ตอนที่ 25 เข้าวัง

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 25 เข้าวัง

เดินทางถึงเมืองหลวงเป็นเวลาครึ่งเดือน ในที่สุดทางพระราชวังก็มีการเคลื่อนไหว

ฝ่าบาทรับสั่งให้พวกนางเข้าเฝ้า

เซียวฮูหยินสวมชุดราชการ ติดตามคนในวังเข้าเฝ้าฝ่าบาท

หลังจากนั้นหนึ่งชั่วยาม คนจากภายในวังเดินทางมาอีกครั้ง

ฮองเฮามีรับสั่งให้พี่น้องตระกูลเยียนเข้าวัง

เยียนอวิ๋นฉีมีความสงสัยอยู่เต็มอก ด้านหนึ่งรับมือกับคนในวัง อีกทั้งแลกเปลี่ยนสายตากับเยียนอวิ๋นเกออย่างเงียบๆ

เยียนอวิ๋นเกอบอกให้นางอย่าตระหนก หาวิธียื้อคนในวังเอาไว้ก่อน

“กงกงโปรดรอสักครู่ รอพวกเราสองพี่น้องเปลี่ยนชุดก่อน จากนั้นพวกข้าจะติดตามกงกงเข้าวัง”

“คุณหนูทั้งสองต้องรีบหน่อย ฮองเฮาทรงรออยู่ภายในวัง”

“กงกงวางใจ แม้พวกเราจะกล้าหาญเพียงใดก็ไม่บังอาจให้ฮองเฮาต้องทรงรอนาน”

พี่น้องสองคนกลับไปยังเรือนด้านหลัง

เยียนอวิ๋นฉีทำตัวไม่ถูก “น้องสี่ ทำอย่างไรดี ภายในวังเรียกพวกเราสองคนเข้าวังกะทันหัน หรือว่าเกิดเรื่องกับท่านแม่”

เยียนอวิ๋นเกอปลอบนาง ใช้มือทำท่าบอกให้นางอย่าตื่นตระหนก

เยียนอวิ๋นฉีกัดฟัน “เจ้าคิดว่าฮองเฮาเรียกพวกเราเข้าวัง มีจุดประสงค์อันใด”

ฮองเฮาเพียงแค่ต้องการเห็นว่าพวกนางพี่น้องมีลักษณะอย่างไร

เยียนอวิ๋นเกอสงบอย่างมาก มองไม่ออกถึงความตื่นตระหนกแม้แต่น้อย

นางอยากเข้าไปดูพระราชวังสักครั้ง ดูว่าฮ่องเต้และฮองเฮามีลักษณะเป็นอย่างไร

ผู้คนล้วนบอกว่าฮ่องเต้หูเบา เรื่องเล็กน้อยล้วนฟังฮองเฮา ไม่รู้ว่าจริงเท็จมากน้อยเพียงใด

อีกทั้งได้ยินว่าฮองเฮาโหดเหี้ยมอำมหิต จิตใจคับแคบ วันนี้จะได้เข้าวังไปเห็นเสียหน่อย

พี่น้องทั้งสองเปลี่ยนเสื้อผ้า อีกทั้งต่างคนต่างพาสาวรับใช้คนสนิทหนึ่งคนติดตามไปด้วย

สาวรับใช้ของเยียนอวิ๋นเกอนามว่าอาเป่ย

อาเป่ยพูดเสียงเบา “คุณหนูอย่ากลัว ข้าจะปกป้องคุณหนูเอง”

เยียนอวิ๋นเกอได้ยินจึงหัวเราะขึ้นมา

นางตบรองเท้า มีมีดสั้นซ่อนไว้ในรองเท้าหนังวัว

หากประสบอันตรายจริง นางก็มีความสามารถในการป้องกันตนเอง

รถม้าเคลื่อนตัวมาถึงหน้าประตูวัง ทั้งสองคนลงจากรถม้าเพื่อยืนยันตัวตน จากนั้นเดินทางเข้าวังอย่างราบรื่น

