“รู้ได้ยังไงว่าผมจะมาที่นี่น่ะครับ? ทั้งๆ ที่มีที่อื่นที่ผมน่าจะไปขอความช่วยเหลือมากกว่าตั้งเยอะแยะ?”
เวก้าที่ถูกโมโกะเล็งปืนมาทางเขานั้นกลับเอ่ยปากถามเธอออกมาโดยไม่มีท่าทีตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่าเขาได้เจอกับเหตุการณ์แบบนี้เป็นประจำอยู่แล้ว จนทำให้โมโกะเลิกคิ้วออกมาอย่างสงสัยในท่าทีใจเย็นของอีกฝ่ายก่อนที่จะเอ่ยปากตอบกลับไป
“ก็เป็นแค่การคาดเดาเท่านั้นแหล่ะค่ะ เพราะว่าของที่คุณเอาไปใช้ทดลองนั่นเหมือนจะมาจากบ้านของเอริกะ ถ้าเกิดมีอะไรผิดพลาดขึ้นมาคนที่น่าจะรู้เกี่ยวกับของนั่นดีที่สุดก็คงจะไม่พ้นตัวเธอเองหรอกค่ะ…”
“–!!”
ปั้ง!!
“ถ–ถ้าเป็นไปได้ช่วยยืนอยู่เฉยๆ ก่อนจะดีมากเลยค่ะ!”
ทันใดนั้นเองกระสุนนัดหนึ่งก็ถูกลั่นออกไปกระทบกับพื้นที่ปลายเท้าของเวก้า เมื่อโมโกะเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังแอบขยับตัวถอยหลังไปในจังหวะที่เธอกำลังพูดอยู่ มันทำให้เขารู้ว่าปืนหน้าตาแปลกๆ ในมือของเธอนั้นไม่ใช่ของปลอมอย่างแน่นอน แต่มันก็ทำให้เขาสังเกตเห็นได้เช่นกันว่าน้ำเสียงของอีกฝ่ายนั้นค่อนข้างที่จะสั่นคลอนผิดปกติ
“เสียงฟังดูสั่นๆ นะครับ ตากฝนมากเกินไปจนเป็นหวัดแล้วหรือเปล่าครับ?”
“ม—ไม่ต้องพูดมากค่ะ! ยกมือขึ้นเหนือหัวแล้วก็อย่าคิดจะขยับแม้แต่ปลายนิ้วเชียวล่ะค่ะ!”
โมโกะพยายามที่จะใช้น้ำเสียงที่ดังขึ้นและการข่มขู่เพื่อหวังที่จะปิดบังความลังเลของเธอเอาไว้ แต่ว่านั่นมันก็ทำให้เวก้าสามารถดูออกได้ทันทีว่าอีกฝ่ายนั้นไม่ใช่อัศวินหรือว่านักฆ่าที่ทางวังหลวงส่งมาปิดปากเขา
และเมื่อดูจากอาวุธปืนหน้าตาแปลกๆ ในมือของเธอที่แม้แต่ขุนนางอย่างเขาก็ยังไม่เคยเห็น ทำให้เขาคิดว่าเธอน่าจะเป็นทหารรับจ้างจากต่างเมืองซะมากกว่า แถมดูจากท่าทีลังเลของเธอแล้วดีไม่ดีอาจจะเป็นแค่มือสมัครเล่นซะด้วยซ้ำ
และดูจากการที่เธอไม่ได้ยิงเจาะขาของเขาแต่เป็นการยิงลงพื้นเพื่อข่มขู่ก็ทำให้เขารู้ได้ว่าอีกฝ่ายนั้นไม่ได้หวังที่จะสังหารเขา แต่ว่าน่าจะเป็นการถ่วงเวลารอกำลังเสริมหรือไม่ก็หวังว่าจะจับตัวเขาไปเพื่อรีดข้อมูลซะมากกว่าทำให้เธอไม่กล้าที่จะยิงปืนใส่เขาตรงๆ
เวก้าที่คิดได้แบบนั้นจึงยอมทำเป็นยกมือขึ้นเหนือหัวตามที่อีกฝ่ายสั่งอย่างว่าง่าย เมื่อโมโกะเห็นว่าเวก้าไม่มีท่าทางเหมือนว่าจะขัดขืนหรือว่าวิ่งหนีไปอีก เธอก็ปล่อยมือข้างหนึ่งออกจากปืนกลเบาในมือและยกมันขึ้นมาแตะเครื่องมือสื่อสารเพื่อที่จะติดต่อไปหาคนอื่นๆ ที่แยกย้ายกันไป
ปิ๊บ
“ฮัลโหล นี่ฉันเจอ—!!?”
