บทที่ 5 ฉันก็เป็นแค่ชาวประมงธรรมดา

สุดยอดชาวประมง

บทที่ 5 ฉันก็เป็นแค่ชาวประมงธรรมดาเท่านั้น

เด็กสาวโกรธมากเมื่อเธอได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย ใบหน้าเล็ก ๆ ของเธอแดงด้วยความโมโห ซึ่งดู ๆ ไปแล้วก็น่ารักเป็นอย่างมาก ฉู่เหินที่นั่งดูจากที่นั่งของเขาสังเกตเห็นชุดกระโปรงสีม่วงของเด็กสาวมีรอยมือติดอยู่อย่างชัดเจน ดูเหมือนว่าตาลุงน่าเกลียดนี้ฉวยโอกาสที่รถกำลังแล่นจับก้นของเด็กสาวคนนี้!

ฉู่เหินเกลียดคนพรรค์นี้มาก ในสายตาของเขาคนแบบนี้เป็นขยะสังคม ถ้าไม่เห็นกับตาเจอกับตัวก็แล้วกันไป แต่วันนี้เมื่อเขาเจอกับตัวเขาจะไม่ยอมอยู่เฉยแน่ ๆ

“น้องสาว มานั่งตรงนี้เถอะครับ” ฉู่เหินลุกขึ้นยืนแล้วพูดพลางยิ้มให้เด็กสาว ท่าทางอบอุ่นและคำพูดที่เอื้ออาทร ทำให้เด็กสาวแทบจะหลั่งน้ำตาออกมาอย่างตื้นตัน

เมื่อเห็นแบบนี้แล้ว ผู้คนในรถก็เลิกให้ความสนใจพวกเขาทันที อย่างไรก็ตามในจังหวะที่รถกำลังเลี้ยว จู่ ๆ ฉู่เหินก็เอนตัวเข้าไปชนกับชายวัยกลางคนคนนั้นจนล้มลง ชายคนนั้นขมวดคิ้ว ก่อนจะมองมาที่ฉู่เหินอย่างไม่พอใจ

“มองอะไรห๊ะ ก็แค่ชนนิดเดียว! ถ้าคุณไม่อยากโดนคนอื่นชนก็อย่ามานั่งรถประจำทาง ไปนั่งแท็กซี่ไป๊!” เมื่อฉู่เหินเห็นสายตาของชายคนนั้น ก็เอ่ยคำพูดที่ชายคนนั้นเพิ่งพูดมาเมื่อครู่นี้ออกไป

“น้องชาย นายทำงานอะไรน่ะ?” เมื่อเห็นท่าทีต้องการหาเรื่องอย่างชัดเจนของฉู่เหิน ชายคนนั้นก็ถามออกมาอย่างหวาดกลัว

“ฉันเป็นแค่ชาวประมงธรรมดา ๆ เท่านั้นแหละ” ฉู่เหินพูดออกมาอย่างภาคภูมิใจ อย่างไรก็ตามเมื่อคนอื่นได้ยินคำตอบของฉู่เหิน พวกเขาต่างไม่เชื่อว่า ฉู่เหินเป็นแค่ชาวประมงธรรมดา ๆ เท่านั้น ตลกน่า! ชาวประมงที่ไหนจะน่ากลัวขนาดนี้

หลังจากรถวิ่งผ่านไปอีกสองถึงสามป้าย ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งขึ้นมาบนรถ เธอยืนคั่นอยู่ระหว่างฉู่เหินและชายวัยกลางคนคนนั้น ฉู่เหินมองแล้วคิดว่าถ้าผู้หญิงคนนี้ไม่ทำกระเป๋าเงินตกหายแสดงว่าคงทำบุญมาดีมาก

สาเหตุที่เขาคิดอย่างนั้นเป็นเพราะว่าการแต่งตัวของผู้หญิงคนนั้น เธอสวมเพียงแค่เสื้อแจ็กคเก็ตสั้น ๆ กับกางเกงหนังรัดรูปและใส่กระเป๋าเงินใบเล็ก ๆ ไว้ในกระเป๋ากางเกง โดยที่กระเป๋าเงินโผล่ออกมาครึ่งหนึ่ง เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าผู้หญิงคนนี้คิดยังไง สภาพแบบนี้ต่อให้เป็นคนธรรมดาก็สามารถขโมยกระเป๋าเงินของเธอได้

