ซูฟ่านตกใจกับคังหมินฟู

เพชรชนิดใดที่มีค่ามากขนาดนี้

(ดูเหมือนว่าตอนที่แล้ว baby ของภาษาอังกฤษจะเป็นการแปลผิดครับ จริง ๆ มันคือเพชรไม่ใช่ลูก)

อันตรายขนาดไหนถึงสามารถจ่ายเงินในราคาที่สูงเช่นนี้เพื่อขอความช่วยเหลือจากซูฟ่าน?

ซูฟ่านกลืนน้ำลาย

อย่างไรก็ตามไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะรับงานนี้ เขาเพิ่งได้รับทักษะที่สามารถฟื้นฟูตัวเองได้อย่างไม่สิ้นสุด

แม้ว่าเขาจะเสียชีวิตแต่ซูฟ่านก็สามารถย้อนเวลากลับไปได้ถึงสามสิบวินาทีก่อนที่เขาจะเสียชีวิต

แต่เขาต้องหาว่านี่คืออะไรและถ้ามันผิดกฎหมายซูฟ่านก็ทำไม่ได้

“ประธานคังผมสามารถทำได้แต่ผมอยากรู้เกี่ยวกับเพชรเม็ดนี้…”

ซูฟ่านพูดขึ้น

เมื่อได้ยินว่าเขาตกลง คังหมินฟูก็ยิ้มทันที

“ไม่ต้องกังวล เพชรนี้ได้มาจากทางการ”

คังหมินฟูเริ่มอธิบาย

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาคังหมินฟูได้ใช้กำไรส่วนใหญ่ของบริษัทเพื่อบริจาคให้กับองค์กรการกุศล

แต่ก็มีอีกหลายคนที่ต้องการความช่วยเหลือแต่คังหมินฟูมีเพียงคนเดียว

ไม่ว่าคังหมินฟูจะใช้เงินเท่าไหร่ก็ไม่มีทางช่วยชีวิตคนที่ขอความช่วยเหลือได้ทั้งหมด

ในครั้งนี้บริษัทของคังหมินฟูได้พบกับวิกฤตบางอย่าง

แต่เขาไม่มีเงินทุนที่จะหมุนเวียน

เขาจึงนึกถึงเพชรสีแดง “น้ำตาแห่งการลงทัณฑ์” ในบ้านของเขา

ตำนานเล่าว่าการเป็นเจ้าของเพชรนี้สามารถเปิดประตูสู่จุดจบของโลกได้

แน่นอนว่านี่เป็นเพียงตำนานที่ไม่มีมูล

เพชรในตำนานเม็ดนี้ถูกขุดขึ้นโดยคนงานก่อสร้างชาวต่างชาติเมื่อนานมาแล้ว

คนงานเติบโตในประเทศและไม่รู้ว่าเพชรสีแดงคืออะไร เขาแค่คิดว่ามันใหญ่และสวยงาม

เขานำกลับบ้านเป็นของตกแต่ง

แต่สามเดือนต่อมาก็เกิดสงครามในประเทศ

ศัตรูบุกเข่นฆ่าคนทั้งหมู่บ้านและพบเพชรหายากนี้ในโลก

พวกเขาเอาเพชรกลับไปและอุทิศให้กับกษัตริย์ของพวกเขา

พระราชาทรงปลาบปลื้มเมื่อได้สมบัติชิ้นนี้และคิดว่าเป็นของมงคลจึงถือเป็นสมบัติของชาติและนำไปแสดงในพระราชวัง

แต่สามปีต่อมาประเทศนี้ก็ถูกกวาดล้าง

เมื่อประเทศถูกทำลายลงเพชรก็เรืองแสงสีแดงเลือดย้อมท้องฟ้าเป็นสีแดง

จู่ ๆ ราชาผู้ตายก็ลุกขึ้นมากอดเพชรแล้วชูขึ้นฟ้า

ในเวลาเพียงสิบนาทีกองทหารที่บุกรุกทั้งหมดหลายหมื่นคนถูกสังหาร

เพชรสีแดงและราชสาก็ได้หายไป

ตั้งแต่นั้นมาก็มีตำนานเกี่ยวกับเพชรนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ

บางคนกล่าวว่าเพชรนี้มีพลังในการเดินทางข้ามกาลเวลาและตัวราชาได้เดินทางไปยังเวลาและมิติอื่น ๆ ด้วยเพชรเม็ดนั้น

