หยวนชิงหลิงผงะไปชั่วขณะ ในสมองพลันผุดภาพความทรงจำบางอย่างขึ้นมา ในความทรงจำนั้น เป็นวันก่อนหน้าที่หกเกอเอ๋อจะเกิดเรื่องขึ้น เจ้าของร่างเดิมดุด่าเขาอย่างรุนแรง ทั้งยังสั่งให้เขาขึ้นไปตอกปิดแผ่นไม้บนหลังคาให้แน่นหนา ที่เขาเกิดเรื่องขึ้น ก็คงเป็นเพราะเกิดพลัดกลิ้งตกลงมา แล้วถูกตะปูตำจนได้รับบาดเจ็บ
เดิมทีงานเหล่านี้ ไม่ควรเป็นหน้าที่ของเขาที่ต้องลงมือทำเอง
ไม่เพียงเท่านั้น เหตุเพราะคนรับใช้ที่แต่งเข้ามาเป็นสินสมรสเดิมพร้อมนาง ต่างก็ถูกขายออกไปจนหมด นางจึงเอาโทสะทั้งหมด มาระบายลงที่บรรดาคนรับใช้ซึ่งอ๋องฉู่จัดหามาให้แทน ในแต่ละวันมักจะทุบตีด่าทอคนรอบข้างไม่มีเว้น กระทั่งแม่นมฉีก็ยังเคยถูกนางขว้างด้วยแก้วน้ำมาแล้ว เป็นเหตุให้แม่นมฉีเลือดไหลเยอะมาก
เจ้าของร่างเดิมเป็นคนที่จิตใจไม่ค่อยจะดีนัก จึงไม่แปลกที่จะทำให้ผู้คนต่างพากันรังเกียจ
“เจ้าลองถามแม่นมฉีให้หน่อยว่า ข้าจะขอไปพบเขาได้หรือไม่?” หยวนชิงหลิงเอ่ยถาม
“หากพระชายามีจิตใจดีงามเช่นนี้จริง ก็คงไม่ต้องมาลงเอยในสภาพเป็นอยู่นี้หรอกกระมัง? อย่ามาทำเสแสร้งไปหน่อยเลย ทั้งแม่นมฉี ทั้งหกเกอเอ๋อ ต่างก็ไม่อยากพบหน้าพระชายากันหรอก” ลู่หยาพูดจบก็หมุนตัว แล้วเดินออกไปทันที
ประตูถูกปิดลงอีกครั้ง
หยวนชิงหลิงถอนหายใจเบา ๆ เด็กคนนั้นกำลังจะตายแล้ว?
นางไม่รู้ว่าหกเกอเอ๋อได้รับบาดเจ็บหนักขนาดไหน ทั้งไม่รู้ว่าหมอที่นี่จะรักษาบาดแผลเขาอย่างไร หากไม่ได้รับการดูแลจัดการอย่างเหมาะสม ส่วนมากจะเป็นไปได้ว่ากระจกตาอาจลอกหลุดออกมา เกิดภาวะแก้วตาฉีกขาด แล้วตามด้วยการติดเชื้อในที่สุด
สำหรับนางแล้ว ชีวิตคนถือว่าสำคัญยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด ตั้งแต่ต้นจนจบ นางยังไม่อาจทำใจให้สงบแล้วกลืนข้าวลงท้องได้ด้วยซ้ำ นางเปิดกล่องยา แล้วหยิบเอายาแก้อักเสบจำนวนหนึ่งออกมา จากนั้นก็เดินออกไปทันที
แม่นมฉีนั้นถูกขายให้กับจวนอ๋อง ส่วนหกเกอเอ๋อเป็นทาสที่เกิดในเรือนนาย อาศัยอยู่ในลานอ่ายซึ่งอยู่ด้านหลังของหอเฟิ่งหยี
หยวนชิงหลิงเดินลดเลี้ยวไปมาอยู่หลายรอบ ในที่สุดก็หาเจอจนได้
“เจ้ามาทำอะไรที่นี่?” ทันทีที่แม่นมฉีเห็นนาง ก็จ้องเขม็งไปยังหยวนชิงหลิงด้วยดวงตาบวมช้ำแดงก่ำ สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความเกลียดชังฉายชัด
“ข้าอยากมาดูอาการหกเกอเอ๋อ” หยวนชิงหลิงเอ่ยตอบ
“เจ้าไปซะเถอะ พวกเราย่าหลานคงรับไว้ไม่ไหวหรอก!” แม่นมฉีพูดขึ้นอย่างเย็นชา
