บทที่ 20 – การสื่อสารครั้งแรก

 

“พี่รู้จักกับเขาเหรอ..?”

รินนะหันมามองมิวด้วยสีหน้าสับสน.. ถ้าคนตรงหน้ารินนะคือคนที่ชายลึกลับตามหา.. บางทีที่เขาจะมีคำพูดต่างจากเดิมก็ไม่แปลกเท่าไหร่นัก

แต่ทว่าความจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น..

“ไม่.. ฉันไม่รู้จัก”

มิวส่ายหน้าตอบ ไม่ว่าจะนึกยังไงก็ไม่ยักนึกถึงชายคนนี้ออกได้ เพราะตั้งแต่ชีวิตเดิมจนถึงปัจจุบันเธอก็แทบไม่เคยคุยกับใครที่แทนตัวเองด้วยคำว่าข้ามาก่อน

แถมอีกฝ่ายยังรู้จักชื่อของมิวอีกต่างหาก ความจริงแล้วชื่อมิวเป็นชื่อที่เธอเองก็พึ่งใช้ได้ไม่นานมานี้

เพราะเธอรู้สึกว่านี่คือชื่อของเธอในฐานะเทพมังกรนั่นเอง.. หรือจะพูดอีกอย่างก็คือแรกเริ่มเดิมทีมิวเป็นชื่อของเทพมังกรอยู่แล้ว

มิวเงยหน้ามองโลกในหอคอย..

“ก็ไม่อยากจะคิดหรอกนะ… หรือว่าโลกนี้ ..”

ความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวที่มิวสามารถคิดออกได้ในยามนี้ก็คงเป็น.. อีกฝ่ายอาจจะรู้จักกับเทพมังกรตัวจริงด้วย

เพราะคำพูดของอีกฝ่าย พูดเหมือนแบบนั้น.. ‘โลกในหอคอยอาจจะเกี่ยวข้องกับโลกที่เทพมังกรตัวจริงเคยอยู่’

นี่เป็นข้อสันนิษฐานเดียวที่มิวพอจะคิดขึ้นมาได้.. แน่นอนว่าเพราะเป็นแบบนั้นแหละถึงมั่นใจว่าชายคนนี้ไม่น่าจะใช่คนจากโลกด้านนอก

พอเห็นเขาตายมิวก็เลยเอาศพเขาไปฝังให้ในโลกนี้นั่นแหละ ก่อนจะจากไปแบบเงียบๆ ระหว่างทางไม่มีใครพูดอะไร

เพราะทั้งมิวและรินนะต่างพากันใช้ความคิดของตัวเอง ทางด้านรินนะนั้นสงสัยเกี่ยวกับตัวตนของมิว…

แต่พอนึกไปนึกมาเธอก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ รินนะมองมิวจนตาเขม็ง ขนาดตัวมิวเองที่ใช้ความคิดอยู่ยังหลุดออกจากภวังค์

“เอ่อ.. มีอะไรเหรอ?”

“เปล่าค่ะ.. แค่มองดีๆ แล้ว…”

“หือ..?”

“อ้ะ นึกออกแล้ว!พี่คือคนที่รับการโจมตีขององค์หญิงไร้เสียงได้นี่น่า!ก็ว่าทำไมหน้าตาพี่ดูคุ้นๆ แต่นึกไม่ออกทันที”

มิวที่ได้ยินแบบนั้นก็สะดุ้ง จะว่าไปก่อนหน้านี้เธอถอดผ้าคลุมออกเพราะมันเคืองนี่น่า แล้วก็ดันลืมเอากลับมาใส่ซะด้วยสิ

“เอ้ะ.. เป็นงั้นเหรอ”

มิวแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ถึงเธอจะไม่ชอบการถูกคนเกลียด แต่การที่ถูกอวยยกยอทุกครั้งที่มีคนเจอมันก็ทำให้เธอรู้สึกเสียวสันหลังอยู่บ่อยครั้ง

ประมาณว่า “จะอวยกันทุกบริบทเลยหรือไงห๋า?! ไม่รู้ว่าต้องวางตัวยังไงโว้ย!” อะไรทำนองนั้นนั่นแหละ

“ใช่แล้ว!ฉันจำพี่ได้แล้ว.. ก็ว่าทำไมพี่แข็งแกร่งจังที่แท้ก็เป็นคนรู้จักกับองค์หญิงไร้เสียงนี่เอง”

“ไม่สิๆ ไหงกลายเป็นว่าฉันไปรู้จักกับคนพรรค์นั้นได้ล่ะ?”

