ตอนที่ 22 น้องชาย

เขาไม่รู้ว่าทำไมคืนนี้ถึงควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ แม้จะอารมณ์ไม่ดีแต่เขาก็ยังสามารถควบคุมได้เมื่อต้องเผชิญกับโครงการพัฒนาที่ยากต่อการจัดการ แต่ตอนนี้เขาทั้งเหนื่อยและเบื่อหน่าย

โทรศัพท์ของเขาดังขึ้น

มู่หย่าเจ๋อรับสายและเสียงพูดพล่ามของมู่อี้เฉินก็ดังเข้ามา “ แดดดี๊….”

“ หืม? มีอะไรลูก?”

“ แดดดี๊ผมเจ็บหัวใจอีกแล้ว… เมื่อวานผมฝัน ผมฝันถึงหม่ามี๊… ”

รถสปอร์ตแล่นมาก็หยุดกะทันหัน

เมื่อกระจกรถลดลงการแสดงออกของมู่หย่าเจ๋อก็ลึกล้ำ “ ห๊ะ? หมามี๊?”

มู่หว่านโหรว?

“ไม่ใช่หมามี๊คนนี้! ผมฝันว่ามีผู้หญิงสวย ๆ คนหนึ่งเรียกชื่อเบา ๆ แต่นั่นไม่ใช่ผม… โอ้… ผมไม่แน่ใจ แต่ถึงยังไงผมก็ฝันถึงเธอและผมก็รู้สึกสบายใจมาก มันอบอุ่นมากเหมือนกับ…”

เสียงอ่อนเยาว์หยุดลงชั่วขณะก่อนที่เขาจะพูดต่อพร้อมบ่นว่า “ ผมไม่ชอบหมามี๊คนนี้! ไม่อ่อนโยนเลยอี้เฉินไม่ชอบเธอ… แดดดี๊ผมไม่ต้องการหมามี๊คนนี้! ผมต้องการหมามี๊ในความฝันผม…. ”

เด็กชายตัวเล็กคร่ำครวญและร้องไห้เอาแต่ใจจากอีกด้านของโทรศัพท์

ใบหน้าของมู่หย่าเจ๋อบูดบึ้ง แต่น้ำเสียงของเขากลับอ่อนโยนอย่างไม่คาดคิด “ เด็กดี… เด็กดีอี้เฉินอย่าดื้อ โอเคไหม? แดดดี๊กำลังไปหา!”

“ครับ! ผมจะรอแดดดี๊”

เมื่อวางโทรศัพท์ริมฝีปากของมู่หยาเฉอก็ค่อยๆโค้งขึ้น

คนเรา … มีกระแสจิตจริงหรือ?

หมอบอกว่าหนูน้อยอี้เฉินเป็นฝาแฝด ดังนั้นเขาจะมีกระแสจิตกับแฝดอีกคนของเขา อย่างไรก็ตามเมื่อหญิงสาวคนนั้นให้กำเนิดเด็กชายสองคนให้เขาและหนึ่งในนั้นแรกเกิดก็ไม่หายใจแล้ว…

หลังคลอดเขาส่งคนไปโรงพยาบาลเพื่อสอบถามเบาะแสของศพเด็กกับหมอและพยาบาลที่ทำคลอด เขาต้องการให้มีการฝังศพที่ดี แต่ทุกคนอ้างว่าได้รับการจัดการเรียบร้อยแล้ว

เขาคร่ำครวญอย่างสุดซึ้งกับการสูญเสียในครั้งนั้น และนับตั้งแต่อี้เฉินตัวน้อยจำความได้เขาก็พูดถึงมักจะความฝันว่าเขาฝันว่าเขามีน้องชายอยู่ตลอด

เขาบอกว่าน้องชายของเขามีใบหน้าที่สวยงามและดูเหมือนเขามาก ราวกับว่ายืนมองตัวเองอยู่หน้ากระจก มันเหมือนกันอย่างสิ้นเชิง

มู่หย่าเจ๋อมักจะคิดว่าการกระแสจิตระหว่างฝาแฝดเป็นเรื่องไร้สาระ

จนกระทั่งครั้งหนึ่งอี้เฉินมีไข้สูงและแพทย์ประจำครอบครัวก็ให้น้ำเกลือเขา เขานอนหมดสติอยู่บนเตียงและเอาแต่เรียก “หม่ามี๊… หม่ามี๊…” โดยไม่รู้ตัว

ดูอาลัยอาวรณ์และไม่เคยเฉยเมยเหมือนที่เขาเป็นกับมู่หว่านโหรว

แม้ว่าอี้เฉินจะเรียกมู่หว่านโหรวว่าแม่อยู่ทุกวัน แต่เขาไม่เคยใกล้ชิดเธอเลย

เมื่อเขาตื่นมาก็ร้องไห้ มู่หว่านโหรวอยากจะเข้าไปกอดแต่เขาร้องไห้และไม่ยอมให้เธอสัมผัส

เขาเอาแต่ร้องไห้ “อี้เฉินมีน้องชาย น้องชายของอี้เฉินไม่สบาย… อี้เฉินทุกข์ใจ… อี้เฉินทรมาน….”

ตอนนั้นเด็กคนนั้นไม่รอดแล้ว แล้วน้องชายคนนี้มาจากไหน?

ไม่มีใครเชื่อคำพูดของเขาเพราะคิดว่าเขายังเด็ก คำพูดของเด็กมีน้ำหนักไม่มากนัก

และท้ายที่สุดอี้เฉินตัวน้อยก็ไม่พูดถึงความฝันของเขาอีก

อย่างไรก็ตามเขาก็ห่างเหินจากมู่หว่านโหรวมากขึ้นเรื่อย ๆ

วันรุ่งขึ้นเป็นวันทำงานที่เงียบสงบ

ในช่วงบ่ายเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดที่ทำให้หยุนซือซือต้องตกงาน

เดิมทีหลังจากพักเที่ยงหยุนซือซือวางแผนที่จะยื่นข้อเสนอโครงการให้กับหัวหน้าแผนกของเธอ หลังจากที่เธอเดินออกไปมีเด็กหนุ่มสองสามคนแต่งตัวเหมือนอันธพาลทำร้ายเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ทางเข้าบริษัทอย่างกล้าหาญ พวกเขาบุกเข้าไปในแผนกของเธอจนถึงแถวโต๊ะทำงานของเธอ และตะโกนเรียกชื่อเธอเสียงดัง

การบุกรุกของคนพวกนั้นทำให้คนในสำนักงานตกใจกลัว มีบางคนสังเกตเห็นรอยสักบนร่างกายของพวกเขาและมีข่าวลือว่าคนเหล่านี้เป็นนักเลงที่รู้จักกันดีในถนนสายหนึ่งในเมืองหลวงซึ่งมีผู้สนับสนุนที่ทรงพลังคือหยุนซือซือ