“คุณรู้แล้วใช่ไหมว่าผมตั้งทีมขึ้นมา?” ซู่เจินไม่ได้ตอบโควสัน และพูดถามขึ้นมาแทน

โควสันพยักหน้าเบา ๆ “ทีมของคุณมีชื่อว่าพันธมิตรสงคราม กำลังวางแผนที่จะซื้อเกาะแถวชายฝั่งตะวันตกเป็นฐานที่มั่นและนี่ก็คือเครื่องแบบของทีมคุณใช่ไหม ? มันสุดยอดมากเลยนะเนี้ย!” โควสันมองไปที่เสื้อผ้าของซู่เจินและพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม

ซู่เจินยิ้มออกมาพร้อมกับถอดชุดที่เขาใส่อยู่ออกด้วยความคิด ในขณะนั้นจู่ ๆ โควสันก็สังเกตเห็นแหวนที่นิ้วของซู่เจินและกำลังจะถามเกี่ยวกับมัน ซู่เจินก็กล่าวขึ้นแทรกมาก่อนว่า “ถึงแม้ว่าผมจะบอกอะไรบางอย่างให้คุณรู้ คุณก็ทำอะไรมันไม่ได้อยู่ดี ดังนั้นในตอนนี้ผมสามารถพูดได้แค่ว่าผมจะรอต้อนรับคุณเสมอเมื่อเหตุการณ์นั้นมาถึง!”

“ดูเหมือนว่ามันจะส่งผลกระทบมากเลยสินะ?” โคลสันขมวดคิ้วขึ้นมาทันที

ซู่เจินหัวเราะเบา ๆ พร้อมกับส่ายหัวและพูดว่า “คุณจะรู้เองเมื่อถึงเวลา….ถ้าเกิดว่าคุณไม่มีเรื่องอะไรแล้วผมขอตัว!”

ที่จริงแล้วโคลสันยังอยากจะถามซู่เจินให้มากกว่านี้อีกหน่อย แต่เขาก็รู้ว่าซู่เจินจะไม่บอกเขาอย่างแน่นอน

เพราะถึงยังไงซู่เจินก็อยู่ในทีมของเขาแค่ในนาม โดยอาศัยความสัมพันธ์อันดีของพวกเขาในการทำงานร่วมกัน

หลังจากออกมาจากห้องทำงานของโควสัน ซู่เจินก็เดินไปหาสกายก่อนเป็นอันดับแรก และพูดคุยกับเธออยู่สักพักหนึ่ง….สกายได้บอกกับซู่เจินว่าเธอนั้นคิดถึงซู่เจินมาก ๆ ซึ่งซู่เจินก็คิดแบบเดียวกับสกาย

หลังจากที่ซู่เจินอยู่กับสกายสักพักหนึ่งเรียบร้อยแล้ว เขาก็เดินลงไปที่ห้องทดลองชั้นล่างของยานบินทันที

ซึ่งมีเจมมาและฟิทซ์กำลังทำงานอยู่ที่นั่น

และเมื่อพวกเขาเห็นซู่เจินเดินเข้ามา พวกเขาก็หยุดสิ่งที่พวกเขาทำอยู่ทันที พร้อมกับทักทายซู่เจิน

จู่ ๆ เจมมาก็ถามขึ้นมาอย่างรวดเร็วว่า “ตอนนั้นคุณบอกว่าจะให้ของขวัญฉัน มันคืออะไรงั้นหรอ?”

“คุณลองเดาดูสิ?” ซู่เจินพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม

เจมมาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “เลือดของคุณงั้นหรอ!“

“ผมไม่เคยบอกว่าจะให้เลือดของผมเป็นของขวัญของคุณซะหน่อยและก็…..อย่าลืมข้อตกลงของพวกเราล่ะ!” ซู่เจินพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม ทำให้ใบหน้าของเจมมาเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที และค่อย ๆ พูดขึ้นมาด้วยความเขินอายเล็กน้อยว่า “แล้วมันคืออะไรกันล่ะ?”