แต่ในทันทีที่เวก้าเห็นว่าอีกฝ่ายลดความระมัดระวังลง แถมยังยกมือออกจากปืนไปข้างหนึ่งด้วย เขาก็ฉวยโอกาสนี้พุ่งตัวเข้ามาบุกประชิดเธอในทันที
“ด–เดี๋ยว—!?”
ปังปังปัง!
โมโกะที่เห็นแบบนั้นก็ตกใจจนเผลอลั่นกระสุนเข้าใส่เวก้าไป แต่ว่าเธอก็ตั้งสติได้แทบจะในทันทีแล้วหยุดยิงลง โดยมีเพียงแค่สองนัดเท่านั้นที่พุ่งตรงเข้าใส่เวก้าในขณะที่นัดสุดท้ายนั้นถูกดีดขึ้นสูงเพราะแรงถีบปืนบวกกับอาการตกใจของเธอ จนทำให้กระสุนนัดสุดท้ายนั้นลอยขึ้นฟ้าหายไป
ทางด้านเวก้าที่กำลังพุ่งตัวเข้ามาก็ยื่นมือของเขาออกมาเบื้องหน้า เผยให้เห็นก้อนคริสตัลสีเขียวขนาดเท่าฝ่ามือก่อนที่เขาจะส่งพลังวิซใส่มันจนเรืองแสงออกมา ก่อให้เกิดสายลมที่พัดอย่างรุนแรงอยู่เบื้องหน้าของเขาทำให้วิถีกระสุนของโมโกะทั้งสองนัดที่กำลังพุ่งเข้ามานั้นถูกเบี่ยงออกไปจากเดิม
ฟุ๊บ–ฟุ๊บ–
ถึงแม้ว่าจะได้สายลมช่วยเบี่ยงวิถีกระสุนออกไปแล้ว แต่กระสุนเหล่านั้นมันก็ยังคงพุ่งเข้ามาเฉี่ยวแขนของเขาไปจนเกิดเป็นรอยไหม้เล็กน้อยอยู่ดี
แต่เวก้าก็ไม่สนใจอาการบาดเจ็บเล็กน้อยเหล่านั้นเขายังคงพุ่งตัวเข้าใส่โมโกะโดยไม่ลดความเร็วลง ก่อนที่จะตวัดมือข้างที่ถือคริสตัลก้อนนั้นเอาไว้เข้าใส่เธออย่างรวดเร็ว
“!!”
ซู่ม!!
โมโกะที่ตื่นตระหนกเห็นว่าเวก้ายังคงพุ่งเข้ามาโจมตีใส่เธอนั้นก็พยายามที่จะเบี่ยงตัวหลบไปทางด้านข้าง แต่ว่าเวก้านั้นกลับไม่ได้คิดที่จะโจมตีใส่ตัวเธอตั้งแต่แรกแล้ว
มือของเขาได้เปลี่ยนทิศทางอย่างรวดเร็วพุ่งตรงไปที่ปืนในมือของโมโกะ ก่อนที่เขาจะส่งพลังวิซเข้าใส่ก้อนคริสตัลในมือ ส่งผลให้มีสายลมระเบิดออกมาจากตัวคริสตัลและกระแทกเข้าใส่ปืนในมือของเธออย่างรุนแรงจนมันกระเด็นหลุดออกไปไกล
เวก้าที่เห็นว่าตนสามารถปลดอาวุธของคู่ต่อสู้ได้สำเร็จก็หันกลับมาเพื่อที่จะคว้าตัวโมโกะเอาไว้ แต่ว่าเธอก็สามารถกระโดดถอยหลังหลบมือของเขาไปได้อย่างฉิวเฉียด
“ตอบสนองได้ไวเหมือนกันนะครับ เมื่อสักครู่นี้ผมกะจะแค่จับตัวคุณไปคุยด้วย เผื่อว่าจะตกลงกันได้แค่นั้นเองแท้ๆ แต่ว่าตอนนี้คงจะไม่มีเวลาทำอะไรแบบนั้นแล้วล่ะครับ… เพราะงั้นถึงผมจะไม่ค่อยชอบใจนัก แต่ว่าคงจะต้องขอจัดการคุณก่อนที่จะมีปัญหาไปมากกว่านี้แล้วล่ะครับ”
เวก้าที่เห็นโมโกะกระโดดถอยหนีไปไกลแบบนั้น เขาก็ได้พูดออกมาก่อนที่จะล้วงมือเข้าไปภายใต้เสื้อคลุมเพื่อหยิบเอามีดสั้นขนาดเล็กออกมาถือเอาไว้ และค่อยๆ ก้าวขาเดินมาทางโมโกะอย่างระมัดระวัง
“ชิ…”
ซึ่งโมโกะที่เห็นแบบนั้นก็รีบหยิบมีดสั้นสำหรับเดินป่าที่เธอพกติดตัวเอาไว้ออกมาถือ พร้อมกับพยายามเดินถอยห่างออกมาจากเวก้าที่กำลังเดินใกล้เข้ามา
ปิ๊บ
“คุณโมโกะเป็นอะไรหรือเปล่าครับ!?”
