แม้ว่าฮาโรลด์จะตอบรับข้อเสนอของโคดี้โดยทันที แต่เมื่อคิดตามปกติแล้ว เรื่องนี้มันไม่ควรถูกตัดสินใจโดยเด็กเพียงคนเดียว หลังจากโคดี้จากไป อาจเพราะยังรู้สึกกังวล อิสุกิจึงพยายามถามกับฮาโรลด์ว่าเขาจะโน้มน้าวพ่อแม่ของตนอย่างไร แต่ว่าสำหรับฮาโรลด์ เขากลับไม่คิดว่านี่เป็นปัญหาใหญ่อะไร

พ่อแม่ของฮาโรลด์เป็นพวกหมกมุ่นอยู่กับหน้าตาทางสังคมและยศฐาบรรดาศักดิ์ ดังนั้นการที่ได้เข้าร่วมกับกองอัศวินของพระราชานั้นถือเป็นเรื่องที่มีเกียรติเป็นอย่างยิ่ง

เนื่องจากกองอัศวินนั้นแข็งแกร่งกว่ากองทหารประจำแคว้น นั้นเพราะพวกเขาเป็นกองทหารชั้นยอดที่อยู่ภายใต้การดูแลของราชาโดยตรง นอกจากนี้ในอดีตนั้น เฮย์เด็นผู้เป็นพ่อเคยมีความฝันที่จะเข้าร่วมกองอัศวินเมื่อตอนวัยหนุ่มเช่นกัน

ถ้าหากรู้ว่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของพวกเขาถูกทาบทามให้เข้าร่วมกองอัศวินอันมีเกียรติ แน่นอนวันนั้นจะเป็นเช้าที่สดใสสำหรับเขาอย่างแน่นอน

ฮาโรลด์ได้ที่อยู่ของโคดี้สำหรับติดต่อเอาไว้แล้ว ราวกับว่าหมดธุระกับเมืองนี้ เขาก็เดินทางออกจากเดลฟิตทันทีในวันถัดไป 

โดยไม่แวะแม้กระทั้งดินแดนสุเมรากิ ฮาโรลด์ใช้เวลาเดินทาง 2 สัปดาห์ เขาก็กลับมาถึงยังคฤหาสน์สโตร์ก และรายงานเรื่องนี้แก่พ่อแม่ของเขาทันที

 

[ ลูกต้องการจะพูดเรื่องอะไรที่จริงจังงั้นรึ ? ]

[ ครับ มีบางอย่างที่กระผมต้องรายงานท่านพ่อท่านแม่ให้ทราบ ขณะที่กระผมอยู่ที่เมืองเดลฟิต กระผมได้ถูกทาบทามให้เข้าร่วมกองอัศวินของพระราชา ]

[ อะไรนะ !! นั้นความจริงหรือ !? ]

[ ครับท่านพ่อ กระผมอยากจะเข้า อยากจะเข้ามากๆ อยากเข้าตอนนี้เลย และดูเหมือนผมจะกลายเป็นผู้ที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ได้เข้าร่วมกองอัศวินด้วยครับ ]

[ นั้นสุดยอดมากๆเลย ฮาโรลด์ ! ]

[ ผมอยากจะเข้าร่วมกองอัศวิน ได้ไหมครับ ? ]

[ แน่นอนอยู่แล้ว ! ]

 

เป็นดังที่เขาคาดเอาไว้ ปฎิกิริยาของพวกเขาหลังทราบเรื่องนั้นยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเฮย์เด็นมันดูเหมือนจะไม่ธรรมดา ความฝันในอดีตที่เขาไม่สามารถจะไขว่คว้าไว้ได้นั้นกลับถูกลูกชายของตนเติมเต็มความฝันนั้นให้ นั้นคือสิ่งที่เขากำลังคิด

