ตอนที่ 265 – งานชุมนุมค้าขาย

อยู่ที่เมืองคุนจงหลายวัน โม่เทียนเกอนอกจากจะปรับลมหายใจฝึกตนอยู่ในเรือนเล็กแห่งนี้แล้ว บางครั้งก็จะออกไปเดิน ๆ ดูข้างนอก

เมืองคุนจงถึงจะไม่ได้เป็นเมืองใหญ่บนโลกมนุษย์ แต่กลับเป็นเมืองแห่งการค้าขายอันดับหนึ่งของคุนอู๋ มาถึงที่นี่แล้วแต่ไม่ไปเดินดูให้ทั่วมันเสียเปล่าจริง ๆ

ถึงจะบอกว่าผู้ฝึกตนระดับสูงกว่าก่อเกิดตานยากมากที่จะหาพบสมบัติที่เหมาะสมในตลาดทั่วไปประเภทนี้ แต่เมืองแห่งการค้าขายจะอย่างไรก็เป็นเมืองแห่งการค้าขาย เมืองคุนจงมีฉายาในคุนอู๋ว่ามีแต่ของที่ท่านคิดไม่ถึง ไม่มีของที่ท่านซื้อไม่ได้ นั่นเป็นส่วนที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของมัน

ก่อนจะออกเดินทางโม่เทียนเกอนำวัตถุดิบในการหลอมสร้างพัดแห่งสวรรค์และโลกาซึ่งทางโรงเรียนเก็บรวบรวมให้ติดตัวมาด้วยทั้งหมด ตอนนี้นับดูให้ละเอียดก็เกือบจะครบแล้ว วัตถุดิบจิปาถะเหล่านั้นล้วนเก็บรวบรวมได้ทั้งหมด สิ่งที่ขาดมีเพียงแร่อวี้สุ่ยอายุพันปีขึ้นไปและศิลาเมฆานิ่ง ศิลาเมฆานิ่งพบเห็นได้น้อยจริง ๆ แม้แต่คนที่รู้จักของสิ่งนี้ก็ยังมีไม่มาก แร่อวี้สุ่ยพันปีถึงคนที่รู้จักจะไม่น้อย แต่พบเห็นบนโลกได้น้อย ถึงจะพบเห็นก็จะถูกคนซื้อไปอย่างรวดเร็ว

โม่เทียนเกอเคยอาศัยอยู่ที่เมืองคุนจง ทราบว่าเมืองคุนจงมีงานชุมนุมค้าขายของผู้ฝึกตนระดับสูง ส่งเครื่องรางสื่อสารให้กับฉินซีเอ่ยถึงเรื่องนี้

ฉินซีตอบนางกลับมาอย่างรวดเร็ว บอกว่าตนเองรู้แล้ว จะพานางไป

พอได้รับคำตอบนี้โม่เทียนเกอกลับตะลึงงัน สาเหตุที่นางถามฉินซีเป็นเพราะเขาบอกว่าพรตเต๋าคูมู่และถงเทียนอวิ้นเป็นผู้ฝึกตนอิสระของเมืองคุนจงนี้ ด้วยระดับการฝึกตนของพวกเขาคิดว่าจะต้องมีส่วนจัดการดูแลเมืองคุนจง งานชุมนุมค้าขายพวกนี้ย่อมจะรู้จัก คาดไม่ถึงว่าตัวฉินซีเองจะพานางไป นางจะปฏิเสธก็ไม่สะดวกอีก คิด ๆ ดูแล้วก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร งานชุมนุมค้าขายมันก็เท่านั้น คนอื่นจะอยู่หรือไม่อยู่เกี่ยวข้องอะไรด้วยเล่า

พอถึงคืนวันนั้น ฉินซีก็ส่งข้อความมาให้นางตามคาด โม่เทียนเกอเก็บข้าวของ พอเปิดประตูออกเขาก็ยืนอยู่นอกประตู

