ซูมู่เกอรู้สึกได้ถึงชีพจรของหญิงชราเป็นครั้งแรกและพบว่าหัวใจของนางเต้นเร็วมาก ชีพจรของนางไม่น่าไว้วางใจเช่นกัน บ่งชี้ว่าอาการป่วยของนางเกิดจากเสมหะ นางแนบหูลงที่หน้าอกของหญิงชราและฟังอยู่พักหนึ่ง นางได้ยินเสียงหายใจเหมือนกรน

เมื่อมู่เกอตรวจดูการเคลือบลิ้นของหญิงชราเสร็จแล้ว ยืนยันได้ว่าเสมหะในหน้าอกของนางคือปัญหาสำคัญ เมื่อเสมหะชื้นเหนียวติดอยู่ในหลอดลม คนอาจหายใจติดขัดจตายได้อย่างง่ายดาย

มู่เกอรีบหยิบเข็มเงินสองเล่มออกมาพร้อมกัน ฆ่าเชื้อด้วยเปลวไฟบนโต๊ะเล็กๆ ดึงเปิดเสื้อคลุมส่วนหน้าออกของหญิงชราออกแล้วแทงเข็มลงไป

สาวใช้เฝ้าดูทุกการกระทำด้วยความประหลาดใจ เมื่อพูดถึงการฝังเข็มผู้คนในรัฐฉู่ก็ทำเช่นนี้กับผู้ป่วยเช่นกัน แต่เนื่องจากสภาพร่างกายที่แตกต่างกันจุดฝังเข็มและเส้นลมปราณในร่างกายของแต่ละส่วนจึงยากที่จะจดจำ นอกจากนี้ความสามารถทางการแพทย์ประเภทนี้ไม่สามารถแพร่กระจายหรือส่งต่อให้ผู้อื่นได้โดยง่าย จนถึงขณะนี้มีไม่กี่คนที่สามารถใช้การฝังเข็มได้แม้แต่หมอของจักรพรรดิในวังก็ไม่ค่อยใช้มัน

มันไม่เคยเกิดขึ้นกับนางเลยที่เด็กหนุ่มคนนี้อายุยังไม่ถึงยี่สิบด้วยการคาดเดาของนาง สามารถใช้ทักษะดังกล่าวเพื่อรักษาหญิงชราได้! แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเกิดความผิดพลาดลงไปเมื่อเขาฝังเข็มลง!

บางทีอาจเป็นเพราะกลิ่นอายที่สงบของซูมู่เกอที่มีต่อนาง สาวใช้จึงพยายามจะพูดหลายครั้ง แต่คำพูดกลับไปติดอยู่ที่ลำคอของนาง

หลังจากเข็มแทงเข้าไปที่หน้าอกของหญิงชราแล้ว ลมหายใจของนางก็ค่อยๆเบาลง เมื่อซูมู่เกอดึงเข็มออกมาหญิงชราก็แทบจะหายใจได้เป็นปกติ

สาวใช้มองไปที่ซู่มู่เกอด้วยความประหลาดใจตลอดความคืบหน้าของการรักษาทั้งหมด

ซูมู่เกอวางเข็มอย่างระมัดระวังโดยไม่ได้มองไปข้างๆ

“ท่านหมอ แม่เฒ่าเป็น…”

“แม่เฒ่าป่วยเพราะเสมหะติดอยู่ในเส้นเลือดที่หน้าอก เมื่อล้างการติดขัดของเส้นต่างๆด้วยการฝังเข็มแล้ว นางสามารถฟื้นตัวได้ในไม่ช้าด้วยยาพิเศษสำหรับลดเสมหะและขจัดความชื้นออกจากร่างกาย”

“ขอบคุณมากเจ้าค่ะ ท่านหมอ”

หญิงชราส่งเสียงดังและกลับมารู้สึกตัวพร้อมกับดวงตาที่สลัวของนาง

รู้สึกประหลาดใจและด้วยความยินดี สาวใช้เดินไปข้างหน้า “ท่านแม่เฒ่า ท่านฟื้นแล้ว” จากนั้นนางก็หันไปและเปิดม่านเพื่อรายงานชายที่ยืนอยู่ด้านนอก

ชายคนนั้นดูเหมือนจะถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อทราบข่าวการรักษา “นั่นวิเศษไปเลย!”

