ตอนที่ 267 – แลกเปลี่ยน
ถงเทียนอวิ้นดวงตาสว่างวูบขึ้นมา “สหายเต๋าชิงเวย…..”
สายตาของทุกคนตกลงบนตัวของโม่เทียนเกอ ฉินซียิ่งขมวดคิ้ว สายตาที่จ้องมองนางบอกไม่ได้ชัดเจนว่าหมายความว่าอะไร
โม่เทียนเกอสีหน้าสงบ กล่าวช้า ๆ ว่า “ถึงจะบอกว่าหยกผลึกวิญญาณของสหายเต่าถงก็หายากเป็นที่สุด แต่จะอย่างไรก็มิได้หายากอย่างหญ้าวิญญาณหมื่นปี การแลกเปลี่ยนนี้คล้ายจะไม่ยุติธรรมอยู่บ้าง”
ถงเทียนอวิ้นหลังจากดีใจแล้วสีหน้าก็กลับคืนสู่ความสงบอย่างรวดเร็ว เอ่ยว่า “ผู้แซ่ถงเพียรพยายามมาครึ่งชีวิตจึงสะสมหยกผลึกวิญญาณเหล่านี้ได้ ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น ถึงจะเป็นผู้อาวุโสจิตวิญญาณใหม่ก็ไม่มีทางนำออกมาได้มากมายขนาดนี้ สหายเต๋าชิงเวยอย่าได้โลภมากไป!”
โม่เทียนเกอโลภมากจริง ๆ ฉินซีก็บอกกับนางแล้วว่าหยกผลึกวิญญาณมากขนาดนี้มีค่าพอจะแลกกับหญ้าวิญญาณหมื่นปี แต่ราคาที่ตัวเขาเองนำออกมากลับเป็นเพียงศิลาวิญญาณแสนก้อนกับหญ้าวิญญาณห้าพันปี หญ้าวิญญาณห้าพันปีย่อมหาได้ยากบนโลกหล้า แต่เทียบกับหญ้าวิญญาณหมื่นปีแล้วก็ไม่นับว่าเป็นอะไร ศิลาวิญญาณแสนก้อน ผู้ฝึกตนสร้างฐานพลังหรือแม้แต่ผู้ฝึกตนก่อเกิดตานทั่วไปย่อมเห็นว่าเป็นราคาที่สูงเทียมฟ้า แต่ก็ชดเชยความแตกต่างของราคาหญ้าวิญญาณหมื่นปีไม่พอ เห็นได้ว่าฉินซีก็มีความคิดเช่นนี้
สิ่งสำคัญที่สุดคือหญ้าวิญญาณหมื่นปีมีเพียงสถานที่ซึ่งผู้คนไม่ค่อยย่างกรายหรือว่าที่ลึกลับอย่างภูเขามารจึงอาจจะมีอยู่ ไม่ว่าผู้ฝึกตนคนไหนบังเอิญได้รับหญ้าวิญญาณหมื่นปีมา ขอเพียงปรากฏขึ้นบนโลกก็จะตกลงไปบนมือของผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่อย่างรวดเร็ว เมื่อเป็นเช่นนี้ถึงแม้จะมีราคาก็ไม่มีของในตลาด
โม่เทียนเกอเชื่อแน่ว่าถ้าหากถงเทียนอวิ๋นอยากได้จริง ๆ พอพบแล้วจะไม่มีทางปล่อยไป
อีกอย่าง นางไม่กลัวว่าการค้าขายจะไม่สำเร็จ หญ้าวิญญาณหมื่นปีสำหรับนางแล้วไม่นับว่าเป็นอะไร ที่อยากได้หยกผลึกวิญญาณก็แค่อยากรู้ว่าของสิ่งนี้เกี่ยวข้องกับศาสตร์กลไกจริง ๆ หรือไม่กันแน่เท่านั้น
ดังนั้นนางเพียงยิ้ม “สหายเต๋าถง จะพูดเช่นนี้มิได้ หยกผลึกวิญญาณมากอีกแค่ไหนเก็บสะสมไปช้า ๆ ก็สามารถหาเจอได้เสมอ หญ้าวิญญาณหมื่นปีกลับไม่เหมือนกัน ท่านไม่สามารถเก็บไปทีละใบ ๆ ได้นะ!”