พี่น้องสองคนเดินเรียงหน้ากัน ภายใต้การบดบังของเสื้อผ้า เยียนอวิ๋นฉีแอบจับนิ้วของเยียนอวิ๋นเกอเอาไว้

นางพูดเสียงเบา “เข้าวังมาแล้ว เรื่องทุกอย่างมีข้าอยู่ น้องสี่ทำเป็นฟังไม่เข้าใจในสิ่งที่พวกเขาพูดก็พอ”

เยียนอวิ๋นเกอยิ้มหวาน พยักหน้า

เยียนอวิ๋นฉีพูดขึ้นอีกครั้ง “มีเรื่องใด มีท่านแม่และข้าแบกรับไว้ ส่วนเจ้าอย่าได้วู่วาม ที่นี่ไม่ใช่จวนองค์หญิงเฉิงหยาง อย่าใช้กำลังเป็นอันขาด”

เยียนอวิ๋นเกอพยักหน้าอย่างหนักแน่น

นางรู้ขอบเขตดี

ใช้กำลังในจวนองค์หญิงเฉิงหยาง เพราะลูกพลับต้องบีบลูกอ่อนก่อน

ลงมือแล้วก็แล้วไป ไร้ความกังวล

นางไม่ได้เสียสติจนลงมือในพระราชวัง

นางรับรองว่าระหว่างที่อยู่ภายในพระราชวัง นางจะขยับแค่ดินสอ ไม่ขยับมือ

เดินผ่านตรอกยาว ทางเดินแล้วทางเดินเล่า ในที่สุดก็เดินทางมาถึงตำหนักเว่ยยาง

หลังผ่านการทูลรายงาน พี่น้องทั้งสองถูกเชิญเข้าตำหนักใหญ่

สิ่งที่น่าประหลาดใจคือ โอรสแห่งสวรรค์ ฮ่องเต้หย่งไท่ก็อยู่ด้านใน

มารดาเซียวฮูหยินนั่งอยู่ด้านข้างด้วยสีหน้าสุขุม

พี่น้องสองคนไม่กล้ามองไปทั่ว จึงเดินขึ้นหน้าถวายบังคม

“หม่อมฉันถวายบังคมฝ่าบาท ฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นหมื่นปี ถวายบังคมฮองเฮา ฮองเฮาทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นหมื่นปี!”

“ลุกขึ้น! เงยหน้าขึ้นมาให้ข้าดู”

ฮ่องเต้หย่งไท่ยังไม่ได้ส่งเสียง เถาฮองเฮาก็ตรัสขึ้นก่อน

เหมือนดั่งคำร่ำลือ เถาฮองเฮาบารมีแปดด้าน บังอาจแย่งพูดก่อนฮ่องเต้

พี่น้องสองคนเงยหน้าขึ้นอย่างช้าๆ ด้วยท่าทางสงบเรียบร้อย

เถาฮองเฮาเผยยิ้มออกมา “คุณหนูตระกูลเยียนสมดังคำร่ำลือ รูปลักษณ์งดงาม ฝ่าบาท ท่านทรงคิดเห็นอย่างไรเพคะ”

ฮ่องเต้หย่งไท่มองพวกนาง

เยียนอวิ๋นเกออายุน้อยเกินไป สายตาของฮ่องเต้หย่งไท่กวาดผ่านใบหน้านางอย่างรวดเร็ว ก่อนจะจับจ้องไปยังใบหน้าของเยียนอวิ๋นฉี

เยียนอวิ๋นฉีอายุเหมาะสมกับการสมรส รูปร่างสูงโปร่ง ลักษณะงดงาม กิริยาสงบเรียบร้อย

“ไม่เลว!”

