“ตุบ!”

ซู่เจินปล่อยตัวของเฉินห่าวหรานทันทีเมื่อเขาลงถึงพื้น แต่เฉินห่าวหรานนั้นไม่ได้ทันตั้งตัวทำให้เขาเกือบที่จะหัวคะมำลงกับพื้น และเมื่อซู่เจินเห็นท่าทางที่เขินอายของเฉินห่าวหรานเขาก็ส่ายหัวเบา ๆ และมองไปด้านหน้า ซึ่งมีห้องปฎิบัติการลับที่ไว้ใช้สำหรับการค้นคว้าเกี่ยวกับไวรัสตะขาบที่กลายพันธ์มาจากไวรัสเอ็กซ์ตรีมมิส

“ที่นี่คือที่ไหน?” เฉินห่าวหรานกลับมามีสติอย่างรวดเร็วและมองไปข้างหน้าด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“สถานที่ที่จะทำให้นายแข็งแกร่งขึ้น!”

ซู่เจินมองไปที่เฉินห่าวหราน หลังจากนั้นอนุภาคอีเทอร์ในแหวนก็ไหลออกมาอย่างรวดเร็วและค่อย ๆ แพร่กระจายไปทั่วร่างกายของซู่เจิน และไม่นานมันก็กลายเป็นชุดรัดรูปสีดำ พร้อมกับผ้าคลุมไหล่ที่สลักคำว่า ‘สงคราม’ เอาไว้กลางหลังกำลังพลิ้วไหวไปมาตามสายลม

“สุดยอด!”

เฉินห่าวหรานอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา เมื่อมองไปยังชุดของซู่เจิน

“เมื่อพวกเรากลับไปที่ยานฉันจะทำเครื่องแบบประจำทีมของพวกเราขึ้นมาให้!” ซู่เจินพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม เขาเองก็พอใจกับชุดของเขาเช่นกัน แถมสิ่งนี้ยังถูกสร้างขึ้นจากอนุภาคอีเทอร์โดยมีแหวนของกรีนแลนเทิร์นเป็นตัวกลาง ทำให้เขาไม่ต้องกังวลว่าอนุภาคอีเทอร์จะดูดกลืนพลังของเขา

ไม่ว่าจะเป็นในด้านของการป้องกันหรือการโจมตี สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือความสะดวกสบายในการใช้งาน ซึ่งชุดตัวนี้ของเขาสามารถทำให้หายไปหรือปรากฏขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วโดยสั่งการด้วยความคิดเท่านั้น

“ไปกันเถอะ!”

ซู่เจินพูดขึ้นมาเบา ๆ และเดินไปที่ห้องทดลองที่อยู่ด้านหน้าของเขาทันที โดยมีเฉินห่าวหรานที่เดินตามมาอยู่ข้าง ๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็นและความกระวนกระวาย ซึ่งเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรที่จะทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นได้ ?

เมื่อพวกเขาเดินมาถึงหน้าห้องทดลอง ก็มีกลุ่มชายฉกรรจ์ถือปืนวิ่งออกมาอย่างรวดเร็ว ทำให้เฉินห่าวหรานรู้สึกกังวลเล็กน้อย แต่เมื่อเขามองไปที่ซู่เจินที่ยังคงสงบนิ่งอยู่ เขาก็ผ่อนคลายลงทันที

ตึก! ตัก! ตึก!

ไม่นานก็มีเสียงรองเท้าส้นสูงดังขึ้น และค่อย ๆ ปรากฏเป็นหญิงสาวในชุดลายดอกไม้เดินออกมาอย่างสง่างาม พร้อมกับมองไปที่ซู่เจินและลูบไล้ฝ่ามือของเธอเบา ๆ และพูดว่า “ฉันไม่คิดว่าจะได้เจอคุณที่นี่!”

