พลังเหนือธรรมชาติคืออะไร?

นั่นเป็นคำถามที่กวนใจลูซีหยูมาตลอด สำหรับเค้าแล้วสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ไม่ควรถูกลิมิตความสามารถในการควบคุมร่างกายของมัน พวกเค้าควรจะสามารถแทรกแซงโลกและใช้ชีวิตอยู่รอบๆมันได้โดยใช้พลังจิตเช่นกัน นี่คือสิ่งที่สิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติจริงๆควรจะทำและรู้วิธีการใช้พลังจิตที่แท้จริง

สิ่งนี้ต้องการความรู้มากมายเกี่ยวกับกฎของโลก อุณหภูมิเป็นต้น อุณหภูมิเท่าไหร่? พูดโดยทั่วไปอุณหภูมิเป็นปริมาณทางกายภาพที่แสดงว่าวัตถุนั้นอุ่นหรือเย็น แต่ในระดับกล้องจุลทรรศน์มันวัดว่าอนุภาคสั่นสะเทือนหรือเคลื่อนย้ายอย่างรุนแรง ตามทฤษฎีจลน์ศาสตร์อุณหภูมิเป็นตัวแทนของพลังงานจลน์เฉลี่ยของอนุภาคที่เป็นส่วนประกอบ อุณหภูมิเป็นผลมาจากการเคลื่อนที่ด้วยความร้อนของอนุภาคจำนวนมาก

ลูซีหยูคิดว่าสิ่งมีชีวิตในตำนานจะสามารถตรวจจับความเร็วของอนุภาคได้ สำหรับสิ่งมีชีวิตในระดับของเค้ามันยากที่จะควบคุมอนุภาค มีอนุภาคมากเกินไป พลังจิตจะมีพลังอำนาจเพียงใดในการควบคุมอนุภาคจำนวนมากในเวลาเดียวกัน?

ลูซีหยูคิดว่าอาจมีวิธีอื่นในการควบคุมอุณหภูมิ ไม่จำเป็นต้องเพิ่มหรือลดความเร็วของอนุภาคทั้งหมด ตราบใดที่พลังจิตสามารถผลักหรือเปลี่ยนโมเมนตัมและเร่งความเร็วการเคลื่อนที่ของอนุภาคภายในพื้นที่ขนาดเล็ก ผลกระทบจะขยายไปยังพื้นที่อื่นและเพิ่มอุณหภูมิโดยไม่มีข้อจำกัด อุณหภูมิของพื้นที่ขนาดใหญ่อาจได้รับผลกระทบจากพลังจิตที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น และในทางกลับกันการหยุดอนุภาคบางอย่างอาจทำให้อนุภาคอื่นช้าลงและอุณหภูมิจะลดลง ยิ่งจิตใจแข็งแกร่งก็ยิ่งส่งผลกระทบต่อพื้นที่ขนาดใหญ่ จิตใจที่แข็งแกร่งสามารถลดหรือเพิ่มอุณหภูมิได้อย่างไม่จำกัด

ลูซีหยูตื่นเต้นกับความคิดนี้ เค้ารู้สึกว่าเค้าเข้ามาใกล้กับการพัฒนาแม่แบบแรกของเค้า เค้ามองไปที่สากูนซึ่งวิ่งโซเซอยู่ในห้องชีวภาพและส่งเสียงกรีดร้อง สับสนวุ่นวายในความคิดของมัน แน่นอนว่ามันยังไม่รู้วิธีควบคุมอะไรเลยแต่ลูซีหยูทำและนั่นก็เพียงพอแล้ว

ลูซีหยูจำเป็นพัฒนาต้นแบบพันธุกรรมที่สามารถนำรหัสมาใช้เพื่อควบคุมอุณหภูมิได้ จากนั้นเค้าก็สามารถแทรกมันลงไปในรหัสพันธุกรรมของสากูนและเปลี่ยนให้เป็นสิ่งมีชีวิตในตำนานที่สามารถควบคุมอุณหภูมิได้ ถ้ามันได้ผลมันจะกลายเป็นเรื่องธรรมชาติสำหรับสากูนและสากูนไม่จำเป็นต้องรู้ทฤษฏีเบื้องหลัง

