บทที่ 13 สัตว์ปีศาจลึกลับ เจ้าสำนักหายสาบสูญ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 13 สัตว์ปีศาจลึกลับ เจ้าสำนักหายสาบสูญ
ก่อนกลับมาที่ถ้ำเทวา หานเจวี๋ยกดรับสืบทอดวิชาย่างก้าวลวงตาเจ็ดชั้น

เขาต้องเสริมศักยภาพของตนเองให้แกร่งก่อน เผื่อเกิดสิ่งที่ไม่คาดฝันขึ้น

[ความไวของท่าร่าง: คุณสมบัติท่าร่างระดับสูงสุด]

อาศัยดวงชะตาแต่กำเนิดนี้ หานเจวี๋ยสำเร็จวิชาย่างก้าวลวงตาเจ็ดชั้นโดยสมบูรณ์ในหนึ่งชั่วยาม

วิชาท่าเท้านี้มีทั้งหมดเจ็ดขั้น ในทุกการฝึกแต่ละขั้นจะสามารถแยกเงาได้หนึ่งร่าง เสี้ยวเงาเจ็ดชั้นทำให้ศัตรูสับสน และทำให้ศัตรูแยกร่างจริงไม่ออก อีกทั้งวิชาท่าเท้านี้ยังเพิ่มความเร็วในการหลบหนีได้ด้วย

หลังจากเรียนรู้สำเร็จ หานเจวี๋ยกลับไปเก็บของที่ถ้ำเทวา จากนั้นไปยังเมืองของสำนักฝ่ายใน

เขาไปหอภารกิจเพื่อรับภารกิจก่อน แล้วจึงค่อยไปที่หอสัตว์เลี้ยงปีศาจ

ภายในตำหนักหยกวิเวก

เซียนซีเสวียนจ้องมองผู้เฒ่าเถี่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย พลางเปิดปากเอ่ยช้าๆ “เรื่องในอดีตระหว่างเจ้าและหานเจวี๋ย ข้าไม่อยากถือสาเอาความ จากวันนี้เป็นต้นไปพวกเจ้าเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้อง เจ้าจะต้องเคารพเขา นับถือเขา จากที่ข้ารู้จักหานเจวี๋ยมา เขาจะไม่คิดบัญชีกับเจ้าเช่นกัน เจ้าสบายใจได้”

ผู้เฒ่าเถี่ยคุกเข่าอยู่ในตำหนัก ถอนหายใจโล่งอกแล้วพยักหน้าช้าๆ

“ต่อไปหานเจวี๋ยจะเป็นศิษย์สืบทอดของยอดเขาหยกวิเวก สร้างสัมพันธ์อันดีกับเขาไว้เสีย มีแต่จะเป็นผลดีต่อเจ้า หากไม่ได้มีความอาฆาตแค้นถึงตาย ให้อภัยได้ก็ให้อภัยไปเถิด”

คำพูดของเซียนซีเสวียนทำให้ผู้เฒ่าเถี่ยตกตะลึง

ศิษย์สืบทอด!

เซียนซีเสวียนให้ความสำคัญกับหานเจวี๋ยถึงเพียงนี้เชียวหรือ?

แต่เมื่อนึกถึงความเร็วในการทะลวงระดับของหานเจวี๋ย เขาก็นิ่งเงียบ

เจ้าเด็กนั่นเหมาะสมอย่างแท้จริง!

เมื่อเดินออกจากค่ายกลส่งตัว หานเจวี๋ยก็มาถึงแดนหมื่นปีศาจ

ท้องฟ้าของแดนหมื่นปีศาจปกคลุมด้วยเมฆครึ้มหนาแน่น ราวกับว่าฝนพร้อมเทกระหน่ำลงมาทุกเมื่อ

หานเจวี๋ยหยิบกระบี่บินออกมา เริ่มใช้วิชาขี่กระบี่ออกเดินทาง

ตามที่ศิษย์หอสัตว์เลี้ยงปีศาจผู้นั้นมอบหมายมา เขาต้องหาหอของยอดเขาหยกวิเวกเสียก่อน นั่นจะเป็นสถานที่ที่เขาควบคุมดูแล หอหลังนี้มีกลไกต้องห้าม ปกติพวกสัตว์ปีศาจไม่กล้าเข้าใกล้

