ตอนที่ 25 ฝันร้ายอันใหม่

นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature )

ตอนที่ 25 – ฝันร้ายอันใหม่

หลังความวุ่นวาย เหล่านักโทษค่อย ๆ ลุกขึ้น พัศดีจักรกลหลายสิบตัวเข้ามาในลานส่วนรวมท่ามกลางเสียงกลไกไฮดรอลิกอย่างเป็นระเบียบ สั่งการเหล่านักโทษให้เก็บกวาดทุกสิ่งที่ถูกทุบทำลายที่นี่ให้สะอาดเรียบร้อยขึ้นมาใหม่

ในโรงอาหาร กัวหู่ฉานนั่งขัดสมาธิอยู่ในที่ไม่ห่างไกล คล้ายกับเป็นพระชราที่เข้าฌาน

หลินเสี่ยวเสี้ยวมองดูกระสุนยางสีดำที่เกลื่อนเต็มพื้น เอ่ยอย่างทอดถอนใจว่า “เทพเซียนต่อสู้ปุถุชนพบภัยพิบัติ คนที่ต่อสู้ไม่เป็นเชี่ยอะไรทั้งนั้น นักโทษที่ไม่ได้ต่อสู้พวกนั้นซวยจริง ๆ นี่ กัวหู่ฉาน ข้างนอกไม่ได้เล่าลือกันว่าคุณเมตตาแล้วก็ทำความดีอยู่เสมอหรอกเหรอ งั้นคนที่ถูกคุณทำให้ติดร่างแหพวกนี้จะว่ายังไง”

กัวหู่ฉานกล่าวโดยไม่แม้แต่จะยกเปลือกตาขึ้นมาว่า “คุณจะบอกว่าผมทำร้ายคนบริสุทธิ์ในคุกนี้เนี่ยนะ คนที่นี่แต่ละคนไม่มีสักคนที่บริสุทธิ์”

“เสแสร้ง” หลินเสี่ยวเสี้ยวทำปากขมุบขมิบ

“อีกอย่าง ผมขอเน้นย้ำสักหน่อยนะ” กัวหู่ฉานลืมตาขึ้นมองหลินเสี่ยวเสี้ยว “ผมไม่ใช่พระ อย่าเอาคำอย่างเมตตามาใช้บรรยายผม”

พูดจบแล้วเขาก็หลับตาปรับลมปราณอย่างจริงจังอีกครั้ง

เมื่อครู่นี้ในการต่อสู้กับหลี่ซูถงเขาดูเหมือนจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ตอนนี้อวัยวะภายในเจ็บปวดอยู่บ้างจริง ๆ คล้ายกับถูกไฟเผาผลาญจนทรมานมาก

ทุกคนเห็นเขานั่งสมาธิอย่างสงบเสงี่ยมแล้วก็ไม่ไปสนใจอีก หลินเสี่ยวเสี้ยวขยิบตาให้เยี่ยหว่าน ทันใดนั้นรอบ ๆ ตัวพวกเขาจู่ ๆ ก็มีสนามพลังล่องหนหนึ่งชั้นเปิดขึ้นมา

เมื่อครู่ชิ่งเฉินได้เห็นความสามารถนี้แล้ว ตอนที่ฝนสีดำตกลงมาจากเพดานโดมเหล็กกล้า เม็ดฝนทั้งหมดที่ตกลงใส่เยี่ยหว่านล้วนถูกสนามพลังชั้นนี้สะท้อนออกไป

หลินเสี่ยวเสี้ยวเห็นว่าชิ่งเฉินกังขาอยู่บ้างจึงยิ้มแฉ่งอธิบายว่า “พูดมาอย่างวางใจเถอะ เสียงจะไม่หลุดออกไป”

หลี่ซูถงนั่งอยู่ข้างโต๊ะกินข้างอุ้มแมวใหญ่ไว้ในอ้อมแขน จากนั้นกล่าวกับชิ่งเฉินว่า “ตอนเช้าฉันเห็นลู่ก่วงอี้สอบสวนคนพวกนั้นตอนที่ทำพิธีรับน้อง เป็นคำสั่งของเธอสินะ”