“หือ.. มันก็แน่นอนอยู่แล้วไม่ใช่เหรอพี่ ปกติองค์หญิงเรนะแทบจะไม่สนใจคนอื่นเลยนะ เธอเป็นเหมือนจอมยุทธ์สันโดษในนิยายจีนเลยล่ะ แล้วก็เธอเป็นคนเดียวที่ไม่เคยมีประวัติเรื่องไม่ดีในหอคอยหรือบอร์เดอร์ด้วยนะจะบอกให้ กล่าวคือเธอคือคนที่บริสุทธิ์น้ำใส”

เมื่อได้ฟังคำอวยคนอื่นแบบโต้งๆ มิวก็รู้สึกคลื่นไส้แปลกๆ แค่นั้นยังพอว่าคนที่อวยยังเป็นยัยผู้หญิงนิสัยแย่ที่มาหาเรื่องคนอื่นซะงั้น

เอาเถอะ.. ถึงมิวเองก็จะมีส่วนผิดที่ไปหัวเราะให้เนมของเธอก็เถอะ.. แต่ดูทรงแล้วเจ้าตัวไม่ได้โกรธเรื่องนั้นด้วยซ้ำ

เหมือนมองมิวเป็นศัตรูที่จ้องกำจัดซะมากกว่า ซึ่งมิวที่ถูกมองด้วยสายตาเหมือนไปฆ่าพ่อแม่นางมาย่อมเป็นธรรมดาที่จะรู้สึกไม่ชอบ

“จะไงก็เหอะ ฉันไม่ได้รู้จักกับคนแบบนั้นหรอก ไม่อยากรู้จักด้วย.. แถมที่เธอบรรยายมาก็ดูไม่เหมือนกับยัยนั่นที่ฉันรู้จักเลย”

“แบบนี้สินะที่เขาเรียกว่า ‘ซึนเดเระในโลกจริง’ น่ะพี่?”

“ไม่ใช่โว้ย!”

พอเห็นมิวที่คุยง่ายความเกร็งของรินนะก็ค่อยๆ หายไปเช่นเดียวกัน เธอหัวเราะกับการตบมุกโบ้ะบ้ะของมิวก่อนที่…

“อ้ะ.. นี่มัน?”

“ประตูทางเข้าชั้นสองค่ะพี่”

มิวมองประตูแสงที่อยู่ด้านหน้าขนาดไม่เล็กมากหรือใหญ่มากเท่าไหร่ แม้จะดูแฟนตาซีสุดๆ ทั้งสามคนก็เดินเข้าไปในประตูทันที

เข้าสู่ชั้นที่สอง.. อันที่จริงสำหรับมิวคือชั้นที่หนึ่งมันง่ายกว่าที่คิดด้วยซ้ำ เพราะเธอนึกว่าจะต้องยืนตั้งรับศัตรูที่กรูกันเข้ามาไม่หยุดเป็น WAVE อะไรแบบนั้น

แต่เหมือนจะไม่ใช่เลยแฮะ.. มันง่ายกว่าที่คิดไว้แบบมากๆ

เมื่อก้าวเข้ามาถึงชั้นสองแสงสว่างที่สาดจ้าใส่ตาก็หายไป.. ทุกอย่างปรากฏขึ้นตรงหน้าทั้งสามคน นี่ไม่ใช่เมืองใต้ดินอีกต่อไป

แต่เป็นเมืองที่ดูสุดแสนจะแฟนตาซีเลยก็ว่าได้ เพราะมันเป็นเมืองยุคกลางแต่มีกำแพงขนาดใหญ่ล้อมเมืองไว้ป้องกันการโจมตีจากอสูรมอนสเตอร์

ตามสิ่งที่ต้องทำในชั้นที่มิวอ่านมาจากในเน็ต.. ชั้นนี้คือชั้นที่คล้ายกับชั้นหนึ่งต้องกำจัดศัตรูทุกตัวที่เข้ามาแต่.. จะไม่เหมือนก็ตรงที่

ต้องกำจัดศัตรูทุกตัวที่เข้ามาในเมืองแห่งนี้นั่นเอง.. ตอนแรกมิวจินตนาการไม่ออกว่าทำไมสองชั้นนี้ถึงคล้ายกัน ถ้าผ่านชั้นหนึ่งได้ก็น่าจะผ่านชั้นสองได้

แต่เมื่อมองจากปริมาณที่ต้องกำจัดศัตรูในชั้นหนึ่ง.. เปรียบเทียบกับการต้องปกป้องเมืองในชั้นสอง มิวรู้แล้วว่ามันยากกว่ายังไง..

แต่สำหรับเนื้อเรื่องนั้น.. หลังจากการล่มสลายของโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ด้วยไวรัสลึกลับอันเป็นที่ตั้งของสถานที่ที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในทวีปนั้น

ทำให้เมืองต่างๆ เริ่มพังทลายลงอย่างรวดเร็ว ทั้งกองโจรและสัตว์ประหลาดติดเชื้อไวรัสต่างเริ่มบุกรุกบ้านเมืองโดยไม่สนอะไรทั้งสิ้น

“ชั้นนี้เป็นเหมือนโลกอีกใบที่คราวนี้พังทลายลงเพราะไวรัสสินะ”

ต่างจากชั้นที่แล้วที่มีสัตว์ประหลาดลึกลับบุก.. มิวไม่แน่ใจว่าไอ้เนื้อเรื่องนี้มันมีความหมายขนาดไหนแต่ลางสังหรของนักอ่านมันบอกกับเธอว่า

เรื่องราวนี้ต้องไม่ธรรมดา.. ถึงเธอจะไม่ใช่นักอ่านตัวตึงอะไรแบบนั้นก็เถอะนะ.. ในตอนนั้นเองด้านหน้าของรินนะก็มีหน้าจอปรากฏขึ้น

“เอ้ะ.. นี่มันอะไรกันคะนิ?”

