ตอนที่ 12 ค่อนข้างยุ่งยาก
เสียงทะเลาะของอูตงและเสิ่นอิงเงียบลงทันใด อูตงหันไปมองบุรุษผู้แสนเย็นชาหลังม่านราวกับไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน นางไม่เข้าใจเลยว่าเหตุไฉนเขาที่มีความสงสัยมากมายมาโดยตลอด ไยครานี้ถึงได้เชื่อสตรีที่อยู่ตรงหน้าง่ายดายเช่นนี้
อวี้ชิงลั่วแย้มยิ้ม บุรุษผู้นี้ถือว่ายังมีสมองอยู่บ้าง ไม่ได้เชื่อคำพูดของอูตงและผลักไสนางออกไปจริง ๆ ไม่งั้นคงช่วยเผิงอิงผู้นี้กลับมาไม่ได้แล้วจริง ๆ
“ไม่ทราบว่าท่านมีนามจริง ๆ ว่าอะไร”
นางเอ่ยถามยิ้มตาหยี ครั้นเสียงของนางสิ้นสุดลง อูตงก็อดไม่ได้ที่จะเกิดความโกรธเคือง “สามหาว ชื่อของนายท่านไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะรู้ได้”
แม้แต่นางก็ทราบแค่แซ่ของนายท่าน เหตุใดสตรีแปลกหน้าคนหนึ่งถึงจะรู้ชื่อของนายท่านได้?
อวี้ชิงลั่วรู้สึกรำคาญอูตงคนนี้จริง ๆ เอะอะโวยวายไม่รู้จักสงบจิตสงบใจบ้าง ครั้นได้ยินเสียงจึงจ้องกลับไปและกล่าวเสียงเย็นว่า “เหตุใดข้าถึงรู้ไม่ได้? ข้ามิใช่ลูกสมุนจวนโม่ของพวกเจ้าสักหน่อย หรือจะให้ข้าเรียกเขาว่านายท่านเหมือนกับพวกเจ้า? หรือจะให้ข้าเรียกเขาว่า ‘นี่’ เพื่อให้สุภาพสักหน่อย?”
“เจ้า…” อูตงพูดไม่ออก
เสิ่นอิงเม้มปาก ครั้งนี้เขากลับไม่มีความเห็นใด ๆ เพียงแต่สายตากลับเริ่มชำเลืองไปทางด้านหลังม่าน
บุรุษที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ดูเหมือนว่าจะชะงักไป ราวกับไม่คาดคิดว่านางจะถามสิ่งที่แสนง่ายดายเช่นนี้
แต่เขาก็ยังลังเลอยู่ครู่หนึ่ง กล่าวเสียงทุ้มต่ำกลับมาว่า “รอให้เจ้ารักษาเสร็จ ข้าจะบอกเจ้า”
อวี้ชิงลั่วแค่นเสียงเบา ๆ อย่างมีความสุข นางไม่ได้มีความจำเป็นที่ต้องรู้จักชื่อแซ่ของเขา เพียงแต่ภายในใจก็ยังไม่แน่ใจว่าภายในใจของนายท่านคนนี้เผิงอิงผู้นี้มีตำแหน่งสำคัญมากขนาดไหน หากนางยื่นข้อเสนอที่ทำให้อีกฝ่ายลำบากใจมากเกินไป ไม่แน่อาจถูกเขาโยนออกไปจริง ๆ ก็เป็นได้
ตอนนี้นางยังออกจากจวนโม่แห่งนี้ไม่ได้ บุตรชายของนางยังอยู่ที่นี่ ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ต้องพาเขากลับไปด้วย แน่นอน ค่ายกลเหล่านั้นก็เป็นสิ่งที่ทำให้นางรู้สึกสงสัยใคร่รู้มากเช่นกัน
อนาคตยังอีกยาวไกล ข้อเรียกร้องอื่น ๆ ที่รุนแรงขึ้นอย่างเช่นอยากได้เงิน อยากได้บ้าน อยากได้รถ หลังจากนั้นค่อย ๆ ยื่นออกมาก็ได้
ระหว่างที่คิด นางก็ก้าวเท้าไปด้านหน้าสองสามก้าว ย่อตัวลงข้าง ๆ เผิงอิง ตรวจสอบอย่างละเอียดและพูดกับเสิ่นอิงว่า “ไปยกเตาไฟมา” แม้ว่าห้องโถงแห่งนี้จะมีขนาดใหญ่ แต่ที่ตั้งค่อนข้างห่างไกล ด้านนอกเป็นต้นไม้และภูเขาเทียม ไม่รู้ว่านี่เป็นความตั้งใจของนายท่านผู้นี้หรือไม่ ที่ทำให้แสงไฟภายในห้องโถงมืดสลัวลงอย่างมาก
เผิงอิงคนนี้ในเวลานี้ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้มากไปกว่านี้แล้ว มิเช่นนั้นแม้แต่นางก็ยังคิดว่าเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมาก
ใบหน้าของอูตงเปลี่ยนเป็นดูไม่จืด นายท่านยอมให้สตรีผู้นี้ลงมืองั้นหรือ? บัดซบ หากสตรีผู้นี้มีใช้ความสามารถเพียงเล็กน้อยรักษาเผิงอิงให้รอดได้ หลังจากนี้นางยังจะมีตำแหน่งอะไรอยู่ในจวนโม่อีก? นางกลัวว่าแม้แต่เสิ่นอิงและคนเหล่านี้คงไม่เห็นนางอยู่ในสายตาอีกแล้ว
นางขบฟันแน่น สายตามองไปที่ร่างของเผิงอิง แววตาดุร้าย นัยน์ตานั้นมีแรงสังหารวาดผ่าน ถึงอย่างไรไม่ว่าจะช้าหรือเร็วก็ต้องตาย เหตุใดถึงยังนอนขวางทางคนอื่นอีก?