ฮ่องเต้หย่งไท่เอ่ยเสียงดังฟังชัด แสดงออกถึงความชื่นชม

เถาฮองเฮาเม้มปากยิ้ม “เรื่องงานสมรสของเจ้าใหญ่ไม่มีข้อสรุปเสียที ฝ่าบาททรงคิดว่าคุณหนูรองตระกูลเยียนเป็นอย่างไรเพคะ”

เยียนอวิ๋นฉีได้ยินจึงตกตะลึงอย่างมาก นางแอบมองไปทางเซียวฮูหยิน

เซียวฮูหยินส่ายหัวเบาๆ บอกให้นางอย่าใจร้อน

ฮ่องเต้หย่งไท่ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ตระกูลเยียน…”

คำพูดที่ไม่สิ้นสุดของโอรสแห่งสวรรค์แสดงออกถึงความแค้นอันไร้จุดสิ้นสุด

เถาฮองเฮาหัวเราะออกมา ภายในดวงตาเต็มไปด้วยความเสน่หา

ไม่อาจไม่ยอมรับ เถาฮองเฮามีรูปลักษณ์ที่งดงาม ยิ้มขึ้นมาก็มีความน่าหลงใหลอย่างมาก

นางพูดด้วยรอยยิ้ม “ตระกูลเยียนเป็นตระกูลชั้นสูง! ท่านโหวกว่างหนิง เยียนโส่วจ้านเป็นแม่ทัพชายแดน เป็นขุนนางคนสำคัญของราชสำนัก บุตรสาวของเขาคู่ควรกับเจ้าใหญ่!”

ฮ่องเต้หย่งไท่พินิจเยียนอวิ๋นฉี พยักหน้าอย่างเชื่องช้า “ฮองเฮาพูดมีเหตุผล เรื่องสมรสของเจ้าใหญ่ควรเร่งมือแล้ว”

เยียนอวิ๋นฉีใจเต้นระรัวราวกับจะกระโดดออกมา

น้องสี่เดาได้แม่นยำ ภายในวังคิดจะหมั้นหมายให้นาง

ทำอย่างไรดี

ภายใต้สายตาของฮ่องเต้และฮองเฮา เยียนอวิ๋นฉีทั้งไม่กล้ามองทั้งไม่กล้าขยับ ทำได้เพียงก้มหน้าเงียบ ฟังผู้อื่นตัดสินเรื่องสมรสและอนาคตของตนเอง

ความรู้สึกนี้ช่างทุกข์ทรมานอย่างมาก

เถาฮองเฮามองไปทางเซียวฮูหยิน “ข้าพึงพอใจต่อบุตรสาวของฮูหยินอย่างมาก ไม่รู้ว่าฮูหยินคิดเห็นอย่างไร”

เซียวฮูหยินโน้มตัวเล็กน้อย “ฝ่าบาทและฮองเฮาทรงชื่นชมอวิ๋นฉี หม่อมฉันรู้สึกเป็นเกียรติแทนอวิ๋นฉีอย่างมากเพคะ อวิ๋นฉี ยังไม่รีบขอบพระทัยอีก”

เยียนอวิ๋นฉีก้มกราบขอบพระทัยอย่างเชื่อฟัง

เถาฮองเฮารีบบอกให้ลุกขึ้น ก่อนจะตรัสด้วยรอยยิ้ม “ข้าและฮูหยินพบกันครั้งแรกก็เหมือนสหายที่รู้จักกันมานาน หากฮูหยินว่างก็เข้ามาหารือกับข้าได้”

เซียวฮูหยินพูด “หม่อมฉันน้อมรับคำสั่งเพคะ!”