แน่นอน เขาไม่สามารถอยู่แต่ในหอได้ตลอด หากพบเจอสัตว์ปีศาจออกอาละวาด เขาต้องลงมือจัดการ เพื่อลดความเสียหายของสำนักหยกพิสุทธิ์

สัตว์เลี้ยงปีศาจทุกตัวในแดนหมื่นปีศาจ สำนักหยกพิสุทธิ์ใช้เงินมหาศาลซื้อมาทั้งสิ้น การเลี้ยงดูพวกมันก็ต้องใช้ทรัพยากรหมดไปจำนวนมาก

หอหลังนั้นอยู่ไม่ไกลจากค่ายกลส่งตัว ไม่นานหานเจวี๋ยก็หาพบ

ตัวหอมีสองชั้น ไม่ใหญ่สักเท่าไร ข้างในโล่งกว้าง ว่างเปล่าไร้ผู้คน

หลังจากหานเจวี๋ยทำความคุ้นเคยกับกลไกต้องห้ามแล้วก็เริ่มนั่งขัดสมาธิฝึกบำเพ็ญ

การฝึกฝนที่แสนน่าเบื่อและยาวนานเริ่มขึ้นอีกครั้ง!

หานเจวี๋ยมีอายุห้าสิบปีแล้ว

[ชื่อ: หานเจวี๋ย]

[อายุขัย: 50/196]

[เผ่าพันธุ์: มนุษย์]

[ตบะ: ระดับสร้างฐานขั้นเก้า]

[วิชายุทธ์: วิชาวัฏจักรหกวิถี (สืบทอดได้) ]

[วิชาเวท: ดรรชนีกระบี่เทพ ย่างก้าวลวงตาเจ็ดชั้น]

[พลังวิเศษ: ไม่ปรากฏ]

[อาวุธเวท: ไม่ปรากฏ]

[คุณสมบัติรากวิญญาณ: ร่างวิญญาณหกสาย ประกอบด้วยรากวิญญาณวายุ รากวิญญาณอัคคี รากวิญญาณวารี รากวิญญาณพสุธา รากวิญญาณพฤกษา และรากวิญญาณอัสนีระดับสูงสุด เสริมดวงชะตาขึ้นอีกระดับ]

[ดวงชะตาแต่กำเนิดมีดังนี้]

[ไม่เป็นสองรองใคร: รูปโฉมหล่อเหลา เจ้าเสน่ห์ระดับสูงสุด]

[ชะตาเซียนกระบี่: คุณสมบัติมรรคกระบี่ระดับสูงสุด ความเข้าใจมรรคกระบี่ระดับสูงสุด]

[ความไวของท่าร่าง: คุณสมบัติท่าร่างระดับสูงสุด]

[ทายาทจักรพรรดิเซียน: ได้รับวิชายุทธ์บำเพ็ญเซียนระดับสูงและหินวิญญาณชั้นสูงหนึ่งพันก้อน]

[ตรวจสอบค่าความสัมพันธ์]

เขาฝึกฝนรากวิญญาณวายุถึงระดับสร้างฐานขั้นหก นอกจากรากวิญญาณอัสนีแล้ว รากวิญญาณสายอื่นๆ ยังคงอยู่ระดับสร้างฐานขั้นห้า

หานเจวี๋ยไม่มีอะไรทำ จึงกดเปิดค่าความสัมพันธ์ขึ้นมาดู

คาดไม่ถึงว่าสิงหงเสวียนจะทะลวงถึงระดับหลอมปราณขั้นเก้าแล้ว

น่าสนใจอยู่บ้าง

ผู้เฒ่าเถี่ยยังอยู่ระดับสร้างฐานขั้นแรก

หานเจวี๋ยกดเปิดดูจดหมาย

[โม่จู๋สหายของท่านถูกผู้บำเพ็ญสายมารจู่โจม เกือบจะได้รับบาดเจ็บสาหัส]

[โม่จู๋สหายของท่านถูกศิษย์สำนักหยกพิสุทธิ์จู่โจม ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย ตกลงจากหน้าผาสูงชัน]

หานเจวี๋ยพูดไม่ออก

เป็นไปตามคาด ถ้ำเทวานั้นมีกลลวง โชคดีที่เขาไม่ได้ไป

โม่จู๋ผู้นั้นน่าเวทนายิ่งนัก หานเจวี๋ยทำได้เพียงภาวนาให้นางอย่างเงียบๆ

“โฮก…”

