ตอนที่ 23 อวี๋ไห่เฉา

ตอนที่ 23 อวี๋ไห่เฉา

เมื่อฉินมู่หลานได้รับคำชมจากผู้คนรอบข้าง จึงรู้สึกเขินอายขึ้นมานิดหน่อย

แต่เมื่อคิดถึงเรื่องฉุกเฉินในตอนนี้ เธอกลับคิดว่าคงจะดีหากผู้คนได้เรียนวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น ดังนั้นเธอจึงอธิบายวิธีการนี้ จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นว่า “ต่อไปหากทุกคนเจอคนสำลักอาหารติดคอ ให้ใช้วิธีนี้ในการปฐมพยาบาลนะคะ แต่ถ้าเป็นทารกหรือเด็กเล็กจะทำแบบนี้ไม่ได้”

หลังจากนั้น ฉินมู่หลานก็อธิบายวิธีการที่เอาไว้ใช้กับทารกและเด็กเล็กอีกครั้ง ในขณะที่กำลังอธิบายนั้น เธอก็ยังเอ่ยเกี่ยวกับวิธีช่วยชีวิตสำหรับคนหมดสติที่ไม่สามารถใช้วิธีปกติได้

“แปะๆๆ…”

เมื่อได้ฟังฉินมู่หลานอธิบายวิธีการปฐมพยาบาลจนจบ ทุกคนรอบตัวก็ปรบมือขึ้น

“ไอ้หยา…สหายผู้นี้ช่างเยี่ยมยอดจริง ๆ บอกวิธีการช่วยชีวิตให้กับพวกเราด้วย”

“ใช่แล้วๆ ถ้าอย่างนั้น ต่อไปพวกเราลองนำมันไปใช้กันดีกว่า”

ฟู่ซวี่ตงที่ยืนอยู่ด้านข้างมองฉินมู่หลานด้วยแววตาเป็นประกาย ในขณะเดียวกันก็ได้เข้าใจในสิ่งที่เพื่อนสนิทเคยเอ่ย

ถึงแม้ว่าน้องสะใภ้จะอ้วน แต่จิตใจหล่อนดีงาม นอกจากนี้ยังช่วยชีวิตผู้คนได้อีกด้วย ช่างดีจริง ๆ เพียงแต่…ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า ไม่ได้เจอกันมานานหลายวัน ดูเหมือนว่าน้องสะใภ้จะผอมลงไปเยอะเลย

เป็นเพราะเซี่ยเจ๋อหลี่ได้เจอหน้าฉินมู่หลานอยู่ทุกวัน จึงไม่รู้สึกถึงความแตกต่างแต่อย่างไร แต่ในตอนนี้ขณะที่เขากำลังจ้องมองฉินมู่หลานอยู่ครู่หนึ่งนั้น ก็รู้สึกได้ว่าเธอช่างเปล่งประกายอย่างมาก

“ตุ้บ…”

ขณะที่ทุกคนกำลังมีความสุขนั้น หญิงชราก็ล้มลงไปนอนกองกับพื้น

เมื่อเสี่ยวเหล่ยเห็นคุณย่าของตนเป็นลม จึงรู้สึกกลัวจนร้องไห้ “ฮือ….ฮือ….”

“ไอ้หยา…เกิดอะไรขึ้นอีกแล้ว”

ทุกคนต่างตกใจมาก ฉินมู่หลานเป็นคนที่ตอบสนองเร็วที่สุด จึงเดินไปตรวจคลำชีพจรของหญิงชรา หลังจากนั้นจึงจัดท่าให้หญิงชรานอนหงาย แล้วหยิบเข็มทองออกมาฝังเข็มให้นาง ต้องขอบคุณในความเร่งรีบของเธอ เมื่อกลับจากเขตเทศบาลแล้วก็ไม่มีเวลานำเข็มทองกลับไปเก็บไว้ที่เดิม ตอนนี้มันได้ใช้ประโยชน์แล้ว

ทุกคนเห็นฉินมู่หลานทำการฝังเข็ม สีหน้าของทุกคนจึงเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

