น้ำท่วมหญ้านี่สูงถึงระดับเข่าเลย
แต่หมายถึงเข่าของฉันนะ
ของคุณโคซากุระเนี่ย ระดับน้ำมันขึ้นมาถึงต้นขาเลย แล้วหน้าของเธอก็ซีดแล้วด้วยตอนนี้
“นี่ มันหนาวนะ”
“รีบเดินฝ่าไปกันเถอะค่ะ จากที่ดูจากข้างบน พื้นแห้งเหมือนจะอยู่อีกไม่ไกลแล้วนะคะ”
ถ้าจะเดินอ้อมหนองน้ำนี่ก็ต้องเดินอีกไกลเลย เราเหลือเวลาไม่เยอะขนาดนั้นก่อนอาทิตย์จะตกดิน ตอนที่มีคุณโคซากุระอยู่กับฉันแบบนี้ ฉันอยากจะเลี่ยงการไปเจอพวกตัวอันตรายพวกนั้นในตอนกลางคืนนะ
“ใบหญ้าลูบตามขาใต้น้ำแบบนี้หยะแหยงชะมัดเลย… อ๊ะ! เดี๋ยวนะ รองเท้าแตะมันหลุด”
เหมือนคุณโคซากุระจะเสียความใจเย็นไปเรื่อยๆ เลยแฮะ น่าจะเพราะอยากระงับความกลัวของตัวเองล่ะมั้ง เธอเลยเริ่มจะพูดเยอะขึ้นกว่าเดิม ขอแค่เธอดูว่ากำลังชี้ปืนไปที่ตรงไหน จะบ่นแค่ไหนก็ได้ตามที่ต้องการเลย ที่จริง เธอขี้กลัวแบบนี้ก็ดูน่ารักดีเหมือนกันนะ
“ไม่ต้องรีบก็ได้นะคะ เกาะเสื้อฉันเอาไว้แล้วค่อยๆ เดิน ถ้าเห็นอะไรในน้ำก็ช่วยบอกหน่อยนะคะ”
“‘อะไร’ ที่ว่านี่มันอะไรล่ะนั่น?”
“อะไรก็ตามที่มันไม่ใช่หญ้าน่ะค่ะ”
ที่ฉันกลัวอยู่ก็คือพวกกลิตช์ที่อยู่ในน้ำนี่แหละ ฉันมองเร็วๆ ก่อนจะเดินลงมาในหนองน้ำนี้แล้วล่ะ ไม่เห็นแสงสีเงินที่สื่อถึงอันตรายเลยด้วยเหมือนกัน แต่ว่า ตาของฉันก็ไม่ได้มองเห็นไปถึงใต้น้ำ เราก็เลยต้องค่อยๆ เดินไปอย่างระวัง
“อ๊าาา! ไม่นะ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่…”
ฉันเดินต่อไปข้างหน้า เมินคุณโคซากุระที่กำลังสวดอะไรซักอย่างอยู่ข้างหลัง
เราเดินต่อกันมาน่าจะเกิน 10 นาทีแล้ว พอเห็นอะไรผิดปกติข้างหน้า ฉันก็ตะโกนขึ้นมา
“หยุด!”
“อั๊ก”
คุณโคซากุระกระแทกกับหลังของฉัน แล้วก็หยุดกึก
“อ- อะไรน่ะ?”
“กลิตช์ค่ะ”
กลิตช์นั่น ที่เราอาจจะเผลอเหยียบก็ได้ถ้าไม่ระวัง มันดูสวยดีนะ เป็นเหมือนทรงกระบอกที่ชัดเจนอยู่ใต้น้ำ แล้วข้างในก็มีน้ำวนอยู่ด้วย ที่ฉันเห็นมันได้ก็เพราะมีสิ่งแปลกปลอมกำลังหมุนวนอยู่ข้างในนั้นนี่แหละ ตอนแรก ฉันก็นึกว่ามันเป็นเศษขยะซะอีก แต่ปรากฏว่ามันเป็นเศษซากที่เหลือของถังดับเพลิงที่โดนบิด ฉีกกระชากจนเป็นชิ้นๆ เลย ในทรงกระบอกที่เส้นผ่านศูนย์กลางไม่ถึงเมตรนั่น เป็นกระแสน้ำที่รุนแรง แรงพอจะฉีกโลหะแข็งๆ ได้เลยล่ะ
คุณอาบาระโตะจะเรียกมันว่ายังไงนะ? เรียกชื่อง่ายๆ ก็คงจะเป็น ‘เครื่องซักผ้า’ ล่ะมั้ง?
