ชื่อเรื่อง:boku ni kyomi wo nakushita motokano to osananajimi na kon kano ga naze ka shurabatteru

ตอนที่ 21

 

 

โคโมริ โชตะ

 

สิ่งที่พี่มายุเล่ามาทำผมตกใจมากเลย

ไม่คิดว่าเป็นเรื่องจริงจังถึงขนาดนั้น

พูดตรงๆถ้าเกิดบอกว่าไม่กลัวที่จะเป็คนรักปลอมๆให้พี่มายุก็คงจะโกหก

 

รึก็คือโคตรของโคตรกลัว กลัวสุดๆ

ก็ที่ส่งรูปแอบถ่ายเด็กผู้หญิงแล้วส่งไปที่บ้านก็คือไอ้คนที่มีน็อตในหัวหลุดออกเลยนะ?

ถ้าเกิดพี่มายุมีแฟนแล้วก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรบ้างเลยไม่ใช่เหรอ

 

ถ้ามัวแต่ระเริงจนไม่ระวังผมคงโดนโจมตีเข้าแน่ๆ

พอคิดถึงตัวเองก็คิดว่าควรจะปฏิเสธคำขอของพี่มายุ

แต่ว่า แต่ว่านะ ก็คิดว่าในตอนนั้นพี่มายุเองก็คงรู้สึกแบบเดียวกันไม่ใช่รึไงกัน

 

ถ้าเกิดมาช่วยผมแน่นอนว่าเธออาจจะได้รับอันตรายด้วยก็ได้

ถึงอย่างนั้น พี่มายุที่เป็นเพียงแค่เพื่อนสมัยเด็กก็ยังมายืนต่อหน้าผม หยัดยืนเพื่อผม

ถ้างั้นคราวนี้ผมที่เป็นผู้ชายก็ต้องยืนต่อหน้าพี่มายุบ้าง

 

แน่นอนว่าตัวผมนั้นรู้ดีว่าตัวเองนั้นเป็นคนธรรมดาไม่มีพรสวรรค์ไม่มีกำลัง

แต่ในตอนเด็กนั้นได้รับความช่วยเหลือและในครั้งนี้อีกฝ่ายที่เป็นรักแรกกำลังส่งสัญญานSOSมาที่ผม

ในตอนนี้ถ้าไม่เอื้อมมือออกไปก็ไม่ใช่ผู้ชายแล้ว ให้ลืมบุญคุณแล้วแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นน่ะทำไม่ได้หรอก

เพราะงั้นผมถึงออกจากกรอบตัวละครแบบนี้ไม่หนีแล้วก็แบกมันไว้บนบ่า

 

 

นัตสึคาวะ ชิสุคุ

 

ไท่ทิ้งช่วงที่นั่งห่างไปเหรอเนี่ย? ไม่ได้ยินที่พวกโชตะคุงคุยกันเลย

เพราะว่ากังวลเรื่องสำคัญของคุณทาคามิเนะเลยตามพวกเขามาแบบไม่ได้รู้สึกผิดอะไร

วันแรกที่ย้ายมาเองก็แอบตามด้วย….นี่ก็คือการเป็นสตอล์กเกอร์แบบยืน1สินะ?

 

จริงๆแล้วฉันกำลังทำอะไรอยู่กันละเนี่ย? ไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ทำตั้งแต่ตกหลุมรักเขาเลย

แต่ว่ามันคุมตัวเองไม่ได้นี่นาช่วยไม่ได้หรอก

ถ้าเกิดไม่ชอบแบบนั้นก็รับผิดชอบซะด้วยละโชตะคุง

 

ในขณะที่ไม่พอใจก็เฝ้ามองสภาพการณ์ของพวกเขา

ต่อให้บทสนทนาแยกเป็นเสี่ยงก็พยายามเงี่ยงหูฟังจนหูเป็นดัมโบ้(ช้างดัมโบ้)แต่ว่า…

อ๋า โธ่! ไม่ได้ยินอะไรเลยไม่ใช่รึไงกัน!

 

แต่ถ้าเกิดเข้าไปใกล้กว่านี้คงถูกจับได้ว่าตามมาและแอบฟังแน่..