บางคนบอกว่าเพชรเม็ดนั้นสามารถปลดล็อคพลังแห่งการลงทัณฑ์ได้…

อย่างไรก็ตามยิ่งข่าวลือแพร่กระจายมากเท่าไหร่เพชรก็ยิ่งได้รับชื่อแห่งความชั่วร้ายมากขึ้นเท่านั้น

จนกระทั่งเมื่อสามร้อยปีก่อนเพชรเม็ดนี้ได้ปรากฏขึ้นอีกครั้งในราชวงศ์ต่างประเทศ

ต่อมาด้วยเหตุผลบางประการจึงมีการประมูลเพชรนี้

หลังจากผ่านไปหลายมือมันก็มาถึงมือของพ่อค้าเครื่องประดับในประเทศจีน

เพชรเม็ดนี้หนัก 40.13 กะรัต

สีและความใสของมันหายากสุด ๆ

สาเหตุของการขาย “น้ำตาแห่งการการลงทัณฑ์” ก็คือพ่อค้าเครื่องประดับในประเทศที่มีชื่อเสียงคนนั้นใกล้จะล้มละลายเขาจึงหันไปหาคังหมินฟูเพื่อจำนองเพชรเม็ดนั้น

ชายคนนั้นหมดหวังโดยไม่คำนึงถึงราคาตลาดด้วยซ้ำ

จำนองไปเพียง 300 ล้านกับเพชรที่ไม่เหมือนใครในโลกนี้

วันนี้สิบห้าปีต่อมาราคาตลาดของเพชรเม็ดนี้สูงถึง 5.5 พันล้าน!

ดังนั้นหากซูฟ่านสามารถส่งมอบเพชรให้กับผู้ซื้อได้อย่างราบรื่น คังหมินฟูยินดีจ่ายค่าคอมมิชชั่นให้เขา 500 ล้าน

เพราะเขาสามารถหาเงินได้ห้าพันล้านซึ่งเพียงพอที่จะบรรเทาความกดดันในตอนนี้

แต่สำหรับความเสี่ยง

อาณาจักรฮัวเซียมีองค์กรพิสดารที่เชี่ยวชาญในการฉกฉวยเครื่องประดับโบราณที่มีค่าเหล่านี้และสิ่งของอื่น ๆ อยู่เสมอ

หลังจากที่คังหมินฟูประกาศขายเพชรแล้วผู้คนก็มาที่ประตูเพื่อพยายามจะขอซื้อ

โชคดีที่คังหมินฟูได้ทำการป้องกันอย่างเข้มงวดมาก

แต่หลังจากที่ขายได้แล้วการส่งเพชรก็กลับมามีปัญหาอีกครั้ง

คังหมินฟูเคยส่งคนไปพยายามล่อลวงองค์กรลึกลับนี้สามครั้ง

ส่งผลให้ทุกคนที่ไปส่งเพชรปลอมได้รับบาดเจ็บสาหัสและเพชรปลอมก็หายไป

คังหมินฟูจ้างคนที่เชื่อถือได้ในประเทศ แต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย

องค์กรถึงกับส่งอีเมลเข้ารหัสไปยังคังหมินฟูเพื่อยั่วโมโหเขาโดยบอกว่าหากคังหมินฟูไม่ส่งสินค้าของแท้ที่จะจัดส่งสิ่งที่ต้องเสียต่อไปไม่ใช่ “เพชรแห่งการลงทัณฑ์” แต่เป็นหัวของเขา

ซูฟ่านตกตะลึง

ซูฟ่านไม่เชื่อข่าวลือเกี่ยวกับเพชร

ถ้ามันเลวร้ายขนาดนี้โลกคงยุ่งเหยิงไปนานแล้ว หากต้องการทำลายล้างประเทศใดก็เอาเพชรเม็ดนี้ไปวางไว้ก็พอ

เป็นที่คาดกันว่าตำนานประเภทนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อปกปิดความจริงบางอย่างในเวลานั้น

แต่เพชรเม็ดนี้ควรมีค่าจริง ๆ เท่าที่ซูฟ่านรู้จำนวนเพชรสีแดงนั้นหายากมาก

เพชรสีแดงที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็มีเพียง 5 กะรัตเท่านั้นแต่เพชรเม็ดนี้มีน้ำหนักถึง 40 กะรัตซึ่งเท่ากับแปดเท่า!

