เมื่อเย่เฉินมาถึงชั้นหนึ่ง เป็นธรรมดาที่เขาจะไม่สามารถได้ยินสิ่งที่หูเสี่ยวเย่วพูด

ตรงแผนกต้อนรับของโรงแรมในตอนนี้นั้นว่างเปล่า

โลกทั้งใบเหมือนอยู่ในความฝันและมันกลับตาลปัตรภายในคืนเดียว

มันคงจะน่าแปลกมากหากพวกเขายังคงปฏิบัติหน้าที่ของแผนกต้อนรับ

ประตูที่ถูกปกคลุมไปด้วยวัชพืชของโรงแรมปรากฏต่อหน้าของเย่เฉิน

เย่เฉินไม่ได้รู้สึกแปลก เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ เขารู้ว่าไม่จำเป็นต้องระมัดระวังสิ่งใด

ในตอนนี้เหล่าสัตว์ร้ายไม่ว่าจะเป็น แมลง นก และสิ่งมีชีวิตอื่นๆยังไม่ทรงพลังมากนัก

แม้ว่าพวกมันจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ และก้าวหน้าเร็วกว่ามนุษย์

เย่เฉินก็ไม่กังวลเพราะเย่เฉินแข็งแกร่งกว่าพวกมันมาก!

เมื่อเดินตรงและออกจากประตูเย่เฉินก็พบจักรยานที่เมื่อคืนสแกนรหัสปลดล็อคและทิ้งจักรยานไว้ริมถนน

ในเมืองทั้งเมืองไม่มีวัชพืชบนถนนจึงยังสามรถขี่จักรยานได้

อย่างไรก็ตามในอีกสองวันข้างหน้า ถนนสายนี้จะถูกทำลายโดยวัชพืชและจากนั้นก็สลายหายไปอย่างสิ้นเชิง

มีรถจอดอยู่ทุกที่บนท้องถนน รถเหล่านี้ถูกจอดทิ้งไว้และขวางทางสัญจร

สำหรับเย่เฉินแล้วมันไม่ใช่อุปสรรค

ภายนอกอาคารทั่วทั้งเมืองถูกปกคลุมไปด้วยไม้เลื้อยที่มีขนาดเท่าแขน

แม้แต่ไฟถนน ป้ายโฆษณา หรือสายไฟฟ้าก็ถูกเถาวัลย์ปกคลุมเต็มไปหมด

ความทรุดโทรมรกร้างและเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวายนี้ ยังให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวาเกิดขึ้นในใจของผู้คนเป็นครั้งคราว
แน่นอนว่าส่วนใหญ่แล้วให้ความรู้สึกความตื่นตระหนกมากกว่า

เพราะไม่มีใครรู้ว่าทำไมถึงเกิดขึ้น

โลกมีการเปลี่ยนแปลงมากเกินไป

ป้ายบอกทางหายไปและข้างถนนเรียงรายไปด้วยวัชพืชสูงตระหง่าน หากคุณไม่คุ้นเคยกับเมืองนี้คุณอาจไม่สามารถไปยังจุดหมายปลายทางได้เลย

แต่นี่ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเย่เฉิน ไม่นานเย่เฉินก็เดินไปหยุดที่หน้าประตูของซุปเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่

ในขณะนี้ซูเปอร์มาร์เก็ตยังไม่ถูกปล้น

เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโลกทุกอย่างจึงแปลกประหลาดสำหรับทุกคน จึงไม่มีใครกล้าที่จะเสี่ยงชีวิตของพวกเขา
ทำได้แต่รออยู่ในบ้านด้วยความหวาดกลัว.

รอการช่วยเหลือที่อาจมาถึง รอคำอธิบายที่อาจมีคนตอบพวกเขาได้ รออย่างไรจุดหมาย

เป็นเช่นนี้ทั้งในชีวิตก่อนและในชีวิตนี้ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง

เมื่อมองไปที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตที่ตรงหน้าเขา เย่เฉินไม่ได้รู้สึกกังวลแต่อย่างใด

หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นพวกเขาอาจจะแสดงความกังวลออกมาด้วยท่าทีบ้าๆบอๆก็ได้

แต่เย่เฉินไม่สนใจ เย่เฉินไม่ได้ตั้งใจที่จะมาขโมยอะไร

เพราะเย่เฉินรู้ว่าในขณะนี้โลกทั้งใบถูกยึดครองโดยระบบผานกู่

ไม่ว่าคุณจะหยิบหรือคว้าอะไรมาเท่าไหร่ เครดิตก็จะถูกหักออกจากบัญชีของคุณแล้วจ่ายให้กับเจ้าของซูเปอร์มาร์เก็ตอัตโนมัติ

