ตอนที่ 67 เสียงคำรามสะเทือนฟ้าดิน

พ่อบ้านจักรพรรดิปีศาจ

เสวี่ยหนิงเซียนหันไปมองจั๋วฝาน

จั๋วฝานพูดขณะจับจ้องวัชพืชรอบถ้ำ”นั่นคือหญ้าผ่อนคลาย!”

“วิเศษ มันสามารถช่วยบรรเทาความเหนื่อยล้าได้ มีอะไรผิดปกติงั้นเหรอ?”เซี่ยเทียนหยางถาม

จั๋วฝานพูดด้วยความรำคาญ”นั่นจริงสำหรับมนุษย์ แต่สำหรับสัตว์อสูร มันมีผลดึงดูดสัตว์อสูรโดยรอบ”

เซี่ยเทียนหยางตื่นตระหนก”นั่นหมายความว่า..กับดัก?”

จั๋วฝานพยักหน้า”ใช่ กับดักของนักล่า หนูดินถูกล่อมาที่นี่และนำเราไปหามัน!”

“บัดซบ เจ้าสามารถฝังหัวตัวเองและหนีได้ แต่เราจะลำบาก ทำไมข้าถึงรับเจ้ามาเลี้ยงนะ?”เซี่ยเทียนหยางตะคอกใส่หนู

ปกติเขาจะไม่เป็นแบบนี้ แต่ตอนนี้เขาบาดเจ็บ ไร้พลังต่อต้านการโจมตี ในสภาพนี้ การตกหลุมพรางคือฟางเส้นสุดท้าย

เพื่อหลบหนีจากผู้อาวุโสเจ็ดแต่มาตายในกับดักอสูรเป็นสิ่งที่อัจฉริยะคนนี้ยอมรับไม่ได้

หนูดินส่งเสียงแหลมสองสามครั้งพร้อมลดหัวลง

เสวี่ยหนิงเซียงกอดมันไว้ที่หน้าอกและพูดเสียงเบากับจั๋วฝาน”เราจะทำไงกันดี?”

นางมีความรู้สึกไม่ดีต่อจั๋วฝานแต่นางมักหันไปหาเขาเพื่อขอความช่วยเหลือตอนปัญหาเกิด

“จะทำอะไรอีกละ?!วิ่ง!”เซี่ยเทียนหยางแหกปาก

จั๋วฝานรีบถาม”ตอนนี้กี่โมงแล้ว?”

เสวี่ยหนิงเซียงมองออกไปนอกถ้ำ แต่เมฆฝนปิดท้องฟ้าไว้ นางส่ายหัว”ข้าไม่แน่ใจ แต่มันคงเลยกลางวันไปแล้ว”

“บัดซบ!”จั๋วฝานหน้าดำ”เม็ดยาปกปิดพลังงานต้องหมดฤทธิ์แล้วและเราจะตกเป็นเป้าง่ายๆ ข้าเดาว่าสัตว์อสูรต้องมาที่นี่เป็นฝูงแน่!”

“ว่าไงนะ?”เซี่ยเทียนหยางดีดตัว”เจ้าบอกว่า…เป็นฝูง?”

จั๋วฝานพยักหน้า”สัตว์อสูรที่แข็งแกร่งจริงจะไม่ใช้กลอุบายนี้ มีแค่สัตว์อสูรระดับต่ำถึงวางกับดักและเคลื่อนเป็นฝูง”

จากนั้น ร่วมกับเสียงฝน เสียงคำรามของสัตว์อสูรดังก้องและดวงตาโหดร้ายหลายคู่ก็จับจ้องปากถ้ำ

ดูคร่าวๆจะเป็นหัวเป็นพันหัว

“หมาป่ากระหายเลือด!”

จั๋วฝานถอนหายใจ”เราจบแล้ว หมาป่ากระหายเลือดคือสัตว์อสูรระดับสองแต่ด้วยจำนวนพวกมัน พวกมันต้องมีราชาหมาป่าระดับสามอยู่ด้วย แม้กระทั่งสัตว์อสูรระดับสี่ก็ยังไม่กล้ายุ่งกับพวกมัน”

เซี่ยเทียนหยางเห็นดวงตาสีเขียวเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ”บัดซบบบบ!สวรรค์ต้องอิจฉาพรสวรรค์แสนโดดเด่นของข้าและอยากฆ่าข้าแน่!”

เสวี่ยหนิงเซียงดูกังวลขณะที่จั๋วฝานมีสีหน้าที่ยอมรับไม่ได้

“เซี่ยเทียนหยาง!”

จั๋วฝานพูด”ส่งกระบี่เจ้าให้หนิงเอ๋อร์!”

