ชื่อเรื่อง:boku ni kyomi wo nakushita motokano to osananajimi na kon kano ga naze ka shurabatteru

ตอนที่ 24

 

 

โอฮาชิ เคนโก

 

“เอ้านี่ ใช้นี่สั่งน้ำมูกซะสิ เป็นสาวงามดูพังไม่เป็นท่าแล้วนะ?”

 

“ฟืดดดดดดดดดดดดดดด!”

 

ผผมยื่นทิชชู่ให้พี่จนกว่าจะใจเย็นลง

 

รอไปครึ่งชั่วโมง ในที่สุดก็หยุดร้องแต่ว่า…..

เพราะแบบนั้นผมเลยต้องเช็คตัวพี่สาวทั้งตัว

ไม่ใช่ว่าความน่าหนักใจมันทับกันอีกแล้วไม่ใช่รึไงกัน

 

ผมสีดำสวยเองก็มักจะร่วงออกมาเป็นเส้นเล็กๆ 

ความเงางามของผิวเองก็ค่อนข้างบางลงด้วย….ช็อคสุดๆเลยนะ

พอคิดในตอนที่กำลังมองพี่สาวก็กอดตัวเองเอาไว้

 

“เคนโก คงไม่ได้คิดว่าถ้านายเจ็บช้ำพี่สาวคงจะกอดก็ได้อยู่ช่รึเปล่า”

 

“ไม่ได้คิดโว้ย!!”

 

ได้ยินมั้ย? ได้ยินรึเปล่า?

 

ทางนี้น่ะรีบรุดปฏิเสธบทละครของเจ้าหล่อนเลยนะ?

แต่ก็ทำให้โล่งใจแหละนะ! ร่าเริงขึ้นกดก็ดีกว่าเป็นใหนๆแหละ!

 

“ถึงจะบอกไปแล้วก็เถอะร่างกายนี้น่ะมีแค่โชตะคุงเท่านั้นแหละที่ใช้ได้”

 

“แล้วโดนโคโมริคนนั้นบอกเลิกที่ใหนเมื่อไหร่ละ”

 

พูดก็พูดเถอะพึ่งจะรู้ตัวว่าตัวเองพลั่งปากไป

ถึงจะแค่หลุดปากแบบไม่ได้ตั้งใจแต่ตอนนี้คำว่า”เลิก”เป็นNG WORDของพี่สาวไปแล้ว

บ้ารึไงตัวฉัน!

 

พูดถึงพี่สาวก็ตามที่คาดไว้

 

“ง งื้อ……แงงงงงงงงงงงงงงงง! เคนโกอ่า เคนโกอ่าาาา!”

 

เริ่มน้ำตาไหลแล้วก็ร้องไห้เสียงดังอีกแล้ว

เฮ้ย เฮ้ย เฮ้ย….ให้ได้พักหน่อยเถอะ

แล้วไหงฉันที่เป็นเด็กม.ปลายตั้งมาเป็นพี่เลี้ยงเด็กให้พี่สาวด้วยละเนี่ย

 

ถ้าเกิดมีใครเข้ากใจก็มา แล้วก็อธิบายให้ฉันที

รู้สึกอย่างกับพระเอกที่เจอกับคุณ◯ ตอนเช้าเลยแฮะ

(*คนแปล*มุกนี้ผมไม่เข้าใจอะ)

….เฮ้อช่างเป็นหลังเลิกเรียนที่ยาวนานซะจริง

 

 

“ไม่ว่าจะมองยังไงสตอล์กเกอร์มันก็พี่ไม่ใช่เราะ!?”

 

“…..งื้อ ถ้าไม่ได้อยู่จุดๆนั้นใครก็พูดได้ทั้งนั้นแหละ แต่ว่าฉันฟ้งได้ไม่ผิดหรอก”

 

หลังที่พี่ร้องไห้มาครึ่งชั่วโมงก็เริ่มอธิบายว่าถูกโคโมริบอกเลิกได้ยังไง

แน่นอนว่าเพราะไม่ได้อยู่ที่นั่นผมเลยได้แค่เดา

ถึงแม้ว่า ในตัวผมจะคิดว่าพี่สาวกำลังทำให้ผมเป็นประสาท

 

เอาเถอะ ถ้าเกิดตัวบุคคลไม่น้อมรับมันก็เป็นเรื่องยุ่งยากน่ะแหละแต่ว่า

 

“ถ้าเกิดพวกโคโมริรู้ว่าถูกพี่ตามสะกดรอยล่ะก็ไม่คิดว่าจะบอกตรงๆเลยเหรอ”

 

“ก็เพราะจะไปบอกที่โรงเรียนใช่มั้ยละ? ว่าพวกฉันคบกันแล้วเพราะงั้นก็อย่ามายุ่งกันอีกเลยนะน่ะ”

 

“ให้ตาย….”

 

ผมตัดสินใจอะไรไม่ได้เพราะมันเป็น คำ บอก เล่า ไงละ

อย่างแรกเลยแหล่งข้อมูลก็คือพนักงานเสิร์ฟ ตรงนี้แหละที่ยาก

แล้วที่นี่ก็ไม่มีใครที่ได้ยินบทสนทนากันเลยสักคน

หรือก็คือมีความเป็นไปได้อยู่เยอะเกินไป

 

อย่างเช่นพนักงานเสิร์ฟฟังผิดไป แล้วสตอล์กเกอร์อะไรนั่นมันก็แค่การพูดคุยแล้วก็มาเล่นให้พี่สาว อะไรแบบนั้น

คิดแบบอื่นได้มั้ยนะ?