“เราจะอ้อมไปทางซ้ายนะคะ ตามฉันมาช้าๆ ได้เลยค่ะ”
แค่มองอย่างเดียว ฉันก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่าพื้นที่ระยะที่มันส่งผลมันจะกว้างแค่ไหน แต่ถ้าเราประมาทแล้วเดินเฉียดเข้าไปใกล้เกินไป ก็อาจจะโดนดูดเข้าไปในรวดเดียวเลยก็ได้ เพราะงั้น ฉันก็เลยนำทางคุณโคซากุระเดินห่างออกมา ทิ้งระยะเอาไว้ให้เกิน 10 เมตร พอเราระวังตัวจนมาถึงอีกฝั่งได้ ฉันก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ฟิ่ว เกือบไปแล้วนะคะ”
“พวกนั้นมาทำอะไรอยู่ที่นี่กันนะ?”
“เอ๊ะ?”
“ฉันเห็นคนที่ไม่เข้าใจ”
พอฉันหันไปตามเสียงที่เรียบเฉยไร้ชีวิตชีวา ก็เห็นคุณโคซากุระเหม่อมองออกไปไกล ตรงหน้าพวกเรา เยื้องไปทางด้านขวา
ปากเปิดอ้า น้ำลายไหลหยดลงไปในน้ำข้างล่าง
พอฉันมองตามเธอไป สิ่งที่เข้ามาในลานสายตาของฉันก็คือหุ่นไล่กาสีขาว 4 ตัวอยู่กลางทุ่งหญ้า…
ไม่ ไม่ใช่
กลิ่นฉุนเหมือนกลิ่นคาวปลาเข้ามาเตะจมูกของฉัน ฉันก็รีบหลบสายตาลงแบบไม่ทันคิด แล้วก็รีบเอามือเข้าไปปิดตาของคุณโคซากุระทันที
“อย่ามองนะคะ! คุณโคซากุระ!”
พอฉันตะโกนใส่หูของเธอ คุณโคซากุระก็สะดุ้งนิดนึง
“ซ- โซราโอะจัง แหวะ พวกนั้น อะไรกันเนี่ย”
“ไม่ต้องห่วงค่ะ ไม่เป็นไร เจ้าพวกนั้น―เราเคยจัดการพวกมันมาแล้ว”
ฉันรีบพูดเร็วๆ พร้อมกับประคองลูกซองที่คุณโคซากุระถืออยู่ขึ้นมา
“ต่อให้หลับตาอยู่ก็ทำได้ค่ะ เดี๋ยวฉันเป็นคนดูเอง พอฉันบอกให้ยิง ก็ลั่นไกไปเลยนะคะ ทำได้หรือเปล่า?”
“ร-… รีบๆ จัดการซะทีเถอะ…”
คุณโคซากุระพูดโอดครวญขึ้นมาแบบไม่มีความน่ารักเลยแฮะ
ไม่ต้องให้เธอพูดซ้ำหรอก ฉันเงยหน้าขึ้น แล้วก็จ้องตรงไปที่พวกคุเนะคุเนะ
พอรับรู้ถึงมันแล้ว มันก็ทำให้ความรู้สึกคลื่นไส้พุ่งเข้าใส่ทันทีเลย พวกคุเนะคุเนะมันพยายามจะรุกล้ำเข้ามาผ่านทางการมองเห็นของฉัน
แต่ว่า 4 ตัวเลยเหรอ? คราวก่อนพวกแกแพ้ ก็เลยจะเอาจำนวนมาสู้หรือไงนะ? ช่างเรื่องพลังความโกงนั่นสิ พวกแกไม่ใช่ศัตรูในเกม RPG ซักหน่อยไม่ใช่หรือไง? โชคร้ายกับพวกแกหน่อยนะ ฉันไม่ใช่คนเดิมแบบเมื่อตอนนั้นแล้ว ตอนนี้ ฉันมองเห็นตัวตนที่แท้จริงของพวกแกได้แล้วนะ
เอ๊ะ? เดี๋ยวนะ ที่ตาขวาฉันเป็นแบบนี้มันก็เพราะการติดต่อกับคุเนะคุเนะไม่ใช่เหรอ?