ภายในรถม้าซูมู่เกอตรวจสอบชีพจรของหญิงชราอีกครั้ง อาการเต้นขอชีพจรของนางมีแนวโน้มที่จะคงที่

หญิงชราเบิกตาเล็กน้อย แม้ว่าจะมีความมัวเล็กน้อย แต่ในที่สุดดวงตาของนางก็มองตกลงไปที่ใบหน้าของซูมู่เกอ

“นี่คือ….”

“ท่านแม่เฒ่า นี่คือท่านหมอที่นายท่านส่งมารักษาท่านเจ้าค่ะ”

“หมอ?”

หญิงชราเหมือนกำลังสูญเสียชั่วคราว จากนั้นนางก็นึกขึ้นได้ว่านางรู้สึกเวียนหัวกะทันหันบนรถม้าและหมดสติไป นางมีปัญหาเก่า ทำให้ป่วยในตอนนี้และต่อไป นั่นคือเหตุผลที่นางพาหมอหลวงมาด้วยในครั้งนี้

แต่นางก็ทราบดีว่าหมอหลวงป่วยมาสองวันแล้ว

“ข้าขอบใจท่านมาก ท่านหมอ”

ซูมู่เกอลดสายตาลง “แม่เฒ่ามีอาการกำเริบเพราะเหนื่อยเกินไปเจ้าค่ะ จะเป็นการดีที่สุดที่จะ

จับตาดูอย่างใกล้ชิดตลอดการเดินทางนี้ ข้าขอลา”

ซูมู่เกอเปิดม่านทันทีโดย ไม่ต้องการอยู่ในรถม้านานมากกว่านี้

ชายคนนั้นเดินเข้ามาหานาง ในขณะที่นางลงมาและคำนับโดยใช้มือพับไปด้านหน้า “เราโชคดีที่เจอท่าน ขอบคุณนายน้อยมาก”

ซูมู่เกอหันหน้าไปและคำนับตอบ “มันไม่เป็นไรหรอกท่าน ข้าไม่กล้ารับการคำนับจากท่าน”

พฤติกรรมของซูมู่เกอทำให้ชายคนนี้รู้สึกสบายใจมาก แล้วท่านจะเดินทางไปที่ใด นายน้อย?”

“ข้ากำลังเดินทางไปเมืองชุนหยาง”

“เมืองชุนหยาง?” ชายคนนั้นประหลาดใจเล็กน้อย “เรากำลังไปในทิศทางเดียวกัน ถ้าท่านตัวคนเดียว นายน้อยทำไมไม่มากับข้าล่ะ ยังมีเวลาอีกสองสามวันก่อนที่เราจะไปถึง” ชายหนุ่ม เมิ่งฉางเต๋อมองไปที่ซูมู่เกอและพูดชวนออกมา

ซูมู่เกอพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ช่างเป็นเรื่องบังเอิญอันดียิ่ง มันเป็นเรื่องน่าเบื่อสำหรับการเดินทางไกลคนเดียวเช่นนี้ ดังนั้นข้าจะปฏิเสธได้เยี่ยงไร”

“ดีๆท่าน อาการของท่านแม่ข้าเป็นอย่างไรบ้างตอนนี้?”

