เมื่อฉินเสี่ยวหยุนสนับสนุนเธอหลินจูก็รู้สึกดีมากขึ้น
ครอบครัวของเธอไม่ได้เป็นตระกูลที่วุ่นวายเหมือนตระกูลฉินเพราะไม่มีเด็กผู้ชายในตระกูลหลินด้วยเหตุผลบางประการ
ทำให้ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะลำเอียง
แต่ตระกูลหลินมีความขาดหวังสูงสำหรับเหล่าลูกสาว
พี่สาวทั้งสามคนของหลินจูต่างก็แต่งงานกับครอบครัวที่ร่ำรวยที่มีชื่อเสียง
นั่นเป็นการหาเหยื่อเพื่อขยายกิจการของตระกูลหลิน
ในตอนนั้นหลินจูเกือบถูกมอบหมายให้เป็นคู่หมั้นของครอบครัวที่ร่ำรวย แต่หลินจูไม่เต็มใจและเธอต่อสู้อย่างหนักกับครอบครัวของเธอ
เมื่อเห็นว่าลูกสาวตัวน้อยที่รักของเขาต่อต้านอย่างรุนแรงและผู้เฒ่าหลินก็รู้ว่าลูกสาวทั้งสามของเขาทำได้ดีแล้วเขาจึงรู้สึกโล่งใจ
ดังนั้นแม้ว่าเขาจะไม่ชอบซุนหยาแต่ผู้เฒ่าหลินก็ยังคงตกลงที่จะจัดงานแต่งงานระหว่างซุนเหยียนกับลูกสาวตัวน้อยของเขาอย่างไม่เต็มใจ
จากนั้นซุนเหยียนก็ทำให้ครอบครัวหลินตกตะลึง
เขานอกใจหลินจู
มันเพียงพอแล้วจริง ๆ ที่จะทำให้หลินจูเสียหน้า
ตอนนี้ผู้เฒ่าหลินไม่รีรออีกต่อไปลูกสาวตัวน้อยของเขายังไร้เดียงสาเกินไป
แทนที่จะปล่อยให้เธออยู่กับคนขี้โกงที่ไม่มีเงินและไม่เห็นค่าของเธอ
นี่เป็นสิ่งที่ดีสำหรับเธอและสำหรับตระกูลหลิน
“ฉันเกือบจะเสร็จแล้วของวันนี้ รออีกสิบนาทีฉันจะพาเธอกลับบ้านแล้วฉันจะเจรจากับครอบครัวฉินพรุ่งนี้เช้า”
ฉินเสี่ยวหยุนพูดอย่างดุเดือดและจากนั้นก็กลับไปที่โต๊ะทำงานเพื่อจัดการงาน
เมื่อมองไปที่ร่างที่กำลังยุ่งอยู่ของฉินเสี่ยวหยุน หลินจูก็ยิ้ม
จะบอกว่าฉินเสี่ยวหยุนนั้นค่อยช่วยเธอมาตลอดจริง ๆ
หลินจูซุ่มซ่ามมาตั้งแต่เด็ก ๆ ตอนเด็กเธอหลงทางและในเวลานั้นเธอบังเอิญวิ่งเข้าไปหาฉินเสี่ยวหยุนซึ่งกำลังเล่นอยู่ในเขตชานเมือง
เมื่อเห็นหลินจูวัย 7 ขวบกำลังร้องไห้อย่างหนัก ฉินเสี่ยวหยุนวัยเก้าขวบก็ดูแลหลินชูเหมือนพี่สาวคนโต
เธอยังซื้อขนมให้หลินจูและหลอกล่อให้เธอจำที่อยู่บ้านของเธอได้เองอย่างช้า ๆ และส่งเธอกลับบ้าน
หลังจากนั้นทั้งสองคนก็ไม่ได้เจอกันอีก
ความทรงจำของหลินจูค่อย ๆ เลือนลาง เธอจำได้เพียงว่าเด็กผู้หญิงอายุมากกว่าเธอสองปีมาส่งเธอกลับบ้าน
และเมื่อห้าปีก่อนหลินจูหลงทางในต่างประเทศ
เอกสารและกระเป๋าสตางค์หายทั้งหมด
หลินจูหมดหวังเพราะเธอไม่เข้าใจภาษาท้องถิ่น
เมื่อเธอรู้สึกเสียใจและร้องไห้ฉินเสี่ยวหยุนก็ปรากฏตัวอีกครั้ง
ฉินเสี่ยวหยุนพาหลินจูไปทำขั้นตอนเอกสารต่าง ๆ ในประเทศนั้น