“ดูเหมือนว่าฉันเป็นคนเดียวที่สามารถเปลี่ยนยีนได้ หากไม่มีความสามารถในการเปลี่ยนยีนแม้ว่าจะสามารถใช้พลังจิตในการจัดการกับอะตอมได้ แต่พวกมันยังคงไม่สามารถทำการดัดแปลงเฉพาะยีนได้”

“สำหรับสิ่งมีชีวิตในตำนานอื่นๆ พลังจิตของพวกมันไม่สามรถเปลี่ยนยีนของตัวเองได้เช่นกัน ถ้าพวกมันต้องการพัฒนา ทางเดียวที่พัฒนาคือค้นหายีนของสิ่งมีชีวิตในตำนานตัวอื่นและหลอมรวมยีนทั้งสองบนยีนจากสิ่งมีชีวิตในตำนานอื่นๆ”

ในที่สุดลูซีหยูก็ตระหนักว่าความสามารถในการส่งข้อความมีประสิทธิภาพเพียงใด มันอาจจะดูอ่อนแอมากเพราะมันทำได้แค่สื่อสารข้อความและแก้ไขข้อความเท่านั้น นี่ไม่ใช่สิ่งที่มีผลกระทบการร่างกายโดยตรง อย่างไรก็ตามสำหรับลูซีหยูมันเป็นพลังที่ทรงคุณค่า

เค้าพาสากูนไปที่ปราสาทมิติเป็นเวลาสองสามเดือนและเริ่มพัฒนาต้นแบบสัตว์ในตำนานสำหรับสากูน สากูนมีพื้นฐานจากปลาหมึกยักษ์และความสามารถควบคุมอุณหภูมิได้ เค้าตั้งชื่อต้นแบบว่า ‘สัตว์ประหลาดทะเล0องศา’ เค้านำเซลล์ที่ได้รับการแก้ไขจากสากูนและเริ่มทำการทดลอง เค้าพบว่าเมื่อค้าพยายามกระตุ้นเซลล์ด้วยพลังจิตของเค้า เซลล์ก็เริ่มต่อต้านเค้า เค้าพยายามจะติดต่อแต่ลูซีหยูรู้สึกได้ถึงจิตสำนึกของสากูนที่กำลังพยายามจะแทรกแซงเค้า ลูซีหยูไม่ต้องการต่อสู้กับมันเพราะรู้ว่าสมองเป็นส่วนเดียวของเค้าที่ได้รับการแก้ไขและส่วนที่เหลือยังคงเป็นปกติ เค้าไม่ต้องการเสี่ยงที่จะถูกหลอมรวมโดยความคิดของสากูน หากเค้าสัมผัสกับเซลล์ของสากูน เซลล์เหล่านั้นอาจบุกเข้ามาหาเค้าเอง

เค้าจำได้ว่าเค้ามีเซลล์ที่ไม่ได้รับการแก้ไขของสากูนแต่เค้าก็โยนความคิดนี้ทิ้งไปทันที เซลล์ปกติเหล่านั้นไม่สามารถรับมือกับต้นแบบของสิ่งมีชีวิตตำนานได้และจะพังทันที

เค้ามองไม่เห็นหนทางอื่น ลูซีหยูใช้พลังจิตในการถ่ายทอดความตั้งใจที่เป็นมิตรของเค้าไปยังสากูนโดยขอให้มันปลดทหารของมัน เค้าสร้างสระขนาดใหญ่ในปราสาทเพื่อให้สากูนมีสถานที่สำหรับว่ายน้ำเล่น เค้ายังพยายามแสดงความเป็นมิตรกับสากูนทุกวัน บางทีสากูนอาจจะรู้สึกถึงความเป็นมิตรของเค้าหรือบางทีความคิดที่ขัดแย้งกันทำให้สากูนเหมือนจะเป็นบ้า ความคิดของสากูนก็หยุดต่อต้านเค้าอย่างช้าๆ

เมื่อเป็นแบบนี้แล้วลูซีหยูก็เข้าไปถึงสากูนและค้นพบยีนของมัน หลังจากกลายเป็นสิ่งมีชีวิตตำนาน ยีนส่วนใหญ่จากบรรพบุรุษของสากูนจะถูกกำจัดและมีเพียงยีนที่จำเป็นเท่านั้นที่ยังหลงเหลือไว้ ลูซีหยูใช้ประโยชน์ในตอนนี้และประทับตราของสัตว์ประหลาดทะเล0องศาลงบนต้นแบบพันธุกรรมของสากูน จากนั้นเค้าก็ถอนตัวทันที ลูซีหยูสกัดเลือดหนึ่งหยดจากตัวเค้าเอง เค้าเห็นได้ว่าเลือดที่เค้าวางไว้บนต้นแบบเริ่มเปลี่ยนไปอย่างมาก