พอพูดแล้ว ผู้คนในที่แห่งนั้นมากมายล้วนเผยรอยยิ้มออกมา ยังมีคนหัวเราะพรูดขึ้นมาแล้วระงับเสียงลงทันที
ถงเทียนอวิ้นไม่พูดจาไปพักหนึ่ง บนใบหน้าผอมแห้งไร้ซึ่งอารมณ์ เดิมเขานึกว่าโม่เทียนเกอเพิ่งจะก่อเกิดตาน ว่าไปแล้วก็ยังเป็นมือใหม่ ถึงฉินโส่วจิ้งจะอยู่ข้างกายนาง ความมั่นใจก็ต้องไม่เพียงพอ ไม่คาดว่านางจะหลักแหลม ความกล้าก็มากมาย ไม่คล้ายกับผู้ฝึกตนสตรีของสำนักโดยทั่วไปที่ไม่เข้าใจเรื่องราวทางโลก
คิดอยู่พักหนึ่งเขาเอ่ยว่า “สหายเต๋าชิงเวย ถ้าหากหญ้าวิญญาณของท่านดีพอ ข้ายินดีจะใช้สมบัติอื่นหรือศิลาวิญญาณมาแลกเปลี่ยน แต่ว่าท่านต้องแสดงคุณภาพของหญ้าวิญญาณให้ข้าดูก่อน”
“นี่ไม่มีปัญหา” โม่เทียนเกอตอบรับอย่างตรงไปตรงมา แต่กลับไม่ได้หยิบหญ้าวิญญาณออกมาทันที
ถงเทียนอวิ้นก็ย่อมจะหลักแหลมมาก ผายมือไปทางด้านข้างทำท่าเชื้อเชิญ “สหายเต๋าชิงเวย โปรดตามข้ามา” สายตาขยับเขยื้อน เอ่ยอีกว่า “สหายเต๋าโส่วจิ้ง ท่านมาเป็นพยานดีหรือไม่”
การพูดเช่นนี้คือการคำนึงถึงความปลอดภัย ที่นี่จะอย่างไรก็คือเมืองคุนจง บนตัวโม่เทียนเกอมีสมบัติล้ำค่า หากอยู่กับเขาคนเดียวแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาเขารับไม่ไหว เมื่ออาจารย์เต๋าชิงเวยผู้นี้ก่อเกิดตานสำเร็จก็มีชื่อเลื่องลือในคุนอู๋ ปัจจุบันนี้ชื่อเสียงแผ่กระจายมาถึงทางนี้แต่แรกแล้ว ใครจะไม่รู้ว่านางเป็นศิษย์รักของประมุขเต๋าจิ้งเหอเล่า มีผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ขั้นกลางคนหนึ่งคุ้มครอง อย่าว่าแต่เขา ทั้งเมืองคุนจงล้วนไม่อาจทำให้ขุ่นเคือง
ฉินซีย่อมมิใช่ไม่เข้าใจ เขาไม่วางใจอยู่บ้างจริง ๆ ก็เลยยิ้มออกมาไม่ได้ปฏิเสธ ลุกขึ้นทันทีแล้วค่อย ๆ เดินเข้าประตูเล็กตามพวกเขาไป
นี่เป็นเพียงคลังเก็บของเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง มีสินค้ากองสุมอยู่ครึ่งหนึ่ง พอเข้าไปแล้วตรงประตูมีโต๊ะอยู่หนึ่งตัว
“สหายเต๋าชิงเวย” พอเข้าคลังเก็บของมา ถงเทียนอวิ้นก็บ่น “ถ้าหากรู้แต่แรกว่าท่านมี เหล่าฟูจะเอามาพูดที่งานชุมนุมค้าขายทำไมกันเล่า เฮ้อ อวดความร่ำรวยไม่ใช่เรื่องดี”
โม่เทียนเกอยิ้มเอ่ยว่า “ข้าก็ไม่รู้ว่าสหายเต๋าถงต้องการ ช่างบังเอิญแท้”
