“เปาะ-แปะ ซ่า!” ฝนกำลังตกบนรถม้าเสียงดังเช่นเดียวกับสิ่งที่น่ารำคาญในใจของซูหลุน

เพียงครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา เมิ่งฉางเต๋อปรากฎตัวขึ้นที่คฤหาสน์ตระกูลซูโดยไม่คาดคิด ขอให้เขาพาซูมู่เกอไปที่บ้านของเขาเพื่อรักษานายหญิงแม่เฒ่าเมิ่ง และบอกเป็นนัยว่าสามารถช่วยประเมินการเลื่อนตำแหน่งงานได้อย่างแน่นอน

ซูหลุนกำลังตัดสินใจว่าจะแนบชิดความสัมพันธ์กับเมิ่งฉางเต๋ออย่างไร แล้วเขาจะคาดหวังว่าสิ่งดีๆเช่นนี้ลอยมาสู่ตัวเขาเองได้ยังไง!

เขาถูมือไปมาในรถม้า เขาพยายามอย่างหนักที่จะซ่อนความตื่นเต้น ซึ่งซูมู่เกอยังคงรู้สึกได้อย่างง่ายดายจากดวงตาของเขา

ซูหลุนจับนางขึ้นรถม้าก่อนที่นางจะเข้าไปนั่งในห้องศึกษาและนางไม่รู้ว่าพวกเขากำลังจะไปที่ไหนกัน

ด้วยอาการไอเล็กน้อยก่อนที่เขาจะพูด ซูหลุนอ้าปากด้วยอารมณ์ปกติและกล่าวว่า “นายหญิงแม่เฒ่าเมิ่งรู้สึกไม่สบายในคืนนี้และหมอหลวงของจักรวรรดิที่กลับมาพร้อมพวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการให้เจ้าไปตรวจรักษา”

ซูมู่เกอขมวดคิ้วด้วยสีหน้าหนักใจ “ท่านพ่อ ถ้าข้าทำอะไรไม่ได้เล่า?”

นางรู้ว่าซูหลุนตกลงกับพวกเขาแล้ว แม้ไม่จำเป็นต้องถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะสัญญาของเมิ่งฉางเต๋อไม่น่าจะมีอะไรอื่น สิ่งไหนจะทำให้เขาตื่นเต้นได้ขนาดนี้!

เมื่อเห็นใบหน้าที่ดูแข็งกร้าวของซูมู่เกอ ซูหลุนรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย “เราต้องไปดู อย่างไรก็ดี ครอบครัวเมิ่งคือผู้มีพระคุณของเรา”

ซูมู่เกอเม้มริมฝีปากและไม่พูดอะไร

หลังจากนั้นไม่นานรถม้าก็อยู่หน้าคฤหาสน์ตระกูลเมิ่ง คนรับใช้เปิดประตูออกเพื่อให้รถม้าตรงเข้าไปข้างในได้เลยหลังจากที่พวกเขาแจ้งว่าพวกเขาเป็นใครและมาที่นี่เพื่อการใด สถานการณ์ของนายหญิงแม่เฒ่าเมิ่งไม่เลวร้ายไปกว่านี้แล้ว

ฝนก็ตกหนักขึ้นเรื่อยๆ โดยม่านสายฝนเกือบจะปิดกั้นสายตาของผู้คน

มีคนมากมายในลานอายุมั่นขวัญยืนที่หญิงชราเมิ่งอาศัยอยู่ เมิ่งฉางเต๋อเดินโซเซออกมาจากห้องด้วยความตระหนกเมื่อซูมู่เกอและพ่อของนางมาถึง

“คุณหนูใหญ่ซู ได้โปรดช่วยท่านแม่ของข้าด้วย!”

เมิ่งซิ่วเหวินยืนอยู่ด้านหลังของเมิ่งฉางเต๋อมองไปที่ซูมู่เกอด้วยใบหน้ามืดมน

“ได้โปรดยกโทษให้เราหากเจ้าคิดว่าเราเคยทำให้เจ้าขุ่นเองใจมาก่อน”

ซูมู่เกอสงบนิ่งและเหลือบมองพวกเขา

“พาข้าเข้าไปข้าในเถอะ และข้าจะได้ตรวจดู”

“ได้สิ ได้แน่นอน เชิญทางนี้ คุณหนูใหญ่ซู”