เค้าฉีดเลือดเข้าไปในร่างกายของสากูนและเห็นว่าร่างของมันเปลี่ยนไปอย่างมากเช่นกัน หัวของมันแคบลงและหนวดก็ยาวขึ้น ผิวหนังและอวัยวะต่างๆมีการเปลี่ยนแปลง เมื่อเซลล์ปรับตัวได้แล้วก็สร้างอวัยวะพิเศษและเปลือกแข็ง มันกลายเป็นสัตว์ประหลาดในท้องทะเลที่สวยงามแบบที่ลูซีหยูต้องการ

มันได้ผล!

สัตว์ประหลาดดูเหมือนกับที่ลูซีหยูออกแบบไว้ ผิวคล้ำแข็งและโครงสร้างร่างกายเป็นของไหล มันดูสวยงามและร่างกายของมันก็แข็งมากขึ้น สากูนว่ายน้ำไปรอบๆสระแล้วกระแทกเข้าไปในผนังของสระ ทิ้งหลุมขนาดใหญ่ไว้บนกำแพงหิน อย่างไรก็ตามการโจมตีเมื่อกี้ไม่ได้เป็นอันตรายต่อร่างกายเลย เปลือกบนร่างกายของสากูนนั้นแข็งเหมือนไทเทเนียม ลูซีหยูรู้สึกพึงพอใจกับรูปร่างหน้าตาของสากูนมากแต่เค้ายังคงไม่เห็นส่วนที่สำคัญที่สุด

ทันใดนั้นสากูนก็กระโดดขึ้นจากสระและส่งเสียงกรี๊ดใส่เค้า ลูซีหยูรู้สึกถึงคลื่นที่แข็งแกร่งของพลังจิตที่กระแทกเข้าหาเค้า เค้ารู้ว่าสากูนใช้พลังของมัน เค้าเรียกพลังจิตของตัวเองเพื่อป้องกันตัวจากการถูกกระทบกระเทือน อุณหภูมิในห้องเพิ่มขึ้นอย่างน่าสงสัยขณะที่น้ำในสระก็อุณหภูมิสูงขึ้นจนทำให้มีการระเบิดเล็กๆในห้อง อุณหภูมิสูงพอที่จะทำให้หินร้อน อุณหภูมิทั่วทั้งพื้นเพิ่มขึ้นเป็นร้อยกว่าองศาและมนุษย์ทั่วไปไม่สามารถอยู่รอดได้แน่นอน

อย่างไรก็ตามลูซีหยูเดินออกจากไอน้ำ พลังที่เค้ามอบให้กับสากูนนั้นแน่นอนว่าเค้าก็จะใช้มันเองเช่นกัน แม้ว่าลูซีหยูจะยังไม่ได้ประทับตราลงในเซลล์ที่ได้รับการแก้ไขของเค้าและมันก็เป็นปัญหาสำหรับเค้าที่จะใช้พลังดังกล่าว เค้าเพียงต้องการที่จะรักษาอุณหภูมิรอบๆตัวเองดังนั้นมันไม่ใช่ปัญหา หลังจากนั้นสากูนจะไม่สามารถทำร้ายลูซีหยูได้

สากูนขยับหนวดของมันไปรอบตัวและพื้นที่หนวดไปสัมผัสได้กลายเป็นน้ำแข็ง ในชั่วพริบตาห้องที่กำลังเดือดก็กลายเป็นดินแดนน้ำแข็ง

ลูซีหยูยิ้มอย่างพอใจกับพลังของสากูน “ไม่เลวนี่ นี่สิสิ่งที่สัตว์ในตำนานควรจะเป็น!”

ตอนนี้สากูนยังเด็กและมีพลังมากแล้ว มันจะมีพลังมากขึ้นเมื่อมันเติบโตทางจิตใจและร่างกาย วันหนึ่งมันจะสามารถทำสิ่งต่างๆที่เคยได้ยินว่าเป็นตำนานได้ เช่น ทำให้มหาสมุทรเดือดหรือแช่แข็งทั้งทวีป แน่นอนว่าวันนั้นยังอยู่ห่างออกนับสิบ ร้อย หรือพันปี!