ตอนที่ 39 เรียนรู้ความเจ้าเล่ห์เพทุบายของปู้ฉิว ตอนที่ 40 งัดไ

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 39 เรียนรู้ความเจ้าเล่ห์เพทุบายของปู้ฉิว / ตอนที่ 40 งัดไม้เด็ด

ตอนที่ 39 เรียนรู้ความเจ้าเล่ห์เพทุบายของปู้ฉิว

ฉีเชียนเคยได้ยินเพื่อนสนิทเขาพูดว่าปรมาจารย์ปู้ฉิวมีนิสัยแปลก แต่กลับไม่รู้ว่าฝีปากของเขาจะเจ้าเล่ห์เพทุบายเช่นนี้ นับว่าได้เรียนรู้แล้วจริงๆ

อะไรนะ น่ายินดีหรือ

ฉีเชียนอดกลั้นแล้วอดกลั้นอีก สูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะเอ่ย “พวกเราโง่เขลาเบาปัญญานักที่ไม่รู้ว่าจะมีสถานที่แบบป่าวั่นกุ่ยนี้ด้วย”

ฉินหลิวซีพยักหน้าเห็นด้วย “ดังนั้นก็อย่าเอ่ยอะไรมั่วๆ อย่าพาคนคุ้มกันเข้าไปในป่าทึบ เข้าไปแล้วจะเกิดเรื่องได้ง่าย”

ข้าสงสัยว่าท่านกำลังพูดจาเหลวไหลไร้สาระ แต่ข้าไม่มีหลักฐาน

อิงหนานขบฟัน “ในเมื่อท่านรู้แล้วเหตุใดยังไปทางป่าทึบนั่น จงใจล่อเราเข้าไปชัดๆ”

“อิงหนาน!” ฉีเชียนขึงตาใส่เขาด้วยความไม่พอใจขึ้นมาบ้างแล้ว

อิงหนานหดศีรษะ ไม่เป็นธรรมกับเขาเลย!

“ข้าไปทางนั้นเพราะกำลังรีบนี่ ไปทางป่าวั่นไหวจะเข้าเมืองได้เร็วกว่าถนนทางการถึงครึ่งชั่วยามเชียวนะ!” ฉินหลิวซีเอ่ย “อีกอย่าง ข้าเป็นคนดีไม่มีอะไรที่ต้องกลัว พลังธรรมะของฟ้าดินสถิตย์อยู่กับข้า ข้าย่อมไม่กลัวสิ่งชั่วร้ายอยู่แล้ว”

เจ้าหมอนี่กำลังด่าพวกเขาอ้อมๆ อยู่!

อิงหนานอยากเอ่ยอะไรมากกว่านี้ แต่ถูกหั่วหลางดึงไว้เสียก่อน เขาจึงต้องถอยออกมา

“เป็นเพราะเราไม่รู้ทางและหลงทาง อย่างที่ท่านพูด เรายังโชคดีอยู่บ้าง” ฉีเชียนเอ่ยเรียบๆ

ฉินหลิวซีเหลือบมองพวกเขาพลางเอ่ย “โชคดีหรือ ความจริงแล้วพวกท่านควรจะควบคุมวาจาไว้บ้าง โดยเฉพาะเมื่อมาถึงสถานที่ของชาวพุทธและเต๋า หากไม่ควบคุมวาจาให้ดีก็จะก่อวจีกรรมได้ ใครจะไปรู้ว่าพวกท่านอาจจะทำวจีกรรมก็ได้จึงได้เดินหลงทางเช่นนั้น เรื่องบางเรื่องท่านอาจไม่เชื่อ แต่ก็อย่าได้ลบหลู่ คุณชายคิดเห็นอย่างไร”

อิงหนานที่ไม่รู้จักควบคุมวาจา “!”