ตอนที่ความคิดนั่นผุดขึ้นมาในหัวฉัน ตาขวาของฉันก็รับรู้ตัวตนที่แท้จริงของคุเนะคุเนะได้แล้ว
ชั่วพริบตาต่อมา ฉันก็โดนซัดเข้าไปในโลกแปลกๆ
ฉันไหลไปตามผิวน้ำที่โค้งเป็นทรงครึ่งวงกลม พื้นที่โดยรอบของฉัน มีทรงกลมสีขาวที่เชื่อมต่อกันด้วยโครงสร้างคล้ายเส้นใยบางๆ ที่ขยับไปทั่ว ข้างใต้นั่นดูมืดจนเหมือนบ่อน้ำลึกๆ เลย พอฉันหันสติของตัวเองไปสนใจตรงนั้น ฉันก็ถูกดึงลงไปในบ่อน้ำที่ลึกสุดขั้วนั่นทันที ในความมืดมิดนั่น ฉันรู้สึกเหมือนถูกทิ่ม ประสาทสัมผัสที่ซ้อนทับ ก่อตัวขึ้นเป็นความหมายบางอย่าง ขาว… หุ่นไล่กา… นาข้าว… เกล็ดงู… กล้องสองตา… แต่ละคำผุดขึ้นมาในสมองของฉัน แล้วปากของฉัน―ปากของมนุษย์―ก็ขยับ รู้สึกได้เลยว่ามันกำลังออกมาเป็นคำพูด
แล้ว ฉันก็เข้าใจซักที
พื้นผิวโค้งนี่ ก็คือดวงตาของฉันเอง
ฉันกำลังมองดูตัวเองผ่านทางมุมมองของคุเนะคุเนะ
ฉันกระชากสติตัวเองกลับมาในขณะที่โดนบีบจนแทบเสียสติไปอยู่แล้ว ปากของฉันขยับเป็นคำพูด เสียงก็ดังเข้ามาถึงหูของตัวเอง
“ยิง!”
เสียงคำรามดังลั่นออกมาจากลูกซอง กระสุนลูกปรายวิ่งผ่าน GATOR สาดออกไปในแนวนอน เป่าคุเนะคุเนะ 2 ตัวหน้าเรากระจายหายไป
น้ำตาไหลทะลักออกมาจากตาของฉันยังกับก๊อกน้ำแตก แต่ฉันก็เริ่มจับสายตาของตัวเองไปที่คุเนะคุเนะอีก 2 ตัวผ่านดวงตาที่เบลอไปหมด ก่อนจะตะโกนออกไป
“อีกที!”
ปืนกระบอกนั่นกระโดด และที่อีกด้านของหญ้า ร่างเงาสีขาวนั่นก็แตกกระจาย
ปลอกกระสุนที่ดีดออกมาหล่นลงไปในน้ำ ก่อนจะโดนดูดเข้าไปใน ‘เครื่องซักผ้า’ ทรงกระบอกพลาสติกสีแดงก็ถูกฉีกเป็นชิ้นๆ พร้อมกับน้ำตาที่ไหลจากตาทั้ง 2 ข้างของฉันไม่หยุด
เสียงสะท้อนของปืนเบาลงไปแล้ว ขยับตัวไม่ได้เลย ถ้าไม่ได้พิงตัวคุณโคซากุระอยู่ ฉันคงจะหน้าทิ่มลงไปในน้ำแล้วล่ะ
“อึก ออกไป ซักที… มันหนัก นะ…”
และแล้ว เสียงบ่นของคุณโคซากุระดึงฉันกลับมาในโลกความเป็นจริง
พอฉันกลับขึ้นมายืน ปล่อยมือจากคุณโคซากุระ เธอก็ชำเลืองมามอง แล้วก็หันดูไปรอบๆ
“เรียบร้อยแล้ว?”
“ค- ค่ะ”
“โซราโอะจัง เธอพูดงึมงำอะไรแปลกๆ ออกมาด้วยนะ รู้ตัวหรือเปล่า?”