“โส่วจิ้งซือเกอ”

ฉินซีพยักหน้า แล้วก็ไม่พูดจาไร้สาระ เอ่ยตรง ๆ เลยว่า “ไปเถอะ เจ้าอยากไปงานชุมนุมค้าขาย ตอนนี้ก็มี”

ดูท่าทางของเขาคุ้นเคยกับเมืองคุนจงยิ่งนัก โม่เทียนเกอตามหลังเขาไปเงียบ ๆ ไม่ได้ใช้วิชาเหินบิน เพียงเดินลดไปเลี้ยวมาอยู่ในเมือง

กำลังอยู่ในเวลาเที่ยงคืน เมืองคุนจงที่ครึกครื้นในตอนกลางวันเงียบสงัด มีเพียงผู้ฝึกตนน้อยรายเร่งเดินทาง ปุถุชนสักคนก็ไม่เห็น

และผู้ฝึกตนเหล่านี้กว่าครึ่งระดับการฝึกตนค่อนข้างสูง เป้าหมายก็ค่อนข้างเหมือนกัน

โม่เทียนเกอเห็นว่าผู้ฝึกตนเหล่านี้ล้วนเดินไปยังเจดีย์คุนจงที่สูงที่สุดในเมือง ทิศทางที่ฉินซีพานางไปก็เป็นที่เดียวกัน ไม่คาดว่าเดินไปได้สักพักกลับดึงมือของนางกระซิบเอ่ยว่า “ด้านนี้”

นิ้วมือเย็นเล็กน้อย ถ่ายทอดความเย็นชาอันเป็นเอกลักษณ์ของผู้ฝึกตน แตะสัมผัสแล้วก็ผละไป

ทั้งสองคนเข้าประตูหลังของร้านค้าด้านข้างแห่งหนึ่ง

ประตูหลังนี้มีความลึกลับอีกอย่าง พวกเขาผลักประตูเข้าไปก็มีผู้ฝึกตนระดับต่ำกระซิบบอกว่า “ยินดีต้อนรับผู้อาวุโส” กลับเป็นเสียงสตรีที่อ่อนหวานถึงสิบส่วน

ไม่ว่าจะที่ไหนล้วนใช้ผู้ฝึกตนสตรีมาต้อนรับแขกเหรื่อ โม่เทียนเกอลอบถอนหายใจ ไม่พูดอะไรแล้วเดินตามฉินซี ข้างหน้ามีผู้ฝึกตนสตรีนำทางเข้าเรือน เข้าอุโมงค์อีกแห่งหนึ่ง จู่ ๆ เบื้องหน้าสายตาก็กระจ่างจ้าขึ้นมา

“ผู้อาวุโสทั้งสองโปรดตามสบาย มีเรื่องอันใดโปรดเรียกพวกข้า” ผู้ฝึกตนสตรีระดับหลอมรวมพลังวิญญาณนี้เชื้อเชิญด้วยความเคารพอย่างหาใดเปรียบปานแล้วถอยเข้าไปในความมืด

โม่เทียนเกอหันหน้ามองรอบ ๆ โถงเล็ก ๆ นี้มีแผนผังเรียบง่าย โดยรอบวางเก้าอี้อยู่ไม่น้อย มีผู้ฝึกตนหลายคนกำลังพักผ่อนรอคอย ในคนเหล่านี้ระดับการฝึกตนต่ำสุดก็คือสร้างฐานพลังขั้นกลาง นอกจากพวกเขายังมีผู้ฝึกคนระดับก่อเกิดตานสองคน

ฉินซีทำท่าบอกใบ้ ทั้งสองคนก็หามุมหนึ่งนั่งลง ยกสองมือขึ้นตั้งกำแพงอาคมกั้นเสียงอันหนึ่ง กล่าวกับนางว่า “นี่เป็นงานชุมนุมค้าขายชั้นสูงสุดของเมืองคุนจง แม้แต่เหล่าผู้ดูแลเมืองคุนจงก็มาเข้าร่วม”