“เกิดอะไรขึ้นน่ะโมโกะ!? เมื่อกี้นี้มันเสียงปืนหรือเปล่า!?”
“โมโกะจังอยู่ที่ไหนอ่ะ เดี๋ยวหนูรีบไปหา!”
ดูเหมือนว่าในตอนที่โมโกะกดไปที่เครื่องสื่อสารในหูของเธอก่อนที่จะถูกเวก้าพุ่งเข้ามาโจมตีเมื่อสักครู่นี้จะทำให้เพื่อนๆ ของเธอได้ยินเสียงปืนที่เธอเผลอลั่นไกออกไปด้วย ทำให้คนอื่นๆ รีบติดต่อกลับมาด้วยความเป็นห่วงในทันที
“เจอตัวเวก้าแล้ว! อยู่ที่หน้—”
เวก้าที่เห็นโมโกะพูดออกมาเหมือนกำลังติดต่อกับใครสักคนอยู่นั้น เขาก็รีบยกคริสตัลในมือขึ้นมาและอัดพลังวิซของตนใส่ลงไป ก่อให้เกิดสายลมกระโชกออกมาจากตัวคริสตัลพุ่งเข้าใส่โมโกะอย่างแรงจนทำให้เธอต้องยกมือขึ้นมาบังหน้าของเธอเอาไว้ ก่อนที่เวก้าจะรีบพุ่งตามสายลมนั้นไปและฟาดมีดเข้าใส่เธออย่างรวดเร็ว
เคล๊ง!
โชคดีที่โมโกะนั้นสามารถยกมีดของเธอขึ้นมาป้องกันตัวเองเอาไว้ได้ทัน แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ต้องใช้ทั้งสองมือของเธอช่วยกันออกแรงเพื่อยันมีดของอีกฝ่ายเอาไว้
ปึ๊ก!!
“อุ–!?”
เวก้าที่เห็นแบบนั้นก็ฉวยโอกาสนี้ถีบเข้าใส่โมโกะเข้าอย่างจัง แถมยังใช้วิซของตนสร้างกระแสลมขึ้นมาเสริมแรงของลูกถีบนั้นด้วย จนทำให้ร่างของโมโกะถูกกระแทกปลิวออกไปไกล
ถึงแม้ว่าเธอจะพลิกตัวกลับมาลงพื้นได้โดยไม่ล้มกลิ้งลงไป แต่ว่าแรงกระแทกของมันก็ทำให้เธอสำลักออกมาด้วยสีหน้าเจ็บปวด ก่อนที่เธอจะใช้จังหวะนี้รีบบอกสถานที่ให้คนอื่นๆ ได้รู้
“แค่ก! แค่ก!! ท–ที่บ้าน ว—เวก้าเขาอยู่ที่หน้าบ้านเอริกะ!”
“เข้าใจแล้ว!! เธออย่าเพิ่งทำอะไรวู่วามไปนะ!!”
เวก้าที่ได้ยินโมโกะเอ่ยปากบอกสถานที่ที่พวกเขากำลังต่อสู้กันอยู่ออกมาไปแล้วนั้น ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเธอใช้วิธีไหนในการติดต่อกับเพื่อนของเธอ แต่ว่าเขาก็ได้ตัดสินใจที่จะรีบจัดการเธอให้เสร็จสิ้นก่อนที่กำลังเสริมของเธอจะมาถึง จึงได้รีบพุ่งตัวเข้าประชิดตัวโมโกะและฟันมีดในมือเข้าใส่เธออีกครั้งในทันที
เคล๊ง!