ทั้งสองคนพูดจาอย่างสนิทสนมแต่ที่จริงเป็นเพียงวาจาตามมารยาท พูดประโยคนี้จบโม่เทียนเกอก็หยิบกล่องหยกหนึ่งใบออกมาจากในกระเป๋าเอกภพ นางรู้ว่าแร่อวี้สุ่ยพันปีกับศิลาเมฆานิ่งพอปรากฏขึ้นจะต้องมีราคาสูงเทียมฟ้า เกรงว่าศิลาวิญญาณบนตัวตนเองจะไม่พอ จึงได้เก็บหญ้าวิญญาณบางส่วนออกมาจากในโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือน เดิมไม่มีแผนจะใช้หญ้าวิญญาณที่อายุมากกว่าสามพันปี คิดไปคิดมายังคงเก็บต้นหนึ่งไว้ที่ตัว คิดไม่ถึงว่าจะเกิดได้ใช้ประโยชน์ขึ้นมา
พอหยิบกล่องหยกออกมาก็มีพลังวิญญาณเล็ดรอดออกมาอย่างที่จะปิดก็ปิดไม่อยู่ สายตาของฉินซีและถงเทียนอวิ้นล้วนจับจ้องอยู่ที่กล่องหยก
ถงเทียนอวิ้นรับกล่องหยกมา ฉีกเครื่องรางบนกล่องหยก พอเปิดออกกลิ่นหอมของยาอันเข้มข้นก็พุ่งปะทะหน้า เขาเบิกสองตากว้าง ลมหายใจขาดห้วง
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด เขาจึงได้ปล่อยลมหายใจออกมาช้า ๆ “น่าจะไม่ผิด หญ้าจุ้ยหลาน (กล้วยไม้เมามาย) หมื่นปี” ยกกล่องหยกขึ้นสูง สูดดมกลิ่นหอมเบา ๆ แยกแยะกลิ่นและกิ่งก้านโดยละเอียด เริ่มจำแนกคุณสมบัติยาอย่างค่อนข้างเชี่ยวชาญ “รากเหง้าครบถ้วน คุณสมบัติยารักษาไว้ได้ดีมาก หญ้าจุ้ยหลานไม่ใช่หญ้าวิญญาณที่หายากอะไร แต่ว่าต้นนี้คงจะเติบโตในสถานที่ซึ่งมีพลังวิญญาณเต็มเปี่ยมอย่างยิ่งมาเป็นหมื่นปี เหนือว่าหญ้าวิญญาณหายากที่เติบโตในสถานที่พลังวิญญาณทั่วไปอย่างแท้จริง”
ถงเทียนอวิ้นละสายตาจากหญ้าจุ้ยหลานอย่างยากลำบาก ปิดกล่องหยก ติดเครื่องรางตามเดิม เงยหน้ามองไปทางโม่เทียนเกอ “สหายเต๋าชิงเวย หยกผลึกวิญญาณเหล่านี้เป็นของท่านแล้ว นอกจากนี้ ตรงนี้ข้ายังมีวัตถุดิบที่พิเศษเฉพาะจำนวนหนึ่ง ไม่ถือว่าล้ำค่ามาก แต่หาได้ยาก ถือเสียว่าข้าขอบคุณท่าน เป็นอย่างไร”
โม่เทียนเกอหลุบตาลงมองถุงที่ถงเทียนอวิ้นยื่นไป ถุงโป่งพอง มีสิ่งของไม่น้อยจริง ๆ นางดันถุงกลับไปเบา ๆ
ถงเทียนอวิ้นสีหน้าแปรเปลี่ยนไปเป็นปั้นยากอยู่บ้าง “สหายเต๋า ท่าน….” เขานึกว่าโม่เทียนเกอไม่พอใจการเสนอราคาของเขา เขาพูดว่าวัตถุดิบในถุงใบนี้ไม่ล้ำค่ามันเป็นแค่การกล่าวถ่อมตัว ในฐานะหนึ่งในผู้ดูแลสมาคมผู้ฝึกตนอิสระเมืองคุนจง เขาอยู่ที่เมืองคุนจงหลายปีขนาดนี้ ไม่รู้ว่าเก็บสะสมวัตดุดิบพิสดารมากมายเท่าไหร่แล้ว ปกติถึงคนอื่นส่งมอบศิลาวิญญาณเป็นหมื่นก้อนมาร้องขอเขายังไม่ให้เลย!