หากเครดิตของคุณมีไม่เพียงพอ

เหรียญทองในเกมที่คุณได้รับจะถูกหักโดยอัตโนมัติแทนจนกว่าจะชำระหนี้ทั้งหมด

ในชีวิตก่อนหน้านี้หลายคนกักตุนอาหารอย่างบ้าคลั่งเพราะพวกเขาไม่รู้เรื่องนี้

ถ้าคุณมีเงินเพียงพอก็ไม่เป็นไรแต่หากคุณมีเงินไม่เพียงพอมันจะเป็นเรื่องที่น่าสังเวชมาก

สิ่งที่ร้ายแรงกว่านั้นคือสิ่งที่คุณได้รับมากลายเป็นผลประโยชน์ของคนอื่นโดยไม่รู้ตัว

เรื่องแบบนี้มักจะเกิดขึ้นอยู่บ่อยๆและ ผานกู่ ก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้

พูดง่ายๆก็คือในขณะที่ดาวตกได้ตกลงมากฎต่างๆทางสังคมก็ได้เปลี่ยนไป มนุษย์ก็สูญเสียเหตุผลในการยับยั้งชั่งใจ

ในขณะนั้นโลกได้ย้อนกลับไปสู่กฎยุคโบราณนั้นคือกฎแห่งป่า!

ประตูของซูเปอร์มาร์เก็ตถูกปิดล็อค

เป็นปกติที่เย่เฉินจะไม่รอให้พนักงานซูเปอร์มาร์เก็ตมาเปิดประตูให้ ด้วยการเคลื่อนไหวของมือขวาของเขา หอกสังหารที่ดูลึกลับก็ปรากฏขึ้นทันที

“ปัง”

เย่เฉินแทงไปที่ล็อคของประตูซูเปอร์มาร์เก็ต

ในไม่ช้ากุญแจประตูของซุปเปอร์มาร์เก็ตก็ถูกแทงด้วยหอกแห่งการสังหาร จากนั้นก็พังกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

เมื่อถอนหอกสังหารออกมา เย่เฉินผลักประตูและเดินเข้าไป

เย่เฉินไม่กลัวว่าคนอื่นจะมองว่าเขาถือหอกที่มีปลายแหลมคม เขารู้ว่าคนที่เห็นนั้นไม่มีทางรู้ข้อมูลของมัน

เมื่อเดินเข้าไปในซูเปอร์มาร์เก็ตเย่เฉินก็ตรงไปที่บริเวณอาหาร

ข้าวเก้าสิบเก้าถุง น้ำดื่มบรรจุขวดเก้าสิบเก้าถัง และเกลือเก้าสิบเก้าถุง สิ่งเหล่านี้หายไปในอากาศ ด้วยการโบกมือขวาของเย่เฉิน

นี่คือความสามารถชนิดหนึ่งที่ทุกคนจะได้รับช่องเก็บของ

เช่นเดียวกับในเกม ในความเป็นจริงก็มีพื้นที่เก็บให้สิบช่องและแต่ละช่องสามารถบรรจุไอเท็มได้เพียง 1 รายการเท่านั้นและจำนวนสูงสุดคือ 99

ใครบางคนจะค้นพบสิ่งนี้ในไม่ช้าและเย่เฉินที่ได้เกิดใหม่อีกครั้งเขารู้ความลับข้อนี้อยู่แล้ว ซึ่งอีกไม่นานมันจะไม่เป็นความลับอีกต่อไป

ไม่เหมือนกับในเกมที่มิติเก็บของอาจปรากฎแบบสุ่ม แต่ในความเป็นจริงนั้นจะปรากฏโดยตรง

ด้วยเหตุนี้ไม่นานหลังจากนั้นกลุ่มคนที่ทำอาชีพสร้างมิติเก็บของก็ถือกำเนิดขึ้นในความเป็นจริง

ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่คนกลุ่มนี้จะเป็นที่ต้องการของทุกกองกำลัง

เย่เฉินหยิบเครื่องปรุง ผักและไข่ จากนั้นก็ออกจากซูเปอร์มาร์เก็ต

แน่นอนว่าค่าใช้จ่ายของรายการเหล่านี้ถูกหักออกจากบัญชีของเย่เฉินโดยอัตโนมัติเมื่อเย่เฉินได้รับของ

สำหรับเนื้อสัตว์นั้นเย่เฉินไม่ได้วางแผนที่จะเก็บมัน เขาอยากกินเนื้อที่ได้จากการล่ามากกว่า

มันมีคุณค่าทางโภชนาการมากกว่าเนื้อสัตว์ในซูเปอร์มาร์เก็ตตอนนี้

เมื่อเย่เฉินออกมานอกซูเปอร์มาร์เก็ต เมืองที่เคยเงียบสงบก็เริ่มมีเสียงดัง

มีผู้กล้าอยู่เสมอ

เมื่อคลื่นผู้คนพบว่าไม่มีอันตราย พวกเขาก็เริ่มเรียกหาเพื่อน

เมื่อเห็นคลื่นผู้คนบนถนนเย่เฉินก็ได้แต่ถอนหายใจ

ความรุนแรงกำลังจะปะทุขึ้น …