“เอาล่ะ! ผมไม่แกล้งคุณแล้ว” ซู่เจินยิ้มออกมาพร้อมกับเอามือของเขาไปด้านหลังและหยิบยายีน R รุ่นแรกออกมาจากมิติเก็บของของเขา และส่งมันให้กับเจมมา

เจมมามองไปที่ขวดยาสีฟ้าที่มือของเธอและถามขึ้นมาอย่างสงสัยว่า “มันคืออะไร?”

“ยาที่สามารถทำให้คนธรรมดากลายเป็นคนที่มีความสามารถพิเศษ คล้าย ๆ กับไวรัสเอ็กซ์ตรีมมิสได้ โดยที่ความแข็งแกร่งของมันนั้นน้อยกว่าไวรัสเอ็กซ์ตรีมมิสอยู่มาก แต่ถึงยังงั้นมันก็มีความเสถียรมากกว่าและไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ!” ซู่เจินอธิบายคร่าว ๆ ให้เธอฟัง

“เรื่องจริงงั้นเหรอ ?” เจมมารู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่ามันจะไม่ดีเท่ากับไวรัสเอ็กซ์ตรีมมิส แต่มันก็มีความเสถียรและไม่มีผลข้างเคียง ซึ่งสองสิ่งนี้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

เพราะการที่จะทำให้ตัวยา เช่นเซรุ่มหรือไวรัสมีความเสถียรและไม่มีผลข้างเคียงนั้นมันเป็นเรื่องที่ยากมาก ๆ

“ใช่! ตัวยานี้เมื่อฉีดเข้ากับร่างกายแล้วมันจะสร้างความสามารถพิเศษขึ้นมาแบบสุ่ม ซึ่งมันมีหลากหลายมาก ไม่ว่าจะเป็น ความสามารถในการติดตาม คลื่นโซนิค พลังจิต การทำนายอนาคต เป็นต้น ดังนั้นผมจึงมอบยาตัวนี้ให้กับคุณเพื่อนำไปใช้เองหรือว่าคุณจะนำมันไปวิจัยก็แล้วแต่ อย่างไรก็ตามผมหวังว่าคุณจะศึกษามัน เพราะว่าผมยังมีตัวยาที่พัฒนาแล้วอีกตัวหนึ่ง แต่มันยังไม่ค่อยสมบูรณ์สักเท่าไหร่!” แน่อนว่าเจมมานั้นเป็นนักชีววิทยาที่เก่งมาก แถมตอนนี้เธอยังอยู่ในที่ที่มีอุปกรณ์อะไรเตรียมพร้อมไว้หมดแล้วทำให้การวิจัยของเธอจะต้องราบรื่นอย่างแน่นอน ดังนั้นซู่เจินจึงได้แต่หวังว่าเธอจะศึกษาเกี่ยวกับยายีน R รุ่นแรกได้สำเร็จ และจากนั้นเขาก็จะให้ยายีน R รุ่นสองที่ยังพัฒนาไม่สมบูรณ์ให้กับเธอ เพื่อให้เธอพัฒนามันให้สมบูรณ์

ซึ่งซู่เจินก็ยังไม่รู้ผลที่แน่ชัดของยายีน R รุ่นที่สองมากนัก เพราะว่าในหนังมีเพียงแค่คีร่าคนเดียวเท่านั้นทีสามารถรองรับพลังของยาตัวนี้ได้ ถ้าเกิดว่าคนอื่นใช้มันมันจะกลายเป็นยาพิษทันที ซึ่งซู่เจินก็ไม่ได้กังวลเกี่ยวกับมันมากนัก เพราะเขาเชื่อว่ายาตัวนี้มันไม่สามารถทำอะไรเขาได้อย่างแน่นอน แต่ตอนนี้เขายังไม่กล้าที่จะใช้มัน เพราะว่าตอนนี้เขายังมีมันเพียงแค่ขวดเดียวเท่านั้น และถ้าเกิดว่าเขาสามารถผลิตมันเพิ่มและลบผลกระทบของมันได้ มันจะมีประโยชน์กับเขาอย่างมหาศาล!