อย่างไรก็ตามเมื่อฉู่เหินกำลังจะหลับตาลง เขาก็เห็นชายวัยกลางคนคนนั้นยื่นมือไปที่กระเป๋าเงินของหญิงสาว เมื่อได้เห็นฉากนี้เข้าทำให้ฉู่เหินอดยิ้มหยันออกมาไม่ได้

หลังจากนั้นฉู่เหินก็ตั้งใจมองไปที่ชายคนนั้น ขณะที่รถวิ่งผ่านถนนช่วงที่กำลังได้รับการซ่อมแซม เนื่องจากถนนขรุขระจึงมีการกระแทกอยู่เสมอ ชายวัยกลางคนฉวยโอกาสขณะที่รถกระแทกหยิบกระเป๋าเงินของหญิงสาวกลับมาอย่างรวดเร็วและใส่ไว้ในถุงของเขา

เมื่อเห็นอย่างนั้นแล้วฉู่เหินจึงเดินเข้าไปใกล้และจับมือของชายคนนั้นไว้เพื่อไม่ให้เขาหนีไป! เดิมทีชายวัยกลางคนต้องการต่อสู้ แต่ฉู่เหินแข็งแรงมาก ทำให้เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ตามใจ

“ไอ้หนู แกจะทำอะไร ปล่อยฉันนะ ไม่งั้นฉันจะเรียกตำรวจ!” ชายวัยกลางคนขู่ด้วยความโกรธ

“อั๊ยยะ โจรจะเรียกตำรวจคิดไม่ถึงจริง ๆ นะเนี่ย” ฉู่เหินมองดูชายคนนั้นด้วยสายตาเหยียดหยาม

“พี่สาว กระเป๋าเงินคุณหายรึเปล่าครับ?” หลังจากจับมือชายวัยกลางคนไว้แล้วฉู่เหินก็หันไปถามหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ

หลังจากได้ยินคำถามของฉู่เหิน หญิงสาวรีบก้มหัวลงมองหากระเป๋าเงินและพบว่า กระเป๋าเงินในกระเป๋ากางเกงเธอหายไปแล้ว แม้ว่าจะมีเงินไม่มากนัก แต่ว่ากระเป๋าหายใครก็รู้สึกไม่ดีทั้งนั้น

“น้องชาย คุณเห็นกระเป๋าเงินของฉันรึเปล่าคะ?” หญิงสาวมองไปรอบ ๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรบนพื้น เธอจึงหันมาถามฉู่เหิน

“ใช่ที่อยู่ในกระเป๋าของผู้ชายคนนี้รึเปล่าครับ คุณลองเอาไปดูสิ” ขณะพูด ฉู่เหินยังไม่ยอมปล่อยมือจากชายวัยกลางคน นี่ทำให้ชายคนนั้นกัดฟันด้วยความแค้นใจ

หลังจากที่หญิงสาวเปิดกระเป๋าของผู้ชายคนนั้น เธอไม่เพียงพบกระเป๋าของเธอ แต่ยังพบว่าในกระเป๋าใบมีกระเป๋าเงินอีกหกถึงเจ็ดใบ ฉู่เหินอ้าปากค้างอย่างตกใจเมื่อเห็นเหตุการณ์เขาคิดไม่ถึงเหมือนกันว่าผู้ชายคนนี้จะเป็นโจรล้วงกระเป๋า

เมื่อรถหยุดที่ป้ายถัดไปเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายคนก็ขึ้นมาบนรถและพาชายวัยกลางคนออกไป เพราะว่าหลังจากที่ฉู่เหินจับโจร คนขับรถก็รีบเรียกตำรวจทันที

“น้องชาย ขอบคุณมากนะ คุณชื่ออะไร แล้วคุณทำงานอะไรเหรอ?” หญิงสาวถือกระเป๋าเงินไว้ในมือแล้วถามฉู่เหิน

“ผมเป็นแค่ชาวประมงธรรมดาครับ” ครั้งแรกที่ตัวเขาบอกว่าเขาเป็นชาวประมงธรรมดา ผู้คนต่างก็ไม่เชื่อเขา แต่เมื่อได้ยินเขาพูดอีกครั้งทุกคนจึงยอมเชื่อ และนั่นก็ทำให้ภาพลักษณ์ของชาวประมงในสายตาของทุกคนดูสูงส่งขึ้นเป็นอย่างมาก

หลังจากรถประจำทางเลี้ยวเข้าจอดที่ป้ายอีกครั้ง ฉู่เหินก็ก้าวลงจากรถ เพราะเขามาถึงหมู่บ้านชาวประมงไหก่างแล้ว!