“มันจะเป็นการดีที่จะลดความเร็วของการเดินทางลงสักเล็กน้อย”

ซูมู่เกอกลับไปที่รถม้าของนางหลังจากสนทนากับชายคนนั้นไม่นาน

มองไปที่ตัวอักษร “เมิ่ง” บนรถม้าอยู่ไม่ไกลนัก นางปิดม่านลงช้าๆ

มันคือลูกชายของบัณฑิตเมิ่ง เมิ่งฉางเต๋อ ผู้ที่ทำให้ซูจิงเหวินฆ่าจ้าของร่างเดิมตาย

ซูมู่เกอเอนตัวพิงผนังรถม้า นางคิดว่าถ้านางกลับไปคนเดียว นางอันจะไม่ยอมรามือจากนางง่ายๆแน่ อย่างไรก็ตามหากตระกูลเมิ่งสนับสนุนนาง ซูหลุนไม่สามารถทำอะไรนางได้แม้ว่ามันจะเป็นการขัดใจนางอันอย่างใหญ่หลวงก็ตาม

หลังจากพักผ่อนผ่านมีกว่าครึ่งชั่วยาม ขบวนรถม้าของตระกูลเมิ่งก็พร้อมที่จะเดินทางต่อ

รถม้าของซูมู่เกอขับตามพวกเขาไปอย่างช้าๆ

ความเร็วของขบวนรถม้าช้าในการเดินทางช้าลงจากรถม้าคันหนึ่ง ด้วยร่างกายที่อ่อนแอของนายหญิงผู้เฒ่าเมิ่ง รถม้าจึงชะลอตัวลงมากขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงการกระแทกใดๆ

คืนนั้นพวกเขาไปถึงหมู่บ้านที่ใกล้ที่สุดจากเมืองชุนหยาง

หมอหลวงชราที่เกษียณอายุราชการแล้ว ที่ตระกูลเมิ่งนำมาด้วยนั้นอายุมาก ร่างกายของเขาได้รับความเสียหายอย่างหนักหลังจากอาการป่วยไข้และยังไม่หายป่วย เป็นซูมู่เกอที่เป็นผู้ตรวจจับชีพจรของแม่เฒ่าเมิ่งในทุกวัน

คนกลุ่มนั้นเข้านั่งพักในโรงเตี้ยมแห่งหนึ่ง หลังจากรับประทานอาหารเย็นแล้ว ซูมู่เกอแกะห่อผ้าหยิบเสื้อผ้าออกมา นางนำมันไปเปลี่ยน

“นายน้อยซู หญิงชราถามหาท่าน” เสียงของรู่เหม่ยสาวใช้ประจำตัวของแม่เฒ่าเมิ่งดังมาจากด้านนอก

“ได้ ข้าจะไปกับเจ้า” ซูมู่เกอผูกเข็มขัดไว้ข้างหลังนางและเปิดประตู “ขอใจที่นำทาง น้องรู่เหม่ย”

รู่เหม่ยมองไปที่ซูมู่เกออย่างเขินอายและเดินต่อไปโดยก้มหน้าลง

พวกเขาสองคนรอที่ประตูของหญิงชราจนกว่าจะมีคนเข้าไปรายงาน

แม่เฒ่าเมิ่งนอนอยู่บนเตียง ศีรษะของนางเอียงลงบนหมอนนุ่มๆ นางขอให้สาวใช้ช่วยนางด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้าเมื่อนางมองเห็นซูมู่เกอที่กำลังเดินเข้ามา

“นายน้อยซู ท่านมาแล้ว! ขอบคุณมาก ถ้าไม่ใช่เพราะเท่าน ข้าแทงจะไม่สามารถเดินทางไปเมืองชุนหยางได้”

แม่เฒ่าเมิ่งเอื้อมมือออกมา และซูมู่เกอก็ตรวจจับชีพจรของนาง

“ร่างกายของท่านแข็งแรงพอและท่านจะรู้สึกดีขึ้นมากหลังจากได้รับการดูแลมาระยะหนึ่งขอรับ”

“ดีมาก สำหรับข้าแล้ว ถ้าข้าสามารถมีชีวิตอยู่จนกระทั่งถึงวันที่หลานชายคนโตของข้าเกิดหลังจากการแต่งงานของหลานชายของข้าได้ ข้าจะไม่ขออะไรอีกแล้ว”