ได้ยินคำพูดนี้แล้ว โม่เทียนเกอประหลาดใจอยู่บ้าง “พวกเขา…..ก็ต้องเข้าร่วมงานชุมนุมค้าขายด้วยหรือ”

ฉินซียิ้มเล็กน้อย กล่าวว่า “เมืองคุนจงนี้ไม่มีเจ้าเมือง มีเพียงผู้ฝึกตนอิสระที่เป็นที่นับหน้าถือตาหลายท่านรวมตัวเป็นสมาคมผู้ฝึกตนอิสระดูแลเรื่องการค้าขาย แม้จะเป็นเช่นนี้ พวกเขากลับไม่มีเอกสิทธิ์อะไรในการค้าขาย เพียงแต่แหล่งข่าวสารจะสมบูรณ์กว่าหน่อย หาสิ่งของจำเป็นได้ง่าย”

วิธีการดูแลนี้ช่างพิเศษ โม่เทียนเกอแอบคิดในใจ

ฉินซีกล่าวต่อว่า “สมาคมผู้ฝึกตนอิสระของเมืองคุนจงมีผู้ฝึกตนก่อเกิดตานทั้งสิ้นเจ็ดคน กำหนดแน่ว่าหนึ่งในนี้จะดำเนินการงานชุมนุมค้าขายนี่ ที่งานชุมนุมค้าขายนี้ พวกเขาจะอนุญาตให้ร้านค้าที่ดีที่สุดแห่งสองแห่งของเมืองคุนจงนำสมบัติที่ดีที่สุดมาประมูล จบแล้วก็จะเป็นการค้าขายกันเองระหว่างผู้ฝึกตน เพียงต้องจ่ายค่าธรรมเนียมจำนวนที่ไม่ถือว่ามากก็พอ งานชุมนุมค้าขายนี้มีชื่อเสียงในคุนอู๋ ผู้ฝึกตนระดับต่ำกว่าก่อเกิดตานนอกเสียจากจะมีภูมิหลังอยู่บ้างจึงจะสามารถเข้าร่วมได้ บ่อยครั้งมีผู้ฝึกตนก่อเกิดตานมาเป็นการเฉพาะตามชื่อเสียงของมัน”

โม่เทียนเกออึ้งไป กล่าวว่า “เมืองคุนจงถึงกับมีผู้ฝึกตนก่อเกิดตานมากมายขนาดนี้เชียวหรือ” สามารถค้าขายกันเองได้อย่างต่ำที่สุดก็ต้องมีสิบคนขึ้นไปใช่ไหม

ฉินซีส่ายหน้า “ผู้ฝึกตนเหล่านี้เป็นผู้ที่เร่งมาค้าขายโดยเฉพาะ ไม่ได้อยู่อาศัย ผู้ฝึกตนก่อเกิดตานจะหาดูได้ง่ายขนาดนั้นได้ที่ไหน ปกติแล้วในเมืองคุนจงนี้มากที่สุดก็มีประมาณสิบคน ในนี้เกินครึ่งยังเป็นคนของสมาคมผู้ฝึกตนอิสระ ถ้าไม่เช่นนั้นพวกเขาจะดูแลเมืองคุนจงนี้ได้อย่างไร”

ก็ใช่ ถ้าหากผู้ฝึกตนก่อเกิดตานมากขนาดนั้น สมาคมผู้ฝึกตนอิสระอะไรก็เกรงว่าจะกดเอาไว้ไม่อยู่

ทั้งสองคนนั่งสักพัก ฉินซีถามว่า “ชิงเวยซือเม่ย เจ้าอยากซื้ออะไรหรือ หรือว่ามอบหมายให้โถงผู้ดูแลแล้วก็ยังหาซื้อไม่ได้”