“ผมเอง” ชิ่งเฉินรู้ว่าอีกฝ่ายทราบถึงความสัมพันธ์ของตนเองกับตระกูลชิ่งแล้ว แล้วก็รู้ว่าลู่ก่วงอี้ฟังคำสั่งตนเอง จึงไม่ได้ปกปิด

“ทำไมถึงอยากสอบสวนพวกเขา” หลี่ซูถงถาม

“อยากจะดูว่ายังมีกลุ่มอำนาจอะไรมาแย่งชิงวัตถุต้องห้ามกับผม” ชิ่งเฉินโกหก เขาต้องหาเหตุผลที่สมเหตุสมผลมาอธิบายพฤติกรรมของตนเอง

หลี่ซูถงพยักหน้า “ฉันชอบความซื่อสัตย์ของเธอ แต่ฉันเห็นว่าครั้งนี้ลู่ก่วงอี้ไม่ได้รังแกคนใหม่พวกนั้น ก็เป็นเจตนาของเธอหรือ”

“ครับ” ชิ่งเฉินกล่าว

“แต่ฉันจำได้ว่าตอนที่เธอเข้ามาครั้งแรกไม่ได้ช่วยเหลือคนใหม่คนอื่นเลย” หลี่ซูถงกล่าว

“ทำสุดกำลังความสามารถ” ชิ่งเฉินกล่าว

หลี่ซูถงยิ้ม ไม่ได้ให้คำประเมินกับเรื่องนี้

ถ้าหากปกป้องตัวเองยังไม่ได้ งั้นชิ่งเฉินก็จะมองดูคนอื่น ๆ ไปตายให้หมดอย่างเงียบ ๆ โดยไม่ช่วยเหลือ นี่ก็คือหลักการของเขา

ชีวิตของเขาไม่เคยจะราบรื่น ดังนั้นเรียนรู้ที่จะเห็นแก่ตัวแต่เนิ่น ๆ

นี่เป็นทัศนคติที่ชีวิตมอบให้เขา ไม่ใช่สิ่งที่เขาเลือก

ตอนนี้ จู่ ๆ หลินเสี่ยวเสี้ยวก็มองไปที่กัวหู่ฉานซึ่งอยู่ไม่ห่างไกลด้านข้าง……

ชิ่งเฉินหันหน้า พบเห็นด้วยความเหลือเชื่อว่ากัวหู่ฉานยังคงหลับตานั่งสมาธิอยู่บนพื้น แต่แขนยาว ๆ ทั้งคู่กลับห้อยอยู่ข้างลำตัวแล้ว

เห็นแค่ว่าอีกฝ่ายใช้นิ้วชี้นิ้วกลางของมือทั้งคู่ยกตัวเองขึ้นทั้งตัวสูงเหนือพื้นเล็กน้อย

จากนั้นนิ้วทั้งสี่ทำท่าเหมือนเดิน ขยับเข้าใกล้สนามพลังของเยี่ยหว่างทีละเล็กละน้อย……

เจ้าหมอนี่เห็นได้ชัดว่าพบว่านั่งอยู่ที่นั่นฟังบทสนทนาของทุกคนไม่ได้ยิน ดังนั้นคิดจะแอบย่องเข้ามาใกล้อีกหน่อย

นี่ทำให้ชิ่งเฉินหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้อยู่บ้าง ชายฉกรรจ์บึกบึนสูงสองเมตรที่โทเท็มเต็มร่างคนหนึ่ง เมื่อครู่นี้ยังลงไม้ลงมืออย่างแกร่งกล้าไร้ผู้ต้าน ครู่ถัดมากลับแกล้งทำเป็นนั่งสมาธิปรับลมปราณ อันที่จริงแล้วคิดจะแอบฟังคนอื่นเขาคุยกัน

มันตัดกันเกินไปหน่อยไหม

เหมือนกับว่าจะสัมผัสได้ถึงสายตาของทุกผู้คน กัวหู่ฉานใช้สี่นิ้วย้ายตัวเองกลับไปที่เดิมโดยที่หน้าไม่เปลี่ยนสี อย่างกับว่าไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น

