ตอนที่ 22 ซิกม่า
ฉันคือสิ่งมีชีวิตที่ถูกสร้างขึ้นมา
หาใช่กำเนิดมาจากท้องผู้เป็นแม่
ไม่ได้เติบโตขึ้นมาตั้งแต่ 0 ตามอายุขัย แต่เป็นสิ่งผิดแปลกที่ไม่สามารถเรียกได้ว่าสัตว์ประหลาดหรือมนุษย์
ฉันที่เกิดมาเป็นแบบนั้น….
『แกไม่ใช่อัลฟ่า』
『แกไม่สามารถเป็นอัลฟ่าได้』
『แกเป็นเพียงเศษขยะที่ไม่สามารถใช้งานได้』
『อย่ามาให้พวกข้าเห็นหน้าอีก』
โอเมก้าผู้เป็นพ่อเรียกฉันว่าความล้มเหลว
ใช่แล้วเหมือนกับอัลฟ่า
ฉันคือสิ่งมีชีวิตที่โอเมก้าสร้างขึ้น
ตัวของเธอเรียกตัวเองว่าอัลฟ่าเฉกเช่นเดียวกับผู้เป็นแม่ พลังของเธอสามารถเปลี่ยนการรับรู้ของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดได้ หากเธอต้องการมนุษยชาติสามารถล่มสลายได้ทันที
『ซิกม่าคือความล้มเหลว สิ่งที่ชั้นต่ำกว่าอัลฟ่า นี่คือชื่อที่เหมาะสมสำหรับแก』
ตัวของฉันได้ถูกสร้างขึ้นมาก่อนการต่อสู้ครั้งสุดท้าย
ไม่ได้ถูกนำมาใช้งานหรือคาดหวังใดๆ สิ่งเดียวที่ฉันทำคือการเฝ้าดู โอเมก้าผู้เป็นพ่อพ่ายแพ้ให้กับจัสติสครูเซเดอร์และอัศวินดำ
เดิมทีพ่อของฉันควรจะเป็นอมตะฆ่าไม่ตาย
เพราะเขาคือสัตว์ประหลาดแห่งชีวิต
พลังในการจัดการวิญญาณของตนและวิญญาณของสิ่งมีชีวิตทั้งมวล
ห้องต้องการเขาสามารถดึงวิญญาณของสิ่งมีชีวิตทุกชีวิตที่มองเห็นเพื่อสังหารได้ในทันที
อย่างไรก็ตามเหตุผลที่เขาไม่เลือกทำเช่นนั้นเป็นเพราะอัลฟ่า ซึ่งแฝงตัวอยู่กับคนพวกนั้น
พ่อของฉันกลัวตัวตนของอัลฟ่า
เขารู้ว่าเด็กคนนั้นคือจุดอ่อนของเขา
หากถูกเปลี่ยนประสาทการรับรู้ ก็จะไม่สามารถควบคุมพลังได้
หากมองไม่เห็นก็จะไม่สามารถใช้ความสามารถได้
สุดท้ายพ่อของฉันก็ถูกจัดการลงโดยยังไม่ได้แสดงพลังที่แท้จริงออกมา
จะบอกว่าเศร้าไหมก็คงยากจะอธิบาย
แม้จะเป็นสิ่งมีชีวิตที่ถูกสร้างขึ้นมา แต่พวกเขาก็ยังเป็นพ่อแม่ฉัน
ส่วนถ้าถามว่าต้องแก้แค้นให้ไหม….อันนี้ก็บอกตามตรงว่าไม่อยู่ในหัว
ถามว่าเกลียดจัสติสครูเซเดอร์ไหม
เกลียดอัศวินดำ
หรือเกลียดพี่สาวตัวเองไหม
ฉันก็ไม่สามารถบอกได้จริงๆ
