ตอนที่ 15 ความจริงอันโหดร้าย

สามีข้า คือพรานป่า

เมื่อคิดถึงเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นทำให้เฉินเถียนเถียนไม่ค่อยสบายใจนัก แต่พอนึกถึงจุดมุ่งหมายของตัวเองก็ทำให้นางรู้สึกผ่อนคลายบ้าง

หลังจากนั้นเฉินเถียนเถียนจึงมุ่งหน้าขึ้นภูเขา เนื่องจากเฉินผิงอันได้แต่งงานกับหญิงผู้ร่ำรวยเช่นนางหยุนจึงปล่อยเช่าที่ดิน เขาไม่จำเป็นต้องทำงานเพราะรายได้ทั้งหมดมาจากค่าเช่า ดังนั้นเขาจึงมีเวลาอยู่บ้านมากกว่าพ่อคนอื่น ๆ!

เฉินเถียนเถียนคิดว่าชาวบ้านคงลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นไปแล้ว แต่เมื่อนางหันหลังกลับก็พบว่าทุกสายตากำลังจับจ้องทุกการเคลื่อนไหวของนางอยู่

ลูกสาวผู้เกียจคร้านของครอบครัวเฉิน เนื้อตัวสกปรกและน่าเกลียดถูกเลี้ยงดูโดยการไม่ให้ออกจากบ้าน แต่วันนี้กลับโผล่หน้ามาด้วยเหตุผลอะไรกัน?

เฉินเถียนเถียนรับรู้ได้ทันทีว่าการออกจากบ้านมาในช่วงเวลาแบบนี้ถือเป็นโอกาสดี นางจึงวิ่งไปหลบหลังต้นไม้พลางร้องไห้เสียงดังราวกับกำลังกลัวและหนีอันตรายมาจากที่ไหนสักแห่ง แต่เฉินเถียนเถียนยกมือปิดหน้าช้าเกินไปทำให้ชาวบ้านได้เห็นใบหน้าอันงดงาม แม้ร่างกายจะผอมโซแต่กลับมีหน้าตาสละสลวยยิ่งกว่าผู้ใด!

ตอนนี้ชาวบ้านทั้งหมดตระหนักทันทีว่ามีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น

“มิน่าล่ะ! หากบอกว่าลูกสาวไม่ดี แล้วพวกเขาจะกล้าส่งตัวไปให้นายน้อยหลี่ได้อย่างไร? เพราะนายน้อยหลี่น่ะเลือกมากและมากเรื่อง!”

“กล้าให้เป็นของขวัญก็ต้องมีความโดดเด่นอยู่แล้ว พอมาเห็นวันนี้ก็รู้ได้ทันทีว่านางมีใบหน้าที่งดงามโดดเด่นกว่าใคร!”

การกระทำของเฉินเถียนเถียนทำให้ทุกคนตกใจ เนื่องจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเมื่อวานทำให้ทุกคนต่างรู้ดีว่านางต้องพบเจอกับอะไรบ้าง

เด็กสาวผู้น่าสงสารเดินมาล้างหน้า ณ ริมธารจนสะอาดหมดจด ดวงตาเอ่อล้นด้วยคราบน้ำตาใส ๆ ยิ่งทำให้ชาวบ้านสงสารจับใจ

“ข้าได้ยินมาว่านางขี้เกียจมากไม่ใช่หรือ? เหตุใดวันนี้ถึงขยันไปล้างหน้าล้างตาได้เล่า?”

“ข้ารู้สึกว่านางงดงามยิ่ง หน้าตาเหมือนแม่ที่จากไปไม่มีผิด ว่ากันว่าลูกสาวจะเหมือนแม่ นางหยุนทั้งเก่งและขยัน เด็กคนนี้ไม่มีทางขี้เกียจ ข้าว่าหลินชวนฮวาต้องใส่ร้ายนางแน่นอน”

“ใช่ ทั้งยังบอกว่านางเรื่องมากและเลือกกินจนต้องอดอยาก ข้าว่าคงมีเพียงเฉินผิงอันที่หลงเชื่อ เมื่อครู่ตอนเถียนเถียนเดินผ่านข้าได้ยินเสียงท้องร้อง ต้องเป็นเพราะอดอาหารแน่!”

“เจ้าเคยเห็นคนที่กำลังหิวโซเลือกกินด้วยหรือ? นางแม่เลี้ยงใจร้ายคงเลี้ยงดูลูกชายจนอิ่มหนำและปล่อยให้นางอดตาย!”

“เป็นผู้หญิงด้วยกัน แต่เหตุใดถึงใจร้ายใจดำเช่นนี้?”

เฉินเถียนเถียนไม่คิดว่าจะสามารถเปลี่ยนความคิดของชาวบ้านและล้างมลทินให้กับตนเองได้ แต่ตอนนี้สิ่งที่นางอยากทำมากที่สุดคือหาอาหาร ไม่เช่นนั้นต้องอดตายแน่

เฉินเถียนเถียนคิดมาโดยตลอดว่าต้องมีสัตว์ป่าเดินเพ่นพล่านบนภูเขา ทว่าตั้งแต่ที่นางหนีออกมาจากบ้านนายน้อยหลี่เมื่อคืนก่อนกลับได้ยินเพียงเสียงหมาป่าตลอดทางไร้ซึ่งเสียงใดอื่น!