ฉากเหตุการณ์นี้ทำเอาหลี่ซูถงขำไปเลย “เอาล่ะ แยกย้ายเถอะ วันนี้ไม่สามารถเล่นหมากรุกก็น่าเสียดายนิดหน่อย ไปอ่านหนังสือ”

ก่อนจะไปหลินเสี่ยวเสี้ยวนั่งยอง ๆ อยู่ตรงหน้ากัวหู่ฉานยิ้มกล่าวว่า “สู้แพ้แล้วก็อยู่ให้มันเรียบ ๆ ร้อย ๆ พวกเราไม่ได้อยากจะเป็นศัตรูกับโพธิ์ดำจริง ๆ รู้อยู่ว่าพวกคุณดิ้นรนอยู่ในป่าอย่างไม่ง่ายดาย แต่คุณก็อย่ามาป่วนพวกเราได้ไหม”

กัวหู่ฉานยกเปลือกตาขึ้น “ผมไม่ได้แพ้คุณสักหน่อย คุณจะอวดเบ่งขนาดนี้ทำเพื่อ?”

หลินเสี่ยวเสี้ยวเลิกคิ้วขึ้น “คุณนึกเหรอว่าผมไม่มีทางจัดคุณ”

กัวหู่ฉานเอ่ยว่าสงบนิ่งว่า “คุณลองขยับเส้นผมของผมสักเส้นดูสิ”

หลินเสี่ยวเสี้ยวมองดูกระหม่อมที่ล้านเลี่ยนเปล่งประกายของอีกฝ่าย “……?”

ข่าวลือมันเป็นแค่ข่าวลือจริง ๆ กัวหู่ฉานคนนี้กับที่เขาได้ฟังมาไม่เหมือนกันโดยสิ้นเชิง!

ชิ่งเฉินไม่แคร์ว่าสองคนนี้จะเถียงกันต่อ แต่ทว่าหมุนตัวเดินไปรับข้าวที่หน้าต่าง จากนั้นกินลงไปอย่างมูมมาม

เขาอยู่ที่โลกภายนอกยากจนข้นแค้น ทะลุมิติกลับไปสองวันก็กินบิสกิตแข็งสองวัน ในบ้านมีข้าวมีเส้นบะหมี่มีผักแต่ไม่มีเนื้อ เขาซื้อเนื้อไม่ไหว

อาหารที่นี่ถึงแม้ว่าก็งั้น ๆ แต่เนื้อสังเคราะห์จะดีจะร้ายก็มีรสชาติของเนื้อ

ชิ่งเฉินปลงอยู่ในใจนิดหน่อย อาหารชาวคุกของโลกภายในถึงกับยังดีกว่าที่เขากินเป็นปกติอยู่ในโลกภายนอกเสียอีก

ตอนที่เขาก้มหน้าก้มตากินข้าวได้เงยหน้าขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ จู่ ๆ ก็พบว่ากล้องวงจรปิด 210 ตัวในเรือนจำหมายเลข 18 ถึงกับมีหนึ่งในสี่ที่หันมาทางเขาอย่างเงียบเชียบ

คล้ายกับว่าเรื่องราวเมื่อครู่นี้ที่เขาเจอจุดบอดวิถีกระสุนในเวลาชั่ววูบได้ดึงดูดความสนใจของคนบางคนเข้าแล้ว

แต่เขาไม่ทราบเลยว่าคนที่อยู่เบื้องหลังกล้องวงจรปิดพวกนี้เป็นใคร

หลินเสี่ยวเสี้ยวทำสงครามปากกับกัวหู่ฉานเสร็จก็ลุกขึ้นยืนเอาถาดอาหารของชิ่งเฉินไปวางข้าง ๆ จากนั้นหยิบถาดอาหารขึ้นมาใหม่เดินไปกระแทกลงที่หน้าต่าง กล่าวกับหุ่นยนต์ข้างในว่า “เจ้านายสั่งมา ทีหลังให้เนื้อจริงกับเขา อยากจะกินเท่าไหร่ก็ให้เขาเท่านั้น”

