บทที่ 5 ไม่เข้าท่า

เจียงหยุนเอ๋อจูงมือถวนจื่อเดินเข้าไปในโรงพยาบาล ถวนจื่อยังเล็ก เมื่อเข้าไปในโรงพยาบาลก็มองซ้ายมองขวาด้วยความสนใจ

“หยุนเอ๋อ ไหนบอกว่าจะมาดูคุณยายไง คุณยายอยู่ห้องไหนเหรอครับ?” ถวนจื่อกะพริบตาด้วยความอยากรู้ จึงเขย่าแขนของเจียงหยุนเอ๋อแล้วเอ่ยถาม

เจียงหยุนเอ๋อแอบชำเลืองดูเขาหนึ่งครั้งด้วยความขบขัน: “ทำไม? อยากเจอมากขนาดนั้นเลยหรือ?”

“แน่นอนสิ!” ถวนจื่อพยักหน้า “สำหรับผม นอกจากแม่แล้วก็ไม่เคยจะได้เจอญาติพี่น้องคนอื่นๆเลย”

เมื่อได้ยินดังนั้น เจียงหยุนเอ๋อก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อย ที่เธอกลับมาคราวนี้ ก็ไม่รู้ว่าแม่จะมีท่าทีกับเธอเช่นไร……

เธอมีความรู้สึกลังเลขณะที่เปิดประตู แต่กลับพบกับสภาพตรงหน้าที่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อน

ห้าปีก่อนตอนที่จากไป แม่ของเธอซูม่านลี ยังมีท่าทางที่ดูสง่าและสมบูรณ์แบบ แต่ทำไมวันนี้……กลับกลายมามีสภาพเช่นนี้ได้

มือของเจียงหยุนเอ๋อเริ่มสั่น เดินไปที่ข้างเตียงคนไข้แบบที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง

ผู้หญิงที่อยู่บนเตียงคนไข้กำลังหลับตาสนิท ไร้ซึ่งความสง่างามที่เคยมีดั่งเช่นแต่ก่อน แต่กลายเป็นเพียงร่างที่ผอมจนเห็นกระดูก ไปหน้าของเธอก็ซูบตอบลง โหนกแก้มโผล่ขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ทั้งตัวดูไปแล้วเหมือนกับหนังที่หุ้มกระดูกอยู่

เมื่อเห็นแม่มีสภาพเช่นนี้ เจียงหยุนเอ๋อก็ยกมือขึ้นปิดปากแล้วร้องไห้ออกมา

“หยุนเอ๋อ อาการของคุณยาย……หนักมากเลยหรือ?” ถวนจื่อถามตามประสาเด็ก

เจียงหยุนเอ๋อส่ายหน้า แต่ก็พูดอะไรไม่ออก

ด้านหลังมีเสียงของฝีเท้าก้าวเข้ามา เจียงหยุนเอ๋อจึงหันหน้ากลับไปมอง มีหมอท่านหนึ่งเดินเข้ามา สำหรับเขาแล้วเจียงหยุนเอ๋อคือคนแปลกหน้า ดังนั้นเขาจึงขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วถามว่า: “คุณคือ?”

“ฉันเป็นลูกสาวของผู้ป่วยคนนี้ค่ะ……แม่ของฉัน……อาการของเธอเป็นอย่างไรบ้างคะ?” เจียงหยุนเอ๋อรีบถามด้วยความร้อนใจ

คุณหมอมองไปที่ซูม่านลีที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย แล้วพูดว่า “ก่อนหน้านี้อาการน่าเป็นห่วงมาก แต่ตอนนี้อาการเริ่มคงที่แล้ว ถึงแม้ตอนนี้จะยังไม่ได้สติ แต่ไม่ช้าน่าจะฟื้นขึ้นมาได้ คุณไม่ต้องเป็นห่วงเกินไปนะครับ”

“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้วค่ะ” เจียงหยุนเอ๋อที่ตอนแรกรู้สึกกังวลใจเป็นอย่างมาก ก็รู้สึกโล่งใจขึ้นเล็กน้อย

แต่คุณหมอยังคงขมวดคิ้วและหันไปมองซูม่านลี ทำท่าเหมือนกับว่ามีเรื่องบางอย่างอยากจะพูดแต่ไม่กล้าพูด

เจียงหยุนเอ๋อพอจะสังเกตอาการของเขาออก จึงถามว่า “คุณหมอคะ คุณ……ดูเหมือนว่าเมื่อกี้คุณมีเรื่องบางอย่างอยากจะพูดใช่ไหมคะ?”

