหนึ่งหมื่นปีให้หลังจะไม่จำเป็นต้องให้เราปีนขึ้นปีนลงไปดูของในห้างอีกต่อไป คุณเพียงแต่นั่งสบายๆ อยู่ในห้อง VIP มองดูหน้าจอของห้องที่มีขนาดใหญ่เป็นพิเศษแล้วเลือกหมวดหมู่ที่คุณอยากดู หลังจากนั้นก็จะมีพวกสินค้าสามมิติปรากฏขึ้นมาแนะนำรายละเอียดให้กับคุณ ถ้าหากลูกค้าสนใจเป็นพิเศษก็สามารถกดเข้าไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับตัวสินค้าให้ลึกซึ้งได้

หลานลั่วเฟิ่งจ้องมองด้วยความจริงจังมาก ของที่เธอดูส่วนใหญ่ต่างก็เป็นของหลิงหลาน ไม่นานของก็ถูกส่งมาที่ห้อง VIP ทีละชิ้นเพื่อรอการคัดเลือกสุดท้ายของหลานลั่วเฟิ่ง

‘เตียงดนตรีทารก: สินค้าชิ้นนี้มีรูปทรงวงรี มีโหมดโปร่งใสปิดครึ่งหนึ่งและโหมดโปร่งใสปิดเต็มตัวซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนได้อย่างอิสระตามที่ต้องการ เมื่อทารกนอนอยู่บนเตียง มันสามารถเลือกเพลงกล่อมให้ทารกหลับผ่านทางระดับความตื่นตัวทางคลื่นสมองของทารก นอกจากนี้ เตียงหลังนี้มีอินเทอร์เน็ตของตัวเองซึ่งสามารถดาวน์โหลดเพลงที่อัปเดตล่าสุดของสหพันธรัฐได้เองเพื่อลดปัญหาของผู้ปกครอง’

อินเตอร์เน็ตของตัวเอง? ดาวน์โหลดและอัปเดตได้อัตโนมัติ? ในตอนที่หลิงหลานไม่มีอะไรทำจนกำลังเคลิ้มหลับ หูก็ได้ยินคำพูดประโยคนี้ลอดเข้ามาจนใจกระตุกทันที ต้องรู้ว่าช่วงเวลาก่อนหน้านี้เธอถูกเสี่ยวซื่อทารุณกรรมแทบตาย ทุกวันมันกลิ้งอย่างไร้เหตุผลขอร้องเธอหาโอกาสให้มันเข้าไปในอินเทอร์เน็ต คำพูดของเสี่ยวซื่อบอกว่า “ใครควบคุมข้อมูล คนนั้นก็จะเป็นผู้ชนะ…”

แน่นอนว่านี่เป็นเพียงคำพูดของเสี่ยวซื่อ ถึงอย่างไรเสี่ยวซื่อกับหลิงหลานก็ไม่ได้มีศัตรูที่ออกหน้าออกตา สาเหตุที่เสี่ยวซื่อร้อนใจขนาดนี้ก็เป็นเพราะเขาต้องการทำความเข้าใจเกี่ยวกับข้อมูลของโลกใบนี้ เขาถึงจะสามารถบริการโฮสต์ได้ดียิ่งขึ้น ไม่อย่างนั้น ถ้าเกิดไม่ระวังขึ้นมาก็จะเกิดข้อผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงได้

ยกตัวอย่างเช่นเรื่องยากระตุ้นยีนเมื่อครั้งก่อน ก็เป็นเพราะเสี่ยวซื่อไม่เข้าใจความสามารถในการดูดซับของเด็กทารกในโลกใบนี้ถึงได้ดูน่าตกตะลึงจนแทบจะสร้างปัญหาใหญ่ให้กับหลิงหลาน ถ้าไม่ใช่เพราะมีผู้สูงศักดิ์บางคนสอดมือมาปกปิดข้อมูลไว้ละก็ เกรงว่าหลิงหลานคงจะถูกรับเข้าไปในหน่วยกองทัพและกลายเป็นเครื่องจักรต่อสู้ของกองทัพไปแล้ว

หลิงหลานที่มีความคิดของผู้ใหญ่ย่อมไม่มีทางถูกล้างสมองและเลือกที่จะปกปิดซ่อนตัวได้อยู่แล้ว แต่เธอก็ต้องบอกลาอิสรภาพเพราะเหตุนี้ไปได้เลย นอกเสียจากวันหนึ่งเธอจะแข็งแกร่งจนสามารถต่อสู้หลุดพ้นจากการผูกมัดที่ประเทศชาติมอบให้…

ทุกครั้งที่เสี่ยวซื่อกับหลิงหลานหวนคิดถึงเรื่องนี้ ร่างก็หลั่งเหงื่อเย็นๆ ออกมา จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่กล้าชะล่าใจ ทำไมหลิงหลานใช้เวลาสองเดือนกว่าจะฝึกท่าแรกสำเร็จ เหตุผลส่วนใหญ่คือหลิงหลานไม่กล้าทุ่มเทฝึกฝนเต็มร้อยจริงๆ เธอกลัวว่าจะมีสายสืบเฝ้าติดตามข้างกายเธอ ถ้าหากเธอทำเรื่องโดดเด่นอีกก็จะยิ่งดึงดูดความสงสัยของพวกเขา