ชิ่งเฉินตะลึงไป “เพราะอะไร”

หลินเสี่ยวเสี้ยวยิ้มอย่างลึกลับ “อีกแปบเดียวคุณก็จะรู้แล้ว นี่ไม่แน่ว่าจะเป็นเรื่องดีอะไร”

……

ตอนกลางคืน ตอนที่ชิ่งเฉินกลับถึงห้องขังแล้วกำลังแปรงฟัน จู่ ๆ ก็รู้สึกง่วงวูบขึ้นมา เขาตระหนักทันทีว่าไม่ถูกต้อง

แต่ครั้งนี้เขาไม่ได้ล้มลงนอนกับพื้นดื้อ ๆ อย่างครั้งที่แล้ว ทว่าบ้วนปากอย่างจริงจังด้วยความใจเย็น จนกระทั่งเขานอนลงบนเตียงด้วยท่วงท่าอันผ่อนคลายจึงได้หลับตาลงช้า ๆ

ฝันร้ายเริ่มต้น

ในฝัน ชิ่งเฉินปรากฏตัวในทะเลทรายแห่งหนึ่ง ฝั่งตรงข้ามมีคนสองคนนั่งอยู่บนเนินทราย

ในโลกฝันร้ายนี้แผ่นฟ้าเต็มไปด้วยทรายเหลือง ดวงอาทิตย์โหดร้าย

เพิ่งจะผ่านไปไม่กี่วินาที ชิ่งเฉินก็รู้สึกได้ว่าริมฝีปากแห้งแตกแล้ว

หนึ่งในคนที่อยู่ตรงข้ามอ้อนวอนเขาว่า “ชิ่งเฉิน เอาน้ำในเป้คุณให้พวกเราสองคนดื่มสักอึกเถอะ ถ้ายังไม่ดื่มอีกเราสองคนก็จะตายแล้ว”

ชิ่งเฉินดึงเป้ที่อยู่ข้างหลังตนเองออกมาเปิด ข้างในมีน้ำหนึ่งขวดจริง ๆ ด้วย

เขาไม่พูดจา

คนที่อยู่ตรงข้ามอดทนไม่ได้แล้ว “พวกเราก็ไม่ได้จะดื่มของคุณเปล่า ๆ นะ คุณบอกราคามาเองเถอะ”

ตอนนี้จู่ ๆ มีเสียงถามขึ้นที่ข้างหูชิ่งเฉินว่า “เผชิญหน้ากับสหายร่วมทางของคุณที่กำลังจะกระหายน้ำตาย คุณจะเสนอราคาอย่างไร”

ชิ่งเฉินมองคนที่อยู่ตรงข้ามอย่างเย็นชากล่าวว่า “ผมจะให้คนข้าง ๆ คุณดูคุณกระหายน้ำตายก่อน จากนั้นให้เขาเสนอราคาเอง”

พอพูดออกมา คนที่ฝั่งตรงข้ามก็กลายเป็นหน้าตาของหลินเสี่ยวเสี้ยว อีกคนค่อย ๆ สลายตัวไปเหมือนฟองสบู่

หลินเสี่ยวเสี้ยวเอ่ยว่าใบ้กินว่า “คุณยังเป็นคนเหรอ”

“ผมเดิมทีก็รู้ว่านี่เป็นฝันร้ายของคุณ ย่อมจะไม่เกิดความเห็นใจอะไรขึ้นมา” ชิ่งเฉินหาที่นั่งลงสบาย ๆ

“นิสัยพิลึกจริง ๆ” หลินเสี่ยวเสี้ยวนั่งลงตรงข้ามเขากล่าวว่า “ตอนนี้คุณถึงกับสามารถรักษาสติสัมปชัญญะและความทรงจำได้ตั้งแต่ต้นจนจบหลังจากเข้าสู่ฝันร้าย งั้นคุณก็น่าจะสามารถต่อต้านการเรียกตัวของฝันร้ายได้นะ”

“อืม สามารถ” ชิ่งเฉินตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำ

…………………….

ตอนที่ 26 – ชีวิตคนที่ประสบกับความขมขื่นจะยิ่งไปได้สูง