แต่การมาเยือนบนภูเขาในครั้งนี้ เฉินเถียนเถียนกลับต้องประหลาดใจ

ผู้คนส่วนใหญ่มักสร้างกับดักเพื่อล่าสัตว์ แต่เพราะตอนนี้อยู่นอกฤดูเก็บเกี่ยวจึงทำให้ชาวบ้านออกล่าสัตว์เพื่อนำกลับไปยังหมู่บ้าน ด้วยเหตุนั้นทำให้บนภูเขาไม่มีร่องรอยของสัตว์ป่าเหลืออยู่เลย กลายเป็นว่าสิ่งที่เฉินเถียนเถียนทำทั้งหมดนั้นเปล่าประโยชน์ นางจึงจับท้องอันหิวโหยของตนด้วยความผิดหวัง

‘ทั้งหมดที่บันทึกในหนังสือเป็นเรื่องโกหกงั้นหรือ?’

‘เวลาหิวก็สามารถขึ้นเขาล่าสัตว์ได้ไม่ใช่หรือ?’

แต่ความเป็นจริงช่างโหดร้าย เฉินเถียนเถียนเดินขึ้นเขาด้วยความยากลำบาก ถึงแม้จะมีความรู้ด้านการเดินป่าแต่ก็ขาดทักษะและประสบการณ์ในการล่าสัตว์

เมื่อมาถึงครึ่งทางนางรู้สึกหิวจนหมดแรง ก่อนจะนั่งลงบนพื้นเพราะก้าวขาเดินต่อไม่ไหว

แต่เฉินเถียนเถียนไม่รู้ตัวเลยว่าขณะที่กำลังนั่งพักอยู่นั้นมีใครบางคนคอยจับตาดูนางอยู่ทุกการเคลื่อนไหว

เฉินเถียนเถียนนั่งกุมท้องด้วยความหิวโหย ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่ายังมีตัวช่วยที่สามารถช่วยนางได้!

“เสี่ยวเถา… ออกมาหน่อยสิ!”

ระบบมหัศจรรย์นี้นับเป็นสิ่งประหลาดสำหรับคนในยุคโบราณ ดังนั้นเฉินเถียนเถียนจึงเอ่ยปากแผ่วเบาเพื่อไม่ให้ใครได้ยิน

ผ่านไปชั่วอึดใจ เสี่ยวเถาก็ตอบรับ

“ได้ยินเสียงโวยวายของเจ้าตั้งแต่เช้า… มีเรื่องอะไรหรือ?”

เฉินเถียนเถียนถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “เจ้ามีของกินขายให้ข้าไหม?”

เสี่ยวเถาตอบกลับด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “ข้าเป็นถึงเถาเป่าก็ต้องมีทุกอย่างอยู่แล้ว ว่าแต่เจ้ามีเงินไหมล่ะ?”

เฉินเถียนเถียนเอามือล้วงเสื้อ ทั้งเนื้อทั้งตัวนอกจากเสื้อผ้าเก่า ๆ อันนี้ก็ไม่มีอะไรอย่างอื่นเลย

“ถือว่าช่วยข้าก่อนไม่ได้หรืออย่างไร? หากเจ้าไม่หาอะไรให้ข้ากิน ข้าคงต้องหิวตายแน่!”

เสี่ยวเถาพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ไม่มีทาง ข้าเป็นนักธุรกิจย่อมไม่ทำอะไรที่ต้องขาดทุน!”

“เอาเถอะ…” เฉินเถียนเถียนยอมแพ้!

‘นี่มันระบบบ้าบออะไรกัน? เสียดายที่ข้าอุตส่าห์คิดว่าตนเองโชคดี ที่ไหนได้กลับโชคร้ายที่สุด!’

“เอาหน่า… ข้าก็ไม่ได้ไร้ประโยชน์ขนาดนั้น อย่างนั้นข้าจะบอกเจ้าสักหน่อยแล้วกันว่ามีคนกำลังจับตาดูเจ้าอยู่!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นเฉินเถียนเถียนก็ตกใจ “มีคนกำลังจับตาดูข้าเหรอ?”

เฉินเถียนเถียนหันมองรอบๆ ด้วยความระมัดระวัง แต่กลับไม่พบใคร นางจึงลุกขึ้นกอดอกแน่นทันที

‘เป็นถึงตำรวจไม่รู้ได้อย่างไรว่ามีคนเดินตามอยู่! มีคนตามมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? หรือเป็นเพราะหิวเกินไปจนลืมสนใจสิ่งรอบข้าง?’

ท่าทางของเฉินเถียนเถียน ทำให้หยุนเคอที่อยู่บนต้นไม้รู้สึกขบขันอย่างช่วยไม่ได้!

‘นางเป็นอะไร? อย่าบอกนะว่า… นางกำลังคิดว่าจะมีคนพยายามทำไม่ดีไม่ร้ายต่อตนในสภาพเช่นนี้?’

‘เป็นเพราะว่าช่วงนี้ไม่ค่อยได้ฝึกจึงอ่อนแอลง? หรือเป็นเพราะว่าเด็กสาวผู้นี้มีไหวพริบดีกันแน่?’