จู่ๆ ด้านนอกหอก็มีเสียงคำรามดังเข้ามา หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว รีบผุดลุกขึ้นยืน

เมื่อออกไปนอกประตูใหญ่ เขาเห็นแมวขาวตัวหนึ่งยืนอยู่บนกิ่งไม้

แมวขาวตัวนี้รูปร่างผอมเพรียว แต่มีลายคล้ายกับเสือขาว ดวงตาสีม่วงยิ่งมีเสน่ห์ร้ายกาจ

หานเจวี๋ยไม่รู้สึกถึงอันตราย จึงไม่ได้สนใจเจ้าแมวขาวตัวนี้อีก

ในเวลานี้เอง!

จู่ๆ แมวขาวก็กระโจนมาทางหานเจวี๋ย

หานเจวี๋ยใช้วิชาย่างก้าวลวงตาเจ็ดชั้นหลบหลีกตามสัญชาตญาณ

แมวขาวชนเข้ากับกำแพงของหออย่างจัง มันถีบขาทั้งสี่ แล้วหมุนตัวมากระโจนใส่หานเจวี๋ยต่อ

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว กลไกต้องห้ามกลับไม่ทำงาน?

เขากระโดดออกไปอย่างรวดเร็ว และมายังพื้นที่โล่ง

แมวขาวกระโดดเข้าหาอีกครั้ง ความเร็วมากกว่าเดิมหลายเท่า ราวกับสายฟ้าแลบ

“ว่องไวมาก!”

หานเจวี๋ยใช้วิชาย่างก้าวลวงตาเจ็ดชั้น แยกออกเป็นเจ็ดร่างเงาแล้วล้อมแมวขาวไว้ หานเจวี๋ยทั้งเจ็ดคนยกมือขึ้นพร้อมกัน ก่อนส่งดรรชนีกระบี่เทพออกไป

แมวขาวหันซ้ายมองขวา ตั้งตัวป้องกันไม่ทัน จึงถูกปราณกระบี่ของจริงโจมตีเข้าใส่

เลือดสดสาดกระเซ็น มันส่งเสียงร้องครวญคราง

มันหลบหนีอย่างรวดเร็ว กระโดดเข้าไปในป่าแล้วหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

หานเจวี๋ยลดมือลง จากนั้นจึงกลับเข้าไปในหอ

เขาถอนหายใจออกมายาวๆ พลางปาดเหงื่อเย็นบนหน้าผาก

โชคดีที่เขาเรียนรู้วิชาย่างก้าวลวงตาเจ็ดชั้นไว้ล่วงหน้า ดูจากความว่องไวของแมวขาวแล้ว ตัวเขาก่อนหน้านี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมันจริงๆ

‘แมวขาวตัวนั้นมาจากที่ไหน รวดเร็วว่องไวขนาดนี้ โชคดีที่มันไม่มีท่าโจมตีอื่น’

หานเจวี๋ยคิดในใจเงียบๆ

ดูเหมือนว่าต่อจากนี้ต้องระวังตัวมากขึ้นแล้ว

เมื่อคิดได้ดังนั้น หานเจวี๋ยก็ฝึกฝนต่อ

……

ภายในตำหนักหลังหนึ่ง

ผู้อาวุโสถ่ายทอดวิชาจากทั้งสิบแปดยอดเขามารวมตัวกันที่นี่

“เจ้าสำนักไม่อยู่ ระยะนี้สัตว์ปีศาจในแดนหมื่นปีศาจออกอาละวาด พวกเราต้องเร่งตรวจสอบ” ผู้อาวุโสคนหนึ่งกล่าวขึ้น

เขาเป็นผู้อาวุโสถ่ายทอดวิชาของยอดเขาอัสนีสวรรค์ นามว่าเซียนเฒ่าเต้าเหลย

“เรื่องนี้มีเงื่อนงำมาก ข้ารู้สึกว่าต้องเกี่ยวข้องกับลัทธิมารฟ้ามืด”

“ไม่ผิดแน่ บริเวณใกล้ๆ ถ้ำเทวาของหลี่เฉียนหลงมีผู้บำเพ็ญสายมารของลัทธิมารฟ้ามืดปรากฏกาย ข้าสงสัยว่าในหมู่พวกเราคนระดับสูงจะมีหนอนบ่อนไส้ พอเจ้าสำนักออกไป พวกมันก็เริ่มเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง”

“หรือว่าลัทธิมารฟ้ามืดคิดจะใช้ประโยชน์จากสัตว์ปีศาจที่แดนหมื่นปีศาจ?”