ฮาโรลด์เล่าว่า ตอนนั้นเขาไปที่เมืองเดลฟิตเพื่อชมการประลองที่นั้นกับเอริกะ พวกเขาได้พบกับผู้ก่อจลาจลและความวุ่นวาย และเขาก็ได้หยุดยั้งเหตุการณ์ให้กลับมาสงบอย่างยอดเยี่ยม และตอนนั้นเองที่กองอัศวินได้มาเห็นจึงทาบทามเขา- เรื่องที่เล่าก็ประมาณนี้ พวกพ่อแม่ไม่สงสัยอะไรในตัวลูกชายเลยซักนิด ตรงกันข้ามกับเอาแต่พูดว่า [พวกเราต้องฉลอง !] และพวกเขาก็เริ่มเตรียมงานฉลองทันที ก็เข้าใจได้ล่ะนะ ฮาโรลด์จึงไม่ได้หยุดอะไรพวกเขา

 

( แม้ว่ากองอัศวินจะได้รับภารกิจที่อันตรายอยู่บ่อยครั้ง มาคิดๆดูแล้ว ถ้าหากลูกชายคนโตของพวกเขาเกิดตายไป พวกเขาจะทำอย่างไรกันนะ ? )

 

ขณะมองดูภาพของพ่อแม่ที่กำลังมีความสุข เขาก็คิดเรื่องพวกนี้ขึ้นมา ก็นะ ยังไงซะเขาก็มีความตั้งใจที่จะเข้าร่วมกองอัศวินตั้งแต่แรกอยู่แล้วแม้ว่าจะรู้อยู่แล้วว่ามันอันตรายก็เถอะ หากไม่ได้รับอนุญาตมันจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ นอกจากนี้เฮย์เด็นยังเป็นทหาร เขาต้องทราบดีเกี่ยวกับเรื่องอันตรายเหล่านี้

และนั้น หลังจากได้ฮาโรลด์ได้รับอนุญาตจากพ่อแม่ของตน เขาก็เดินไปรอบๆคฤหาสน์ที่กำลังวุ่นวายกับการเตรียมงานฉลอง เพราะว่าไม่มีอะไรที่เขาจะทำได้ เขาจึงเรียกนอร์แมนและเจคมา และไม่รู้เพราะว่าอะไร แม้แต่เซ็นก็มาที่ห้องของเขาด้วย

 

[ ข้ากำลังเดินทางไปที่เมืองหลวงเพื่อเข้าร่วมกองอัศวินของพระราชา ตอนนี้อยู่ในช่วงที่สุเมรากิเริ่มขยายการทำฟาร์มแบบ LP ถึงแม้จะไม่ได้มีความเคลื่อนไหวอะไรมาก แต่ก็ต้องรายงานข้าเป็นระยะๆด้วย ]

[ ถ้าหากเป็นที่เมืองหลวง ระยะทางมันค่อนข้างไกลซักหน่อยนะขอรับ ]

[ อืมเข้าใจอยู่ เพราะระยะทางมันไกลจึงไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ด้วยม้าเร็ว เอาเถอะ พวกเราติดต่อกันทางจดหมายธรรมดาก็ได้ ]

[ หากเป็นเช่นนั้น มันอาจจะต้องใช้เวลาซักหน่อยนะขอรับ ]

[ ไม่มีปัญหา แต่ถ้าหากมีกรณีฉุกเฉินที่จะต้องแจ้งให้ทราบทันที ขอความร่วมมือกับทางสุเมรากิ ข้าจะแจ้งพวกเขาเอาไว้ก่อนเอง ] 

[ เข้าใจแล้วขอรับ ]

 

เพื่อให้รับรู้ความเคลื่อนไหวของตระกูลสโตร์กแม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่บ้าน เขาจึงเตรียมวิธีสื่อสารเอาไว้ล่วงหน้าเพื่อที่จะตอบสนองให้เร็วที่สุดหากมีเหตุการณ์อะไรเปลี่ยนแปลงไปหรือถูกขัดจังหวะ

แต่ทันใดนั้นก็มีคนขัดจังหวะขึ้นมาในทันที

 

[ ร-รอเดี่ยวสิขอรับท่านฮาโรลด์ ! ท-ท่านจะเข้าร่วมกับกองอัศวินจริงๆหรอขอรับ ? ]

[ ข้าก็พูดไปแล้วไง แกมีหูไว้ประดับเรอะ ? ]