โมโกะที่เห็นเวก้าพุ่งเข้ามาก็รีบยกมีดในมือของเธอขึ้นมาปะทะกับมีดของเวก้าไปสองสามครั้ง ก่อนที่เธอจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงหยิบเอาแท่งสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดหนาพอประมาณที่เธอเหน็บเอาไว้ข้างกระโปรงของเธอออกมาและนำมันมาฟาดเข้าใส่ที่หัวของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
ปึ๊ก!!
แต่ว่าเวก้าก็สามารถยกแขนของเขาขึ้นมาป้องกันสิ่งนั้นเอาไว้ได้ทัน ก่อนที่เขาจะรีบผละตัวออกมาตั้งหลักเมื่อเขาพบว่าโมโกะนั้นยังมีอาวุธอื่นที่เขาไม่รู้อยู่อีก
เมื่อเห็นเวก้ากระโดดถอยออกไปแบบนั้น โมโกะก็มองดูแท่งสี่เหลี่ยมในมืออยู่สักพักก่อนที่เธอจะโยนของในมือไปให้เวก้าด้วยท่าทางสบายๆ และพูดออกมา
“ฉันว่าที่คุณมาที่นี่คงจะเพราะว่าต้องการของสิ่งนี้คืนใช่มั้ยล่ะ? เอาไปเลยสิฉันยกให้”
เวก้าที่ได้ยินแบบนั้นเขาก็รีบยื่นมือออกมารับแท่งสี่เหลี่ยมอันนั้นเอาไว้ ก่อนที่จะมองสำรวจดูว่ามันเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เขาต้องการจริงๆ หรือเปล่า
ซึ่งทันใดนั้นเองพลังวิซที่โมโกะอัดใส่ซองกระสุนเอาไว้เกินขนาดก่อนที่จะโยนออกมาก็ได้เริ่มที่จะคงสภาพเอาไว้ไม่อยู่จนทำให้มันเริ่มที่จะปริแตกออกมา
เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ
“!!?”
แน่นอนว่าเมื่อเวก้าได้ยินเสียงของคริสตัลที่กำลังปริแตกพวกนั้น เขาก็เบิกตากว้างก่อนจะรีบโยนมันขึ้นฟ้าเพื่อที่จะใช้พลังวิซธาตุลมของเขาเป่ามันกระเด็นไปให้ไกลในทันที
แต่ว่ามันก็สายไปแล้ว เพราะว่าซองกระสุนนั้นเพิ่งจะพ้นจากมือของเขาไปได้เพียงแค่นิดเดียว พลังวิซที่ถูกอัดไว้เกินขนาดในนั้นก็ได้ปะทุออกมาจนเกิดระเบิดเป็นลูกไฟขนาดเล็กๆ อัดกระแทกใส่เขาไปเต็มๆ
เพล้ง—ตู้ม!!
“ได้ผลมั้ย!?”
โมโกะที่ก้มลงหลบแรงระเบิดนั้นได้พูดขึ้นมา แต่ว่าเมื่อฝุ่นควันจากแรงระเบิดได้สลายไป เธอก็พบว่าเวก้านั้นยังคงยืนอยู่ โดยมีเพียงแผลขนาดใหญ่บนแขนข้างที่เขาใช้ถือซองกระสุนก่อนจะโยนมันทิ้งไปเท่านั้น
“ผม…ผมจะหยุดตรงนี้ไม่ได้…ยังไม่ใช่ตอนนี้!!”
โชคดีของเวก้าที่ภายในซองกระสุนนั้นไม่ใช่คริสตัลที่ถูกปรับแต่งไว้ให้เกิดการระเบิดโดยตรง ทำให้กำแพงลมที่เขาสร้างขึ้นมาในวินาทีสุดท้ายนั้นสามารถป้องกันแรงและสะเก็ดระเบิดส่วนมากเอาไว้ได้ทำให้เขาไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก
แต่ว่าก็ต้องแลกมาด้วยการที่คริสตัลวิซที่เขาใช้งานนั้นแตกสลายกลายเป็นเสี่ยงๆ เมื่อมันถูกใช้งานจนเกินขีดจำกัด
เมื่อเวก้าหายมึนงงหลังจากเจอระเบิดในระยะประชิดนั้น เขาก็หันกลับมาทางโมโกะที่กำลังก้มตัวหลบแรงระเบิดอยู่พร้อมกับพุ่งตัวเข้ามาหาเธออีกครั้งในทันที
“สภาพแบบนั้นยังจะต่ออีกหร— อุ—”
แต่เมื่อโมโกะกำลังจะลุกขึ้นมาตั้งท่าเตรียมป้องกันนั้นเอง จู่ๆ เธอก็รู้สึกเวียนหัวอย่างรุนแรงจนเหมือนกับว่าโลกทั้งใบได้หมุนไปมา ก่อนที่เธอจะเสียการทรงตัวและเซล้มลงไปกองกับพื้น
ผลัก!