ซูมู่เกอตามเมิ่งฉางเต๋อและคนอื่น ๆ เข้าไปในห้อง และมีคนเกือบสิบคนอยู่ในนั้น

“มีสองคนที่คุ้นเคยกับสถานการณ์นี้มากที่สุดและหมอหลวงของจักรพรรดิให้อยู่ต่อ คนอื่นควรจะออกไป”

คำพูดทื่อเกินไปและผู้หญิงในห้องหลายคนเกิดความรู้สึกไม่พอใจ แต่ไม่มีใครกล้าที่จะโต้แย้งนางในตอนนี้เนื่องจากพวกเขารู้ว่าเมิ่งฉางเต๋อคิดหวังในตัวซูมู่เกอสูงมาก

เมิ่งซิ่วเหวินเข้าหาเมิ่งฉางเต๋อ “ท่านพ่อ ได้โปรดออกมากับคนอื่นๆด้วยเจ้าค่ะ คนมีจำนวนมากเกินไปอาจทำให้เกิดความโกลาหลได้”

เมิ่งฉางเต๋อมีความเชื่อมั่นในตัวซูมู่เกออย่างไม่คาดคิด เขาผงกศีรษะและออกไปพร้อมกับคนอื่นๆ เหลือเพียงสาวใช้สองคนและหมอหลวงจักรวรรดิ หมอหู

อย่างไรก็ตามเมิ่งซิ่วเหวินยังคงอยู่ และซูมู่เกอไม่ได้พูดอะไร

นางเดินไปที่เตียงของหญิงชราเมิ่ง และเห็นนายหญิงแห่งตระกูลเมิ่งนอนหลับตาแน่นอยู่บนเตียง

“ผลการวินิจฉัยก่อนหน้านี้เป็นอย่างไร?” ซูมู่เกอมองไปที่หมอหูและถามขึ้น

หมอหูทำงานในสำนักหมอหลวงของจักรวรรดิมาเป็นเวลาหลายปี โดยเด็กผู้หญิงอายุต่ำกว่าสิบห้าถามคำถามแบบนี้ หมอหูเกิดความไม่พอใจเล็กๆ แต่เขาไม่ได้แสดงมันออกมา เขาตอบว่า “นายหญิงเมิ่งมีอาการหนาวสั่นในกระดูกมาตลอด ก่อนหน้านี้มีเสมหะชื้นและด้วยความชื้นที่เกิดจากฝนตกทำให้อาการป่วยกำเริบขึ้นมาอีกจากการถูกกระตุ้นทั้งหมดเหล่านั้น”

“ขอใบสั่งยาของท่านหน่อย”

ใบหน้าของหมอหูแข็งกระด้างขึ้นและเขาก็หยุดนิ่ง

เมิ่งซิ่วเหวินรับใบสั่งยามาและส่งมันให้ซูมู่เกอ

“ขอบคุณ”

ซูมู่เกออ่านตามใบสั่งยาอย่างละเอียด เป็นยาที่เหมาะสมกับอาการเหล่านั้นที่เขาอธิบายไว้ แต่หญิงชราก็ไม่ได้มีอาการดีขึ้นแต่อย่างใดหลังจากได้ทานยาตามรายการนั้น อาการของนางกลับแย่ลงยิ่งไปกว่าเดิม หมายความว่าหญิงชราถูกวินิจฉัยผิดพลาด

ซูมู่เกอก้าวขึ้นนั่งบนเตียงและเริ่มจับชีพจรของนาง จากสภาพชีพจรมันเหมือนกับว่าร่างกายได้รับความชื้นมากซึ่งนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากการปิดกั้นพลังงานสำคัญและการไหลเวียนของเลือด

“ทุกวันนางขับถ่ายเป็นอย่างไรบ้าง?”

ใบหน้าของนางแดงซ่านด้วยความตระหนกเล็กน้อย รู่เหม่ยไม่รู้จะตอบคำถามอย่างไร

เมิ่งซิ่วเหวินก็ตกใจเช่นกันที่ซูมู่เกอถามคำถามที่ตรงไปตรงมามาก

“ชรา นายหญิงแม่เฒ่า นาง นางไม่…”

“ดี บอกข้ามาเกี่ยวกับสิ่งที่นางได้รับประทานในวันนี้”

“ได้เจ้าค่ะ ตอนเช้านางมีโจ๊กรังนกพื้นเมืองหนึ่งชาม แป้งม้วนนึ่งพร้อมเครื่องเคียง…”