โม่เทียนเกอปรับตัวกับการเรียกขานที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาของเขาไม่ได้อยู่บ้าง ผ่านไปพักหนึ่งจึงตอบว่า “เป็นวัตถุดิบหลอมสร้างอาวุธเวทคู่ชีพ….โถงผู้ดูแลรวบรวมวัตถุดิบส่วนใหญ่ได้แล้ว ขาดเพียงสองอย่างแต่มันหายาก”

“คืออะไร”

“แร่อวี้สุ่ยพันปีกับศิลาเมฆานิ่ง”

ฉินซีขมวดคิ้ว เอ่ยว่า “แร่อวี้สุ่ยพันปีสามารถพบเห็นเป็นครั้งคราว แต่ของสิ่งนี้มีการใช้งานหลากหลาย สามารถหลอมโอสถและยังสามารถหลอมอุปกรณ์ มักจะเป็นว่าพอปรากฏก็ถูกคนซื้อไปในราคาสูง อยากจะได้มายังต้องใช้โชคนิดหน่อย ส่วนศิลาเมฆานิ่งนี่ข้าจดจำได้ว่าประมาณร้อยปีก่อนข้าเคยเห็นในสถานที่เล็ก ๆ แห่งหนึ่ง เสียดายที่ตอนนั้นไม่รู้จักของสิ่งนี้ ไม่ได้ซื้อมา ผ่านไปนานปีขนาดนี้ก็ไม่รู้ว่าตกไปอยู่ในมือใครแล้ว”

โม่เทียนเกอได้ยินแล้วก็ดีใจ “โส่วจิ้งซือเกอ ท่านรู้ว่าศิลาเมฆานิ่งเป็นอย่างไรหรือ”

ฉินซีพยักหน้า “แต่เป็นเรื่องที่ร้อยปีที่แล้ว ถ้าเจ้าจะให้ข้าไปหาออกมา ข้ากลับจนปัญญาแล้ว”

“ไม่ต้องหรอก” โม่เทียนเกอยิ้มเอ่ยว่า “ศิลาเมฆานิ่งนี้คนรู้จักน้อยนัก ข้าเคยถามซือฟุ แม้แต่ซือฟุยังเพียงเคยได้ยินไม่เคยพบเห็น ก็เลยไม่รู้ว่าหน้าตาเป็นอย่างไร ไม่มีทางเสาะหาได้”

พอเห็นใบหน้ายิ้มแย้มของนาง ฉินซีก็ตะลึงงันไปพักใหญ่ไม่ตอบคำ

โม่เทียนเกอยังนึกว่าเขาไม่เต็มใจ เก็บรอยยิ้มช้า ๆ “หากซือเกอไม่สะดวกก็ลืมไปเถอะ”

“ไม่ใช่” ฉินซีส่ายหน้าเอ่ยว่า “ข้าคิดอยู่….คล้ายกับว่าก็ไม่ได้มีสักษณะที่เด่นชัดจนเกินไป แต่ว่าถ้าข้าได้เห็นจะต้องสามารถจำได้”

หินแร่บางอย่างหน้าตาคล้ายคลึงกันมาก แต่พลังวิญญาณที่บรรจุอยู่ภายในกลับมีความแตกต่างอันละเอียดอ่อน ใช้คำพูดอธิบายได้ไม่ชัดเจน แต่ถ้าแยกแยะอย่างระมัดระวังก็ยังจะสามารถแยกแยะออกมาได้

โม่เทียนเกอทั้งดีใจและผิดหวัง ถ้าเป็นเช่นนี้ ตัวนางเองกังวลไปก็เปล่าประโยชน์

ฉินซีคิด ๆ ดูแล้วกล่าวว่า “เจ้าก็ไม่ต้องกังวล ถึงพวกเราจะหาไม่พบทันทีทันใดก็มอบหมายให้พรตเต๋าคูมู่กับสหายเต๋าถงก็ได้ พวกเขาข่าวสารกว้างขวาง ขอเพียงสิ่งของสองอย่างนี้ปรากฏที่เมืองคุนจงจะต้องปิดพวกเขาไม่ได้”