ในที่สุดเธอก็ให้เงินจำนวนหนึ่งแก่หลินจูเพื่อที่หลินชูจะได้กลับบ้านได้อย่างราบรื่น
ก่อนที่จะแยกทางกันทั้งสองได้เพิ่มข้อมูลการติดต่อของกัน
หลังจากกลับมาที่ประเทศจีนหลินจูได้ติดต่อกับฉินเสี่ยวหยุน เมื่อทั้งสองคุยกันหลินจูก็พูดถึงเรื่องราวการหลงทางของเธอเมื่อสมัยยังเด็กและทั้งสองคนก็ต้องประหลาดใจที่พบว่าโชคชะตาระหว่างพวกเธอนั้นยอดเยี่ยมเพียงใด
หลินจูเชื่อเรื่องโชคชะตาเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ เช่นการทำนายดวงชะตาและกลุ่มดาวและยังเชื่อในโชคชะตาของเธอเอง
ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขหรือกลุ่มดาวก็แสดงให้เห็นว่าเธอและฉินเสี่ยวหยุนจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันไปตลอดชีวิต
ดังนั้นหลินชูจึงให้ความสำคัญกับฉินเสี่ยวหยุนมาก
และฉินเสี่ยวหยุนเองก็ปฏิบัติต่อหลินจูเหมือนน้องสาวของเธอ
“เสร็จแล้วไปกันเถอะ”
ฉินเสี่ยวหยุนปิดคอมพิวเตอร์และเดินไปที่หลินจูและจับมือเธอ
เมื่อเห็นใบหน้าของฉินเสี่ยวหยุน หลินจูก็ร้องไห้อีกครั้ง
“เสี่ยวหยุนฉันจะทำอะไรได้ถ้าไม่มีเธอ!”
การพึ่งพาฉินเสี่ยวหยุนของหลินจูนั้นมากกว่าพี่สาวและพ่อแม่ของเธอเสียอีก
เมื่อเห็นหลินจูร้องไห้เหมือนเด็ก ๆ ฉินเสี่ยวหยุนก็แตะศีรษะของหลินจูอย่างช่วยไม่ได้
“โตแบบนี้จะร้องไห้ได้ยังไงฉันจะอยู่กับเธอตลอดไปนั่นแหล่ะ”
“แต่เมื่อเธอเจอผู้ชายคนอื่นที่เธอชอบเธอก็คงไม่ต้องการฉันอีกแล้ว”
ฉินเสี่ยวหยุนพูดติดตลก
ฟื่ด!
หลินจูหยิบทิชชู่ขึ้นมาและเป่าจมูกอย่างแรง
“บ้า! ฉันไม่ได้สนใจเธอตอนที่อยู่กับซุนเหยียนหรือไง!”
“ใช่ ใช่ เธอไม่ได้เมินฉันแค่ฉันไม่สามารถติดต่อเธอได้เป็นเวลาสิบวันครึ่ง”
ฉินเสี่ยวหยุนพูดหยอกล้อ
“นั่น…มันเป็นอุบัติเหตุหรอกนะ! ในอนาคตฉันจะไม่เป็นแบบนั้นแน่นอนนอกจากพ่อกับแม่เธฮคือคนที่อยู่ใกล้ฉันที่สุดในโลก!”
“ที่จริงฉันเสียใจตอนที่เธอบอกว่าซุนเหยียนไม่ดี แต่ฉันไม่ฟัง…”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้หลินจูก็จะร้องไห้อีกครั้ง
ฉินเสี่ยวหยุนรีบปลอบให้เธอหยุด
“อย่าร้องไห้มันจบไปแล้ว แต่ฉันอยากรู้มากทำไมซุนเหยียงถึงอย่างนั้นพวกเธอดีกันมาโดยตลอด”
ฉินเสี่ยวหยุนสงสัยมาตลอด
เธออยากจะถามหลินจูตอนที่เธอเพิ่งจับได้ว่าซุนเหยียนนอกใจ แต่ตอนนั้นหลินจูอารมณ์แย่เกินกว่าที่จะพูดอะไร
เมื่อพูดถึงหัวข้อนี้หลินจูก็ไม่หลีกเลี่ยงอีกต่อไป
“อันที่จริงซุนเหยียนโทษว่าฉันผิด…”
“เธอผิดอะไร?”