สูดลมหายใจลึก ๆ ถงเทียนอวิ้นเอ่ยว่า “สหายเต๋าชิงเวย เช่นนั้นท่านเสนอราคามา ข้าจะใช้ศิลาวิญญาณชดเชยแก่ท่าน”
โม่เทียนเกอกลับยิ้ม ส่ายหน้าเอ่ยว่า “สหายเต๋าถงอย่าได้เข้าใจผิด ข้าไม่ต้องการศิลาวิญญาณหรือว่าวัตถุดิบของท่าน สหายเต๋าสามารถใช้หยกผลึกวิญญาณเหล่านี้แลกเปลี่ยนกับข้า ข้าเพียงอยากให้สหายเต๋ารับปากข้าเรื่องหนึ่ง”
ถงเทียนอวิ้นอึ้งไป ไม่คาดว่านางจะกล่าวเช่นนี้ “เรื่องใด”
“สหายเต๋าถงในฐานะคนของสมาคมผู้ฝึกตนอิสระเมืองคุนจง ข่าวสารเกี่ยวกับการค้าขายคงจะต้องรวดเร็วรอบด้านเป็นที่สุด บังเอิญว่าข้ากำลังเสาะหาตำแหน่งของวัตถุดิบสองประเภท หวังว่าสหายเต๋าถงจะสามารถช่วยข้าสอบถาม”
ได้ยินข้อเรียกร้องนี้แล้ว ใบหน้าถงเทียนอวิ้นเผยรอยยิ้มขึ้นมา กลับคืนรู้ความกลมเกลียวกันเหมือนเดิม “สหายเต๋าชิงเวยพูดอะไรเช่นนี้ เห็นแก่สหายเต๋าโส่วจิ้ง สอบถามตำแหน่งของวัตถุดิบจะมีอะไรที่ไม่ได้กันเล่า อย่าได้ล้อเล่นกับเหล่าฟูเช่นนี้เลย”
โม่เทียนเกอยิ้มเอ่ยว่า “ข้าผิดไปแล้ว”
ทั้งสองคนแลกเปลี่ยนสิ่งของกันเสร็จแล้ว ถงเทียนอวิ้นถามอย่างห่วงใยว่า “สหายเต๋าชิงเวยอยากเสาะหาวัตถุใด พูดมาให้ฟังดูเถิด ไม่แน่ว่าตอนนี้เหล่าฟูจะรู้”
“เช่นนั้นข้าไม่เกรงใจแล้ว” โม่เทียนเกอกล่าว “สิ่งที่ข้าอยากหาเป็นสิ่งของสองอย่าง หนึ่งในนั้นคือแร่อวี้สุ่ยอายุหนึ่งพันปีขึ้นไป อายุยิ่งมากยิ่งดี อีกอย่างคือศิลาเมฆานิ่ง อันนี้ไม่มีเงื่อนไขอะไร สหายเต๋าถง หากมีข่าวคราวของสิ่งของสองอย่างนี้หวังว่าจะช่วยส่งข่าวด้วย”
“นี่…..” ใบหน้าถงเทียนอวิ้นปรากฏร่องรอยความลังเลแวบผ่าน มองดูโม่เทียนเกอ แล้วมองดูฉินซีที่เอนตัวพิงประตูโดยไม่สอดแทรกคำพูดของพวกเขามาโดยตลอด เอ่ยว่า “ไม่ปิดบังสหายเต๋า ศิลาเมฆานิ่งไม่ได้พบเห็นมาหลายปีมากแล้ว แร่อวี้สุ่ยพันปีนั่น หลายวันก่อนเคยเห็นมาครั้งหนึ่ง แต่ว่าถูกคนซื้อไปแล้ว”
“อ้อ?” โม่เทียนเกอได้ยินก็ดีใจ “ไม่ทราบว่าผู้ซื้อเป็นผู้ใด สหายเต๋าถงทราบหรือไม่”
ถงเทียนอวิ้นส่ายหน้าอย่างขออภัย “สหายเต๋าชิงเวย กฎของเมืองคุนจงเรา หากผู้ซื้อเรียกร้อง ห้ามไม่ให้ปล่อยข่าวของผู้ซื้อ คำถามนี้ข้าตอบไม่ได้”
“…..” โม่เทียนเกอผิดหวังอยู่บ้าง แต่แล้วกลับได้ยินถงเทียนอวิ้นกล่าวอีกว่า “แต่ว่าสหายเต๋าช่วยเหลือเหล่าฟูมากขนาดนี้ เหล่าฟูเผอิญรู้จักผู้ซื้อ สามารถไปถามให้ท่านได้”
โม่เทียนเกอเดิมนึกว่าไม่มีหวัง คิดไม่ถึงว่าจะมีจุดหักมุม จึงเอ่ยว่า “เช่นนั้นก็รบกวนสหายเต๋าถงแล้ว สหายเต๋าถงสามารถแจ้งสหายของท่านว่าหากไม่ต้องการซื้อขายด้วยศิลาวิญญาณก็สามารถใช้วัตถุวิญญาณแลกเปลี่ยนได้”
ถงเทียนอวิ้นแววตาสว่างวูบ “หญ้าวิญญาณก็ได้หรือ”
โม่เทียนเกอส่ายหน้า “สหายเต๋าถง หญ้าวิญญาณหมื่นปีพบได้หาไม่ได้ บนตัวข้ามีเพียงต้นนี้เท่านั้น ยังมีหญ้าวิญญาณพันปี คิดว่าสหายท่านก็คงจะไม่สนใจใช่หรือไม่”
หญ้าวิญญาณพันปีทั่วไป พวกเขาผู้ฝึกตนก่อเกิดตานผู้ร่ำรวยไม่เห็นอยู่ในสายตาจริง ๆ ถงเทียนอวิ้นเสียดายอย่างอดไม่ได้ คิด ๆ ดูแล้วกลับโล่งอก หญ้าวิญญาณพันปีย่อมไม่สามารถมีอยู่ทุกแห่งหน สามารถหาได้หนึ่งต้นก็โชคดีมากแล้ว!