เมื่อมองดูสถานที่ที่เขาอยู่มาสิบกว่าปี ฉู่เหินก็เต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย รถประจำทางหยุดอยู่ที่ป้ายสองถึงสามนาที เมื่อฉู่เหินเดินลับตาไปรถจึงแล่นออกไปอีกครั้ง

เรือประมงของฉู่เหินถูกลากกลับมาโดยเรือลาดตระเวนทางทะเล เมื่อมองไปบนเรือประมง ฉู่เหินเห็นว่ามีคนช่วยซ่อมมันให้แล้ว หลังจากเขาไปสอบถามดูก็พบว่าเป็นหน่วยลาดตระเวนทางทะเลที่ช่วยเขาซ่อมแซมเรือประมง ฉู่เหินได้แต่จดจำบุญคุณของหน่วยลาดตระเวนทางทะเลไว้ในใจ

หลังจากเก็บของเสร็จแล้ว ฉู่เหินก็นำเตรียมอาหารและน้ำจืดเพื่อออกทะเลอีกครั้ง แม้เขาจะออกทะเลมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว แต่ครั้งนี้เขารู้สึกว่าหนักที่สุด เพราะเขารู้ดีว่าเรื่องค่ารักษาพยาบาลของพี่ชายของเขานั้น ทั้งหมดมันขึ้นอยู่กับผลของการออกทะเลในครั้งนี้!

ฉู่เหินขับเรือหาปลาไปจนถึงทะเลลึก หลังจากขับเรือมานานกว่าสามชั่วโมงฉู่เหินก็หยุดเรือ จากนั้นมองไปที่ทะเลด้านหน้าของเขา ฉู่เหินได้แต่ตั้งความหวังไว้ในใจ เขาไม่รู้ว่าครั้งนี้จะกลับมาพร้อมปลาเต็มลำได้หรือไม่

หลังจากคิดไปมาหลายรอบ ฉู่เหินก็รวบรวมความกล้า เรียกแหไหมเงินออกมาจากมือของเขาก่อนที่จะโยนออกลงไปที่ทะเล แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากนั้นกลับทำให้ฉู่เหินรู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก เพราะเขาพบว่าเมื่อแหขนาดเล็กในมือถูกเหวี่ยงออกไปแล้ว มันกลับไปขยายตัวออกเหมือนเมื่อครั้งก่อน! นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมวันนี้ระบบเชื่อมโลกาถึงไม่เปิด? มันมีเงื่อนไขอะไรรึเปล่า?

จากนั้นฉู่เหินก็นั่งคิดอย่างละเอียดก่อนจะนึกขึ้นได้ว่า เมื่อเขาและพี่ชายออกทะเลในวันนั้นน่าจะมาถึงที่นี่ราว ๆ สิบโมงหลังจากเกิดพายุไต้ฝุ่น เวลานั้นควรจะอยู่ประมาณสิบเอ็ดโมง

เมื่อเขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาดู เขาก็พบว่าเพิ่งจะเก้าโมงเท่านั้น “มันอาจจะมีเงื่อนไขเรื่องเวลา ถ้าอย่างนั้นฉันจะทดลองทุก ๆ ครึ่งชั่วโมงจะได้รู้ว่า ระบบเชื่อมโลกาเปิดใช้ได้ตอนไหนกันแน่”

การรอคอยนั้นยาวนานเสมอ เวลาที่ผ่านไปทุกนาทีทำให้จิตใจที่ร้อนรุ่มของฉู่เหินค่อย ๆ เย็นลง เมื่อใจเย็นลงแล้ว ฉู่เหินก็พบว่า ตัวเขามีบางอย่างเปลี่ยนไป มันเป็นความรู้สึกที่เขาไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้!

Next