“มีความเป็นไปได้อย่างยิ่ง หลังผ่านการบ่มเพาะดูแลสองร้อยปีจากสำนักหยกพิสุทธิ์ แดนหมื่นปีศาจก็มีพละกำลังที่ไม่อาจดูแคลนได้แล้ว”

“พวกเราส่งศิษย์เข้าไปที่แดนหมื่นปีศาจเพิ่มอีกหน่อยเถิด”

เหล่าผู้อาวุโสต่างแย่งกันแสดงความคิดเห็น

เซียนซีเสวียนนั่งนิ่งเงียบ ไม่ได้กล่าวแทรกขึ้นมา

หลังจากปรึกษาหารือกันสักครู่ สุดท้าย แต่ละยอดเขาเห็นพ้องต้องกันให้ส่งศิษย์เข้าไปที่แดนหมื่นปีศาจเพิ่มอีกสองคน

ผู้อาวุโสต่างแยกย้ายกันจากไป ในขณะที่เซียนซีเสวียนเตรียมตัวจะกลับ เซียนเฒ่าเต้าเหลยก็พลันเรียกนางเอาไว้

รอจนในตำหนักเหลือเพียงพวกเขาสองคน เซียนเฒ่าเต้าเหลยถึงถามว่า “ศิษย์น้องหญิง เหตุใดเมื่อครู่เจ้าไม่กล่าวอะไรเลย”

เซียนซีเสวียนตอบอย่างสงบ “เรื่องพวกนี้ให้พวกท่านตัดสินใจก็พอแล้ว”

เซียนเฒ่าเต้าเหลยหรี่ตาลงพลางเอ่ยถาม “เจ้ารู้ใช่หรือไม่ว่าเจ้าสำนักพาศิษย์แกนหลักทั้งสิบแปดคนนั้นไปที่ใด”

เซียนซีเสวียนไม่ได้กล่าวตอบ

“ถ้าหากมีหนอนบ่อนไส้ภายในเหล่าผู้อาวุโสจริงละก็ เช่นนั้นคนที่ข้าเชื่อถือได้ก็มีเพียงเจ้าศิษย์น้องหญิง เราต้องร่วมมือกัน” เซียนเฒ่าเต้าเหลยพูดอย่างจริงจัง

เซียนซีเสวียนตอบว่า “นั่นเป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้ว อย่างไรข้ากับท่านก็เป็นศิษย์อาจารย์เดียวกัน”

เซียนเฒ่าเต้าเหลยแย้มยิ้มอย่างพึงพอใจ

แดนหมื่นปีศาจ

นับตั้งแต่แมวขาวหนีไปก็เป็นเวลาสองปีแล้ว พลังวิญญาณทั้งห้าสายของหานเจวี๋ยบรรลุถึงระดับสร้างฐานขั้นหก

ฝึกฝนช้าๆ แต่มั่นคง!

ระยะห่างจากระดับรวมแก่นปราณ นับว่าเขามาได้ครึ่งทางแล้ว

“สหายน้อย นี่เจ้าใช้แดนหมื่นปีศาจเป็นสถานที่ฝึกบำเพ็ญหรือ”

เสียงหยอกล้อลอยเข้ามา หานเจวี๋ยลืมตามองไป พบว่าตรงทางเข้าไม่รู้มีชายชราท่านหนึ่งปรากฏตัวตั้งแต่เมื่อไร

ชายชราท่านนี้สวมชุดผ้าทำอย่างหยาบ ในมือเขย่าน้ำเต้าสุราไปมา จมูกแดงก่ำเพราะฤทธิ์เหล้า

หานเจวี๋ยขมวดคิ้วเอ่ยถาม “ท่านคือผู้ใดกัน”

เขาไม่รู้สึกว่าอีกฝ่ายเข้ามาใกล้เลยสักนิดเดียว

อันตรายเกินไปแล้ว!

……………………………