“หนิงเอ๋อร์?”เซี่ยเทียนหยางไม่เข้าใจ”กระบี่ดาราของข้าเป็นอาวุธจิตวิญญาณระดับสี่ แต่หนิงเอ๋อร์คือผู้บ่มเพาะกลั่นลมปราณ มันไม่พอจะรับมือสัตว์อสูรเหล่านั้น”

เขาพูดถึงความแตกต่างด้านการบ่มเพาะและจ้องจั๋วฝาน”นางไม่เหมือนเจ้าที่สู้กับผู้บ่มเพาะหลอมกระดูกและนภาได้ตอนเป็นผู้บ่มเพาะกลั่นลมปราณ”

จั๋วฝานยิ้ม”หนิงเอ๋อร์จะไม่สู้กับพวกมัน แต่หลบหนีออกจากวงล้อมพวกมัน”

เขาหยิบขวดออกจากแหวนแต่ไม่มีพลังยกมันขึ้น

“หนิงเอ๋อร์ ใช้เม็ดยาปกปิดพลังนี่ซะ”

จั๋วฝานพูดอย่างสงบ”ใช้มันเพื่อออกเทือกเขาหมื่นอสูรตอนฝ่าวงล้อมไปได้ แต่อย่าไปตระกูลเจ้า ออกจากเมืองไปซะ”

เซี่ยเทียนหยางเข้าใจแผนของจั๋วฝานแล้ว เขาเองก็หยิบกระบี่ดาราของเขาออกมาเช่นกัน

หนี้ของพวกเขาที่มีต่อหนิงเอ๋อร์สูงเกินไป และตอนนี้ พวกเขาก็เหมือนคนที่ตายไปแล้ว

เมื่อเห็นสายตามุ่งมั่นของพวกเขา เสวี่ยหนิงเซียงก็รับกระบี่และวิ่งออกไปด้านนอก

ทั้งเซี่ยเทียนหยางกับจั๋วฝานเผยรอยยิ้มโล่งใจ รู้สึกว่าน้ำหนักถูกยกออกจากหน้าอก

“แบบนี้ เราสามารถตอบแทนความเมตตาของนางได้ ต่อให้เราต้องตาย เราก็จะตายโดยไม่รู้สึกค้างคาใจ”เซี่ยเทียนหยางพึมพำ

จั่วฝานพูด”ข้าไม่สนเรื่องการตอบแทน ข้าแค่ไม่อยากตายแบบนี้ ข้าไม่อยากให้นางคอยดูแลข้าต่อ”

“ฮึ่ม พวกใจดำ!”เซี่ยเทียนหยางบ่น

หลังหยอกเย้าสั้นๆ ทั้งสองก็รออย่างสงบสุดให้หมาป่ากระหายเลือดกินพวกเขา

แต่จากนั้นเสียงร้องก็ดังขึ้น ตามด้วยเลือดที่กระเซ็นใส่ทั้งสอง

เมื่อพวกเขามองไปที่ปากถ้ำ พวกเขาก็ต้องตกใจที่เห็นเสวี่ยหนิงเซียงยืนเฝ้าอยู่ที่ปากถ้ำ หมาป่ากระหายเลือดบางตัววนรอบ พยายามเข้าแต่โดนนางตัด

ด้วยนางที่ยืนเฝ้าและนี่เป็นทางเข้าเดียว หมาป่าจึงถูกปิดไม่ให้เข้าถ้ำได้

“หนิงเอ๋อร์ เจ้าทำบ้าอะไร?”จั๋วฝานตะโกน

เสวี่ยหนิงเซียงฟันและหมาป่าอีกสามตัวก็ล้ม นางหันมามองด้วยรอยยิ้มเขินอาย”ดูสิ ถ้าข้ายังยืนที่นี่ พวกมันจะไม่มีวันเข้ามาได้!”

“ยัยโง่ พวกมันเป็นแค่แนวหน้า ราชาหมาป่าไม่สนใจชีวิตพวกมันหรอก มันจะทำให้เจ้าหมดแรงก่อนฆ่าเจ้า!”จั๋วฝานก่นด่า แต่ดวงตาเขาเต็มไปด้วยความกังวล

เสวี่ยหนิงเซียงยิ้ม”ราชาหมาป่านั่นไม่สนใจฝูงมัน แต่เจ้าคือเพื่อนคนสำคัญสุดของข้า ข้าจะไม่ทิ้งเจ้า”