ซูมู่เกอเพียงแค่รับฟังและไม่ตอบสนองใด แต่นางกลับพูดเบาๆว่า “ท่านแม่เฒ่าเมิ่ง ข้าอยากจะขอความกรุณาจากท่าน”

ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของนาง แม่เฒ่าเมิ่งกลั้นหายใจและมองไปที่ใบหน้าที่จริงจังของซูมู่เกอ “นายน้อยซู ท่านได้ช่วยชีวิตข้า เพียงแจ้งให้ข้ารู้ ถ้าหากท่านมีปัญหาใด”

ซูมู่เกอมองลงไปที่เท้าของนาง นางสังเกตเห็นวิธีการใช้ถ้อยคำของหญิงชรา หญิงชรากล่าวว่าซูมู่ เกอช่วยชีวิตนาง เป็นการพยายามหลีกเลี่ยงการเชื่อมต่อใดๆที่อาจเกิดขึ้นกับตระกูลเมิ่งทั้งหมด บางทีนางอาจกลัวว่าซูมู่เกอจะถามนางสำหรับคำขอที่ไม่สมเหตุสมผลใดๆ

อย่างไรก็ตาม ซูมู่เกอไม่สนใจเรื่องนี้ นางไม่เคยคิดว่าคนที่นางช่วยไว้จะต้องตอบแทนนางด้วยความบริสุทธิ์ใจ

เมื่อสังเกตเห็นว่าซูมู่เกอยังคงยืนอยู่โดยไม่พูดอะไรสักคำ แม่เฒ่าเมิ่งมองไปที่สาวใช้ในห้องของนางและบองให้ออกไป สาวใช้จึงจากไปอย่างเงียบ ๆ

“ได้โปรดพูดมันออกมา” ดวงตาของแม่เฒ่าเมิ่งเริ่มอบอุ่นเล็กน้อย

ซูมู่เกอลุกขึ้นยืน มองไปที่แม่เฒ่าเมิ่ง นางถอดเสื้อคลุมออกช้าๆ แม่เฒ่าเมิ่งกำลังจะตำหนินางด้วยความประหลาดใจ แต่ก็อดกลั้นไว้เมื่อนางเป็นชุดสตรีภายใต้เสื้อคลุมสีเรียบๆนั้น

แม่เฒ่าเมิ่งได้รับความประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง จนอ้าปากค้าง “เจ้า เจ้าเป็น…จริงๆเป็นหญิงรึ?!”

ซูมู่เกอหลุบตาลง “มันเป็ฯความผิดของข้าเจ้าค่ะที่หลอกลวงท่าน ท่านแม่เฒ่าเมิ่ง แต่ข้าจำเป็นต้องทำเยี่ยงนี้”

“ชื่อสกุลของเจ้าล่ะ…มันคือ….”

“ข้าไม่ได้หลอกลวงท่านเจ้าค่ะ ด้วยความสัตย์จริง นามสกุลของข้าคือซู และข้ามีชื่อว่าซูมู่เกอ ลูกสาวที่เกิดจากซูหลุนจากเมืองชุนหยาง”

เมื่อได้ยินชื่อนี้ แม่เฒ่าเมิ่งก็ขมวดคิ้วหงิก ดูเหมือนนางจะจำอะไรบางอย่างได้ “เจ้าคือ…ลูกสาวของใต้เท้าซู…”

เป็นเวลาหลายปีแล้ว ที่แม่เฒ่าเมิงอาศัยอยู่ในเมืองหลวง และนางก็รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในคฤหาสน์ซูในสมัยนั้น นางสามารถจินตนาการได้ไม่มากก็น้อยว่าเด็กสาวคนนี้ต้องทนทุกข์ทรมานมากแค่ไหนเพื่อที่จะได้มาที่เมืองหลวง

มันเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิด แม้ว่า วันหนึ่งนางสามารถได้พบลูกของนาง ซึ่งนางได้ยินมาว่าผอมเหมือนลูกลิงในตอนนั้น

“ไม่กี่วันที่ผ่านมา ท่านยายของข้ารู้สึกไม่ค่อยสบาย แม่ของข้าเพิ่งคลอดบุตรและไม่สะดวกที่จะเดินทาง ในขณะที่พ่อของข้าทำงานของเขา ข้าไม่อยากเห็นแม่ต้องกังวลแบบนั้น ดังนั้น ข้าจึงเดินมาไปที่เมืองหนานเจิงเพื่อเยี่ยมท่านยายของข้า แต่ข้าจะรู้ได้อ่างไรว่าคนรับใช้เจ้าเล่ห์เกิดเจตนาชั่วร้าย ในระหว่างทางพวกเขาปล้นข้าเพื่อหาเงินและทิ้งข้าไว้ในป่า ถ้าไม่ใช่ชาวบ้านแสนดีที่มาจากหมู่บ้านท่านยายของข้าช่วยไว้ ข้าไม่รู้ว่าจะอยู่ที่ใดบนโลกนี้และอาจจะตายไปแล้วก็เป็นได้”

เมื่อพูดถึงประสบการณ์ที่เกิดขึ้น น้ำเสียงของนางก็สงบราวกับว่านางกำลังเล่าเรื่องของคนอื่นให้อีกคนฟัง

“ปัง!” แม่เฒ่าเมิ่งตบเตียงของนางและส่งเสียงดัง “คนรับใช้เจ้าเล่ห์และช่างกล้า! พวกมันไปไกลถึงขนาดที่จะวางแผนลอบทำร้ายเจ้านายของพวกมันรึ!” แม่เฒ่าเมิงมาจากครอบครัวที่มีตำแหน่งสูงสุด ดังนั้น นางจึงให้ความสำคัญกับกฎมาก แม้ว่านางจะไม่ชอบครอบครัวของแม่ของซูมู่เกอและนางก็ดูถูกซูหลุนที่ละทิ้งภรรยาเดิมมาแต่งงานกับอีกคน

ท้ายที่สุด สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องของครอบครัวซู และไม่สะดวกสำหรับนางที่จะแสดงความห่วงใยมากนัก

ตอนนี้นางเข้าใจและเดาได้แล้วว่าทำไมซูมู่เกอจึงเปิดเผยตัวตนของนางในตอนนี้ เมื่อพวกเขาเข้าใกล้เมืองชุนหยาง

“เป็นเด็กผู้หญิงและอยู่คนเดียวมาหลายวันแล้ว ข้าไม่รู้ว่าจะได้รับการลงโทษแบบไหน ดังนั้น ข้าขอให้ท่านกลับไปที่เมืองชุนหยางกับข้าได้หรือไม่เจ้าค่ะ?”

เมื่อมองไปที่ซูมู่เกอหมอบตัวลงและก้มหัวแม่เฒ่าเมิ่งถอนหายใจ

แม้ว่าจะเปิดใจกว้างเช่นเดียวกับรัฐฉู่ แต่ความซื่อสัตย์ทางศีลธรรมของผู้หญิงก็ยังคงมีค่า หากซูมู่ เกอกลับคฤหาสน์เพียงลำพังจะมีเรื่องราวต่อต้านนาง อย่างไรก็ตาม หากผู้คนรู้ว่านางอยู่กับแม่เฒ่าเมิ่งตลอดการเดินทาง อาจเป็นสถานการณ์ที่แตกต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง

“ไม่มีปัญหา ข้าสามารถช่วยเจ้าได้”

“ข้าขอบคุณท่านมาก ท่านแม่เฒ่าเมิ่ง” ความกตัญญูกตเวทีแสดงออกมาด้วยความจริงใจอย่างสุดซึ้งจากใจของนาง

“ลุกขึ้นเถิด เด็กดี”

ไม่นานหลังจากที่ซูมู่เกอออกไป เมิ่งฉางเต๋อก็เข้าไปในห้องของแม่เฒ่าเมิ่ง

ซูมู่เกอนอนลงบนเตียงของนางพร้อมกับชุดที่นางสวมอยู่และค่อยๆหลับตาลง

“นางอัน เราจะพูดถึงความเกลียดชังและการแก้แค้นหลังจากที่ข้ากลับถึงบ้าน!”