“หือ..?”

มิวที่ได้ยินเสียงรินนะเลยหันไปดู.. ตรงหน้าของรินนะมีหน้าจอเหมือนมอนิเตอร์โปร่งใสปรากฏขึ้น.. ด้วยความสับสนมิวเลยหันไปทางเอริเนีย

เอริเนียเองก็เหมือนจะมีหน้าจออยู่เหมือนกัน แต่เธอก็.. No reaction เหมือนเดิมน่ะนะ..

“หน้าต่างเหรอ.. เหมือนในเกมเลยแฮะ.. หรือว่าเจ้านี่จะเป็น…?”

“ระบบเหรอคะพี่?”

“ไม่เคยอ่านนิยายเกาหลีเหรอ เวลาไต่หอคอยมันต้องมีอะไรแบบนี้อยู่แล้วนี่ ถึงจะเป็นมุกซ้ำซากที่ดูน่าเบื่อจนเกินไปแต่ก็เจ๋งไม่หยอกเลยล่ะ”

“รู้ก็รู้อยู่หรอกนะพี่.. แต่ไอ้การด่าที่กลัวโดนคนชอบเขาด่าเลยชมแถมให้อีกนิดนั่นมันอะไรเหรอคะพี่…”

“ช่างเรื่องหยุมหยิมไปเถอะ.. ไม่ยักจะรู้ว่าของแบบนี้มีอยู่ด้วย ไม่เห็นเขียนไว้ในเน็ตเลย..”

“อันที่จริง.. ในบล็อกของไรเดอร์จังก็ไม่เคยมีเขียนไว้เหมือนกันค่ะ..”

ทั้งสองคนมองหน้ากันและกัน.. แน่นอนว่าเป็นใครก็ต้องเคยฝันถึงสักครั้งว่าถ้าสิ่งที่อยู่ในนิยายหรือในเกมสามารถออกมาชีวิตจริงได้จะเป็นยังไง

เช่นว่า.. ถ้าหากสามารถขอพรได้สามข้อจากจินนี่จะขออะไรกันล่ะ? อะไรทำนองนั้นน่ะนะ

ดังนั้นเมื่อมันเกิดขึ้นต่อหน้าคนสองคนที่เดิมทีก็ชอบอะไรแบบนี้อยู่แล้ว ถึงมันจะมาจากเรื่องที่ดูซ้ำซาก.. แต่มันก็ใหม่สำหรับโลกแห่งความเป็นจริง

ดังนั้น..

“นี่มัน….”

“เจ๋งโคตร!!!!”

มิวและรินนะร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น ทั้งคู่รีบอ่านข้อความในหน้าต่างด้วยความรู้สึกเต้นระรัวก่อนที่จะ..

“ห๊าาาาาา?”

ออกมาพร้อมกันด้วยความผิดหวัง..

เพราะนั่นไม่ใช่หน้าต่างสถานะหรือระบบพิเศษเหมือนอย่างที่คาดไว้ นอกจากนี้ในนั้นยังเขียนเนื้อหาต่างจากสิ่งที่ต้องทำเอาไว้ด้วย

“เควสลับ”

ตามหาชายปริศนาที่กำลังทดลองสร้างสิ่งใหม่อยู่ซึ่งอาจจะสามารถช่วยสิ่งมีชีวิตจากไวรัสระบาดได้.. แต่สิ่งที่แน่นอนคือยุคใหม่จะมาถึงอย่างแน่นอน

จะช่วยเหลือหรือต่อต้านก็คือหน้าที่ของเจ้าที่ต้องเลือก

*หมายเหตุ นี่เป็นการแจ้งเตือนครั้งแรกกับมนุษย์ตนนี้ จึงขอแจ้งว่านับตั้งแต่ที่ชั้นสิบถูกเคลียร์ระบบใหม่ของหอคอยจึงถูกเปิดใช้งาน เนื่องจากการผ่านไปชั้นที่ 11 ยังเป็นไปไม่ได้หากยังไม่สามารถเข้าใจโลกได้อย่างแท้จริง.. หอคอยจึงดำเนินการระบบช่วยเหลือพิเศษแจ้งเตือนเควสลับกับทุกผู้คนนับตั้งแต่ชั้นที่ 2

“เควสลับเรอะ.. แต่แจ้งทุกคนมันจะเป็นเควสลับไหมละนิ?”

มิวถามด้วยความงุนงง

“แต่นี่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่หอคอยปรากฏ..ที่มัน..เริ่มสื่อสารกับพวกเรา…”