หลังจากได้ยินคำตอบของรู่เหม่ย ซูมู่เกอพบว่านายหญิงแม่เฒ่าเมิ่งมีอาการท้องผูก

นางเอื้อมมือไปกดที่ท้องของหญิงชราและมันมีลมเล็กน้อยอย่างที่คาดไว้

โดยปกติความเย็นจะทำให้ท้องเสีย อย่างไรก็ตามหญิงชราเมิ่งมีอาการท้องผูกซึ่งหมายความว่านางมีความร้อนภายในสะสมอยู่พอสมควร

ซูมู่เกอบีบแขนและขาของหญิงชรา และพบว่านางตัวแข็งมาก ด้วยความเปียกชื้น ความเย็นและความร้อนทั้งสามรวมกันในเวลาเดียวกันจึงไม่น่าแปลกใจที่นางป่วยหนัก

“คุณหนูใหญ่ซู อย่างไร นายหญิงเป็นอย่างไรบ้าง?” เมื่อเห็นใบหน้าจริงจังของซูมู่เกอ รู่เหม่ยก็รู้สึกลมหายใจจุกที่ลำคอ

อาการป่วยของนายหญิงเมิ่งนั้นค่อนข้างง่ายที่จะแก้ไขเมื่อสาเหตุถูกทำให้กระจ่าง

โดยไม่รีบร้อนที่จะทำการักษาต่อ ซูมู่เก๋อขมวดคิ้วอย่างเงียบๆ

ยิ่งนางทำตัวแบบนี้คนในห้องก็ยิ่งวิตกกังวลมากขึ้น หมอหูทำตัวเฉยชาและเขาเชื่อว่ามันเป็นฝันกลางวันที่งี่เง่าที่ทักษะทางการแพทย์ของเด็กหญิงตัวน้อยคนนี้จะสามารถเอาชนะเขาได้!

เมิ่งซิ่วเหวินไม่แน่ใจเกี่ยวกับการแสดงออกของซูมู่เกอเช่นกัน

“เจ้าสามารถรักษาท่านยายของข้าได้หรือไม่ คุณหนูซู?”

ซูมู่เกอเงยหน้าขึ้นมามองเขา “เจ้าค่ะ แต่ขึ้นอยู่กับนายหญิงแม่เฒ่าเมิ่งเองว่านางจะรักษาให้หายขาดได้หรือเปล่า”

“เจ้ามีวิธีรักษา?” หมอหูเต็มไปด้วยความสงสัย

“ถึงจะยากลำบาก มันไม่ใช่ไม่มีทางแก้” ซูมู่เกอพูดจบหยิบถุงเข็มเงินออกมาหนึ่งถุงและเปิดมัน

หมอหูประหลาดใจมากขึ้นเมื่อเห็นเข็มเงิน ดวงตาของเขาเบิกกว้าง “เจ้ารู้วิธีใช้เข็มเงิน?”

ซูมู่เกอเลิกคิ้วอย่างไม่ใส่ใจ “ยากเกินไปสำหรับท่านหรือ?”

หมอหูแทบสำลักเมื่อได้ยินคำถามเช่นนี้ นั่นมากกว่าคำว่า “ยาก!” แทบไม่น่าเชื่อเลย

เขาเรียนรู้มาหลายปีแล้ว และเขาได้รับความรู้เพียงผิวเผิน แม้จะร่ำเรียนมาหลายปี ตลอดที่เรียนผ่านมาเขากลับการใช้เข็มเงินที่สุด และยิ่งกลัวมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งใช้มันน้อยลงเท่านั้น ในที่สุดเขาก็กลัวเกินกว่าจะแตะต้องพวกมัน! แม้แต่อาจารย์ที่เคารพของเขาก็แทบไม่เคยใช้เข็มเงินเลย เห็นได้ชัดว่าทักษะการฝังเข็มนั้นยากแค่ไหน!

คุณหนูจากคฤหาสน์ซู อย่างไรถึงไม่กลัวที่จะใช้เข็มเงินเหล่านั้นในการรักษาผู้ป่วย นางกล้าดียังไง!