นี่ก็เป็นหนทางในความไร้หนทาง สุดท้ายแล้วก็มีความหวังมากขึ้นหน่อย โม่เทียนเกอเอ่ยว่า “เช่นนี้ก็ดี รบกวนโส่วจิ้งซือเกอแล้ว”

ฉินซีส่งเสียงตอบรับ เหล่ตาเหลือบมองนาง ถามอีกว่า “ถ้าเกิดในระยะเวลาสั้น ๆ หาไม่พบจะทำอย่างไร ไม่มีอาวุธเวทคู่ชีพก็จะอ่อนแอสักหน่อยอยู่ตลอด สิ่งของสองอย่างนี้ที่เจ้าต้องการหาล้วนได้แต่พานพบมิอาจเสาะหา”

โม่เทียนเกอก็ค่อนข้างลังเล “อาวุธเวทคู่ชีพมีเพียงชิ้นเดียว ถ้าจะทำแบบส่ง ๆ ข้าก็ไม่เต็มใจ…..”

หัวจิตหัวใจเช่นนี้ผู้ฝึกตนก่อเกิดตานทุกคนล้วนมี อาวุธเวทคู่ชีพเกี่ยวโยงถึงความสามารถในการต่อสู้ ถ้าหากเลือกมาส่ง ๆ ถึงจะสามารถเติบโตได้ สุดท้ายก็จะอ่อนกว่าคนอื่นเล็กน้อย ใครจะอยากมีจุดเริ่มต้นที่ด้อยกว่าผู้อื่นกันเล่า แต่ถ้าอยากเอาอาวุธเวทระดับสูงมาทำอาวุธเวทคู่ชีพมันก็ค่อนข้างหายาก ไม่เคยจะได้หลอมสร้างก็จะส่งผลกระทบต่อความสามารถต่อสู้ของตนเองมากยิ่งกว่า

ฉินซีเข้าใจเป็นอย่างมาก พยักหน้าเอ่ยว่า “หากมิใช่ว่าตอนนั้นที่ข้าอยู่ระดับสร้างฐานพลังได้รับสูตรการหลอมสร้างกระบี่อัคนีสามพลังหยางมาโดยบังเอิญ ก็เกรงว่าจะเป็นอย่างเจ้า”

โม่เทียนเกอก็เสียดายภายหลังอยู่บ้างที่ตนเองไม่ได้พูดแต่แรก ตอนนั้นจิตใจทุ่มอยู่กับการก่อเกิดตาน รู้สึกเสมอว่าอาวุธเวทคู่ชีพเป็นเรื่องราวที่หลังจากก่อเกิดตานแล้วจึงจะต้องคำนึงถึง ก็เลยไม่ได้อยูในสมองเลย

ทั้งสองคนนั่งนิ่ง ต่างคนต่างคิดความในใจ ผ่านไปพักหนึ่ง ในที่สุดก็มีผู้ฝึกตนสร้างฐานพลังผู้หนึ่งเข้ามา เอ่ยเสียงดังว่า “ผู้อาวุโส สหายเต๋าทุกท่าน!”

สายตาของทั้งหมดตกลงบนร่างเขา เพียงฟังเขาเอ่ยว่า “ทำให้ทุกท่านรอคอยเป็นเวลานานแล้ว ขอเชิญมากับข้า”

โม่เทียนเกอหันหน้าไปมองฉินซี ฉินซีพยักหน้าให้นาง ทั้งสองคนลุกขึ้นตามไปกับฝูงชน เข้าสู่ห้องโถงเล็กอีกแห่งหนึ่ง