[ ไม่ ไม่ ไม่ใช่แบบนั้นขอรับ คุณนอร์แมนกับคุณเจคปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปอย่างง่ายๆได้ไงกัน ! ปกติแล้วมันควรจะต้องตกใจกันไม่ใช่หรอขอรับ !? ]

 

เซ็นเขาดูตื่นตนกทีเดียว จริงๆเรื่องพวกนี้มันก็ฟังดูควรตกใจอยู่นะ- แต่ช่างเถอะ เขาเองก็เข้าใจในสิ่งที่เซ็นพยายามจะสื่อ แต่จะให้อธิบายมันก็ลำบาก เขาจึงเลือกที่จะไม่สนใจ

 

[ เท่านี้แหละ กลับไปทำงานของพวกแกต่อได้เลย ]

[[ขอรับ]]

 

นอร์แมนและเจคต่างโค้งคำนับและออกจากห้องไป และเซ็น ที่ดูเหมือนอยากจะพูดอะไรซักอย่าง แต่ว่าเขาก็ออกจากห้องไปเช่นกัน เมื่อเขาได้อยู่ภายในห้องเพียงลำพัง ฮาโรลด์ค่อยๆสูดหายใจเข้าและถอนหายใจออกอย่างช้าๆ

อารมณ์ต่างๆที่ถาโถมเข้ามา อาจเพราะเป็นความรู้สึกโดดเดี่ยวที่จะต้องจากบ้านที่คุ้นเคยไป หรือความรู้สึกปลดปล่อยที่สามารถลอดพ้นสายตาของพ่อแม่มาได้ ฮาโรลด์เองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าอารมณ์ตอนนี้ของเขาเป็นเช่นไร

 

3 ปี

 

3 ปีแล้วที่เขามายังที่โลกแห่งนี้โดยที่ไม่เข้าใจเหตุผลเลยด้วยซ้ำ และใน 3 ปีนั้น เขาใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในคฤหาสน์แห่งนี้ ภายในห้องแห่งนี้ มันไม่ใช่ว่าเขาจะไม่รู้สึกอะไรเลยในตอนที่เขาจะต้องจากที่นี่ไป

อย่างไรก็ตาม การเข้าร่วมกับกองอัศวินเป็นเส้นทางที่กำหนดเอาไว้แล้วหากจะเลือกเดินเส้นทางตามเนื้อเรื่องของเกมส์ แค่มันเร็วขึ้นนิดหน่อย ฮาโรลด์ได้ตัดสินใจที่จะไม่หวั่นไหว ทั้งเรื่องความสุภาพและรอยยิ้มที่มีต่อหน้าพ่อแม่ของตน ใช้เวลาร่วมไปกับงานฉลองที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ที่เขาได้เข้าร่วมกองอัศวิน และหลังจากนั้นไม่ถึงเดือนหลังจากที่เขาถูกทาบทาม ฮาโรลด์ก็เดินทางออกจาคฤหาสน์

เขาถือบังเหียนอย่างคุ้นเคย ในขณะที่ควบม้าราว 2-3 ชม. เพื่อที่จะไปพบกับโคดี้ เขาก็ได้มาพบกับด่านเก็บค่าผ่านทางบนทางหลวงแห่งหนึ่ง แม้ว่ามันจะถูกเรียกว่าด่านเก็บค่าผ่านทาง แต่มันก็ไม่ใช่อะไรอย่างการเก็บภาษีสินค้าแต่อย่างใด แต่มันมีไว้ตรวจสอบว่ามีบุคคลต้องสงสัยหรือมีการลักลอบขนสิ่งผิดกฎหมายหรือไม่ มันเป็นกำแพงหินที่ถูกสร้างราวกับปิดกั้นทางหลวง และไม่มีใครจะสามารถเดินทางต่อไปได้หากไม่ผ่านมัน

ฮาโรลด์ ที่นำสิ่งของติดตัวมาไม่มากนัก หลังจากตรวจค้นนิดหน่อยเขาจึงสามารถผ่านเข้าไปได้โดยง่าย ภายในมันค่อนข้างดูมีชีวิตชีวาทีเดียว เพราะภายในนี้ เหล่านักเดินทางมีการตั้งเต๊นสำหรับพักร่างกายกัน และเหล่าพ่อค้าที่อยู่ในระหว่างการเดินทางก็เปิดแผงขายสินค้าเล็กๆรวมอยู่ด้วย