หยวนชิงหลิงพยายามเอ่ยขอโทษ “ข้าขอโทษจริง ๆ ข้าไม่รู้ว่าการสั่งให้เขาไปซ่อมหลังคา มันจะทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงเช่นนี้ … ”
“อุบัติเหตุรึ? เขาเพิ่งจะแค่เก้าขวบ ยังทำได้แค่งานปัดกวาดบ้านเรือนเท่านั้น แต่เจ้ากลับใช้ให้เขาไปซ่อมหลังคา งานตกแต่งซ่อมแซมทั้งหลายเหล่านั้น ในจวนล้วนมีคนที่เชี่ยวชาญเรื่องนี้ทำอยู่แล้วแท้ๆ เจ้าก็ยังจะรั้นให้เขาเป็นคนทำให้จงได้ เขาเพิ่งจะเก้าขวบเท่านั้น! ทำไมหัวใจของเจ้าถึงได้โหดเหี้ยมร้ายกาจถึงเพียงนี้?”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคำถามที่เต็มไปด้วยความเคืองแค้นของแม่นมฉี หยวนชิงหลิงก็ไม่รู้เหมือนกันว่านางจะพูดอธิบายออกไปอย่างไรดี
นางอึกอักไปชั่วขณะ ไม่อาจหาคำพูดดีๆคำไหนพูดออกไปได้
นางเพียงส่งยาปฏิชีวนะที่ช่วยลดการอักเสบเหล่านั้นไปให้แม่นมฉี “เอายาเหล่านี้ให้เขากินวันละสามครั้ง ครั้งละสองเม็ด … ”
เม็ดยาในมือ ถูกแม่นมฉีใช้มือเดียวปัดทิ้งจนร่วงตกลงไปบนพื้น แม่นมฉีออกแรงเหยียบซ้ำลงไปอย่างดุดัน”ไม่จำเป็นหรอก เชิญพระชายากลับไปเสียเถอะ ข้าไม่อยากด่าคน อยากสั่งสมกุศลผลบุญให้หลานชาย ”
หยวนชิงหลิงได้แต่มองดูยาที่กลายเป็นผุยผงไป ด้วยความรู้สึกทุกข์ใจอย่างหนัก ในกล่องยาไม่ได้มียาปฏิชีวนะมากมายอะไรนัก
เมื่อมองไปที่ใบหน้าอันโกรธแค้นเศร้าโศกของแม่นมฉี นางก็รู้ดีแก่ใจทันทีว่า ต่อให้พูดอะไรไปก็คงไม่มีประโยชน์อีก จึงจำต้องหันหลังแล้วเดินจากไป
หกเกอเอ๋อป่วยหนักจนเข้าขั้นวิกฤติแล้วในคืนนั้น
แม่นมฉียังนับว่าได้รับความใส่ใจจากอ๋องฉู่อยู่ไม่น้อย หลังจากได้รับรู้สถานการณ์แล้วอ๋องฉู่ก็สั่งให้คนไปเชิญหมอลี่ ซึ่งเป็นหมอที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงมาทันที เมื่อหมอลี่ได้เห็นสภาพแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้า ไม่ได้ออกใบสั่งยาใดๆ ก็บอกว่าให้เตรียมจัดงานศพได้เลย
แม่นมฉีได้แต่ร้องไห้ราวกับว่าใจจะขาด เสียงร้องไห้อันโศกสลดนั้น ดังแว่วมาเข้าหูของหยวนชิงหลิง หยวนชิงหลิงรีบเดินออกไปดู เอื้อมมือออกไปคว้าจับตัวลู่หยาที่กำลังเดินผ่านไปอย่างรีบร้อน “เกิดอะไรขึ้นหรือ?”
“ หกเกอเอ๋อใกล้จะไม่ไหวแล้ว” ลู่หยาที่กำลังร้อนรนโพล่งตอบออกไป โดยที่ไม่สนใจแล้วว่า นางมีความเกลียดชังต่อหยวนชิงหลิงแค่ไหน
หยวนชิงหลิงกระวนกระวายแล้ว รีบเดินกลับไปที่ห้อง ตรงไปหยิบกล่องยาแล้ววิ่งออกไปทันที