ห้องโถงเล็กนี้กลับหรูหรายิ่งกว่าเมื่อครู่มาก ภายในจัดวางโต๊ะกลมตัวใหญ่มหึมาตัวหนึ่ง เพียงพอให้คนสามสิบคนนั่งลง โดยรอบมีคนนั่งลงบ้างแล้ว บางคนเป็นเช่นเดียวกับพวกเขา ไม่มีการปิดบังตัวตนอันใด แต่มีคนกว่าครึ่งที่สวมใส่ชุดคลุมดำและงอบ โม่เทียนเกอกวาดจิตหยั่งรู้ไปรอบหนึ่ง พบว่างอบนี้ถึงกับสกัดกั้นจิตหยั่งรู้ได้อย่างง่ายดาย ประหลาดใจเป็นอย่างมาก

ฉินซีแตะนางเบา ๆ เลือกที่นั่งสุ่ม ๆ ทำท่าให้นางเดินผ่าน โม่เทียนเกอมองดู ทุกคนก็ทำเช่นนี้ จึงทำตามคนส่วนมาก

ทั้งสองคนนั่งลง นางได้ยินข้อความลับของฉินซี “ที่นี่มีบางคนที่สถานภาพไม่เหมาะจะเปิดเผย ดังนั้นแต่งตัวเช่นนี้ เจ้าอย่าใช้จิตหยั่งรู้ต่อพวกเขาสุ่มสี่สุ่มห้า”

โม่เทียนเกอพยักหน้าเล็กน้อย ถึงตอนที่นางเยาว์วัยจะเคยไปสถานที่มากมาย งานชุมนุมค้าขายของผู้ฝึกตนระดับสูงอย่างนี้กลับไม่มีโอกาสพบเห็น ไม่รู้ข้อห้ามในนี้

รอจนทุกคนนั่งลง โม่เทียนเกอมองสำรวจผ่าน ๆ พบว่าในที่นี้รวมนางกับฉินซีแล้วถึงกับมีผู้ฝึกตนก่อเกิดตานสิบคน นอกจากนี้ผู้ฝึกตนระดับสร้างฐานพลังขั้นกลางและปลายก็มีประมาณสิบคน

งานชุมนุมค้าขายลับเช่นนี้มีเพียงพวกเขายี่สิบคน สามารถเห็นได้ว่าจะต้องล้ำค่า แต่ไม่รู้ว่ามีสมบัติอะไร

ไม่ทันไรก็มีคนเดินเข้ามาจากประตูข้าง สีหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสดูน่าสะพรึงกลัวมาก ถึงกับเป็นถงเทียนอวิ้นผู้นั้น

ถงเทียนอวิ้นเข้ามา สายตากวาดมองไปถึงฉินซีกับโม่เทียนเกอรอบหนึ่ง พยักหน้าแย้มยิ้ม หันเหสายตาออกไปทันที เอ่ยเสียงดังว่า “ถงเทียนอวิ้นแห่งสมาคมผู้ฝึกตนอิสระเมืองคุนจง ขอต้อนรับสหายเต๋าทุกท่าน”

ผู้ฝึกตนก่อเกิดตานขั้นกลางผู้หนึ่งคำนับ เหล่าผู้ฝึกตนสร้างฐานพลังในที่แห่งนั้นไม่ว่าจะมีสถานะสูงส่งสักแค่ไหนก็ไม่กล้ารับ พากันลุกขึ้นค้อมตัวลง ส่วนผู้ฝึกตนก่อเกิดตานกว่าครึ่งเพียงนั่งอยู่กับที่ทักทายตอบกลับ

ถงเทียนอวิ้นย่อมไม่ถือสา หลังผ่านการทักทายกันแล้วก็ยิ้มเอ่ยว่า “ทุกท่านในเมื่อสามารถมาถึงที่นี่ย่อมรู้กฎของงานชุมนุมค้าขาย ผู้แซ่ถงจะไม่พูดมากอีกแล้ว เริ่มกันเลยเถิด”

…………………………………….

ตอนที่ 266 – หยกผลึกวิญญาณ