เถาฮองเฮายิ้มอย่างพอใจ “ฮูหยินรู้การณ์ ข่าวลือเชื่อไม่ได้เสียจริง ฝ่าบาท ฮูหยินออกจากเมืองหลวงยี่สิบปี นานทีจะได้กลับเมืองหลวงมา ฝ่าบาททรงเป็นครอบครัวของฮูหยิน ควรจะดูแลให้ดีนะเพคะ”

ฮ่องเต้หย่งไท่ส่งเสียง “อืม” เป็นการตอบรับ ก่อนจะพูด “ฮองเฮาพูดมีเหตุผล”

ทั้งกระบวนการ ฮ่องเต้หย่งไท่เปรียบเสมือนหุ่นเชิดที่ไม่มีความคิด แปลกประหลาดยิ่งนัก

เดิมทีเยียนอวิ๋นเกอคิดว่าวันนี้ไม่มีเรื่องของนาง

ไม่คิดว่าก่อนออกจากวัง เถาฮองเฮาจะเรียกนางเอาไว้

“เจ้าคือเยียนอวิ๋นเกอ ผู้ที่อาละวาดในจวนองค์หญิงเฉิงหยาง เยียนอวิ๋นเกอที่พังทลายจวนองค์หญิงหรือ”

เยียนอวิ๋นเกอพยักหน้าเล็กน้อย

เถาฮองเฮาสงสัย “เจ้าพูดไม่ได้จริงหรือ”

เยียนอวิ๋นเกอพยักหน้าอีกครั้ง ชี้ไปที่คอของตนเอง คอของนางมีปัญหาจึงพูดไม่ได้

ครานี้ แม้แต่โอรสแห่งสวรรค์ ฮ่องเต้หย่งไท่ยังเกิดความสงสัยในตัวของเยียนอวิ๋นเกอเล็กน้อย

หญิงสาวผู้นี้อายุไม่มาก แต่ใจกล้ายิ่งนัก

โอรสแห่งสวรรค์ ฮ่องเต้หย่งไท่ตรัสถามขึ้น “ผู้ใดให้เจ้าพังทลายจวนองค์หญิง บิดาของเจ้า เยียนโส่วจ้านหรือ”

เยียนอวิ๋นเกอโบกมือระรัว

ย่อมไม่ใช่เยียนโส่วจ้านให้นางพังทลายจวนองค์หญิง

หากเยียนโส่วจ้านรู้ในสิ่งที่นางทำ เกรงว่าเขาคงจะพุ่งตรงมาเมืองหลวงเพื่อตีนาง

ฮ่องเต้หย่งไท่หรี่ตาลง มีบารมีอย่างมาก

ภายในตำหนักใหญ่ บรรยากาศถูกผนึกอย่างกะทันหัน

เถาฮองเฮานั่งชมด้วยรอยยิ้มมีนัย เห็นได้ชัดว่าต้องการชื่นชมความอับอาย

น้ำเสียงของฮ่องเต้หย่งไท่ไม่เป็นมิตรอย่างมาก ใบหน้าที่เดิมทียังพอเป็นมิตรนั้นเย็นชาลงอย่างกะทันหัน

“ไม่ใช่บิดาของเจ้าให้เจ้าพังทลายจวนองค์หญิง หรือว่าจะเป็นมารดาของเจ้า”

เยียนอวิ๋นเกอโบกมือส่ายหน้าอีกครั้ง

แม้จะเป็นฮ่องเต้ แต่ก็ไม่อาจใส่ร้ายมั่วซั่วได้

ฮ่องเต้หย่งไท่ส่งเสียงไม่พอใจ “ไม่ใช่บิดาเจ้า อีกทั้งไม่ใช่มารดาเจ้า หรือว่าเจ้าเป็นคนตัดสินใจพังทลายจวนองค์หญิงด้วยตนเอง ผู้ใดให้ความกล้านี้แก่เจ้า”

เยียนอวิ๋นเกอใช้สองมือทำท่าทางอย่างรวดเร็ว

ไม่มีผู้ใดเข้าใจสิ่งที่นางต้องการจะสื่อ

ฮ่องเต้หย่งไท่ขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจ

เขามองไปทางเซียวฮูหยิน “บุตรสาวของเจ้าทำท่าทางอันใดกัน”

“นางบอกว่านางสำนึกผิดแล้ว ฝ่าบาทโปรดทรงอภัยด้วยเพคะ!” เซียวฮูหยินโน้มตัวเล็กน้อย

เถาฮองเฮาตรัสขึ้น “ฝ่าบาท หม่อมฉันได้ยินว่าคุณหนูสี่ตระกูลเยียนสามารถใช้ดินสอได้อย่างเชี่ยวชาญ นางพูดไม่ได้ แต่นางเขียนได้เพคะ!”