“สหายผู้นี้ฝังเข็มได้ด้วย”

“ใช่แล้ว ดูสิว่าหล่อนอายุน้อยขนาดไหน แต่มีฝีมือรักษาดีมากเลย”

เซี่ยเจ๋อหลี่เองก็ร็สึกประหลาดใจเช่นกันเมื่อเห็นฉินมู่หลานกำลังช่วยชีวิตคน ถึงแม้ว่าจะทราบว่าเธอเคยเรียนวิชาแพทย์มาจากคุณปู่ก็ตาม แต่เขาไม่เคยคิดว่าฝีมือของเธอจะดีขนาดนี้ นอกจากนี้ยังฝังเข็มเป็นด้วย สีหน้าท่าทางของเธอดูสุขุม บ่งบอกให้ทราบว่าเธอมั่นใจอย่างยิ่ง

ฟู่ซวี่ตงก้าวเดินเข้าไปหาเซี่ยเจ๋อหลี่แล้วเอ่ยถาม “อาหลี่ น้องสะใภ้ฝีมือดีขนาดนี้เลยหรือ พวกนายรู้กันมาก่อนหรือเปล่า?” ทันใดนั้นเขาก็เริ่มสงสัยเกี่ยวกับทั้งสองคน

เซี่ยเจ๋อหลี่เหลือบมองฟู่ซวี่ตง ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “พวกเรามาจากหมู่บ้านเดียวกัน ฉันต้องเคยเห็นอยู่แล้ว แค่ไม่ค่อยชินน่ะ” เขาเข้าร่วมกองทัพเมื่อตอนอายุสิบห้าปี ในเวลานั้น ฉินมู่หลานยังเป็นเด็กหญิงอายุเพียงสิบสามปีเท่านั้น เขาจำได้อย่างเลือนรางว่าตอนนั้นเธอดูมีน้ำมีนวลทีเดียว จึงมีความประทับใจอยู่นิดหน่อย เนื่องจากเด็กผู้หญิงส่วนใหญ่ในหมู่บ้านมีแต่คนผอมแห้งราวไม้เสียบผี

เมื่อได้ยินดังนั้น ฟู่ซวี่ตงจึงปรายตามองเซี่ยเจ๋อหลี่อย่างนึกสงสัย พลางเอ่ยขึ้น “ไม่ได้รู้จักกันมาก่อนใช่ไหม เช่นนั้นแล้วทำไมนายถึงแต่งงานกะทันหันล่ะ”

“…อายุเยอะแล้ว ครอบครัวก็เลยแนะนำ”

เซี่ยเจ๋อหลี่เอ่ยตัดบทอย่างง่ายดาย หลังจากนั้นจึงมุ่งความสนใจไปที่การดูฉินมู่หลานช่วยชีวิตคนต่อไป

ในตอนนั้นเอง ฉินมู่หลานได้หยุดมือเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และกำลังเก็บรวบรวมเข็มทอง

“อืม…..”

หญิงชราค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้น เพียงแต่ยังรู้สึกปวดเศียรเวียนเกล้าและไม่สบายตัวสักเท่าใด

เมื่อฉินมู่หลานเห็นว่าคนฟื้นขึ้นมาแล้ว จึงช่วยพยุงหญิงชราให้ลุกขึ้น พลางเอ่ย “ผู้อาวุโสคะ คุณแค่มีอารมณ์แปรปรวนประกอบกับโรคประจำตัว จึงทำให้เป็นลมไป ถึงแม้ตอนนี้จะฟื้นขึ้นมาแล้ว ก็ควรลองไปตรวจที่โรงพยาบาลดูสักหน่อยนะคะ”

หญิงชราผู้นี้เป็นโรคความดันโลหิตสูง เมื่อเจอเหตุการณ์ที่หลานชายสำลักอาหารติดคอ จึงทั้งรู้สึกกังวลและรู้สึกกลัว จนกระทั้งหลานชายไม่เป็นไรแล้ว จึงเริ่มรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยอารมณ์แปรปรวนรุนแรงเช่นนี้ สุดท้ายจึงหมดสติไปในที่สุด