“ว๊าย!?”
เวก้าที่เห็นแบบนั้นเขาก็รีบฉวยโอกาศนี้ผลักตัวโมโกะจนล้มไปกับพื้นก่อนจะใช้แขนข้างที่บาดเจ็บอยู่ของเขาล็อคมือทั้งสองข้างของเธอเอาไว้เหนือหัว กันไม่ให้เธอได้หยิบอาวุธอะไรออกมาอีก
ก่อนที่เขาจะใช้มือข้างที่ไม่บาดเจ็บของเขาแย่งมีดในมือของโมโกะมาใช้แทนมีดของเขาที่ถูกแรงระเบิดทำให้หักงอจนใช้การไม่ได้แล้ว
“เล่นปาระเบิดใส่กันแบบนี้ ต่อให้เป็นผมก็โกรธเหมือนกันนะครับ…”
เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉยที่ฟังไม่ออกว่ารู้สึกยังไงกันแน่ ก่อนจะง้างมีดในมือขึ้นเตรียมจะปักมันเข้าใส่ร่างของเจ้าของมีดนั้นเอง
ปึ้ง—โคร๊ม!!
“!?”
“หนวกหูน่ายัยแมวขโมย นี่คิดว่า—–!?”
ก่อนที่มีดจะพุ่งลงมาถึงตัวโมโกะนั้นเอง ประตูหน้าบ้านของเอริกะก็ถูกกระแทกเปิดออกเสียงดัง จนทำให้เวก้าชะงักไปซะก่อน
ผู้ที่เปิดประตูออกมานั้นก็คืออลิซที่เพิ่งจะนอนหลับไปจากฤทธิ์ยาที่อารอนให้มา แต่กลับต้องมาได้ยินเสียงดังราวกับว่ามีใครมาจุดประทัดเล่นที่หน้าบ้านหลายต่อหลายครั้งจนตื่นขึ้นมา
ทำให้เธอที่มองออกจากหน้าต่างเห็นฉากโมโกะกำลังก้มตัวหลบระเบิดอยู่โดยไม่ทันเห็นเวก้าที่ตกอยู่ท่ามกลางควันระเบิดนั้น ก็คิดว่าเพื่อนแมวสาวของเธอกำลังเล่นอะไรแปลกๆ อยู่จึงหงุดหงิดจนรีบออกมาต่อว่าโมโกะในทันที
แต่ว่าเมื่อเธอเปิดประตูออกมาแล้วพบกับโมโกะที่กำลังจะโดนเวก้าเอามีดจ้วงพุงอยู่นั้นเธอก็ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนที่จะรีบเรียกดาบประจำตัวของเธอออกมา พร้อมกับดีดตัวทีเดียวพุ่งข้ามรั้วชั้นนอกออกมาที่ถนนหน้าบ้าน ก่อนที่จะออกแรงดีดตัวอีกครั้งเพื่อเปลี่ยนทิศทางพุ่งเข้าใส่เวก้าอย่างรวดเร็ว
“พี.คิว.!!”
เธอตะโกนออกมาในจังหวะที่กำลังฟาดดาบของเธอเข้าใส่กลางลำตัวของเวก้า ทำให้มันเรืองแสงสีเขียวและสร้างกำแพงลมออกมากระแทกเข้าใส่และผลักร่างของเวก้าเข้าเต็มๆ
ปึ๊ก—ฟ๊าวววว!!
“อั้ก—!?”
ซึ่งแรงกระแทกนั้นก็ทำให้ร่างของเขาปลิวกระเด็นขึ้นฟ้าห่างออกไปไกลหลายสิบเมตร ก่อนจะตกลงกระแทกพื้นและกลิ้งไปชนกับรั้วบ้านที่อยู่ไกลออกไป จากนั้นเธอจึงรีบนั่งคุกเข่าพยุงร่างของโมโกะขึ้นมาในทันที
“เป็นอะไรหรือเปล่ายัยแมวขโมย!?”
“อ…อลิซหรอ?”