นางฆ่าหมาป่าอีกสองตัวที่พุ่งเข้ามา

เพราะการเสียเลือดและความเหนื่อยล้าในการแบกทั้งสอง นางจึงอ่อนแรงและหน้าซีด นางสั่นไหวไปกับสายลมและดูเหมือนจะล้มได้ทุกเมื่อ แต่ดวงตาของนางกลับมุ่งมั่นอย่างมาก

เสวี่ยหนิงเซียงฟันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทับถมศพหมาป่าไว้ที่เท้า

คิ้วของนางเปียกชุ่ม หอบหายใจหนัก แขนขาชาด้าน แต่หลังนางยังยืดตรง

เมื่อดูร่างกายบอบบางของนาง ดวงตาของจั๋วฝานก็เต็มไปด้วยความอบอุ่น

เขาหลับตา ไม่อยากเห็นจุดจบขณะที่ความเจ็บปวดเข้าครอบงำหัวใจ

“จั๋วฝาน!”

เซี่ยเทียนหยางตะโกน”ข้าเพิ่งรู้ตัวว่าเราทั้งคู่เป็นแค่คนสารเลว!”

“เออ!”

จั๋วฝานส่งเสียงตอบ เซี่ยเทียนหยางมองเสวี่ยหนิงเซียงที่ยืนหยัดอย่างกล้าหาญและหลับตาเช่นกัน

“อ้า!”

เสวี่ยหนิงเซียงส่งเสียงร้องเมื่อหมาป่ากัดข้อมือนาง จากนั้นมันก็ตรึงนางไว้กับพื้น

หมาป่าอีกตัวจะครุบมืออีกข้างของนาง นางอยากลุกและสู้ต่อแต่ไม่มีแรง นางใช้ร่างกายเกินขีดจำกัดไปแล้วและตอนนี้ก็ไร้อำนาจจัดการกับหมาป่าอ่อนแอสองตัว นางไม่รู้สึกถึงเลือดที่ไหลออกจากบาดแผลตรงข้อมือด้วยซ้ำ

จั๋วฝานกับเซี่ยเทียนหยางรู้ว่านี่จะเกิดแต่ก็เลือกหลับตา พวกเขาไม่อยากเห็นภาพเด็กสาวโดนขย้ำ

ขณะที่หมาป่าสองตัวตรึงแขนนาง ที่เหลือก็เข้ามาใกล้ขณะที่ลมหายใจของเสวี่ยหนิงเซียงเริ่มแผ่วเบา

ถ้าพวกเขาทำได้ สองคนในถ้ำจะปิดหูด้วย

เพื่อเฉลิมฉลองการล่าที่สำเร็จ ฝูงหมาป่าส่งเสียงหอนและราชาหมาป่าที่ตัวใหญ่กว่าตัวปกติสามเท่าก็เดินมาต่อหน้าเสวี่ยหนิงเซียง

มันเลี้ยงเขี้ยวมัน ราชาหมาป่าหอนและเปิดปากมันเพื่อกำจัดเสวี่ยหนิงเซียง

ด้วยดวงตาที่พร่ามัว ทั้งหมดที่นางเห็นคือรูปร่างคลุมเครือ

จั๋วฝานกับเซี่ยเทียนหยางยังหลับตาสนิท

โฮก!

ขณะที่ราชาหมาป่ากำลังจะกัดนาง เสียงคำรามพลันดังก้องจากส่วนลึกภายในเทือกเขาหมื่นอสูร จั๋วฝานกับเซี่ยเทียนหยางผงะ

ฝูงหมาป่ากระหายเลือดนับพันล้มลงทีละตัว มีแค่ราชาหมาป่าถึงยืนขาสั่นด้วยความกลัว

แต่ก่อนมันจะได้หนี เปลวไฟก็พัดเหนือฝูงหมาป่า ไม่ทิ้งแม้แต่ขี้เถ้าไว้ด้านหลัง

แม้กระทั่งราชาหมาป่าก็ไม่สามารถรอดและหายไปจากโลกนี้

แต่ที่น่าเหลือเชื่อคือ กลุ่มของจั๋วฝานกลับไม่ตาย แค่หมดสติ..

“จั๋วฝาน!”

จั๋วฝานได้ยินเสียงคนเรียกเขาและลืมตา

[สถานที่ที่เต็มไปด้วยหมอกนี้คืออะไร?ข้าอยู่ที่ไหน?]เขามองไปรอบๆ

แต่แล้วเขาก็รู้ตัวว่าเขาบาดเจ็บสาหัส แล้วเขาขยับตัวได้ไง?