วันนี้เธอได้ยินข่าวดีนี้โดยไม่นึกฝัน ยิ่งไปกว่านั้นยังถูกเปิดเผยยากอีกด้วย ถึงยังไงนี่ก็เป็นเตียงเด็กทารก คุณจะสงสัยเด็กทารกคนหนึ่งที่นอนหลับอยู่บนเตียงว่าเขาจะแอบเข้าอินเทอร์เน็ตเหรอ

หึๆ พี่ชาย นายต้องเป็นบ้าไปแล้ว จำเป็นต้องไปรักษาให้ดี

ทุกคนจะใช้สายตามองคุณเป็นไอ้ปัญญาอ่อน โง่เง่า และบ้าบอ หลังจากนั้นก็ทิ้งคำพูดนี้ด้วยความเสียใจอย่างยิ่งและเดินจากไป

หลิงหลานตื่นเต้นดีใจ นี่ย่อมเป็นเตียงที่สั่งทำตามขนาดร่างกายเธอ และมีเพียงเธอเท่านั้นที่สามารถทำให้เตียงเด็กทารกนี้แสดงความสามารถของมันทั้งหมดออกมาโดยไม่ให้เสียเปล่า

หลิงหลานปีนขึ้นมาโดยไม่ลังเล และชี้ไปที่เตียงดนตรีทารกด้วยความหนักแน่น ในปากเธอก็ร้องแอ๊ๆ สื่อความหมายให้มารดาว่า เธออยากได้เตียงหลังนี้

คราวนี้หลานลั่วเฟิ่งมีคลื่นสมองตรงกันกับของหลิงหลาน เธอเอ่ยถามด้วยความแปลกใจว่า “หลิงหลานอยากได้เตียงนี้เหรอ หรือว่าหลิงหลานชอบดนตรี? เอาเถอะ ในเมื่อหลิงหลานชอบ งั้นแม่ก็จะซื้อให้”

โอเค หลานลั่วเฟิ่งคือมารดายี่สิบสี่กตัญญู[1]อย่างเห็นได้ชัด ขอเพียงลูกต้องการ เธอก็จะได้รับสิ่งที่ต้องการทั้งหมด โชคดีที่ข้างในตัวหลิงหลานมีสติสัมปชัญญะของผู้ใหญ่ที่มีสามมุมมอง[2]เป็นปกติ ไม่อย่างนั้นไม่มีทางที่เธอจะไม่กลายเป็นลูกล้างผลาญพ่อแม่จากความรักที่ไม่มีจำกัดของหลานลั่วเฟิ่ง

หลิงหลานได้ของที่เธอต้องการแล้วก็รู้สึกยินดี เธอเตรียมตัวไปอวดเสี่ยวซื่อ

“เสี่ยวซื่อ เสี่ยวซื่อ…” เสี่ยวซื่อคล้ายกับถูกอะไรบางอย่างโจมตี หลิงหลานตะโกนอยู่หลายที เขาก็ไม่ได้ยินเสียง แต่คุกเข่าวาดวงกลมอยู่บนพื้นด้วยความรันทดใจ

หลิงหลานหน้ามืดและเข้าไปเขกหัว “ไอ้หนู ทำอะไรน่ะ”

ไม่นึกว่าเสี่ยวซื่อยังคงเงียบเป็นเป่าสาก ต้องรู้ว่าถ้าเกิดเป็นเสี่ยวซื่อก่อนหน้านี้ เขาจะต้องกระโดดขึ้นมาและบ่นเรื่องหลิงหลานทำร้ายร่างกายคนในครอบครัวแน่นอน…

หลิงหลานรู้สึกกลัดกลุ้มและก็อับจนปัญญาอยู่บ้าง เธอได้แต่พยายามหยิกแก้มของเสี่ยวซื่ออย่างเต็มกำลัง หวังให้เสี่ยวซื่อได้สติกลับมา

ในที่สุดคราวนี้ก็ได้ผล เสี่ยวซื่อตีมือที่หยิกแก้มของเธออย่างไร้เรี่ยวแรงและถามด้วยความเซื่องซึมว่า “มีเรื่องอะไร”

หลิงหลานเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้น”

เสี่ยวซื่อถอนหายใจหนักๆ กล่าวว่า “ฉันถูกโลกใบนี้ลวนลามแล้ว”

เสียงพูดดังจบ เท้าของหลิงหลานเตะไปที่ก้นของเขาด้วยความโกรธสุดขีด ทำให้เสี่ยวซื่อกระเด็นออกไป “แม่งเอ๊ย กล้ากวนฉันเหรอ!”