“อ่า… ได้ยินเสียงดังด้านนอกตั้งหลายทีก็เลยออกมาดูน่ะ…”
เวก้าที่ปลิวกระเด็นออกไปไกลหลายสิบเมตรนั้นก็รีบกระเสือกกระสนลุกกลับขึ้นมายืนได้ แต่เมื่อเขาเห็นว่าอลิซนั้นไม่ได้พุ่งตัวตามมาเล่นงานเขาต่อ เขาก็จับตาดูพวกเธออย่างระมัดระวังสักพัก ก่อนที่เขาจะหันหลังกลับและวิ่งหนีออกไปในทันที
“ด–เดี๋ยวก่อนสิ!! อลิซเธอรีบตามเขาไปเร็วเข้า!!”
“….”
แต่อลิซกลับยืนมองตามหลังเขาไปอย่างเงียบๆ จนกระทั่งเวก้าหายลับไปจากสายตา เธอจึงเดินไปเก็บปืนของโมโกะที่กระเด็นออกไปกลับมา ก่อนที่จะพยุงตัวโมโกะขึ้นมายืนและพาเธอเดินกลับไปทางตัวบ้าน
“คิดอะไรของเธออยู่น่ะอลิซ! เวก้าเขาหนีไปได้แล้วนะ!!”
“เมื่อวานเพิ่งจะใช้วิซไปหมดตัวแท้ๆ วันนี้ก็ยังจะฝืนใช้วิซจนลุกไม่ขึ้นแบบนี้ยังจะมีหน้ามาสั่งคนอื่นอีกหรอเธอน่ะ!!”
“อ—เอ๋ะ–”
ซึ่งเมื่อโมโกะได้ยินที่อลิซพูดออกมา เธอก็ส่งเสียงออกมาด้วยความสับสนว่าเธอใช้วิซไปเยอะขนาดนั้นโดยไม่รู้ตัวตั้งแต่ตอนไหน ในขณะที่อลิซก็หยิบกุญแจพวงหนึ่งออกมาไขประตูรั้วบ้านเพื่อที่จะได้พาโมโกะเข้าไปนอนพักข้างใน
“เฮ้อ ให้ตายสิ นี่คิดว่ากระสุนปืนแบบนั้นมันใช้วิซน้อยนักหรือไงหะ? แล้วปกติกระสุนพวกนั้นมันก็ไม่ได้ระเบิดกันง่ายๆ แบบนั้นด้วยนะ! คิดว่ามีพลังเยอะนักหรือไงถึงได้ระเบิดกระสุนพวกนั้นไปพร้อมกันทั้งซองน่ะ! เธอเพิ่งจะหายดีเมื่อเช้านี้เองนะ หัดระวังตัวซะบ้างสิ….”
“เอ๋— แล้วนี่ถ้าเธอ—”
แต่เมื่อโมโกะกะจะเอ่ยปากถามว่าถ้าอลิซรู้ถึงขนาดนั้นทำไมถึงไม่เตือนเธอเอาไว้ก่อน เธอก็กลับหยุดพูดไปกลางคัน เพราะว่าถ้าคิดๆ ดูแล้วคงไม่มีคนปกติดีที่ไหนคิดอยากจะระเบิดกระสุนของตัวเองเล่นพร้อมกันทั้งซองในทีเดียวหรอกมั้ง
“ล…แล้วแบบนี้จะเอายังไงกับเวก้าดีหล่ะ…?”
“เธอน่ะเป็นห่วงตัวเองก่อนเถอะ… เพราะดูจากสภาพแล้วเวก้าเขาก็ไม่น่ามีแรงเหลือเยอะขนาดนั้น แถมที่สำคัญอย่างน้อยเราก็รู้แล้วว่าเขายังมีชีวิตอยู่ใช่หรือเปล่าล่ะ…?”
“นี่เธอ…รู้เรื่องนี้ด้วยหรอ…?”
“ฉันได้ยินเอริกะพูดกับพวกนากาเมื่อเช้านี้ตอนอยู่ที่คลินิกของอารอนน่ะ ตอนนั้นเธอก็อยู่ด้วยไม่ใช่หรือไง?”
อลิซพูดอธิบายออกมาก่อนที่เธอจะพยุงโมโกะไปนอนลงบนโซฟาของห้องนั่งเล่น และวางปืนของเธอไว้ที่ข้างๆ โซฟานั้นก่อนที่จะเดินไปรอบๆ เพื่อค้นหาอะไรบางอย่าง
“เธอนอนพักไปก่อนละกัน ฉันคิดว่าเอริกะน่าจะมียาหรืออะไรพวกนั้นติดบ้านเอาไว้ละมั้ง ขอฉันหาดูก่อนสักแปบนึง”
“ว่าแต่เมื่อกี้นี้เธอทำได้ยังไงน่ะ? กระโดดทีเดียวจากหน้าประตูพุ่งข้ามรั้วออกมาแบบนั้น แถมยังฟันทีเดียวไอ้เจ้าเวก้านั่นกระเด็นไปไกลขนาดนั้นน่ะ….. พลังวิซธาตุลมหรอ?”