คนรอบข้างเห็นดังนี้จึงพากันเอ่ย “ใช่แล้ว ไปตรวจที่โรงพยาบาลเถอะ”

หญิงชราเพียงคิดว่าวันนี้ช่างระทึกขวัญนัก โชคดีที่ทั้งหลานชายและเธอสบายดี คิดได้ดังนั้นจึงมองไปที่ฉินมู่หลานด้วยสีหน้าขอบคุณ พลางเอ่ย “หมอเทวดาตัวน้อย วันนี้ต้องขอบคุณเธอมากเลยนะ ไม่อย่างนั้นฉันกับหลานชายคงไม่รู้จะทำยังไง”

เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนั้น ฉินมู่หลานจึงรีบโบกมือขึ้นแล้วเอ่ย “ผู้อาวุโสคะ ฉันไม่ใช่หมอเทวดาอะไรหรอก ฉันแซ่ฉิน เรียกฉันว่าเสี่ยวฉินก็ได้ค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้น ฉันขอเรียกเธอว่าหมอน้อยฉินแล้วกันนะ”

หญิงชราสวมจับมือของฉินมู่หลาน ใบหน้าเต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจ เพียงแต่ตอนนี้นางยังไม่มีแรงมากนัก มือจึงสั่นอยู่เล็กน้อย

เสี่ยวเหล่ยเห็นว่าคุณย่าฟื้นแล้ว จึงร้องไห้แล้วรีบวิ่งเข้ามาหา “คุณย่า…”

เมื่อเห็นหลานชาย หญิงชราก็ลูบหัวของเขาด้วยความรัก หลังจากนั้นจึงมองไปที่ฉินมู่หลานด้วยท่าทางเขินอายพลางเอ่ยขึ้นว่า “หมอน้อยฉิน ฉันรู้สึกอ่อนแรงไปทั้งตัว จึงอาจจะพาเสี่ยวเหล่ยไปโรงพยาบาลตอนนี้ไม่ได้ หมอช่วยโทรหาคนในครอบครัวของฉันให้หน่อยได้ไหม?”

ฉินมู่หลานได้ยินดังนั้น จึงเอ่ยขึ้นอย่างตรงไปตรงมา ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะพาคุณไปที่โรงพยาบาลก่อน หลังจากนั้นค่อยแจ้งให้คนในครอบครัวทราบ”

“ได้ๆ ขอบคุณพวกเธอมากจริง ๆ นะ”

โชคดีที่ฉินมู่หลานกินไม่เยอะ และถึงแม้ว่าเซี่ยเจ๋อหลี่กับฟู่ซวี่ตงจพูดคุยกันเป็นส่วนใหญ่ แต่พวกเขาก็กินกันเร็วมากจนกินข้าวกันเกือบเสร็จแล้ว ทั้งสองจึงแยกย้ายกันทำหน้าที่ โดยเซี่ยเจ๋อหลี่และฉินมู่หลานจะพาหญิงชราและหลานชายไปโรงพยาบาลด้วยกัน ส่วนฟู่ซวี่ตงจะไปตามที่อยู่ที่หญิงชราให้ไว้ เพื่อไปตามครอบครัวของนาง

ทางด้านฉินมู่หลานและคนอื่น ๆ มาถึงโรงพยาบาลแล้ว หลี่เฉิงต้งก็รู้สึกประหลาดใจนิดหน่อย

“สหายฉิน มาทำอะไรที่นี่หรือ”

เมื่อฉินมู่หลานเห็นหลี่เฉิงต้ง เธอจึงรีบก้าวเดินตรงไปแล้วเอ่ยทักทาย หลังจากนั้นก็เล่าสถานการณืที่เกิดขึ้นกับหญิงชราและเสี่ยวเหล่ย และเอ่ยต่อ “คุณยายยังรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย จึงให้ท่านมาตรวจสุขภาพเสียหน่อยค่ะ ส่วนเสี่ยวเหล่ยน่าจะไม่เป็นไรแล้ว เพียงแต่วันนี้เขาน่าจะตกใจอยู่พอสมควร”