ฮ่องเต้หย่งไท่พยักหน้าระรัว “เยียนอวิ๋นเกอ ข้าสั่งให้เจ้าเขียนให้ชัดเจน เจ้ามีสิทธิ์ใด เหตุใดจึงบังอาจพังทลายจวนองค์หญิง ผู้ใดให้ความกล้านี้แก่เจ้า”

เยียนอวิ๋นเกออยากด่าคน

จะจบหรือไม่จบ

ตกลงจะจบหรือไม่

สถานการณ์ยากเกินกว่าที่จะจัดการได้ ไม่ว่าภายในใจคิดอย่างไร ภายนอกยังคงต้องเขียนตามรับสั่งอย่างเชื่อฟัง

‘ทูลฝ่าบาท หม่อมฉันสำนักผิดแล้วเพคะ! หม่อมฉันเพิ่งเดินทางมาถึง ไม่เคยพบเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ เมื่อเห็นจวนองค์หญิงมั่งคั่งร่ำรวยจึงหลงระเริงไปชั่วขณะ ไม่ทันระวังทำให้เตาอุ่นมือทองเหลืองหล่นลงพื้น องค์หญิงไม่พอใจ ต้องการสั่งสอนหม่อมฉัน หม่อมฉันตกใจจึงลงมือ หลังจากเกิดเรื่อง หม่อมฉันเสียใจเป็นอย่างมาก ขอโทษต่อองค์หญิงหลายครั้ง องค์หญิงทรงเห็นว่าหม่อมฉันยอมรับผิดอย่างจริงใจ จึงทรงให้อภัยแก่หม่อมฉันอย่างใจกว้าง ภายในใจหม่อมฉันซาบซึ้งอย่างมากเพคะ!’

เยียนอวิ๋นเกอเปลี่ยนรูปแบบจากแต่ก่อน นางเขียนด้วยความเชื่องช้า แต่ละขีดแต่ละเส้นล้วนสมบูรณ์แบบ

รับรองว่าไม่มีขาดแม้แต่ขีดเดียว

เห็นนางเขียนหนังสือ เหนื่อยยิ่งนัก

ช้าเกินไป!

ฮ่องเต้หย่งไท่รำคาญเล็กน้อย

โบกมือไม่ให้นางเขียนต่อ

โอรสแห่งสวรรค์ตรัสด้วยความใจกว้าง “เห็นแก่ที่เจ้าอายุน้อยไม่รู้ประสา อีกทั้งยังพูดไม่ได้ เมื่อประสบปัญหาย่อมตกใจกลัว เอาเถิด เรื่องที่พังทลายจวนองค์หญิง ข้าไม่ลงโทษเจ้า มีเพียงครั้งนี้ครั้งเดียว ไม่มีครั้งต่อไป”

‘ขอบพระทัยเพคะ!’

คำขอบคุณนี้ เยียนอวิ๋นเกอเขียนด้วยความแรง ทำให้กระดาษขาดทะลุ

นางตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งยังดูโง่เขลา เหมือนเด็กหญิงที่ไร้เดียงสา

โอรสแห่งสวรรค์ ฮ่องเต้หย่งไท่รู้สึกดีไม่น้อย

เด็กหญิงควรมีความไร้เดียงสา

เยียนอวิ๋นเกอจัดการสถานการณ์วิกฤตผ่านพ้นไปได้ นางรู้สึกโล่งใจไม่น้อย

นางโน้มตัวทูลลา!

ตอนที่กำลังจะออกจากพระราชวัง นางแอบเหลือบมองเถาฮองเฮา

ฮองเฮามีเจตนาไม่ดี!