เธอจ้องมองไปที่ซู่เจินและเฉินห่าวหราน แม้ว่าจะดูเหมือนว่าเธอมั่นใจ แต่จริง ๆ แล้วเธอก็รู้สึกประหม่าเล็กน้อย เพราะเธอรู้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเธอคือใคร เขาคือซู่เจินคนที่มีความสามารถในการกลืนกินไวรัสเอ็กซ์ตรีมมิสและหลอมรวมเข้ากับมันได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งจริง ๆ แล้วเธอก็อยากจับตัวของซู่เจินมาทำการทดลอง เพื่อหาเหตุผลว่าทำไมเขาถึงได้หลอมรวมเข้ากับไวรัสเอ็กซ์ตรีมมิสได้อย่างสมบูรณ์ แต่…..ความแข็งแกร่งของซู่เจินนั้นมันมากเกินไป ทำให้เธอไม่กล้าพอที่จะทำเช่นนั้น

แถมเธอก็ไม่คิดด้วยว่าซู่เจินจะเป็นคนที่มาหาเธอด้วยตัวเอง และดูเหมือนว่าเขาจะรู้ว่าที่นี่มีไว้ใช้สำหรับทำอะไรด้วยเช่นกัน!

ดูท่าข่าวลือจะเป็นจริงว่าซู่เจินมีความสามารถในการทำนายอนาคตได้!

“คุณบังเอิญเห็นผมกับเฉินห่าวหรานโดยบังเอิญงั้นหรอ ? และถ้าเกิดว่ามันไม่ใช่ ผมก็คิดว่าเฉินห่าวหรานน่าจะถูกคุณหลอกให้มาที่นี่เพื่อจับตัวเขาไปทดลองใช่ไหม ?” ซู่เจินมองไปที่เธอ และพูดขึ้นมาอย่างแผ่วเบา

ลีน่ายิ้มออกมา “อันที่จริงฉันควรจะแปลกใจเรื่องชุดของคุณมากกว่า เพราะว่ามันค่อนข้างจะพิเศษ!”

“ขอบคุณ!” ซู่เจินตอบเธอด้วยรอยยิ้ม

“อันที่จริงฉันคิดว่าเราสามารถร่วมมือกันได้ แม้ว่าคุณจะเป็นที่ปรึกษาของ SHIELD แต่คุณก็ไม่ได้เป็นสมาชิกของ SHIELD แถมฉันยังได้ยินมาว่าคุณกำลังผลิตยาบางอย่าง…..ทำไมพวกเราไม่มาร่วมมือกันพัฒนามันให้ดียิ่งขึ้นล่ะ ?” ลีน่าพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม

ซู่เจินส่ายหัวเบา ๆ และพูดว่า “มันไม่จำเป็น….เพราะว่าผมมีข้อเสนอที่ดีกว่า!“

“ข้อเสนอของคุณคือ?”

“ควบคุมคุณไง“

เมื่อซู่เจินพูดจบเขาก็ใช้พลังจิตของเขาโจมตีไปรอบ ๆ ทันที ทำให้ลีน่าและชายฉกรรจ์ที่ถือปืนอยู่ไม่สามารถขยับร่างกายของพวกเขาได้ และปืนของชายฉกรรจ์พวกนั้นก็ถูกพลังจิตของซู่เจินทำให้ลอยขึ้นอย่างช้า ๆ และโยนทิ้งออกไปข้าง ๆ พร้อมกับร่างกายของพวกเขา!

“ไวรัสเอ็กซ์ตรีมมิสอยู่ที่ไหน”

ซู่เจินถามขึ้นมาพร้อมกับมองไปที่ลีน่าที่กำลังทำหน้าทำตาตื่นตระหนกอยู่

ในขณะที่ลีน่ากำลังลังเล จู่ ๆ ร่างกายของเธอก็ขยับขึ้นมาโดยอัตโนมัติ พร้อมกับเริ่มหายใจลำบากขึ้นทุกที

“ผมรู้ว่าคุณเป็นคนฉลาดและมีความสามารถ…..ซึ่งอันที่จริงแล้วผมก็มองคุณในแง่ดีมาก ๆ เลยนะ แม้ว่าคุณจะไม่ได้มีความสามารถพิเศษอะไร แต่คุณก็สามารถทำอะไรหลาย ๆ สิ่งหลาย ๆ อย่างที่คนทำธรรมดาไม่สามารถทำได้ ดังนั้น….ผมจึงไม่อยากฆ่าคุณ “ซู่เจินพูดขึ้นมาเบา ๆ

ตอนนี้ลีน่าไม่สามารถขยับร่างกายของเธอได้เลย แม้แต่การกระพริบตาเธอก็ทำได้อย่างอยากลำบาก แต่ไม่นานเธอก็เริ่มรู้สึกว่าร่างกายของเธอเบาขึ้นและเริ่มหายใจได้สะดวก และหลังจากที่เธอปรับสภาพได้แล้วซู่เจินก็พาเธอเดินเข้าไปในห้องทดลองทันที

ฉากที่แสนวุ่นวายในห้องทดลองทำให้ซู่เจินรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย

เพราะว่าเกรดวิชาวิทยาศาสตร์ของซู่เจินนั้นมันแย่มาก ๆ !