ฉีเชียนได้ยินคำเตือนจากคำพูดนั้น และรู้ว่าฉินหลิวซีอาจเห็นว่าอิงหนานดูหมิ่นนักพรตเมื่อวานนี้จึงได้ให้บทเรียนพวกเขา

“ฉีเชียนน้อมรับคำสั่งสอน” เขาประสานมือคำนับอีกครั้ง

ฉินหลิวซีโบกมือ “เช่นนั้นก็เท่านี้”

“ปรมาจารย์ปู้ฉิว ข้าได้ยินมานานแล้วว่าท่านมีวิชาแพทย์ยอดเยี่ยม พวกเรามาเพื่อเชิญท่านไปรักษาคนด้วยความจริงใจ” ฉีเชียนเอ่ย “ใครก็พูดกันว่าหมอก็เหมือนพ่อแม่ของคนไข้ ขอเชิญปรมาจารย์ปู้ฉิวไปรักษาคนด้วยเถิด”

“หาผิดคนแล้ว” ฉินหลิวซีไม่หันกลับมา “ข้าแค่รู้เรื่องยาและการหลอกลวงคนอื่นอยู่บ้างเท่านั้น”

“หมื่นตำลึง” ฉีเชียนพูดขึ้นเบื้องหลังนาง

ฉินหลิวซีชะงักฝีเท้าทันที

“ขอแค่ปรมาจารย์ลงมือ ข้ายอมจ่ายหนึ่งหมื่นตำลึงเป็นค่าคำปรึกษา”

ฉินหลิวซีหันกลับมาด้วยรอยยิ้ม “ท่านว่าอย่างไรนะ”

“หนึ่งหมื่นตำลึงเป็นค่าคำปรึกษา”

“ไม่ใช่ ก่อนหน้านั้น”

ฉีเชียนมึนงงเล็กน้อย เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ปรมาจารย์ปู้ฉิว[1]…”

“เฮ้อ” ฉินหลิวซียิ้ม “คุณชายตามหาข้าด้วยเรื่องอันใด”

ฉีเชียน “…”

อิงหนานและคนอื่นๆ วางมือบนฝักกระบี่แล้ว และสามารถชักกระบี่ได้ทุกเมื่อ พวกเขากำลังโกรธจัด!

“เชียนมาที่นี่เพื่อขอเชิญท่านไปรักษาคน หากปรมาจารย์ปู้ฉิวยินยอมที่จะติดตามข้าไปรักษาผู้อาวุโสที่บ้าน เชียนก็ยินดีจะจ่ายหนึ่งหมื่นตำลึงทอง” ฉีเชียนเอ่ยอย่างอดทนอดกลั้น

ฉินหลิวซีโบกมือ “การหาหมอไปรักษาคนนี้จะจ่ายค่ารักษาหรือไม่ไม่ใช่สิ่งสำคัญ ก็เอ่ยกันว่าจิตใจของหมอดุจดั่งพ่อแม่มิใช่หรือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความกตัญญูของคุณชายนี้ อย่าว่าแต่สวรรค์เลย แม้แต่ข้าก็ยังซาบซึ้ง บอกมาเถิดว่าคนไข้อยู่ที่ไหน ไปกันเลย!”

ฉีเชียนและคนอื่นๆ หัวเราะหึๆ ในใจ พวกเขาเกือบจะเชื่อคำพูดที่ฟังดูสวยหรูนี้แล้ว

“ผู้อาวุโสเดินทางลำบาก เกรงว่าจะต้องรบกวนปรมาจารย์เดินทางไกลแล้ว ท่านอยู่ในเรือนพักใกล้จวนหนิงโจว การเดินทางจะใช้เวลาประมาณสามวัน” ฉีเชียนอธิบาย

“หนิงโจวหรือ การเดินทางค่อนข้างไกล ข้าไม่ค่อยชอบความยุ่งยากวุ่นวาย สุขภาพของข้าก็ไม่ค่อยดีนัก…”

ฉีเชียนรีบเอ่ยว่า “เรื่องอาหารการกิน ที่อยู่อาศัย ตลอดการเดินทางนี้ ปรมาจารย์อย่าได้กังวล เชียนจะจัดการเอง”

“เช่นนั้นก็ได้ อันดับแรกรถม้าต้องกว้างขวางและรองรับแรงกระแทกได้ สำหรับชา ข้าต้องการชาต้าหงผาวที่คุณภาพดีที่สุด การเดินทางนั้นยาวนานและน่าเบื่อ ของว่างจะให้ขาดไม่ได้…”