แล้วถ้าสตอล์กเกอร์นั่นเป็นเรื่องจริง(แต่ว่าไม่ใช่พี่)และที่โคโมริกลายเป็นคนรักก็เพื่อให้ทาคามิเนะหายกังวล

ถึงข้างในฉันจะคิดว่าอันนี้เป็นได้สูงก็เถอะแต่…….ถ้าไม่ได้รู้ความจริงก็พูดอะไรไม่ได้หรอก

(คนแปล:น้องมึงเดาเก่งจัดเลยอะ)

 

“จากนี้จะต้องทำยังไงดีละ?”

 

พี่สาวพูดมาเบาๆ เป็นเสียงจมูกที่ยอดเยี่ยมเชียวล่ะ

ตรงนี้จะต้องคิดอย่างจริงจัง

ตรงๆเลยที่ว่า[จะต้องทำยังไงดี]คือให้พี่สาวตัดสินใจ

ต่อให้พี่เป็นดอกไม้บนเขาสูงมากแค่ใหนก็ใช่ว่าในภายภาคหน้าจะสมหวังกับความรัก

แล้วในอนาคตก็กังวลว่าจะมาขอคำแนะนำน้องชายไปตลอด

 

เพราะงั้นแหละฉันจะไม่ให้คำตอบแต่จะให้พี่สาวตัดสินใจเอง

 

“ถ้าจะให้พูดก็มีสองทางเลือก”

 

“เอ๊ะ?”

 

“[ยอมแพ้ไปซะ]กับ[อย่ายอมแพ้]ไงละ”

 

“ไม่สิ ไม่ใช่ว่า[อย่างยอมแพ้]อะไรนั่นมันไม่มีหรอกเหรอ?”

 

“งั้นเหรอ? ถ้าเกิดพี่คิดอย่างนั้นก็ช่างมันก็ได้นี่”

 

“อะไรกันละ คิดว่าเป็นเรื่องของคนอื่นแล้วก็ทิ้งกันงั้นสินะ”

 

“ก็มันเป็นเรื่องของคนอื่นจริงๆนั่นแหละนะ และที่ว่าเข้าใจผิดไปว่าอกหักอะไรนั่นน่ะมันไม่ใช่ปัญหาหรอก ปัญหาก็คือความรู้สึกของพี่ต่างหาก จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเกิดว่าโคโมริมีแฟน—ถ้าเกิดแค่นั้นแล้วยอมแพ้ไม่ใช่ว่ามันก็เป็นแค่ความรู้สึกเปราะๆบางๆงั้นหรอกเหรอ?”

 

“อะ—-! ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย! ความรู้สึกของฉันที่มีต่อโชตะคุงน่ะเป็นของจริง!”

 

ผมยิ้มอยู่ข้างในใจ และมองตรงเข้าไปในตาของพี่สาว

 

“ถ้างั้นก็ แย่ง เอา มา ซะ สิ โคโมริน่ะ”

 

“รักที่แย่งชิงมา…..งั้นเหรอ? ไม่ว่าจะมองยังไงนั่นมัน—”

 

“—งั้นเหรอ? ถ้าเกิดอีกฝ่ายแต่งงานแล้วการยอมแพ้มันก็เป็นอีกทางเลือกแต่พวกเราน่ะยังเป็นนักเรียนกันอยู่นะ โอกาสที่จะไปต่อทั้งๆแบบนั้นมันก็มีน้อยใช่มั้ยละ ถ้าให้เปรียบกับโชงิล่ะก็ตอนนี้ก็คือคู่ต่อสู้ได้ไปหลายหมากแล้ว ถ้าเกิดเข้าใจยากก็ให้เทียบกับโอเทลโล่ก็ได้ ถึงในตอนแรกจะแพ้แต่ช่วงหลังก็ฟื้นตัวกลับมาชนะได้”

 

พูดปนยุไปครึ่งหนึ่ง

พี่สาวเอามือจับคางแล้วก็คิดอย่างรอบคอบ

ในที่สุดก็มาถึงจุดสิ้นสุดแล้วงั้นเหรอ

 

“นั่นสินะ ก็อย่างที่เคนโกพูดนั่นแหละ ควรจะผูกความสัมพันธ์กับโคโมริคุงในตอนท้ายงั้นสินะ?”

 

“อา ก็ตามนั้นแหละ”

 

เท่านี้ฉันก็จะถูกปลดปล่อยสักที

 

“ก็คือการให้โชตะคุงได้รับรู้ถึงเสน่ห์ของฉันน่ะเป็นเรื่องที่สำคัญสินะ?”

 

“…..อ่ะ อา นั่นสินะ”

 

โอ๊ะ ดูกระตือรือล้นเลยไม่ใช่รึไงกัน

นี่น่ะเป็นความคิดที่ดีจริงๆใช่มั้ยนะ

 

ตอนที่กำลังตั้งตารอคำพูดต่อไปของพี่สาวนั้น

 

“เป็นคำขอชั่วชีวิตนะเคนโก มาแกล้งเป็นคนรักให้ฉันซะ”

 

อ๊ะ อ้าว? แปลกจังเลยน้า?

อย่างกับได้ยินเสียงเจ้าเด็กแว่นที่มักจะเจอคดีฆาตรกรรมเลยแฮะ

เป็นวงจรความคิดแบบนั้นกันละนั่น?

ใครที่รู้เรื่องก็ช่วยออกมาแล้วอธิบายให้ฉันทีเถอะ

======จบตอน======

น้องชายคุงน่าสงสารดีแฮะ
___________________

ติดตามผลงานอื่นๆและสนับสนุนผู้แปลได้ที่

ดอกไม้ไฟ | Facebook