เมื่อพวกเขาเดินมาถึงภายในห้องทดลองลีน่าก็สั่งให้คนไปนำไวรัสเอ็กซ์ตรีมมิสมาให้ซู่เจินทันที

“ฉีดให้กับเขา!”

ซู่เจินพูดขึ้นมาพร้อมกับชี้ไปที่เฉินห่าวหราน

เฉินห่าวหรานตะลึงไปพักหนึ่ง และค่อย ๆ มองไปที่ซู่เจินด้วยความกังวล

“ถ้านายต้องการแข็งแกร่งขึ้น นายก็ต้องฉีดมันซะ!” ซู่เจินมองไปที่เฉินห่าวหรานและพูดขึ้นมา

เฉินห่าวหรานกัดฟันแน่นและพยักหน้าให้กับซู่เจิน

ลีน่าหันไปพูดกับซู่เจินด้วยความงุนงงเล็กน้อยว่า “ฉีดให้เขางั้นหรอ ?”

“เธอมีปัญหา?” ซู่เจินพูดออกมาพร้อมกับเลิกคิ้ว

ลีน่าส่ายหัวเบา ๆและพูดว่า “ไม่! ก็แค่ไวรัสมันไม่ค่อยเสถียร์และมีความเสี่ยงบางอย่างก็แค่นั้น”

“ถ้าเขาไม่กล้าเสี่ยงและเขาจะแข็งแกร่งขึ้นงั้นหรอ ?” ซู่เจินพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“โอเค!“

ในเมื่อซู่เจินพูดขึ้นมาแบบนี้ และเฉินห่าวหรานก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร แล้วเธอจะพูดอะไรได้อีกละ ? ส่วนเหตุผลที่เธอเตือนซู่เจินก็เพราะว่าเธอไม่อยากให้เขาคิดว่าเธอกำลังโกหกเขาอยู่ และมาเสียใจกับผลที่เกิดขึ้นในภายหลัง

ไม่นานไวรัสเอ็กซ์ตรีมมิสก็ค่อย ๆ ถูกฉีดเข้าไปในร่างกายของเฉินห่าวหราน

ท่าทางของเฉินห่าวหรานเริ่มสั่นสะท้านขึ้นเรื่อย ๆ เพราะความเจ็บปวดจากไวรัสเอ็กซ์ตรีมมิสที่เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ

ลีน่าและนักวิจัยที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ซู่เจินมีท่าทางที่ดูประหม่าเล็กน้อย ส่วนซู่เจินก็ยังอยู่ในความสงบเช่นเดิม เพราะว่าเกล็ดเลือดของเฉินห่าวหรานนั้นมีความพิเศษมากกว่าคนธรรมดาทั่วไป ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องกังวลว่าเฉินห่าวหรานจะมีอันตรายจากการฉีดไวรัสเอ็กซ์ตรีมมิสเข้าไปในร่างกายของเขาเลยแม้แต่น้อย และเมื่อซู่เจินมองไปรอบ ๆ เขาก็เกิดความสงสัยขึ้นมาเล็กน้อยว่าเขาจะจัดการกับที่นี่อย่างไรดี!

ถึงแม้ว่านักวิจัยเหล่านี้จะไม่ใช่คนดีเด่นหรือมีคุณธรรมอะไร แต่พวกเขาก็ยังมีคุณค่าบางอย่างอยู่ ถ้าเกิดว่าเขาให้พวกนักวิจัยเหล่านี้ช่วยพัฒนายายีน R หรือสิ่งอื่น ๆ มันจะช่วยเขาได้อย่างมาก และถ้าหากว่าเขามีผู้เชี่ยวชาญในเรื่องพวกนี้อยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นในโลก Marvel หรือดันเจี้ยนแห่งอื่น ๆ มันจะทำประโยชน์ให้กับเขาอย่างมหาศาล!