เมื่อพบกลุ่มคนที่สวมชุดเกราะสีขาวอยู่ที่มุมๆหนึ่ง ฮาโรลด์ก็ลงจากม้าและเดินตรงไปที่พวกเขา หลังจากเดินเข้าไปซักระยะหนึ่ง พวกเขาก็สังเกตเห็นฮาโรลด์ ขณะโบกมือทักทาย โคดี้ก็ส่งเสียงเรียก [ ทางนี้ๆ! ] นั้นทำให้ทั้งกลุ่มหันเหสายตามาที่ฮาโรลด์กันหมด 

 

[ ไงไง ฮาโรลด์คุง พวกเราพบกันอีกครั้งไวกว่าที่ชั้นคาดไว้เยอะเลยนะ ]

[ ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อพบกับนาย อย่าผิดสัญญาล่ะ ต้องให้ข้าเข้ากองอัศวินให้ได้นะ เข้าใจไหม ? ]

[ ชั้นบอกนายแล้ว ไม่มีปัญหา ]

 

ไม่มีปฎิกิริยาอะไรเลย แม้ว่าฮาโรลด์จะแอบกระตุ้นโคดี้หน่อยๆเกี่ยวกับเรื่องการเข้าร่วมกองอัศวิน ตามจริงเขายังสงสัยอยู่เลยว่าเรื่องที่ถูกทาบทามนั้นไม่ใช่เรื่องโกหกใช่มั้ย เพราะฮาโรลด์รู้ถึงนิสัยของโคดี้ดีจึงไม่อาจสลัดความคิดเหล่านี้ออกไปได้ แม้ว่าเขาอาจโดนหลอกมาแต่ก็ไม่คิดว่ามันจะโกหกซะทั้งหมด ความเป็นไปได้ที่โคดี้จะโกหกนั้นมีน้อยเกินไป

 

[ เฮ้ หัวหน้า คนที่หัวหน้าพูดถึงคือเด็กนี่หรอคะ ? ]

 

ราวกับต้องการเข้าร่วมวงสนทนาด้วย คนที่ยืนอยู่ข้างๆโคดี้ คือผู้หญิงที่สวมอยู่ในชุดเดียวกันกับเขา เธอมองมาที่ฮาโรลด์ราวกับต้องการจะประเมินเขา

 

[ ฮืม? ใช่แล้วล่ะ ]

[ หัวหน้าเล่นตลกอะไรคะเนี้ย ? หมอนี่มันก็แค่เด็กนะคะ ? ]

 

แม้ว่าคนที่พูดจะดูเหมือนเด็กสาวที่อายุเพียงแค่ 17 – 18 เท่านั้น แต่ว่าในโลกแห่งนี้หากพวกเขาอายุถึง 16 ปี พวกเขาจะถูกปฎิบัติในฐานะของผู้ใหญ่ จากมุมมองของฮาโรลด์ เด็กสาวนี่ก็ยังคงเป็นแค่เด็กอยู่ดี เพราะมันถูกดูด้วยมุมมองของเด็กชายที่มีจิตใจของคนหนุ่มวัยทะลุ 20 ไปแล้ว

 

[ หา? ถ้างั้นเธอก็เป็นเพียงแค่แมลงตัวเล็กๆที่อ่อนแอก็เด็กอย่างข้า  ]

 

นั้นคือเหตุผลว่าทำไม ปากของฮาโรลด์ถึงทำงานไปอัตโนมัติ

 

[ ก- แกพูดอะไรเนี้ย !? ]

 

หญิงสาวนึกไม่ถึงว่าเด็กชายจะโต้กลับอย่างอุอาจเช่นนี้ เธอเผลอก้าวถอยหลังอย่างสับสน และทันใดนั้น ที่หลังของหญิงสาวก็ชนกับอะไรบางอย่าง เมื่อเธอหันกลับไปมองก็พบว่าเป็นใคร และคนๆนั้นก็ก้าวขึ้นมาเผชิญหน้ากับฮาโรลด์