ซูมู่เกอซึ่งตอนนี้ได้ทำการฆ่าเชื้อเข็มเงินแล้วไม่มีเวลามากพอที่จะกังวลเกี่ยวกับความคิดของหมอหู นางใช้เพียงเพราะการฝังเข็มเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด

“ยืดขาของนายหญิงผู้เฒ่าออก”

รู่เหม่ย ร่วมกับสาวใช้อีกคนที่ชื่อรู่ซิ่วทำตามที่นางบอก

ซูมู่เกอหยิบเข็มในมือของนาง และฝังพวกมันเข้าไปในจุดลมปราณโดยหมุนเล็กน้อยระหว่างปลายนิ้วของนาง หลังจากนั้นไม่นานก็มีเข็มสีเงินปักอยู่ที่ขาและเท้าของนายหญิงแม่เฒ่า

ในขณะที่รอนายหญิงแม่เฒ่าเมิ่งรู้สึกตัว ซูมู่เกอจดรายการใบสั่งยาและมอบมันให้กับ รู่เหม่ย “ไปเอายาตามนี้มา นำไปให้นายหญิงเมิ่งทันทีเมื่อทำการต้มอย่างดีแล้ว”

“ได้เจ้าค่ะ ข้าจะทำอย่างดี”

“คุณหนูซู ท่านยายของข้าจะตื่นเมื่อไหร่?”

“ในไม่ช้านี้”

หนึ่งในสี่หลังจากนี้ ด้วยการไออย่างรุนแรงหญิงชราก็ฟื้นขึ้นมา

“ท่านยาย!” เพียงก้าวเท้าสองก้าวเมิ่งซิ่วเหวินก็มาถึงเตียงของนายหญิงแม่เฒ่าเมิ่ง

หมอหูตาเบิกโตมองไปที่หญิงชราด้วยความอัศจรรย์ใจ

“ยังไง มันเป็นไปได้ยังไง!”

ซูมู่เกอเดินไปข้างหน้าและถอนเข็มเงินออกทีละเล่มจนหมด

ตาของหญิงชราเมิ่งยังคงพร่ามัว หลังจากถอดเข็มเงินออกหมด นางก็สามารถมองเห็นทุกอย่างได้ชัดเจน

“ฮันหยู…..”

“ข้าอยู่นี่ท่านยาย”

เมิ่งซิ่วเหวินช่วยพยุงหญิงชราเมิ่งให้ลุกขึ้นนั่ง

เมื่อนางเห็นซูมู่เกอยืนอยู่ในห้องของนาง หญิงชราเมิ่งตกตะลึงเล็กน้อย จากนั้นนางก็มองไปที่หมอหูอีกครั้งซึ่งยืนอยู่ข้างๆด้วยใบหน้าซีดเซียว

“ทำไม…ทำไมเด็กคนนี้ถึงอยู่ที่นี่?”

เมื่อเห็นความสับสนในสายตาของนายหญิงแม่เฒ่าเมิ่ง เมิ่งซิ่วเหวินตอบนางด้วยความอ่อนโยน “ท่านพ่อนำนางมาที่นี่ขอรับ”

หญิงชราเมิ่งพยักหน้า และเอนกายลงบนหมอนนุ่มพร้อมกับร่างกายอันอ่อนล้าของนาง

“ท่านแม่ ท่านฟื้นแล้ว!”

เมื่อได้รับการบอกว่านายหญิงเมิ่งรู้สึกตัวแล้ว เมิ่งฉางเต๋อก็กลับเข้ามาในห้องพร้อมกับคนอื่นๆ

ซูมู่เกอวางสิ่งของของนางไว้

เมื่อเห็นซูมู่เกอออกมาซูหลุนก็ก้าวเข้าไปหานางและถามด้วยเสียงต่ำว่า “ทุกอย่างเป็นอย่างไร?”

“นางฟื้นแล้ว”

ซูหลุนรู้สึกตื่นเต้นมาก แต่เขาก็ไม่กล้าแสดงความสุขใด ๆ

เมิ่งซิ่วเหวินเดินตามซูมู่เกอออกมาและเดินไปยืนตรงหน้านาง “คุณหนูใหญ่ซู ข้าขอบคุณมากที่ช่วยชีวิตท่านย่าของข้า”

พ่อของเขาต้องเชิญพวกเขาออกมาจากคฤหาสน์ซูในตอนดึกเนื่องจากทุกคนรีบเมื่อหมอหูบอกพวกเขาว่าท่านย่าของเขาอาจจะอยู่ต่อไม่ถึงเช้าวันรุ่งขึ้น

มันจนกระทั่งถึงเวลานี้เขาคลายข้อสงสัยทั้งหมดเกี่ยวกับทักษะทางการแพทย์ของซูมู่เกอ นางมีพรสวรรค์อย่างแม้จริง

ดังนั้น ความขอบคุณที่เขาแสดงในตอนนี้จึงมาจากก้นบึ้งของหัวใจ

ซูมู่เกอยิ้มรับ แต่ด้วยความเฉยชาเล็กน้อย “ตราบเท่าที่นายท่านเมิ่งไม่คิดว่าข้ามีเจตนาอื่นใด” แม้ว่านางต้องการขอบางสิ่งบางอย่าง เขาไม่สามารถปฏิเสธความจริงที่ว่านางคือผู้ช่วยชีวิต