……………………….

ในคฤหาสน์ตระกูลซู เหล่าสาวใช้กำลังเดินไปมาอย่างวุ่นวายในห้องดอกไม้พร้อมจานกระเบื้องในมือ นางอันก้าวออกมาจากห้องและพยักหน้าด้วยความความพึงพอใจ

“นายหญิง มันจวนจะเสร็จแล้วเจ้าค่ะ”

นางอันพยักหน้ารับรู้ให้สาวใช้

คนรับใช้สาวเดินเข้าไปในห้องและโค้งคำนับให้นางอัน “นายหญิง คุณหนูสองกำลังรอท่านอยู่ที่ในห้องนั่งเล่นเจ้าค่ะ”

นางอันพยักหน้าอีกครั้งแล้วเดินไปที่ห้องนั่งเล่นโดยมีสาวใช้จับแขนนางพาเดินไป

ซูจิงเหวินเดินมารับนางอันจับมือพาเดินเข้าในห้องพร้อมรอยยิ้มของหญิงสาวที่มีนิสัยเอาแต่ใจของนาง

“ท่านแม่”

นางอันมองดูลูกสาวนางอย่างพินิจและนางก็ให้พอใจ “เหวินเอ๋อลูกสาวที่รักของข้า เจ้าสดใจขึ้นเยอะและสวยขึ้นมาก”

“ท่านพูดถูกแล้วเจ้าค่ะ นายหญิง ข้าสงสัยว่านางฟ้าคนนี้มาจากไหนกัน” หลีหม่ายิ้มด้วยคำชมและเยินยอ

ซูจิงเหวินเชิดคางขึ้นด้วยความภาคภูมิใจ และไม่มีความเจียมตัวในสายตาของนางเลย

“ท่านแม่ ท่านบอกว่าวันนี้นายหญิงเมิ่งจะมาหรือเจ้าค่ะ?”

นางอันมองไปที่ซูจิงเหวิน และการแสดงออกในดวงตาของนางบอกซูจิงเหวินแล้วว่านางรู้ดีเกี่ยวกับแรงจูงใจเล็กน้อยของนาง “ถูกต้องแล้ว นางได้รับแจ้งว่ามีการนำเสนอผลการประเมินของบิดาเจ้าต่อองค์จักรพรรดิและนางจะยืนยันเรื่องนี้กับเราอย่างแน่นอน”

“แล้ว นายน้อยเมิ่งล่ะ….”

ถอนหายใจกับตัวเองและมองไปที่ลูกสาวของนาง เห็นได้ชัดว่าใบหน้าขี้อายของซูจิงเหวินอธิบายว่านางเข้าใจผิดเกี่ยวกับคำพูดของนางอัน นางอันให้ความสำคัญกับลูกสาวของนางมากเกินไป ซูจิงเหวินต้องการเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลเมิ่งด้วยการแต่งงาน แต่เป็นที่น่าสงสัยว่าจากนั้นนางสามารถมีชีวิตที่สงบสุขและมีความสุขได้เพราะความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนในครอบครัวนั้นได้ แม้ว่าจะเป็นครอบครัวของบัณฑิตผู้รู้ก็ตาม

“นายหญิง นายหญิงเมิ่งมาถึงแล้วเจ้าค่ะ”

นางอันลุกขึ้นยืนทันที “ไปกันเถอะ”