หลี่เฉิงต้งได้ฟังคำพูดของฉินมู่หลานแล้ว จึงรีบตรวจอาการของหญิงชราทันที

และเขายังให้ความสนใจเรื่องวิธีการปฐมพยาบาลแบบ Heimlich maneuver ที่ฉินมู่หลานเพิ่งเอ่ยมาด้วย “สหายฉิน วิธีการช่วยชีวิตคนในครั้งนี้ดูเหมือนจะแตกต่างจากวิธีที่คุณเคยสอนพวกเราครั้งก่อน ไม่ทราบว่า…จะสอนให้พวกเราได้ไหม”

“ได้แน่นอนอยู่แล้วค่ะ”

ฉินมู่หลานพยักหน้าอย่างไม่ลังเล หากมีคนรู้จักวิธีการนี้มากขึ้น ย่อมเป็นการดีอยู่แล้ว

หลี่เฉิงต้งไม่ได้ปิดบังอะไรเมื่อเขาเห็นฉินมู่หลาน เพียงแค่รู้สึกประทับใจ เขาจึงเอ่ยขอบคุณฉินมู่หลานด้วยท่าทางจริงจัง “สหายฉิน ขอบคุณเธอมากจริง ๆ นะ”

“ไม่ต้องขอบคุณหรอกค่ะ”

ฉินมู่หลานเพียงหวังว่าผู้คนจะสามารถเรียนรู้มันได้มากขึ้น และวิธีนี้เองก็ง่ายด้วย ในขณะที่เธอปฎิบัติให้ดู หลี่เฉิงต้งก็เข้าใจอย่างชัดเจน “ขอบคุณมากสหายฉิน ผมจะให้หมอทุกคนในโรงพยาบาลได้เรียนรู้มัน”

ณ ตอนนี้ ฟู่ซวี่ตงกับครอบครัวของหญิงชราก็มากันแล้ว

ผู้ที่มาด้วยกันคือคู่รักวัยกลางคน

ทันทีที่เสี่ยวเหล่ยเห็นทั้งสอง ก็รีบวิ่งเข้าไปหาทันที “ปะป๊า หม่าม้า”

“เสี่ยวเหล่ย…”

ขณะอวี๋ไห่เฉาและต่งหม่านเฟินเดินทางมาที่นี่ ฟู่ซวี่ตงได้เอ่ยอธิบายทุกอย่างให้ฟังเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในขณะนี้หลังจากที่ทั้งสองคนเห็นว่าลูกชายของตนไม่เป็นไรแล้ว ก็รู้สึกโล่งใจในทันที แต่ก็ยังเอ่ยถามด้วยความประหม่า “เสี่ยวเหล่ย คุณย่าล่ะ”

“ฉันอยู่นี่”

หญิงชราเข้ารับการตรวจแล้ว และในที่สุดนางก็ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อเห็นลูกชายและลูกสะใภ้มา จึงเอ่ยบอกให้วางใจ พลางชี้ไปยังฉินมู่หลานแล้วเอ่ยขึ้นว่า “วันนี้ต้องขอบคุณหมอน้อยฉินมากๆ เลย ไม่อย่างนั้นฉันกับเสี่ยวเหล่ยต้องตกอยู่ในอันตรายแน่”

“หมอน้อยฉิน ขอบใจมากนะ”

เมื่ออวี๋ไห่เฉาและต่งหม่านเฟินได้ยินดังนั้น จึงหันไปมองฉินมู่หลานทันที พลางเอ่ยขอบคุณจากใจจริง

ฉินมู่หลานได้ยินดังนั้น จึงรีบโบกไม้โบกมือไปมา พลางเอ่ย “ไม่ต้องขอบคุณหรอกค่ะ” เมื่อเห็นครอบครัวของหญิงชรามากันแล้ว เธอจึงคิดอยากจะกลับแล้ว “ผู้อาวุโส ถ้าอย่างนั้นพวกเราขอตัวก่อนนะคะ”

………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

สอนวิธีปฐมพยาบาลให้หลายคน ช่วยชีวิตได้อีกหลายคนเลย

ไหหม่า(海馬)