อิงหนานที่อยู่ด้านหลังมีสีหน้าทะมึนลงทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น เหตุใดข้อเรียกร้องของอีกฝ่ายถึงได้ดูเหมือนกำลังจะออกท่องเที่ยวเช่นนั้นเล่า

ตอนที่ 40 งัดไม้เด็ด

“นายท่าน ปรมาจารย์จงใจที่จะกรรโชกทรัพย์พวกเราหรือไม่ ดูข้อเรียกร้องของเขาสิ ทำราวกับจะออกเดินทางท่องเที่ยวกระนั้น” อิงหนานยืนบ่นอยู่ข้างหลังฉีเชียน

ฉีเชียนหมุนตัวกลับมามองเขาด้วยสีหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดๆ

อิงหนานใจเต้นไม่เป็นส่ำและเหงื่อตกทันทีด้วยแววตานั้น “นาย นายท่าน…”

“ปรมาจารย์ปู้ฉิวกล่าวบางคำไว้ถูกต้องแล้ว หากไม่ควบคุมวาจาให้ดีก็จะเกิดเรื่องร้ายเพราะปากนั้นในไม่ช้า เจ้าก้าวร้าวและเสียมารยาท” ฉีเชียนเอ่ยเรียบๆ “หากเจ้ายังทำเสียเรื่อง ล่วงเกินคนอื่นตอนที่ออกไปทำคดีกับข้าเช่นนี้ ข้าในฐานะเจ้านายของเจ้าก็มีแต่จะถูกเจ้าถ่วงแข้งถ่วงขาเท่านั้น”

อิงหนานคุกเข่าลงทันที “นายท่าน ข้าน้อยผิดไปแล้ว”

“กลับไปครั้งนี้ ให้เจ้าไปสงบจิตสงบใจที่อิงถังสักพัก สงบสติอารมณ์ได้เมื่อใดค่อยกลับมาติดตามรับใช้ข้า” ฉีเชียนก้มมองลงมา

อิงหนานหน้าซีดไปแล้ว คุกเข่าลงพยายามอ้อนวอน “นายท่าน ละเว้นข้าน้อยสักครั้งเถิด ต่อไปข้าน้อยไม่กล้าแล้วขอรับ”

“ข้าคิดว่าประสบการณ์ในป่าวั่นไหวเมื่อคืนนี้คงจะทำให้เจ้าระมัดระวังตัวขึ้นมาบ้าง ปรมาจารย์ปู้ฉิวสามารถล่อเราไปที่นั่นได้โดยง่าย เจ้าคิดว่าเขาไม่มีพิษมีภัยอย่างที่แสดงให้เห็นจริงๆ หรือ แต่หลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ เจ้าก็ยังมาปากดีวันนี้อีก หากปู้ฉิวผู้นั้นไม่สนใจแม้แต่ทองหมื่นตำลึงนี้ การเดินทางครั้งนี้ของพวกเราจะไม่เสียเปล่าหรอกหรือ”

อิงหนานยิ่งละอายใจไม่กล้าขอความเมตตาอีก เขาหมอบอยู่บนพื้นพลางเอ่ย “ข้าน้อยผิดไปแล้ว ข้าน้อยเกือบทำให้นายท่านเสียงาน สมควรได้รับโทษ”

“ออกไปเถิด ไปจัดการตามที่ปรมาจารย์ขอให้เรียบร้อย”

“ขอรับ”

อิงหนานโค้งคำนับและถอยออกไป

หั่วหลางเอ่ยขึ้นหลังจากที่เขาออกไปแล้ว “นายท่าน อิงหนานยังเป็นเด็กจึงเลือดร้อน ถูกคนผู้นั้นยั่วยุเช่นนี้ หากจะให้เอ่ยตามตรง แม้แต่ข้าน้อยเองก็แทบจะระงับโทสะไว้ไม่อยู่”

“เรามาขอร้องคนอื่น ต่อให้โกรธแทบตายก็ต้องอดทน หากไม่มีท่าทีอย่างคนมาขอร้อง แล้วใครเขาจะสนใจเจ้า”

“แต่นายท่านมีสถานะสูงส่ง ใช่ว่าคนอย่างนักพรตธรรมดาๆ จะเทียบชั้นได้” หั่วหลางยังรู้สึกไม่พอใจแทนเจ้านายของตน