『ฮัวคัว ชิราคาวะค่ะ เอ่อ…ฝากตัวด้วยนะคะ』
สมองของฉัมมีความฉลาดจากการได้ยีนของสัตว์ประหลาด
ความรู้ส่วนใหญ่ก็เรียนรู้มาจากเน็ตและห้องสมุด
โชคดีที่ฉันยังมีเศษเสี้ยวพลังของอัลฟ่าในการเปลี่ยนแปลงการรับรู้เล็กน้อย ฉันจึงใช้มันในการชักจูงผู้คนเพิ่มความชอบและความน่าเชื่อถือภายในสังคม ใช้ปลอมแปลงเอกสารที่จำเป็น ก่อนจะส่งไปยังสำนักงานใหญ่ของจัสติสครูเซเดอร์ ราวกับต้องการแทรกซึม
ตั้งแต่นั้นมาก็เกิดเรื่องราวมากมายขึ้นกับฉัน
ได้เรียนรู้วิถีชีวิตของพวกมนุษย์และศึกษาการเติบโตของพวกเขา
ทั้งของเหล่าสาวๆ จัสติสครูเซเดอร์
อัศวินดำหรือคัตสึมิ โฮมุระที่คอยปกป้องผู้คนแม้จะต้องแบกรับอดีตอันน่าเจ็บปวด
นอกจากนี้ก็มีประธานที่ออกตัวว่าตัวเองเป็นมนุษย์ต่างดาว แต่ก็ดันไม่ได้สนใจหรือสงสัยในตัวฉันเลย…ไม่สิพูดให้ถูกคือไอ้หมอนี่มันประหลาดกว่าใครเพื่อนเลยเดาใจไม่ถูก
ในระหว่างที่ฉันสานสัมพันธ์กับพวกเขา ฉันก็รู้สึกว่าตัวเองได้เปลี่ยนแปลงไปจริงๆ
「นี่ คัตซึน」
ชายที่นอนอยู่ตรงหน้าของฉันตอนนี้คือคัตสึมิ โฮมุระ
ฉันไม่สามารถพาเขาไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลได้
ก็ไม่แน่ใจว่าทำไมฉันตัดสินใจแบบนั้น ทว่าสุดท้ายก็ไปยืมเอาพวกอุปกรณ์การแพทย์มารักษาเขาที่บ้าน
「ฉันต้องเช่าห้องใหญ่ขึ้นเพราะนายเลยนะ」
สำหรับอพาร์ตเมนต์สำหรับอาศัยแล้วถือว่าเป็นห้องที่ใหญ่
ฉันถอนหายใจขณะเฝ้ามองเขาที่ยังไม่ได้สติมาหลายวัน
แน่นอนว่ายังไม่ได้แจ้งเรื่องนี้ให้ทางสำนักงานใหญ่รู้
ทั้งที่เป็นสิ่งที่ฉันควรทำ แต่ฉันกลับไม่อยากจะทำแบบนั้นเฉยเลย
ยังไงฉันก็ไม่มีความเกี่ยวข้องกับที่นั่นอีกแล้ว จึงไม่มีความจำเป็นต้องบอกนี่เนอะ
『โฮก』
「หืม? อยู่ดีๆ ทำไมถึง…อ้อ ต้องเปลี่ยนผ้าพันแผลแล้วสินะ เอาละๆ 」
ระหว่างที่ฉันกำลังจ้องมองใบหน้าของเขา หมาป่าตัวน้อยก็กระโดดขึ้นมาบนหัวฉันก่อนจะใช้กรงเล็บของมันเฉาะเข้ามา
เจ้าหมาน้อยสีดำนี่มันตัวติดกับคัตซึนไม่ยอมไปไหนเลย แต่ทำไมถึงได้ปฏิบัติตัวกับฉันแบบนี้กันนะ!!