โมโกะที่นอนหมดแรงอยู่นั้นได้เอ่ยปากชวนอลิซคุยขึ้นมาโดยถามถึงสิ่งที่เธอสงสัยตั้งแต่ช่วงที่พวกเธอต้องรีบหนีออกจากหมู่บ้าน พลางหันไปมองอลิซที่กำลังเทน้ำสีส้มใส่แก้วใสใบหนึ่งอยู่
“ฟังกันอยู่หรือเปล่าเนี่ย อลิซ? อธิบายหน่อยสิว่าเธอทำได้ยังไง… ฉันอยากรู้วิธีทำอะไรแบบนั้นบ้างน่ะ”
“อืม ก็อะไรประมาณนั้นล่ะมั้ง… แต่ตอนนี้กินน้ำเกลือแร่นี่ไปซะ เดี๋ยวฉันค่อยไปทำอะไรเบาๆ ให้กินอีกทีนึง ส่วนเรื่องพลังของฉันเอาไว้รอให้อาการของเธอดีขึ้นก่อนแล้วค่อยมาถามฉันอีกทีละกัน เวียนหัวอยู่อย่างนี้ฟังไปก็ไม่เข้าใจหรอกมั้ง”
อลิซพูดตอบโมโกะกลับมาอย่างส่งๆ พร้อมยื่นแก้วใส่น้ำสีส้มนั้นไปให้โมโกะ ก่อนที่เธอจะลุกขึ้นและเดินหายเข้าห้องครัวไป
“แหม~ เป็นห่วงเป็นใยกันแบบนี้น่ารักจังเลยค่ะ คุณแม่อลิซเนี่ย~”
“ไม่อยากกินข้าวหรอไง…?”
“ขอโทษค่ะ…จะไม่ล้อแล้วค่ะ…”
ปิ๊บ ปิ๊บ ปิ๊บ
แต่ในขณะที่โมโกะกำลังหยอกล้อกับอลิซพลางเอามือลูบท้องของตนที่โดนเวก้าเตะเข้าอย่างจังในการต่อสู้เมื่อครู่นี้อยู่นั้นเอง เครื่องสื่อสารในหูของเธอก็ดังขึ้นมาและตามด้วยเสียงของพรีมูล่ากับนากาที่พูดขึ้นมาอย่างร้อนรน
“โมโกะจังหายไปไหนแล้วอ่ะ!”
“โมโกะ! เธออยู่ที่ไหนน่ะ!?”
“อ่า ฉันอยู่ข้างในบ้านแล้วน่ะ ได้อลิซช่วยเอาไว้ได้ทันพอดีเลย ไม่งั้นคงจะไม่ใช่แค่หมดแรงนิดหน่อยแบบนี้หรอก”
โมโกะที่ได้ยินแบบนั้นก็รีบแตะไปที่เครื่องสื่อสารและตอบเพื่อนๆ ของเธอกลับไปในทันทีก่อนจะได้ยินเสียงของเหล็กกระทบกันดังออกมาจากเครื่องสื่อสารในหูของเธอ
“แต่ประตูมันล็อกอยู่ไม่ใช่หรอ? แล้วอลิซพาเธอเข้าไปยังไงล่ะนั่น?”
“ท่าทางว่าเอริกะเขาจะทิ้งกุญแจไว้ให้อลิซน่ะ เดี๋ยวฉันให้เธอออกไปเปิดให้ละกันนะ…. นี่คุณแม่อลิซ~~ พวกนากาเขาเข้ามาในบ้านไม่ได้น่ะ ฝากคุณแม่ออกไปเปิดประตูให้หน่อยสิ~~”
“นี่!! ถ้าเธอยังไม่หยุดเรื่องนี้ล่ะก็นะ ฉันจะไม่ทำ—–
แอ๊ด—-!!
แต่ว่ายังไม่ทันที่อลิซซึ่งอยู่ในห้องครัวจะได้โวยวายจนจบก็ได้มีเสียงกระดิ่งของบ้านดังลั่นขึ้นมาครั้งหนึ่ง และตามมาด้วยเสียงของนากาที่ดังออกมาจากเครื่องสื่อสารให้โมโกะได้ยิน
“นี่พรีมูล่าอย่าไปกดเล่นแบบนั้นสิ!”