“ยัก” นั้นคือนั้นคือสิ่งแรกที่แว๊บเข้ามาในหัวของฮาโรลด์ และหลังจากนั้นเขาก็ตระหนักได้ถึงใบหน้าที่ดุร้ายที่ใครก็ตามได้มองเพียงแว๊บเดียวก็สั่นสะท้าน เมื่อรับรู้ได้จากการถูกจ้องมองนั้น มันรุนแรงมากพอที่จะทำให้อยากยอมแพ้โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ ขณะที่หวาดกลัวจนเกือบเผลอส่งเสียงแปลกๆออกมา เขาก็ได้ตรวจสอบอารมณ์ของคนๆนั้นราวกับว่าเขาอยากจะพูดอะไรบางอย่าง

 

[ แกมีปัญหาอะไรกับข้า ? ดีเลย ข้าจะทำให้แกเข้าใจด้วยร่างกายเองพร้อมกับแม่นั้นด้วย ]

 

ว่ากันตามตรง ฮาโรลด์นั้นกลัวสุดขีดแต่ว่าเขาไม่ได้แสดงมันออกมาเฉยๆ นอกจากนั้น ดูเหมือนว่าทุกคนในที่นี้นอกเสียจากโคดี้ จะดูประหลาดใจกัน ฮาโรลด์ที่กำลังกังวลอยู่ว่า “ควรจะถอยก่อนดีกว่าไหม” เพราะดูเหมือนว่าวันนี้ปากของเขาจะทำงานดีไปหน่อย ชายที่หน้าตาน่ากลัวก็ได้ถามฮาโรลด์ขึ้น

 

[ น-นาย …. ไม่กลัวผมหรอ ? ]

[ ข้าไม่เข้าใจว่าอะไรทำให้ข้าต้องกลัว ถ้าหากพวกเขาสู้กัน ยังไงซะ ผู้ชนะก็ต้องเป็นข้าอยู่แล้ว ]

 

ปากของฮาโรลด์ทำงานออกไปเอง โดยไม่สนใจความรู้สึกจริงๆของเขา ถากถางต่อคำถามของชายคนนั้นอย่างง่ายๆ ยังไม่มีใครพูดถึงเรื่องแพ้ชนะเลยซักนิด และชายคนนี้ก็มาจากหน่วยอัศวินอีกด้วย แม้ว่าตัวของฮาโรลด์เองจะมีความแข็งแกร่งมากพอที่จะเข้าร่วมกองอัศวิน แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะต้องโชว์พลังอะไรเลยซักหน่อย เขาแค่ต้องการจะยั้บยั้งความบาดหมางต่อเพื่อนร่วมงานในอนาคตเพียงแค่นั้น คิดไม่ถึงเลยว่าปากของเขาจะทำงานได้ดีเกินไปหน่อย

 

[ พอน่า,พวกนาย ฮาโรลด์คุงแค่ถูกเชิญมาเขายังไม่ได้เข้าร่วมกองอัศวินอย่างเป็นทางการซักหน่อยนะ เข้าใจรึปล่าว ? มาเริ่มกันตั้งแต่ต้น เริ่มจากการแนะนำตัวเป็นไง ? ]

[ ข-ขอโทษด้วยเกี่ยวกับเรื่องเมื่อซักครู่ ผมโรบินสัน ]

[……… ไอรีน ]

[ ผมชิโด้ ! ยินดีต้อนรับ ฮาโรลด์ ! ]

 

 

ผู้ชายที่ตัวสูงที่สุดและมีใบหน้าที่น่ากลัวคือโรบินสัน แม่สาวข้างๆเขาคือไอรีน และผู้ชายหัวส้มที่อาจเกี่ยวข้องกับแผงคอของสิงโตคือชิโด้ หลังจากที่ฮาโรลด์ได้ยินการแนะนำตัวเองของพวกเขา ร่างกายของเขาก็แข็งทื่อ

 

( ดะ- เดี่ยวนะ คนพวกนี้ไม่ใช่ว่าคือตัวละครที่จะต้องตายหรอกหรอ ! )

 