ฉันทำการตรวจสอบสภาพแผลของเขาโดยการนำผ้าพันแผลออก
「ฟื้นตัวได้เร็วจริงๆ …นี่สินะพลังแกสินะ? 」
『โฮก!』
คงจะใช่
เพราะบางครั้งมันก็ปล่อยพลังงานบางอย่างออกมา
ที่น่าจะมีส่วนช่วยในการรักษาบาดแผล
「….ฉันละสงสัยจริงๆ ว่าเขาไปสู้กับตัวอะไรมา…? 」
สามวันเกิดฉันพบเขาในป่า
ร่องรอยบาดแผลบนร่างกายของคัตซึนมันหนักกว่าที่ได้ยินมาจากพวกสาวๆ เสียอีก
นอกจากนี้ก็ยังมีร่องรอยสลักรูปทรงเหมือนหมัดอยู่บนร่างอีก
แม้ตอนนี้บาดแผลจะทำการฟื้นตัวแล้ว แต่ตอนนี้ยังแอบคิดอยู่เลยว่าจะรอดไหม
「……」
ฉันค่อยๆ เอื้อมมือทั้งสองไปแตะที่คอของเขา
ค่อยๆ เพิ่มแรงบีบลงไป
ศัตรูของพ่อ
เมื่อฉันได้สติ ฉันก็คลายแรงลง ก่อนจะยิ้มออกมาแล้วดึงมือกลับ
「คิดบ้าอะไรของเราอยู่」
พวกเราไม่ได้มีความแค้นต่อกันแล้ว
เรื่องที่เขาทำฉันก็ยกโทษให้ทั้งหมด
『โฮกกกกก……』
「ด เดี๋ยวสิ ทำไมถึงมากัดกันเล่า? 」
น้องหมาคุงเหมือนจะรู้สึกตัว แล้วเล็งเป้ามาทางฉันทันที
พอคิดได้แบบนี้ก็เรียกว่าโชคดีจริงๆ ที่ดึงมือออกทัน ไม่งั้นคงได้ถูกเขี้ยวเหล็กของมันกระชากไปแน่ๆ
「———อุ」
「!」
『!』
เขาตื่นขึ้นมาแล้ว
ฉันรีบหันเก้าอี้ไปทางเข้าแล้วนั่งรอให้เขาฟื้นทันที
ดวงตาของเขาค่อยๆ เปิดออกทีละน้อย จากนั้นเขาก็พยายามพยุงร่างกายส่วนบนของตัวเองขึ้นแล้วใช้มือบังแสงสว่างที่ลอดหน้าต่างเขามา
ฉันที่เห็นแบบนั้นก็เขาไปช่วยประคองเขา และถามอาการ
「นายตื่นแล้วสินะ เป็นยังไงบ้าง? 」
「……」
คัตซึนดูจะตกใจเมื่อเห็นหน้าของฉันก่อนเอียงคอสงสัย
「เธอเป็นใครกัน? 」
「……หะ? หือ? 」
เดี๋ยวก่อนนะพ่อหนุ่ม ถึงวันก่อนฉันจะดูหนังเกี่ยวกับคนความจำเสื่อมไป แต่นี่แค่หยอกกันเล่นใช่ไหม?
「ฟุฟุ ฉันก็เป็นคนรักของนายไง」
「……หะ!? งั้นเหรอ……ขอโทษนะ……」
「……เอ๋? 」
ปฏิกิริยาแตกต่างไปจากที่ฉันคาด
เขาแสดงสีหน้าหม่นหมองออกมาราวกับเกลียดตัวเองที่นึกอะไรไม่ออกเลยสักนิด
「ฉัน เป็นใครกัน……? 」
「นี่ จะล้อกันเล่นแรงไปไหม มากกว่านี้ถึงเป็นฉันก็ขำไม่ออกนะ? 」
「ไม่ได้ล้อเล่นสักหน่อย….ชื่อของฉัน คัตซึนเหรอถ้าตามที่เธอเรียก? 」
ถามจริง นี่นายจะลืมทั้งหมดแม้กระทั่งชื่อตัวเองเนี่ยนะ
แม้จะยังพอมีสามัญสำนึกอะไรอยู่บ้าง แต่มันจะหลงเหลือขนาดไหนกันน้อ สภาพนี้
「ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ ว่าฉันจะมีคนรักเป็นเธอได้….ฉันต้องแย่ขนาดไหนกันนะที่ลืมผู้หญิงแบบเธอไป….」
「โถ่ ล้อเล่นน่า! ล้อเล่นๆ!! ที่ฉันบอกไปเมื่อกี้โกหกจ้า!!」
「ง-งั้นเหรอ……」
คัตซึนดูจะผิดหวังขึ้นมาซะงั้น
โอ้ย ทำไมถึงมาทำให้ฉันปวดหัวขนาดนี้นะ!