“อืม! ฉันจะพยายามศึกษามันให้ได้เร็วที่สุด“ เจมมาพยักหน้าให้ซู่เจิน หลังจากนั้นเธอก็หยิบอุปกรณ์ออกมาคู่หนึ่งและเริ่มวิจัยทันที

ซู่เจินส่ายหัวด้วยความมึนงงเล็กน้อยและหันหลังเดินจากไป

หลังจากที่ซู่เจินเดินมาถึงที่ห้องของเขา เขาก็ค่อย ๆ ลูบไล้ไปที่แหวนบนนิ้วของเขาเพื่อดูดกลืนอนุภาคอีเทอร์

เพราะว่าตอนนี้อนุภาคอีเทอร์ได้ถูกเก็บเอาไว้ในแหวนของกรีนแลนเทิร์น ทำให้เขาสามารถดูดกลืนอนุภาคอีเทอร์ได้เร็วกว่าแต่ก่อนมาก หลังจากนั้นไม่นานเขาก็เริ่มรู้สึกถึงพลังของอนุภาคอีเทอร์ที่อยู่ในร่างกายของเขาเล็กน้อย

ซึ่งตอนนี้มันยังไม่ค่อยมีประโยชน์อะไรมากนัก แต่เมื่ออนุภาคอีเทอร์ถูกดูดกลืนและหลอมรวมเข้ากับร่างกายของเขาอย่างสมบูรณ์ มันจะแตกต่างกับตอนนี้อย่างสิ้นเชิง และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือถ้าเกิดว่าเขาสามารถดูดกลืนอนุภาคอีเทอร์ได้จนหมด เขาก็สามารถดูดกลืนอินฟินิตี้ สโตนอันอื่น ๆ ได้เหมือนกัน เพราะว่ามันมีแหล่งกำเนิดมาจากสิ่งเดียวกันทำให้ไม่มีการต่อต้านกันระหว่างอินฟินิตี้ สโตน บวกกับร่างกายที่แปลกประหลาดของเขา เขาสามารถมั่นใจได้เลยว่าเขาสามารถรวบรวมอินฟินิตี้ สโตนทั้งหมดไว้ในร่างกายของเขาได้อย่างแน่นอน

ทำให้เขาแข็งแกร่งยิ่งกว่าธานอส แม้ว่าธานอสจะใช้ถุงมืออินฟินิตี้กันเลทก็ตาม!

“ติ๊ง! พลังงานที่จำเป็นสำหรับการอัพเกรดระบบเต็มเรียบร้อยแล้ว กำลังทำการอัพเกรดระบบ… “

ในขณะที่ซู่เจินกำลังดูดกลืนอนุภาคเทอร์อยู่ จู่ ๆ เขาก็ได้ยินเสียงระบบแจ้งเตือนว่ากำลังอัพเกรด ? เขาเพิ่งทำภารกิจสามอย่างและกลืนกินความสามารถอีกสามอย่าง บวกกับการดูดกลืนอนุภาคอีเทอร์ ทำให้ระบบมีพลังงานเพียงพอต่อการอัพเกรด!

ดังนั้นสิ่งที่ให้พลังงานมากที่สุดก็น่าจะเป็นรางวัลของภารกิจกับอนุภาคอีเทอร์!

อนุภาคอีเทอร์เป็นสิ่งที่ทรงพลังเป็นอย่างมาก แม้ว่าเขาจะดูดกลืนมันได้แค่เพียงเล็กน้อย แต่มันก็ยังมีพลังงานเพียงพอต่อการอัพเกรดระบบ ซึ่งพลังงานที่ใช้สำหรับอัพเกรดระบบมันน่าจะใช้พลังงานจำนวนมหาศาลอย่างแน่นอน

ซึ่งซู่เจินก็ไม่รู้ว่ามันจะใช้เวลานานแค่ไหนในการอัพเกรด ดังนั้นเขาเลยไม่ได้สนใจอะไรมันมากนัก และดูดกลืนอนุภาคอีเทอร์ต่อไป!

เวลาก็เดินต่อไปเรื่อย ๆ ซึ่งซู่เจินก็ไม่รู้ว่ามันนานแค่ไหนแล้ว จู่ ๆ เขาก็ได้ยินเสียงของเหมยผ่านลำโพงว่าเครื่องกำลังจะลงจอดแล้ว

“ฉันลืมถามเลยว่าพวกเขาจะไปภารกิจอะไรกัน ?”

ซู่เจินบ่นพึมพำขึ้นเบา ๆ หลังจากนั้นเขาก็หยุดดูดกลืนอนุภาคอีเทอร์และเดินออกจากห้องไป