ในสถานการณ์ที่ควรจะยอมแพ้ไปหัวฉันก็หมุนวนอย่างเต็มที่(ใช้พลังสมอง100%)

มีวิธีใหนบ้างที่จะทำให้ได้ยินที่พวกโชตะคุงคุยกัน

 

บางทีตอนนี้คงจะเป็นอะไรที่เปลืองสมองที่สุดในชีวิตเลยก็ได้

ในตอนที่กำลังหาวิธีการดีๆก็เหลือบไปเห็นพนักงานเสิร์ฟเอาเครื่องดื่มไปที่โต๊ะพวกเขา

—ไอ้นี่แหละ!

 

“คือว่า ขอเวลาแปปหนึ่งได้รึเปล่า?”

 

“ค่ะ มีอะไรเหรอคะ?”

 

จับพนักงานเสิร์ฟที่ไปหยุดที่โต๊ะของโคโมริคุงเอาไว้

เป็นนักศึกษาที่อายุน่าจะเยอะกว่าฉันสักสี่ถึงห้าปีได้

เพื่อที่จะเอาข้อมูลมาจากเจ้าหล่อนก็——

 

“—-คือว่า พึ่งจะเอาเครื่องดื่มไปที่โต๊ะนั้นงั้นสินะ?”

 

“เอ๊ะ ค่ะ…มีอะไรรึเปล่าคะ? อ๊ะ รึว่าเป็นเครื่องดื่มของคุณลูกค้าเหรอคะ?”

 

ไม่ใช่ย่ะ

 

“เปล่า ไม่ใช่แบบนั้นหรอก ยิ่งไปกว่านั้นคืออยากให้บอกว่าพวกเขากำลังคุยอะไรแบบใหนกันอยู่น่ะ”

 

“คะ?”

 

พนักงานเสิร์ฟทำหน้างงอย่างที่คาดเอาไว้

 

ฉันไปต่อแบบไม่สนใจ

 

“ที่จริงแล้วคือว่า…เขาน่ะเป็นค คนรักของฉันน่ะ ทั้งๆที่เป็นแบบนั้น นั่นไง อยู่กับผู้หญิงคนอื่นกันสองต่อสองอยู่ไม่ใช่ดเหรอ? เลยอยากจะรู้ว่าคุยอะไรกันอยู่”

 

“อ่อ……แบบนี้นี่เอง”

 

เพราะเป็นผู้หญิงเหมือนกันเลยเลยจะแสดงให้เห็นว่าฉันเจตนายังไง

เพราะงั้นการลืมภาษาสุภาพไปเลยเป็นหลักฐานที่ดีที่สุด

และแล้วพนักงานเสิร์ฟก็บอกให้ฟังแบบคร่าวๆ

 

“อันที่จริงก็พูดไม่ได้เพราะเรื่องความเป็นส่วนตัวของลูกค้าน่ะแหละค่ะแต่ว่า—-ให้ยกเว้นเป็นพิเศษนะ ฉันก็ไม่รู้ละเอียดหรอกแต่ว่า ไม่ยกโทษให้สตอล์กเกอร์บ้างล่ะ มาคบกันเถอะบ้างล่ะ อะไรแบบนั้นน่ะ ไม่ใช่ว่าพยายามจะเล่นชู้กันหรอกเหรอ?”

 

“เอ๊ะ….?”

 

พอได้ยินคำพูดของพนักงานเสิร์ฟภาพตรงหน้าก็มืดไป

มืดสนิทยิ่งกว่า มัตสึซากิ ชิเกรุอีก(น่าจะดาราญี่ปุ่น) ไม่สิ ไม่ได้จะล้อเล่นหรอกนะ

เท่าที่รู้คือตื่นตระหนกจนไม่เข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร

 

ก็สตอล์กเกอร์ที่ว่าน่ะ….เป็นฉันงั้นสินะ!?

เอ๊ะ เอ๊ะ โกหกน่า!?

ไม่จริงน่าที่สะกดรอยตามแบบนี้ถูกจับได้งั้นเหรอ แถมยังบอกว่ายกโทษให้ไม่ได้แล้วก็มาคบกันเถอะอีก…นั่นมันลงตัวแบบสุดๆเลยนี่—-

 

ตอนที่กำลังอึ้งพนักงานเสิร์ฟก็คุยกับฉัน

ว่าตามตรงคือไม่ได้ยินที่เธอพูดเลย

ก็เพราะฉันน่ะ—-

—-อกหักครั้งแรกในชีวิตยังไงละ

======จบตอน======

ก็รู้ว่าบางคนอินแต่คอมเม้นอย่างสุภาพกันด้วยนะ

___________________

ติดตามผลงานอื่นๆและสนับสนุนผู้แปลได้ที่

ดอกไม้ไฟ | Facebook