คุณหมอถอนหายใจเบาๆ แล้วพูดว่า: “ก่อนหน้านี้ คนที่พาคุณผู้หญิงมาส่งที่โรงพยาบาล ก็น่าจะเป็นญาติของคุณใช่ไหม?” ตอนที่เธอเพิ่งถูกส่งตัวมาโรงพยาบาล อาการเป็นตายเท่ากัน จำเป็นที่จะต้องใช้ยาที่นำเข้าจากเมืองนอก ซึ่งมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณสามสี่หมื่น แต่คนเหล่านั้นไม่ยอมจ่ายเงินเพื่อที่จะใช้ยานี้

คุณหมอพูดพลาง ก็ถอนหายใจพร้อมกับส่ายหัว “ดูไปแล้ว ก็ไม่เหมือนคนไม่มีเงินจะจ่าย ทำไมถึงได้ทำเรื่องเช่นนี้ได้ลงคอ?”

เจียงหยุนเอ๋อตาเบิกโพลง เธอไม่ต้องคิดอะไรต่อ ในใจก็มั่นใจอย่างมากว่าจะต้องเป็นฝีมือของแม่เลี่ยงตัวดีคนนั้นของเธออย่างแน่นอน

เธอควรจะเดาออกตั้งแต่แรกแล้วว่า ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้หวังดีมาตั้งแต่แรก หลายปีมานี้ ไม่แน่ว่าแอบลอบทำร้ายอะไรแม่ของตัวเองบ้าง จนทำให้แม่ต้องมีสภาพที่อนาถเช่นนี้!

เป็นเพราะความแค้น ทำให้ร่างกายของเจียงหยุนเอ๋อสั่นเทา สายตามองไปยังแม่ที่นอนอยู่บนเตียงคนป่วย รู้สึกทั้งโกรธทั้งเป็นห่วงในเวลาเดียวกัน

“เอ่อ……แต่ว่ายานั่นสำคัญจริงๆนะครับ ดังนั้นตอนแรกผมก็ไม่ได้สนใจพวกเขาและยืนกรานที่จะใช้ แต่ว่าในภายหลังพวกเขาก็ยังไม่ยอมจ่ายเงิน ตอนนี้เมื่อรวมกับค่าผ่าตัดและค่าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล ก็ประมาณหนึ่งแสนแล้ว คุณหนู คุณลองดูละกัน……ถ้าหากสะดวกก็รบกวนช่วยรีบจ่ายให้สักหน่อย ไม่เช่นนั้นทางผมเองก็ลำบาก” คุณหมอพูดเสริมขึ้นมา

สำหรับเรื่องของการช่วยชีวิตแม่แล้วนั้น ในใจของเจียงหยุนเอ๋อเต็มไปด้วยความกตัญญู รีบพยักหน้ารับคำ: “คุณหมอวางใจได้เลยค่ะ ฉันจะไปจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายเดี๋ยวนี้”

เจียงหยุนเอ๋อระงับความโกรธ แล้วไปจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายจนเสร็จ เมื่อคิดถึงพ่อผู้ซึ่งไม่สามารถจะหวังพึ่งอะไรได้อีก ก็ทำให้ยิ่งโกรธแค้นขึ้นมา

“หยุนเอ๋อ เป็นอะไรไป ทำไมสีหน้าดูไม่ค่อยดีเลย” หลังจากเข้ามาในโรงพยาบาล สภาพอารมณ์ของเจียงหยุนเอ๋อก็ยิ่งแย่ลง ถวนจื่อซึ่งอยู่ข้างๆสามารถมองเห็นทุกอย่าง จึงอดไม่ได้ที่จะถามออกมาด้วยความเป็นห่วง

เจียงหยุนเอ๋อพยายามฝืนยิ้ม ย่อตัวลงแล้วลูบหัวเขา: “ไม่เป็นไรจ้ะ”

เมื่อยืดตัวขึ้นมา เจียงหยุนเอ๋อก็เหลือบไปเห็นรถยนต์คันหนึ่งเพิ่งเข้ามาจอดอยู่ที่นอกโรงพยาบาล

ดูๆไปแล้ว……ช่างคุ้นเคย

นั่นมันรถของเจียงเย่เฉิง พ่อของเธอไม่ใช่หรือ?

เจียงหยุนเอ๋อคิดไม่ถึง จึงเดินเข้าไปหาด้วยสีหน้าเย็นชา

จริงๆแล้วเจียงเย่เฉิงก็ไม่ได้คิดที่จะมาเยี่ยมซูม่านลี เพียงแค่ได้ยินมาว่าเมื่อเจียงหยุนเอ๋อกลับมาถึง ก็ไปที่โรงพยาบาลทันที ดังนั้นจึงเตรียมที่จะมาพบเธอสักครั้ง

ช่างบัญเอิญจริงๆ ที่ได้มาพบกันที่หน้าประตู

“หยุนเอ๋อ เธอกลับมาแล้ว” เจียงเย่เฉิงแสดงออกถึงท่าทางของคุณพ่อผู้แสนดี แต่ยิ่งกลับทำให้เจียงหยุนเอ๋อรู้สึกเกลียดชังจริงๆ