“ได้ ก่อนที่พวกเราจะเดินทาง เหล่าฟูจะต้องให้คำตอบแก่สหายเต๋า”
“เช่นนั้นขอบคุณสหายเต๋าถงมาก”
การแลกเปลี่ยนสิ้นสุด ทั้งสามคนกลับสู่ห้องโถงเล็กแล้วนั่งลง ถงเทียนอวิ้นเอ่ยว่า “ข้ากับสหายเต๋าชิงเวยผู้นี้แลกเปลี่ยนกันสำเร็จแล้ว ยังมีสหายเต๋าท่านใดอยากจะแลกเปลี่ยนอีก”
ถึงทุกคนในโถงจะอยากรู้ถึงสิ่งของที่พวกเขาแลกเปลี่ยน แต่ถงเทียนอวิ้นไม่พูดให้ชัดเจนก็ได้แต่ทนความอยากรู้อยากเห็นเอาไว้ ผ่านไปพักหนึ่ง มีผู้ฝึกตนก่อเกิดตานอีกคนส่งเสียงออกมา อยากจะใช้ศิลาเฮ่าอิงแลกเปลี่ยนกับโอสถชั้นสูงประเภทยาฟ้ากระจ่าง การแลกเปลี่ยนนี้ในเวลาปกติเดิมน่าดึงดูดยิ่ง ศิลาเฮ่าอิงเป็นศิลาพิสดารประเภทหนึ่งที่ผู้ฝึกกระบี่ใช้ฝึกฝนกระบี่ น่าเสียดายที่เนื่องจากงานชุมนุมค้าขายเปิดมาก็ถูกหยกผลึกวิญญาณกับหญ้าวิญญาณหมื่นปีสั่นสะเทือนจึงดูจะไม่มีพลังดึงดูดมากนัก
ผ่านไปไม่นาน งานชุมนุมค้าขายสิ้นสุดลงอย่างรีบร้อน ตลอดทั้งกระบวนการ คนจำนวนมากจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว สายตากวาดผ่านถงเทียนอวิ้นที่ใบหน้าแห้งเหี่ยวไร้อารมณ์หรือว่าโม่เทียนเกอที่หลุบตาเหมือนนั่งสมาธิอยู่ตลอด
จนกระทั่งตอนจบ โม่เทียนเกอและฉินซีล้วนไม่มองสิ่งของอะไรอีก ฉินซีกลับหยิบขวดโอสถชั้นสูงที่หายากออกมา บอกว่าอยากจะซื้อข่าวของแร่อวี้สุยพันปีกับศิลาเมฆานิ่ง ถึงกับไม่มีคนทราบ
ต่อจากนั้น งานชุมนุมค้าขายยุติ ทุกคนยังคงออกไปตามช่องทางเดิม ช่องทางมาถึงงานชุมนุมค้าขายนี้มีหลายช่องทาง ทางนั้นที่โม่เทียนเกอกับฉินซีเข้ามาเป็นทางสาธารณะ มีช่องทางลับอีกหลายทางสำหรับคนเหล่านั้นที่ไม่อยากเปิดเผยตัวตน
กลับสู่ถนนหลัก ค่ำคืนลึกล้ำยิ่งขึ้น ทั้งสองคนฝีมือสูงขวัญกล้า ไม่ได้ปิดบังร่าง เดินช้า ๆ ไปเรือนเล็กที่อาศัยอยู่เป็นการชั่วคราวนั้น
คนที่ออกมากระจัดกระจายไปแต่แรกแล้ว สุดท้ายเหลือเพียงพวกเขาสองคน
สายลมยามค่ำคืนอันเย็นสดชื่นพัดโชย เงาของคนสองคนบนพื้นเสื้อผ้าพัดพริ้ว พัวพันเข้าด้วยกัน
ฉินซีหยุดชะงักกะทันหัน คว้าดึงข้อมือของโม่เทียนเกอ ทั้งสองคนวูบถอยไปหลายจ้างในพริบตา
ฉินซีกลอกตา จับจ้องมุมมืดแห่งหนึ่งอย่างเย็นชา เอ่ยเสียงต่ำว่า “ท่านผู้นี้ปิดบังลมปราณติดตามพวกเรา สรุปแล้วมีเจตนาใดกัน?!”
…………………………………
ตอนที่ 268 – จิ่งสิงจื่อ