ทันใดนั้น ไฟสีฟ้าสองดวงก็จุดขึ้น มันผสานกัน เผยให้เห็นร่างเสื้อคลุมสีฟ้าลอยอยู่ด้านบน

“เจ้าชื่อจั๋วฝาน?ข้าได้ยินเด็กสองคนเรียกเจ้าเช่นนั้น!”ร่างนั้นยิ้ม เสียงของเขาเข้ากับชายวัยกลางคนร่างกำยำ แต่มันยังไม่ชัดเจนจากรูปลักษณ์เขา

จั๋วฝานสงสัย”เจ้าเป็นใคร?”

“เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้”เขาตอบ

“นี่คืออาณาเขตของข้า และที่นี่ ข้าคือผู้ถาม!”

“จั๋วฝาน ทำไมเจ้าถึงมาเทือกเขาหมื่นอสูร?”ร่างสีฟ้าถาม

จั๋วฝานคิดสักพัก”เพื่อจับสัตว์อสูรและทำให้มันเป็นสัตว์มารของข้า!”

“สัตว์อสูรอะไร?”

“สัตว์อสูรระดับหก วิหคสายฟ้า!”

“ทำไม?”

ดวงตาของจั๋วฝานหมุนวน”จะอะไรอีกละ เพื่อเพิ่มพลังข้านะสิ!”

บูม!

เกิดเสียงดังกึกก้อง จั๋วฝานรู้สึกเหมือนหัวเขากำลังจะระเบิด

“ฮ่าๆๆ”ร่างนั้นหัวเราะ”เจ้าหนู เราอยู่ในจิตสำนึกเจ้า มันง่ายสำหรับข้าที่จะบอกว่าเจ้าโกหก”

จั๋วฝานมองร่างนั้นด้วยความกลัว

เขาสามารถเข้าจิตสำนึกคนอื่นได้ด้วยตัวเอง พลังเช่นนี้เหนือกว่าระดับเซียน บางทีอาจเหนือเกินขอบเขตมนุษย์ด้วยซ้ำ

“เจ้า..มาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์..”จั๋วฝานอ้าปากค้าง

เขาไม่คิดเลยว่าจะได้พบกับยอดฝีมือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในโลกมนุษย์

ร่างนั้นเองก็แปลกใจที่จั๋วฝานรู้เกี่ยวกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์และพยักหน้า”เจ้ากลับรู้ถึงดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ใช้ค่ายกลโบราณได้ และยังกลั่นทารกโลหิตได้…”

จั๋วฝานตกใจที่พบว่าทุกการกระทำของเขาโดนจับตามอง ชายคนนี้ยังรู้จักทารกโลหิตด้วย

เรื่องเกี่ยวกับปรมาจารย์ปีศาจโลหิตเก่าแก่มากและมีน้อยคนถึงรู้แม้กระทั่งในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ถ้าเขาไม่พบเจอคัมภีร์ลับเก้าสมถะ เขาก็คงไม่รู้เช่นกัน

แต่..

“จะ-เจ้าเป็นใครกันแน่?”

“ข้าบอกไปแล้ว มีแค่ข้าถึงมีสิทธิ์ถาม!”ร่างนั้นตอบเสียงเย็น”ทำไมเจ้าถึงต้องการวิหคสายฟ้า พูดมา!”

จั๋วฝานหม่นหมอง แต่ก็หาทางออกไม่ได้”ข้าอยากไปหุบเขาสายฟ้าและค้นหาเศษซากของจักรพรรดิสวรรค์ เพื่อสิ่งนั้น ข้าต้องการวิหคสายฟ้าเพื่อป้องกันสายฟ้าม่วง!”

.

“ว่าไงนะ?”

ร่างสีฟ้าไม่คาดคิดถึงคำตอบเช่นนี้ แต่เขาก็หัวเราะด้วยความยินดี”ฮ่าๆๆ ดี เยี่ยมมาก นั่นเป็นสถานที่ที่ดี เจ้าควรไป!”

ร่างนั้นหายลับไปและโผล่ขึ้นตรงหน้าจั๋วฝาน จั๋วฝานตกใจแต่ก็สัมผัสไม่ได้ถึงเจตนาร้าย

ร่างนั้นแตะหน้าผากจั๋วฝานและไฟสีฟ้าก็ซึมเข้าไป จั๋วฝานรู้สึกได้ถึงพลังงานอ่อนโยนจากหน้าผากเขา

“ฮ่ๆๆๆ เจ้าหนู เรามีชะตาต้องกัน นี่คือของขวัญ ข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถช่วยข้าได้ในอนาคต!”

ร่างนั้นจากไป แต่คำพูดของเขาดังในหูจั๋วฝาน”เจ้าจะพบวิหคสายฟ้าในเขตสามลึกเข้าไปสามพันลี้ จงพยายามจับมันให้ได้…”