นั้นคือเหตุผลที่ว่าทำไมโคดี้ถึงลาออกจากกองอัศวิน หรือก็คือ มันคือแรงจูงใจที่ทำให้เขาไปสร้างกลุ่มฟูเรียล นั้นเพราะเขาปล่อยให้โรบินสันและคนอื่นๆ ที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของเขาตายในเหตุการณ์ต่อสู้แห่งหนึ่ง

ในเนื้อเรื่องของเกมส์ เบื้องหลังท่าทีสบายๆของโคดี้ เขาจะโทษในความไร้พลังของตัวเองอยู่ภายในใจ และเขากังวลอยู่เสมอว่าการที่เขาหันหลังให้กับกองอัศวินนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องจริงๆหรือ

แม้ว่าในฉากสุดท้ายของเกมส์ ความลังเลและความขัดแย้งภายในใจของเขาจะได้รับการแก้ไข แต่ปัญหาก็คือ หากเนื้อเรื่องยังดำเนินไปเช่นเดียวกับเนื้อเรื่องของเกมส์ โรบินสันและคนอื่นๆจะต้องตาย ในตอนที่เล่าเรื่องมันก็ไม่ได้มีคำอธิบายโดยละเอียดเกี่ยวกับการตายของพวกเขา มันมีเพียงแค่ฉากๆหนึ่งภายในเกมส์ที่โคดี้จะพูดชื่อของพวกเขาขณะมองไปยังดวงจันทร์ หรือก็คืออดีตของโคดี้ที่เขาสุญเสียลูกน้องทั้งหมดไปในเหตุการณ์นั้น ข้อมูลทั้งหมดมีอยู่เพียงเท่านี้ โดยปกติหากเป็นในเกมส์ ตัวละครพวกนี้ไม่ควรมีอยู่จริง ดังนั้น รูปร่างหน้าตาของพวกเขาฮาโรลด์ก็พึ่งจะเคยเห็นตอนนี้เช่นกัน

แม้ว่าฮาโรลด์อยากจะช่วยพวกเขามากเพียงใด แต่เพราะข้อมูลยังมีน้อยเกินไป เขาจึงไม่สามารถวางแผนอะไรได้ สิ่งที่รู้มีเพียงจะเกิดเหตุการณ์ต่อสู้บางอย่างขึ้น แล้วพวกเขาทั้งหมดจะเสียชีวิต ในทางตรงกันข้าม หากพวกเขาบังเอิญรอดมาได้ นั้นก็หมายความว่าเนื้อเรื่องภายในเกมส์จะถูกเปลี่ยนไป เพราะเรื่องนี้คือสาเหตุหลักที่ทำให้โคดี้ลาออกจากกองอัศวิน และมีโอกาสที่ฟูเรียลจะไม่ถูกก่อตั้งขึ้นสูงมาก

หากเป็นเช่นนั้น เหตุการณ์ที่เหล่าตัวหลักจะต้องยืมพลังของกลุ่มฟูเรียลจะไม่เกิดขึ้น ในกรณีที่แย่ที่สุด นั้นก็คือรุกฆาต

กล่าวอีกนัยคือ ตอนนี้ฮาโรลด์ถูกบังคับให้ต้องเลือก จะให้ความสำคัญในการเพิ่มโอกาสรอดชีวิตของตัวเองและปล่อยพวกเขาตายไปโดยไม่ช่วยอะไร หรือจะทำลายธงตายของโรบินสันและคนอื่นๆแล้วปล่อยให้เนื้อเรื่องหลักถูกทำลายไป

อาจเพราะเขารู้อนาคตที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน สิ่งที่เขาต้องเลือกตอนนี้คือ เลือกหนทางแห่งการฆ่าตัวตายหรือเลือกที่จะฆ่าคนอื่นแทน แม้เขาจะรู้ดีว่าวันใดวันนึงจะต้องเกิดเหตุการณ์ที่จะต้องเลือกแบบนี้ขึ้น ดูราวกับเป็นคำสาปแห่งชะตากรรมที่เขาไม่สามารถหนีพ้นได้ ซึ่งมันถูกกำหนดโดยทันทีที่เขาตัดสินใจจะใช้ชีวิตในฐานะของ ฮาโรลด์ สโตร์ก