ระหว่างที่นางคิดเช่นนี้ อารมณ์ของนางก็มั่นคงขึ้น นางชำเลืองสายตาไปยังอวี้ชิงลั่วและพยายามพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนลง “หวังว่าเจ้าจะมีความสามารถนั้นช่วยรักษาเผิงอิงให้กลับมาได้ มิเช่นนั้น ผลลัพธ์หลังจากนี้คงไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะแบกรับได้ อีกอย่าง ข้าขอแนะนำว่าเจ้าอย่าได้เล่นตุกติก จวนโม่แห่งนี้ ไม่ใช่สถานที่ที่เจ้าจะกระทำความผิดอย่างเหิมเกริมได้”
ระหว่างที่พูด นางก็ก้าวเท้าไปด้านหน้าหนึ่งก้าว ย่อตัวลงตรงข้ามอวี้ชิงลั่วราวกับเฝ้าสังเกตการณ์
ทว่ามือทั้งสองข้างกลับเริ่มเลื่อนไปที่บาดแผลของเผิงอิงอย่างช้า ๆ “ข้ามีประสบการณ์ดึงมีด เรื่องนี้ให้ข้าจัดการเถอะ”
อวี้ชิงลั่วชำเลืองมองอีกฝ่าย จากนั้นจึงหันไปหาเสิ่นอิงที่กำลังสั่งให้คนไปยกเตาไฟ “รบกวนเจ้าช่วยโยนนางออกไปได้หรือไม่? นางอยู่ที่นี่มีผลกระทบต่ออารมณ์ของข้าสูง หากข้าหงุดหงิดขึ้นมา บางทีอาจทำให้เผิงอะไรนี่ตายได้เลยนะ”
เสิ่นอิงตกใจ ตอนนี้เขามีแค่ความคิดอยากให้เผิงอิงมีชีวิตรอด เมื่อได้ยินอวี้ชิงลั่วพูดเช่นนี้ เขาก็ดึงอูตงลากออกไปนอกประตูโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
มือของอูตงเกือบจะแตะเข้ากับด้ามจับของมีดสั้นอยู่แล้ว ถ้าเรื่องนี้เรียบร้อย ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว
นางชักมือกลับมาด้วยความโกรธเคืองในทันที “เสิ่นอิง บุรุษและสตรีมิควรแตะเนื้อต้องตัวกัน หากเจ้ายังมาถูกตัวข้าอีกครั้งก็เท่ากับทำให้ข้าเสื่อมเสียชื่อเสียง”
นางพูดจบ ก็หมุนกายกลับมาอีกครั้ง
ในที่สุดบุรุษที่อยู่หลังม่านจึงเอ่ยปากพูด น้ำเสียงแอบแฝงด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย “อูตง ออกไป”
นายท่านเอ่ยปากกล่าวเช่นนี้ อูตงย่อมหยุดชะงักในทันที และทำให้นางแอบรู้สึกน้อยใจ
อวี้ชิงลั่วเห็นก็อยากหัวเราะจนทนไม่ไหว ท่าทางน้อยใจนี้ทำให้ใครดูไม่ทราบ ด้านหน้านายท่านก็มีม่านบังอยู่ มองเห็นสิถึงจะแปลก
เพียงไม่นานอูตงก็ถูกเสิ่นอิง “เชิญ” ให้ออกไป เตาไฟขนาดใหญ่สองใบถูกนำมาวางไว้ในห้องโถงอย่างรวดเร็ว
เมื่อไม่มีคนก่อกวนอยู่ สมาธิของอวี้ชิงลั่วจึงเพ่งไปที่ร่างกายของเผิงอิงทันที นางใช้นิ้วมือพลิกเปลือกตาของเผิงอิงขึ้นด้านบน การแสดงทางสีหน้าเคร่งขรึมภายในพริบตาเดียว
เสิ่นอิงเห็นสีหน้าของนางก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมา เขา โม่เสียน เผิงอิงและเหวินเทียนต่างก็ติดตามอยู่ข้างกายนายท่านตั้งแต่ยังเด็ก ย่อมมีความสนิทสนมกันมาก แต่เมื่อเห็นเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจนไม่ได้สติ โดยเฉพาะตอนที่อูตงบอกว่าไม่มียาที่จะช่วยชีวิตเขาได้ เขาก็อดรู้สึกกระสับกระส่ายไม่ได้