เสี่ยวซื่อถูกลูกเตะนี้เตะจิตใจที่หดหู่ของเขาทิ้งไป เขากระโจนใส่หลิงหลานด้วยความโกรธ ก่อนจะกอดต้นขาเธอไว้และกล่าวอย่างเดือดดาลว่า “พูดกันแล้วนี่ว่าห้ามใช้ความรุนแรงในครอบครัว เธอยังใช้ความรุนแรงอีก ฉันจะฟ้องร้อง ฟ้องร้อง”

“ฉันยังอยากถามนาย หลอกฉันทำบ้าอะไร ทำท่าจะเป็นจะตายเพื่อให้ฉันกังวลเหรอ” หลิงหลานไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงไม่สามารถควบคุมอารมณ์โกรธได้เลย เธอรู้ดีว่าเสี่ยวซื่ออาจจะแค่ล้อเล่นเท่านั้น ทำไมเรื่องที่เมื่อก่อนสามารถยิ้มปล่อยผ่านได้ แต่ว่าตอนนี้กลับอดทนไม่ไหว

หลิงหลานไม่รู้ว่า นี่เป็นเพราะอารมณ์ด้านลบที่เธอฝืนข่มกลั้นมาโดยตลอดได้ระเบิดขึ้นมา ถึงแม้ว่าช่วงเวลาก่อนหน้านี้หลิงหลานจะปลอบใจตัวเองว่าเหตุการณ์เรื่องยาผ่านพ้นไปแล้ว ทุกอย่างต่างสงบเรียบร้อยไม่มีเหตุการณ์ใดๆ อันที่จริงหลิงหลานไม่อาจปล่อยวางได้อย่างแท้จริงมาโดยตลอด กลัวว่าความลับของตัวเองจะถูกฝ่ายกองทัพค้นพบ กลายเป็นวัตุดิบในการทดลองจะอยู่ก็ไม่ได้จะตายก็ไม่ได้ ความรู้สึกด้านลบแบบนี้ซ่อนอยู่ตรงส่วนลึกภายในใจของหลิงหลานมาตลอด ถ้าหากไม่มีโอกาสระบายอารมณ์ สุดท้ายก็มีวันที่จะกลายเป็นปัญหาให้หลิงหลานในอนาคต

ควรจะพูดว่าหลิงหลานโชคดีมาก เนื่องจากหลิงหลานมีโอกาสออกไปเดินเที่ยวห้างก็เลยอารมณ์ดีมาก แตกต่างจากความสงบนิ่งและเก็บงำความรู้สึกไว้ในใจของเธอในยามปกติ ถึงแม้ว่าความทรมานจากการเจ็บป่วยในชาติที่แล้วจะทำให้หลิงหลานได้รับความอดทนที่แข็งแกร่งหาใดเปรียบและจิตใจที่ไม่มีวันย่อท้อ แต่ปัญหาก็อยู่ที่ตรงนี้ ควรรู้ไว้ว่า ตัวอักษรคำว่าอดทน ด้านบนคือคำว่ามีด ถ้าหากทนมากเกินไปก็จะทำร้ายร่างกายและจิตใจ

แน่นอนว่าอาศัยเพียงอารมณ์ปั่นป่วนที่ไม่ใช่เป็นความสุขมากมายแบบนี้ไม่สามารถทำให้หลิงหลานระเบิดอารมณ์ออกมาได้ แต่เนื่องจากเตียงเด็กทารกที่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตทำให้เธอดีใจแทบบ้า ความรู้สึกตื่นเต้นทำให้เธอรีบมาแชร์ให้กับเสี่ยวซื่อในมิติแห่งจิตทันที แต่ว่าเสี่ยวซื่อกลับอยู่ในสภาพหดหู่ไม่มีความหวังอะไรกับชีวิต ทำให้อารมณ์ตื่นเต้นยินดีของหลิงหลานตกลงสู่จุดต่ำสุดในชั่วพริบตา อารมณ์ที่ร่วงจากที่สูงลงมาสู่จุดต่ำสุดอย่างรุนแรงแบบนี้ปะทะมา ทำให้ความอดทนที่เดิมทีดีเลิศของหลิงหลานปริแตก…

ดังนั้นอารมณ์ด้านลบที่ซ่อนลึกอยู่ในใจจึงได้โอกาสระเบิดออก…นี่ถึงได้มีลูกเตะที่น่ากลัวของหลิงหลานโผล่ออกมา รวมไปถึงความโกรธเกรี้ยวในเวลาต่อมาด้วย

ทั้งสองคนต่อสู้กันพัลวันในมิติแห่งจิต สุดท้ายทั้งสองฝ่ายต่างก็ล้มลงไปกับพื้นด้วยความอ่อนแรง

หลิงหลานนอนหอบหายใจหนักๆ อยู่บนพื้น ไม่นึกไม่ฝันว่าเธอจะเอาจริงเอาจังกับเด็กซนคนหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เธอเพียงแต่รู้สึกสบายใจอย่างยิ่ง ราวกับว่าทั่วทั้งร่างถูกล้างบาปก็ไม่ปาน

หลิงหลานเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เสี่ยวซื่อ ขอโทษทีนะ เมื่อตะกี้นี้ฉันลืมตัวไป”

…………………………………………..

[1] มารดายี่สิบสี่กตัญญู หมายถึง รักลูกมากสุดขีด

[2] สามมุมมอง หมายถึงทัศนคติต่อโลก ทัศนคติต่อชีวิต ทัศนคติต่อคุณค่า