คุณโคซากุระหันมามองฉันอย่างกลัวๆ ซึ่งฉันก็พยักหน้าให้ช้าๆ
“มันเหมือนกับตอนที่เจอมันตัวนึงกับโทริโกะเลยค่ะ พ่นอะไรซักอย่างที่ไร้ความหมายออกมาอย่างไร้สติ… คือเรื่องนั้น พวกนั้น ฉันคิดว่าพวกมันติดต่อกับความรู้ของคุเนะคุเนะที่ฉันมีอยู่นะคะ”
คำแปลกๆ ที่ออกมาจากปากของฉันตอนที่ไปล่าคุเนะคุเนะกับโทริโกะ มันดูไม่มีความหมายอะไร แล้วก็ยังเป็นคำสุ่มๆ ด้วย แต่บางอย่างในเรื่องนี้มันกวนใจฉันอยู่ มีคำหลายๆ คำที่ฉันจำได้ พอลองไปค้นดูทีหลัง ก็เลยเข้าใจจนได้ มันคือเรื่องเล่าในอินเตอร์เน็ตในเรื่องของคุเนะคุเนะ ที่ฉีกออกไปเป็นชิ้นๆ แล้วก็เอามาปะติดปะต่อกันจนกลายเป็นอะไรซักอย่าง
“สิ่งมีชีวิตที่อยู่ที่นี่ใช้พวกสัตว์ประหลาดเป็นต้นแบบ แต่ก็ยังพยายามเข้าถึงองค์ความรู้ของมนุษย์ในเรื่องของสัตว์ประหลาดอยู่อีกงั้นเหรอ…”
คุณโคซากุระขมวดคิ้ว พร้อมกับใช้ความคิด
“งั้น ก็แสดงว่า พวกมันพยายามทำตัวให้เหมือนกับสัตว์ประหลาดแบบที่พวกเราคิดว่าพวกสัตว์ประหลาดมันจะทำงั้นสิ? แปลว่า พวกมันถูกสร้างขึ้นมาจากในสมองของมนุษย์เหรอ?”
“แต่ฉันไม่เคยเห็นใครพูดถึงเรื่องตัวตนที่แท้จริงของคุเนะคุเนะคือสิ่งมีชีวิตที่ขยับไปมาอยู่ในลูกตาเลยนะคะ แถมเจ้าวอล์กกิ้งแกลโลวส์ที่พวกฉันเจอที่สถานีคิซารากินั่น ฉันก็จินตนาการไม่ออกเหมือนกันค่ะว่าจะมีอยู่ในเรื่องผีที่เคยมีมาก่อนเรื่องไหนเลย”
“ถ้างั้น มันก็ต้องมีอะไรซักอย่างในอีกโลกนึงนี่ แล้วมันก็ใช้เรื่องเล่าสยองขวัญกับลักษณะของพวกสัตว์ประหลาดที่อยู่ในหัวของผู้คนงั้นสินะ…”
“คุณโคซากุระคะ ตอนนั้นคุณเคยพูดเอาไว้ใช่มั้ยคะ? ที่ว่า ปรากฏการณ์ของโลกเบื้องหลังนี่ดูเหมือนมันจงใจจะทำให้มนุษย์หวาดกลัว เพื่อจะทำให้เกิดความกลัว บางที พวกมันอาจจะค้นหาจากในสมองของมนุษย์ ดึงเรื่องสยองขวัญออกมาจากฐานข้อมูลของพวกเรา เพื่อจะสร้างขึ้นเป็นร่างแบบที่เราเห็นก็ได้นะคะ?”
“หรือไม่ก็ ตรงข้ามกัน จุดมุ่งหมายของพวกมันไม่ใช่ทำให้เกิดความหวาดกลัว… อาจจะเป็นการติดต่อกับโลกเบื้องหลังนี่ก็ได้ที่จริงๆ แล้วก่อให้เกิดความกลัว คลังความรู้ในเรื่องของสัตว์ประหลาดในสมองของพวกเราก็แค่อยู่ในวิ่งเลียบไปกับช่องทางการติดต่อระหว่างพวกเรากับอีกโลกนึงก็เท่านั้น…”
แล้ว เราก็ได้ยินเสียงดังออกมาจากที่ไกลๆ ทำให้พวกเราทั้งคู่หยุดชะงัก
แล้วก็มีเสียงเดิมนั่นดังอีกรอบนึง
เสียงระเบิดที่ดังขึ้น 2 ครั้ง―ต้องเป็นเสียงปืนแน่เลย
“…โทริโกะนี่”
ฉันรู้ ไม่ต้องสงสัยเลย
โทริโกะกำลังเรียกฉันอยู่แน่ๆ
เพราะ ‘ผู้สมรู้ร่วมคิด’ คือความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันที่สุดในโลกแล้วยังไงหล้า~!