“เราคบกันมานานขนาดนี้แต่เราไม่เคยทำอะไรเลย มากที่สุดเราก็จูบกัน…”
หลังจากคำพูดของหลินจูจบลงดวงตาของฉินเสี่ยวหยุนก็มองออกไป
ทั้งสองคบกันมาเกือบสองปีแล้ว พวกเขาอยู่ด้วยกันทุกวันทั้งคืนและบางครั้งก็ออกไปเที่ยวด้วยกัน
แต่ยังไม่เคยงั้นเหรอ?!
“จริงหรือหลอกเนี่ย???”
ฉินเสี่ยวหยุนตกใจจนพูดไม่ออก
“จริงสิ! ฉันจะโกหกเธอทำไม…ซุนเหยียนขอฉันมากกว่าหนึ่งครั้งหรือสองครั้ง แต่ฉันไม่คิดว่าจะทำถ้าไม่แต่งงาน…แม้ว่าเขาจะไม่มีความสุข แต่เขาก็เคารพการตัดสินใจของฉัน ใครจะรู้ว่าเขาทนเหงาไม่ได้จนนอกใจ?”
หลินจูรู้สึกอึดอัดเมื่อเธอพูดถึงการนอกใจของซุนเหยียน
การนอกใจนั้นรุนแรงกว่าการเลิกราโดยตรง
“เธอเป็นคนดีมากแต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่ซุนเหยียนจะนอกใจเพระาถ้าเธอเกิดท้องแล้วเขาจะรับผิดชอบจริงเหรอ?”
“ขอบอกเลยว่าโชคดีมากที่เจอเรื่องนี้ก่อนแต่ง หากเธอเจอหลังจากแต่งงานไปแล้วมันจะพังพินาศแน่!”
ฉินเสี่ยวหยางพูดอย่างไม่พอใจ
“ใช่ ใช่ เสี่ยวหยุนฉันง่วงแล้วกลับบ้านกันเถอะ”
หลินจูขยี้ตาและหาว
เมื่อเห็นท่าทางของเธอ ฉินเสี่ยวหยุนก็ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้
แม้ว่าเธอจะอายุมากกว่าหลินจูเพียงสองปี แต่ฉินเสี่ยวหยุนก็เป็นผู้ใหญ่มากกว่าหลินจูทั้งภายนอกและภายใน
หลินจูดูเหมือนนักเรียนมัธยมปลายและอายุจิตใจของเธออาจต่ำกว่าเด็กมัธยมเสียอีก
ไม่มีทางเมินเฉยเธอคนนี้ได้จริง ๆ
วันรุ่งขึ้นเมื่อหลินจูยังคงนอนอยู่บนเตียงฉินเสี่ยวหยุนก็แต่งหน้าไปแล้ว
วันนี้เธอกำลังจะกลับไปที่บ้านตระกูลฉินเพื่อถามเรื่องการแต่งงาน
ฉินเสี่ยวหยุนกลับไปที่บ้านตระกูลฉินด้วยแรงผลักดันที่ดีจากการเลือกเครื่องแต่งกายแบบมืออาชีพที่ดูมีความสามารถ
ทันทีที่เธอเปิดประตูเธอก็เห็นฉินเสี่ยวหยางพี่ชายที่ไร้ประโยชน์ของเธอนั่งดูทีวีอยู่บนโซฟา
“กลับมาทำไม”
ฉินเสี่ยวหยางพูดอย่างไม่พอใจ
“นี่คือบ้านของฉัน ฉันจะกลับมาไม่ได้รึไง?”
“แล้วใครบอกว่าเธอกลับมาไม่ได้ ฉันแค่อยากรู้ว่าประธานฉินผู้ยิ่งใหญ่ของเราได้เวลากลับบ้านแล้วเหรอ!”
“อย่ามาพูดไร้สาระกับฉัน งั้นฉันจะถามนายบ้างไม่ใช่ว่านายถูกกักบริเวณเป็นเวลาหนึ่งเดือนหรือไง? ทำไมนายถึงออกจากห้อง?”
ฉินเสี่ยวหยุนถาม
“ฉันทำให้หยางหยางออกมาเอง เสี่ยวหยุนทำไมเธอไม่บอกแม่ว่าจะกลับมา!”
ฉินเชี่ยวเหลียนภรรยาของหัวหน้าตระกูลฉินเดินบิดตัวออกมาพูดกับฉินเสี่ยวหยุน