แม้แต่ซูฟ่านก็รู้สึกว่าห้าพันล้านมันถูกไปด้วยซ้ำ

แต่การขายมากขึ้นและถูกลงไม่ใช่สิ่งที่ซูฟ่านต้องพิจารณา เขาต้องหาวิธีส่งเพชรไปให้ผู้ซื้อเท่านั้นและเขาจะได้เงินห้าร้อยล้าน

“ฉันอธิบายทุกอย่างที่ควรอธิบายแล้ว ขอเตือนอีกครั้งภารกิจนี้อันตรายมากฉันจะให้เวลาเธอห้าวันในการพิจารณา”

“อันตรายหรือไม่ผมจะรู้ได้อย่างไรว่ามันอันตราย”

ซูฟ่านขมวดคิ้วและถาม

คังหมินฟูหยิบรูปถ่ายสองสามรูปจากลิ้นชักและส่งให้ซูฟ่าน

“นี่คือปรมาจารย์ในประเทศอันดับต้น ๆ ที่ฉันได้เชิญมาในปีนี้ ดูสิพวกเขาถูกจัดการลงมาโดยไม่มีโอกาสสู้เลย คนหนึ่งแขนขาดและพิการตลอดชีวิต ส่วนอีกคนเสียชีวิตหลังจากได้รับการรักษามาครึ่งเดือน”

ซูฟ่านอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจเมื่อเขาถ่ายภาพ

คนในรูปถ่ายทุกคนมีรอยมีดที่หน้าอก

บริเวณรอบ ๆ รอยมีดมีรอยแผลสีม่วงดูเหมือนว่ามีดจะมีพิษทาอยู่บนใบมีด

เมื่อมองไปที่ภาพถ่ายเหล่านั้นซูฟ่านก็ขนลุก

“ทำไมคุณไม่เรียกตำรวจสำหรับองค์กรแบบนี้”

ซูฟ่านถาม

คังหมินฟูถอนหายใจ

หากตำรวจเข้ามาแทรกแซงจะมีการสอบสวนเพิ่มเติม

คังหมินฟูไม่เคยทำสิ่งที่ผิดกฎหมายแต่ถ้าตำรวจติดตามและหาข้อมูลเกี่ยวกับคนอื่น ๆ ที่ขายเครื่องประดับและสิ่งอื่น ๆ ล่ะ

คังหมินฟูจะต้องรุกรานพวกบอสใหญ่กี่คน?

แม้ว่าโดยปกติแล้วเขาจะเป็นคนที่จะปกป้องความยุติธรรมแต่เขาก็ไม่กล้าแตะต้องหัวหน้าใหญ่ที่แข็งแกร่งเกินไป

แม้ว่าเขาจะไม่กลัวคนที่จะกระทำความผิด แต่ถ้าพวกองค์กรระดับใหญ่นี้รู้ว่าคังหมินฟูเป็นคนโทรหาตำรวจ

องค์กรเหล่านั้นสามารถจัดการปรมาจารย์เหล่านี้ได้อย่างง่ายดายและสันนิษฐานได้เลยว่าเป็นการง่ายที่จะสังหารตระกูลคังในระยะเวลาอันสั้น

ความรู้สึกถึงความยุติธรรมของคังหมินฟูเป็นเพียงปัจเจกบุคคล ไม่ว่าจะแข็งแกร่งเพียงใดผู้คนก็มีความปรารถนาที่จะอยู่รอดมากกว่า

เขาแค่ต้องการสร้างรายได้และเขาแค่ต้องการมีส่วนร่วมกับสังคมด้วยความสามารถของเขา

ไม่ใช่ตาย

“ประธานคัง ผมเข้าใจสิ่งที่คุณพูดแล้วผมจะกลับไปพิจารณาเรื่องนี้และผมจะให้คำตอบคุณในห้าวัน”

ซูฟ่านตอบ

เป็นเวลากว่าหกโมงเย็นแล้วเมื่อเขาออกมาจากบริษัทของคังหมินฟู

ซูฟ่านเต็มไปด้วยความคิดเกี่ยวกับการส่งมอบเพชรสีแดง ทันใดนั้นเขาก็เหลือบไปเห็นของขวัญที่เขาซื้อให้หลินอี้ถง ซูฟ่านถึงกับผงะ

ใช่วันนี้ฉันจะให้ของขวัญหลินอี้ถง!

ซูฟ่านรีบไปที่ร้านอาหารบาบีคิวบ้านทอง

แต่ฉากตรงหน้าเขาทำให้ซูฟ่านแข็งทื่ออยู่กับที่