ฉันยังเป็นแค่เด็กน้อยที่เกิดมา 6 เดือนเองนะ
อย่ามาบังคับให้เด็กน้อยแบบฉันต้องปวดหัวขนาดนี้สิ!!
「อึก!? 」
「เป็นอะไรไป? 」
อยู่ดีๆ เขาก็กอดไหล่ตัวสั่น ฉันจึงวิ่งเข้าไปหาเขาแล้วลูบหลังเบาๆ
แผลใจในวัยเด็กกลับมาเหรอ?!
「ไม่รู้เหมือนกัน….อยู่ดีๆ ภาพของหญิงสาวผิวสีฟ้าที่ให้ฉันนอนหนุนตัก ในขณะที่ขยับตัวไปไหนไม่ได้มัน…..……」
「เป็นความปรารถนาลึกๆ ในใจเฉยๆ หรือเปล่า? 」
「ไม่เข้าใจ ทั้งที่รู้สึกปลอดภัยมากๆ แต่กลับกันก็…..กลัว」
ดูท่าจะเป็นอาการภายในจิตใจที่โหยหาอะไรบางอย่างหรือเปล่านะ?
「ไม่จริงน่า…หรือนั่นจะเป็น แม่ของฉัน? 」
「เรื่องนั้นเป็นไปไม่ได้หรอกนะเออ หยุดคิดถึงเรื่องวุ่นๆ ในหัวแล้วมามองความจริงกันดีกว่า…เอ้าดื่มน้ำแล้วสงบสติก่อน」
「ขอบคุณ…นั่นสินะ รู้สึกคอแห้งแล้วก็หิวข้าวจริงๆ ….……」
ฉันค่อยๆ เทน้ำลงในแก้วแล้วยื่นให้เขา
เขาดื่มมันจนหมดในรวดเดียว ก่อนจะแสดงอาการเจ็บปวดออกมา
ก็แหงสิ
ถึงเขาจะได้รับน้ำเกลือเข้าร่างไป แต่เขาก็ยังไม่ได้กินอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย อยู่ดีๆ มายัดรวดเดียวจะเหลือเร้อ
จากนั้นหมาป่าจักรกลก็กระโดดโหยงๆ รอบตัวเขาอย่างสนุกสนาน
「โห เด็กคนนี้เป็นตัวอะไรกัน ฮ่าๆ น่ารักชะมัด」
『หงิง』
ไอ้เจ้าปีศาจนี่ เข้าหาเขาเหมือนกับลูกหมาน้อยแล้วทำท่าไร้เดียงสาใส่เชียวนะ
ไหงฉันที่เป็นเจ้าของบ้านถึงได้รู้สึกว่าตัวเองอยู่ลำดับล่างสุดของที่นี่กัน?
「….ว่าแต่เธอไปใครกันแน่? สรุปเรื่องที่บอกว่าคนรักนั่นล้อเล่นจริงๆ ใช่ไหม? 」
「ฉัน คือ……」
จะบอกไปว่าอะไรดี
คุณหมอ? คนรู้จัก?