คำพูดเหล่านั้นทำให้เมิ่งซิ่วเหวินรู้สึกอับอายเนื่องจากเขาคิดว่าซูมู่เกอเข้าหาท่านย่าของเขาด้วยจุดประสงค์ที่เห็นแก่ตัวของนาง

หลังจากนั้นไม่นานเมิ่งฉางเต๋อกับฮูหยินของเขาก็ออกมา

“ขุนนางซูและคุณหนูใหญ่ซู ขอบคุณท่านมากที่ช่วยชีวิตท่านย่าของข้า”

“ด้วยความยินดียิ่ง ท่านขุนนางเมิ่ง นายหญิงแม่เฒ่าเมิ่งมีเมตตากับลูกสาวของข้า มู่เกอ และเป็นหน้าที่ของเราที่จะตอบแทนน้ำใจของนาง”

“ข้าขอโทษที่ขอให้พวกท่านทั้งสองมาที่นี่กลางดึกเช่นนี้ เกือบเที่ยงคืนแล้ว ทำไมไม่พักที่คฤหาสน์ของเราล่ะ ท่านสามารถคฤหาสน์ในเช้าพรุ่งนี้”

“มันจะ…”

“ข้าสามารถบอกได้ว่าคุณหนูใหญ่ซูคงจะเหนื่อย ดังนั้น ท่านขุนนางเมิ่ง โปรดอยู่ที่นี่เถิด” นายหญิงอาวุโสก็พยายามขอให้พวกเขาอยู่ต่อ

มันจะเป็นการหยาบคายมากไปที่จะปฏิเสธเมิ่งฉางเต๋อ ดังนั้น ซูหลุนจึงยอมรับคำเชิญนั้น

มันไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับซูมู่เกอ หลังจากต้องใช้แรงกายเป็นอย่างมากในการเรียกตัวขึ้นมากลางดึกเพื่อรักษาคนไข้

ซูมู่เกอถูกแม่บ้านพาไปที่ห้องพักสำหรับผู้หญิงซึ่งได้รับคำสั่งจากนายหญิงอาวุโสเมิ่ง ซูมู่เกอมีความสุขกับทุกสิ่งมาโดยตลอด การช่วยเหลือตัวเองในทุกสถานการณ์อาจเป็นสิ่งดี และนางไม่มีนิสัยชอบนอนบนเตียงของตัวเอง ดังนั้นนางจึงหลับไปทันทีหลังจากที่นางล้มตัวลงนอน

ดวงอาทิตย์ขึ้นแล้วเมื่อนางตื่นขึ้นในเช้าวันรุ่งขึ้น

“พี่ซูยังหลับอยู่หรือ?”

“เจ้าค่อ เมื่อคืนนางนอนดึกและตอนนี้ก็ยังหลับอยู่”

“ฮืม ช่างเป็นมารยาทที่ดี เป็นแขกจะตื่นสายขนาดนี้ได้ยังไง?”

ซูมู่เกอถูที่มุมคิ้วด้านในและลืมตาขึ้น จะดีกว่าถ้านอนในห้องของนางเองโดยไม่มีใครมา รบกวนนาง

สาวใช้ข้างนอกได้ยินเสียงซูมู่เกอดึงกระดิ่งข้างเตียง จึงเข้าไปช่วยนางทำความสะอาดและแต่งตัว

“พี่ซู ท่านตื่นแล้ว” เมื่อยื่นหน้าเข้าไปในห้องเมิ่งเถียนเถียนยิ้มให้ซูมู่เกอด้วยความอ่อนหวาน

“คุณหนูสามตระกูลเมิ่ง”

“ท่านพี่ โปรดอย่างห่างเหินเช่นนี้เลย เพียงแค่เรียกข้าว่า เถียนเถียน ท่านย่าของข้าตื่นแล้วและนางกำลังรอพบท่านอยู่”

“คุณหนูใหญ่ซู เจ้าคิดว่าตัวเองสำคัญแค่ไหน ให้คนทั้งห้องรอเจ้า!” เมิ่งซูซูที่ยืนอยู่ที่ประตูเบิกตากว้างด้วยความโกรธ

ซูมู่เกอลุกขึ้นยืนโดยไม่ใส่ใจ “ขออภัยที่ทำให้ทุกคนต้องรอนาน ไปกันเถอะ”