อวี้ชิงลั่วหันหน้ามาควานหาของบนร่างกาย ในที่สุดก็หยิบโอสถสีดำขึ้นมาหนึ่งเม็ด และยัดใส่ปากของเผิงอิงโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
เมื่อยานั้นเข้าไปในปากก็ละลายทันที เสิ่นอิงอยากเข้าไปห้ามก็ไม่ทันแล้ว เขาอยากถามว่ายาเม็ดนั้นคืออะไร แต่เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งขรึมและไม่ชอบให้ใครรบกวนของอวี้ชิงลั่ว เขาก็ได้แค่ทำปากพะงาบ ๆ และกลืนคำพูดกลับลงคอ
อวี้ชิงลั่วตัดเปิดเสื้อบริเวณช่วงอกของเผิงอิงอย่างรวดเร็ว เผยให้เห็นมีดสั้นที่ปักอยู่บนร่างกายของเขา ดวงตาของนางหรี่ลงเล็กน้อย
“ช่วยประคองเขาหน่อย” นางชำเลืองสายตาขึ้นมองเผิงอิง และทำมือประกอบเล็กน้อย
เสิ่นอิงทำตามที่นางบอกโดยไม่พูดอะไร จากนั้นก็พบว่าอวี้ชิงลั่วใช้นิ้วมือจับไปที่ด้ามมีดสั้น หายใจเข้าออกช้า ๆ อย่างระมัดระวัง
เสียง ‘พรวด’ ดังขึ้น มีดสั้นถูกดึงออกมาอย่างแรง ร่างกายของเผิงอิงกระตุกอย่างไม่อาจควบคุม เขาเบิกตา เสียง ‘อึก’ ดังขึ้นก่อนจะเป็นลมหมดสติไปอีกรอบ
เลือดตรงหน้าอกไหลทะลักออกมาข้างนอกอย่างรวดเร็ว เสิ่นอิงเห็นก็ตกใจเสียจนเผลอกลั้นหายใจ ทว่าเขายังคงไม่กล้าเปล่งเสียง ทำได้เพียงแค่เกร็งกล้ามเนื้อบนใบหน้า มองดูอวี้ชิงลั่วที่หาจุดบนบาดแผลของเผิงอิงอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ออกแรงกดโดยไม่รีรอ
ทันใดนั้นเขาก็ต้องตกตะลึงเมื่อเห็นว่าเลือดที่ไหลทะลักออกมาเมื่อครู่ค่อย ๆ หยุดลงแล้ว เขาจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก
อวี้ชิงลั่วใช้วิธีกดจุดแบบง่าย ๆ เพื่อห้ามเลือด นี่เป็นเพียงแค่วิธีการในกรณีฉุกเฉิน หลังจากนี้ยังต้องเปลี่ยนวิธีห้ามเลือดแบบอื่น มิเช่นนั้นเผิงอิงก็คงต้องตายเพราะเสียเลือดมากอยู่ดี
“เอาผ้าพันแผลมาให้ข้า” ในตอนนี้มีเสิ่นอิงเพียงคนเดียวที่ขยับมือขยับเท้าได้อย่างกระฉับกระเฉง อวี้ชิงลั่วจึงทำได้เพียงแค่เรียกใช้เขา
ส่วนนายท่านอะไรนั่น นางจะคิดเสียว่าเขาเป็นมนุษย์ล่องหนก็แล้วกัน
ถึงอย่างไรเขาก็พูดน้อยอยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะแรงกดดันที่เหมือนจะมีแต่ก็ไม่มีที่ลอยอยู่กลางอากาศ นางคงไม่สังเกตเห็นว่ามีคนนั่งอยู่หลังม่าน
นางบ่นอยู่ในใจ แต่มือกลับเคลื่อนไหวอย่างไม่หยุด
โชคดีที่มีดสั้นปักเข้าไปไม่ลึก กอปรกับตอนที่นางดึงมีดเป็นไปอย่างระมัดระวัง จึงไม่มีบาดแผลบริเวณจุดสำคัญอื่น ด้วยเหตุนี้นางจึงไม่ต้องใช้ความพยายามมากมายอะไร ผ่านไปไม่นาน ก็จัดการกับบาดแผลและพันแผลให้เขาจนแน่น
เพียงแต่พิษที่เขาได้รับ…เป็นเรื่องค่อนข้างซับซ้อน
…………………………
สารจากผู้แปล
คิดจะฆ่าคนไข้ให้ตายเพื่อปกปิดว่าตัวเองไร้ฝีมือรักษางั้นเหรอ ฝันไปเถอะอูตง
ไหหม่า (海馬)