「ฮาคัว ชิราคาวะ」
「ฮาคัว ชิราคาวะ……」
ฉันพูดโกหกออกไป
ชื่อจริงของฉันคือซิกม่า
ของมีตำหนิที่พยายามสร้างเลียนแบบอัลฟ่า
สิ่งที่ไม่สามารถเรียกได้ว่าสัตว์ประหลาดหรือมนุษย์
「แล้วเธอ……。……เป็น」
―――จะดีจริงหรือเปล่านะหากฉันจะฟื้นความทรงจำของเขา?
เขาเสี่ยงชีวิตเอาตัวเข้าแลกเพื่อทำลายยานแม่ของเอเลี่ยน
แม้ไม่กี่เดือนที่ผ่านมาชีวิตของเขาจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
แต่ในกรณีนี้หากความทรงจำของเขากลับมาอีก เขาจะสามารถกลับไปใช้ชีวิตอย่างคนปกติได้เหรอ?
「ฉันเป็นอะไรกับนายน่ะเหรอ? 」
ฉันควรจะตอบอะไรออกไปดีฦ
จะบอกว่าเป็นคนรู้จักเขา ส่วนเขาคืออัศวินดำงั้นเหรอ?
ไม่สิมันจะเชื่อได้ลงเหรอ
ในระหว่างที่เขารอคำตอบ หุ่นหมาป่าในอ้อมแขนของเขาก็เริ่มมีแสงสว่างออกมาจากดวงตาของมัน
ราวกับว่ามันต้องการให้ฉันตอบคำถามผู้เป็นนายมันสักที―――
「ฉันเป็นพี่สาวของนาย……」
ฉันพูดออกไปโดยไม่ทันคิด
……。
เดี๋ยวนี่ฉันพูดบ้าอะไรออกไป?!
พูดออกไปแบบนั้นเขาจะเชื่อเหรอ?!
เด็ก 6 เดือนแบบฉันเนี่ยนะ?!
ทำไมถึงต้องบอกว่าเป็นพี่สาวกันล่ะ?!
「พี่สาว สินะ? อื้อ…จากความรู้สึกมันก็บอกประมาณนั้นเหมือนกัน」
ทำไมถึงทำหน้าสบายใจขนาดนั้นล่ะ
อย่าบอกว่าเชื่อจริง?
ไม่เอาน่า อย่ามองฉันด้วยสายตาที่เหมือนลูกนกมองพ่อแม่ตัวเองสิยะ!
「ขอโทษนะพี่ที่ทำให้เป็นห่วง」
「……」
「พี่? เป็นอะไรไปเหรอ? ……ทำไมถึงหน้าแดงขนาดนั้นล่ะ……พี่ฮาคัว? 」
ฉันรู้สึกแปลกๆ อย่างบอกไม่ถูกเมื่อถูกเรียกว่า พี่ ซ้ำๆ
ความรู้สึกนี้มันอะไรกันนะ ความรู้สึกที่ทั้งชีวิตนี้ (6เดือน) ไม่เคยสัมผัสมาก่อน
「อื้อ จากนี้ก็สบายใจได้เดี๋ยวมันก็ดีขึ้นเอง」
เมื่ออายุได้ 6 เดือนฉันก็ได้เดินทางมาถึงทางแยกของชีวิต และสุดท้ายฉันก็ตัดสินใจทำตามที่ใจตัวเองอยาก
ยังไงฉันก็ถูกสร้างขึ้นมาเลียนแบบอัลฟ่า
บางทีอาจจะเป็นสัญชาตญาณที่ต้องเข้าหาโอเมก้าด้วยก็ได้ นั่นสินะต้องแบบนั้นแน่ๆ ดังนั้น
จัสติสครูเซเดอร์
พี่สาว….
ขอโทษนะ!! แต่ฉันคงจะส่งเขากลับไปหาพวกเธอไม่ได้แล้วจริงๆ ..!!
ตอนต่อไป →