เมื่อโมโกะได้ยินแบบนั้นเธอก็หันไปมองอลิซที่เพิ่งเดินกลับออกมาจากห้องครัวด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย ก่อนที่อลิซนั้นจะขมวดคิ้วแล้วถามเธอออกมาด้วยน้ำเสียงหน่ายๆ
“พรีมูล่าสินะ…?”
“จะเป็นใครไปได้อีกล่ะ…”
“เอาเถอะ…ขอแค่ยัยนั่นไม่กดเล่นอีกก็——–”
แอ๊ด–แอ๊ด–แอ๊ด–แอ๊ด–!!
ทันใดนั้นเองเสียงกระดิ่งของบ้านก็ดังขึ้นมารัวๆ ขัดคำพูดของอลิซจนทำให้เธอนิ่งไป ในขณะที่โมโกะนั้นก็กำลังพยายามกลั้นขำมองดูอลิซที่ทำหน้าบูดขึ้นเรื่อยๆ ตามจำนวนเสียงกระดิ่งที่ดังขึ้นมา
ก่อนที่อลิซจะเดินหน้านิ่วคิ้วขมวดไปทางประตูบ้านพร้อมกับเค้นเสียงพูดคาดโทษตัวการเจ้าของเสียงกระดิ่งนั้นออกมา
“ยัยสมองกลวงนี่… ถ้ายังไม่หยุดกดเล่นอีกฉันจ—”
แอ๊ดดดดดด—
ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง ทางด้านอารอนที่กำลังนั่งจิบกาแฟอยู่ข้างๆ พยาบาลสาวผมบลอนด์ของเขาภายในคลินิกที่ตั้งอยู่ในเขตตัวเมืองชั้นนอก จู่ๆ ก็ได้มีเสียงของกระดิ่งที่พวกเขาติดไว้ให้ผู้มาติดต่อกดเรียกพวกเขาตรงประตูหน้าคลินิกดังขึ้นมาท่ามกลางเสียงฝนที่ยังคงตกลงมาตั้งแต่เมื่อคืน
กริ๊งงงง—!
“อ่ะ— เดี๋ยวฉันออกไปดูให้นะคะอารอน”
“เดี๋ยวก่อน”
แต่ก่อนที่นางพยาบาลสาวจะได้ลุกยืนขึ้นนั้น อารอนก็ได้เอ่ยปากรั้งเธอเอาไว้ซะก่อน
“เธอรออยู่ที่นี่แหละ เดี๋ยวฉันออกไปดูให้เอง จะได้ออกไปดูบรรยากาศข้างนอกด้วยเลย”
“ถ้าอารอนว่าแบบนั้นก็ได้แหล่ะค่ะ งั้นถ้ามีอะไรก็เรียกก็ฉันได้ตลอดเวลาเลยละกันเนอะ”
เธอยิ้มและพยักหน้าตอบอารอนก่อนที่จะหยิบถ้วยกาแฟของเธอขึ้นมาจิบ ในขณะที่อารอนก็วางถ้วยกาแฟในมือของเขาลง และลุกขึ้นเดินตรงไปที่ประตูทางเข้าคลินิกในทันที
“ครับ?”
“…..”
เมื่ออารอนเปิดประตูออกไป เขาก็พบกับเด็กผู้หญิงผมสีเทาคนหนึ่งซึ่งเปียกปอนไปทั้งตัว โดยที่เด็กสาวคนนั้นพยายามที่จะใช้ร่างของเธอช่วยบังสายฝนที่ยังคงตกลงมาอยู่นั้นให้กับเด็กทารกร่างเล็กๆ ในห่อผ้าที่เธอกำลังกอดอยู่นั้นอย่างสุดความสามารถ
และเมื่อเธอเห็นอารอนเปิดประตูออกมาเธอก็เงยหน้าขึ้นมามองเขาด้วยสายตาอันเหนื่อยล้าและอ่อนเพลียเหมือนกับว่ากำลังขอความช่วยเหลือจากเขาอยู่
“เฮ้อ…”
อารอนยืนนิ่งมองดูร่างตรงหน้าของเขาอยู่สักพักก่อนที่เขาจะถอนหายใจออกมาเบาๆ เพราะดูเหมือนว่าเขาจะเจอกับเรื่องยุ่งยากเข้าให้ซะแล้ว
“ถ้ายังไงก็เข้ามาหลบฝนด้านในก่อนสิ…”
“ค…ค่ะ…!”