เธอทำสีหน้าเย็นชาแล้วเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าของเจียงเย่เฉิง แล้วพูดว่า: “เจียงเย่เฉิง ผู้หญิงที่นอนอยู่ข้างในนั้น ความรู้สึกที่เขาเคยมีต่อคุณ คุณลืมมันไปหมดแล้วอย่างนั้นหรือ? เห็นเขากำลังจะตายถึงยังไม่ยอมช่วย? คุณมันช่างไร้ยางอายจริงๆ หรืออันที่จริง คุณรู้สึกว่าเห็นแม่ฉันแล้วรกหูรกตามานาน จึงคิดว่าหากเธอไม่อยู่ คุณก็จะสามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเมียน้อยของคุณอย่างขาดศีลธรรมเช่นนี้ได้?”

สีหน้าของเจียงเย่เฉิงเปลี่ยนไปทันที แล้วจึงมองเจียงหยุนเอ๋อด้วยสายตาเย็นชา: “เจียงหยุนเอ๋อตอนนี้ฉันยังเป็นพ่อของเธออยู่ เธอพูดแบบนี้กับฉันได้อย่างไร!”

“พ่อหรือ?” เจียงหยุนเอ๋อหัวเราะอย่างเย็นชา ในใจเต็มไปด้วยความดูถูกดูแคลน “ตอนนั้น ไม่ใช่คุณหรอกหรือที่เคยไล่ฉันออกจากตระกูลเจียง? แล้วจะยังมาพูดว่าเป็นพ่อของฉันได้อย่างไรกัน?”

เจียงเย่เฉิงเงื้อมือเพื่อที่จะตบหน้าของเจียงหยุนเอ๋อแต่เจียงหยุนเอ๋อหลบทัน

กลายเป็นว่าจริงๆแล้วเจียงเย่เฉิงยังคิดที่จะตบเธอได้ลง? เหอะ เธอไม่ใช่เจียงหยุนเอ๋อคนเดิมในตอนนั้นอีกต่อไปแล้ว

เจียงเย่เฉิงที่ตบลมไปหนึ่งฉาดยิ่งมีสีหน้าที่ไม่น่าดู: “เจียงหยุนเอ๋อเดี๋ยวนี้เธอช่างเก่งกล้าสามารถนักนะ!”

“แน่นอน ในเมื่อตอนนั้นคุณไล่ฉันออกมาจากที่ที่ฉันเติบโตมาอย่างไม่มีเยื่อใยเลยสักนิด ถ้าฉันไม่มีความสามารถ แล้วฉันจะอยู่ดีมีสุขมาจนถึงตอนนี้ได้อย่างไร?” เจียงหยุนเอ๋อหัวเราะอย่างสะใจ

เจียงเย่เฉิงเงียบไปชั่วครู่ ในใจไม่ได้รู้สึกทุกข์ร้อนอะไร: “ก็ตัวเธอเองที่ทำเรื่องไม่เข้าท่าก่อน แล้วจะให้ตระกูลเจียงของพวกเราทนเธอได้อย่างไร?”

ไม่เข้าท่า……เจียงหยุนเอ๋อคิดทบทวนอยู่ในใจ ยิ่งรู้สึกเหมือนถูกแดกดัน

“เอาเถอะ ครั้งนี้ที่ฉันมาหาเธอก็เพราะมีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับเธอ ไม่ว่าจะยังไง เธอก็เป็นลูกสาวที่ถูกต้องตามกฎหมายของฉัน เธอกลับมาคราวนี้ ฉันจึงอยากจะมองของบางอย่างให้แก่เธอ” เจียงเย่เฉิงกล่าว

เจียงหยุนเอ๋อหัวเราะอย่างดูถูก มีอะไรที่จะตกมาถึงเธอได้? คงจะเป็นของที่เมียน้อยไม่อยากได้แล้วล่ะสิ

“สิ่งที่ฉันอยากได้จากคุณตอนนี้มีเพียงอยากเดียวก็คือ ให้คุณรีบออกไปซะ ของทุกอย่างของคุณ ฉันไม่อยากได้”

“เจียงหยุนเอ๋ออย่าให้มันมากไปนะ!” เจียงเย่เฉิงระงับความโกรธไว้ไม่ไหว จึงพูดแล้วมองเจียงหยุนเอ๋อด้วยความโกรธ

ตอนนี้เอง ประตูของที่นั่งด้านหลังก็เปิดออก เมื่อได้ยินเสียงเจียงหยุนเอ๋อจึงหันกลับไปดู พบกับเมียน้อยฝู้ชูเหมยและลูกสาวของเธอเจียงหนิงเอ๋อเดินลงมา