ฉีเชียนยังเอ่ยอย่างใจเย็น “ขอเพียงนางสามารถทำให้ท่านย่าแข็งแรงขึ้นมาได้ ข้ายอมอดกลั้น อีกอย่างต่อให้ต้องทนมากกว่านี้ ข้าก็ผ่านมาแล้ว”

เมื่อหั่วหลางนึกถึงบางเรื่องขึ้นมาได้ สีหน้าก็พลันเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยและเงียบไปทันที

ฉีเชียนยืนอยู่ข้างหน้าต่างมองดูผู้คนที่สัญจรไปมาบนถนน สายตาของเขาจับจ้องไปยังจุดหนึ่ง

“คุณชาย เช่นนั้นแล้วพวกเราจะไปหนิงโจวกันหรือ” เฉินผีที่ติดตามข้างกายฉินหลิวซีเอ่ยด้วยน้ำเสียงดีอกดีใจ “ถึงพี่สาวจะไม่บอกให้ไป ข้าก็จะตามคุณชายไปด้วยแน่นอน”

“หนิงโจวอยู่ไกล เจ้าไม่กลัวเหนื่อยหรือ”

“ติดตามคุณชายจะเหนื่อยได้เช่นไร” เฉินผีเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อีกอย่าง ข้ายังต้องคอยคุ้มครองคุณชายด้วย”

ฝีเท้าของฉินหลิวซีชะงักไปเล็กน้อยก่อนที่จะหันไปมองอีกฝ่ายแล้วดีดหน้าผากนางไปทีหนึ่งด้วยรอยยิ้ม จากนั้นจึงเดินเข้าไปในตำหนักอายุวัฒนะ

“ผู้ดูแลร้านไหลได้เก็บดอกเฟิงหลิงไว้ให้ข้าหรือไม่”

พอผู้ดูแลร้านไหลเห็นนาง เขาก็วางเรื่องที่กำลังทำอยู่และเข้ามาต้อนรับนางทันที “ย่อมเก็บไว้อยู่แล้ว แต่คุณชายฉิน เถ้าแก่ของข้าบอกว่าดอกเฟิงหลิงนั้นหายาก…”

ฉินหลิวซีหน้ามืดลงทันที “อะไรนะ เจ้าเฟิงเฮยซังนั่นคิดจะขูดรีดข้าหรือ เขาต้องการขึ้นราคา!”

“เราจะกล้าทำแบบนั้นได้เช่นไร ท่านอย่าได้เข้าใจผิดเชียว” ผู้ดูแลร้านไหลถูมือไปมาพลางเอ่ย “นายท่านคิดว่าคุณชายฉินไม่ทำงานมานานแล้วและกลัวว่าท่านจะยุ่ง ก็เลยให้ข้าบอกคุณชายว่าช่วยปรุงดอกอวี้จีให้หน่อย ฝีมือของท่านจะได้ไม่ขึ้นสนิมไปเสียก่อน”

ฉินหลิวซีแค่นเสียง “พูดไปพูดมาเฟิงเฮยซังก็ต้องการที่จะกดขี่ข้าอยู่ดี”

“มิกล้าๆ นายท่านบอกว่าหากคุณชายฉินยินดีที่จะปรุงดอกอวี้จีด้วยตัวเอง ดอกเฟิงหลิงนี้ก็ให้ท่านไปเลยโดยไม่ต้องจ่าย” ผู้ดูแลร้านไหลงัดไม้เด็ด

ดวงตาของฉินหลิวซีเป็นประกายขึ้นมาทันที กระแอมไอก่อนจะเอ่ยว่า “คุณชายของเจ้าคิดอ่านรอบคอบ งานฝีมือนี้ก็เหมือนกับมีด ถ้าไม่ลับคมก็ไม่คมหรอก แล้วดอกอวี้จีเล่า”

[1] ปู้ฉิว แปลว่า ไม่เรียกร้อง ความหมายเป็นเชิงว่าฉินหลิวซีต้องการเน้นย้ำไปถึงคำว่า ปู้ฉิว ที่ฉีเชียนเรียก เพื่อจะบอกว่าตนนั้นไม่สนใจเรื่องค่าตอบแทนเงินทองที่อีกฝ่ายเสนอมา