“ใครมาหรอคะอารอ—- ตายจริง ตัวเปียกไปหมดเลย เกิดอะไรขึ้นกันคะเนี่ย?”
หลังจากที่อารอนได้พาตัวเด็กสาวเดินเข้ามาที่ห้องพัก นางพยาบาลที่นั่งอยู่ในห้องก็หันมามองและพบกับเด็กสาวผมสีเทาที่สภาพเปียกปอนเหมือนเดินตากฝนมาทั้งวันคนนั้น เธอก็ได้ร้องขึ้นมาอย่างตกใจก่อนที่จะรีบเดินเข้าไปดูสภาพของเด็กสาวคนนั้นในทันที
จนทำให้เด็กสาวผมสีเทารีบขยับตัวไปหลบอยู่ด้านหลังของอารอนด้วยท่าทีหวาดระแวง แถมยังกอดเด็กทารกในอ้อมกอดของเธอแน่นขึ้น ราวกับว่าเธอกำลังกลัวอีกฝ่ายจะเข้ามาแย่งเด็กทารกในอ้อมกอดของเธอไปอย่างไรอย่างนั้น
“…..”
“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน… แต่ฝากเธอไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาให้เด็กคนนี้เขาหน่อยละกัน…”
“ได้เลยค่ะ~ ถ้างั้นเดี๋ยวพี่สาวมาแป๊บนึงนะจ๊ะ”
และเมื่อนางพยาบาลได้ยินอารอนสั่งมาแบบนั้น เธอก็ยิ้มบอกเด็กสาวกลับไปสั้นๆ ก่อนที่จะเดินผ่านทั้งสองออกจากห้องพักพนักงานไป ในขณะที่อารอนก็ได้ยกมือขึ้นมาลูบหัวของเด็กสาวผมสีเทาที่ยังคงจ้องมองไล่หลังนางพยาบาลไปโดยไม่กะพริบตา
“นี่เธอไม่กลัวฉันแต่ไปกลัวคุณพยาบาลเขาเนี่ยนะ…?”
“คะ… คือว่า ร่างกายมันไปเองน่ะค่ะ… หนูก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน…”
“เฮ้อ…เอาเถอะ…”
เขาพูดออกมาพร้อมกับยกมือขึ้นมาเกาหัวตัวเอง พลางเดินไปหยิบแก้วกาแฟของตนขึ้นมาจิบดื่ม และเมื่อเขาหันกลับมาก็พบว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นได้เดินตามเขามาและกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่พยาบาลสาวเคยนั่งอยู่
“ว่าแต่… เธอมาที่นี่ทำไมล่ะ…? ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า…?”
“ค… คือหนูได้ยินมาว่ามีคุณหมอใจดีที่ชื่ออารอนเปิดคลินิกคอยช่วยเหลือคนอยู่ที่นี่… น่ะค่ะ…”
เธอตอบเขากลับมาด้วยน้ำเสียงกล้าๆ กลัวๆ ในจังหวะเดียวกับที่นางพยาบาลได้เปิดประตูกลับเข้ามา และยื่นผ้าเช็ดตัวให้กับอารอนด้วยความที่รู้ดีว่าเด็กสาวกำลังระแวงเธอด้วยเหตุผลอะไรบางอย่างอยู่ ก่อนที่เธอจะเดินไปนั่งหลบอยู่อีกทางเพื่อเว้นระยะห่างให้เด็กสาวรู้สึกสบายใจขึ้นมาก่อน
“ขอบใจนะ… แล้วเธอได้ยินเรื่องของฉันมาจากที่ไหนล่ะ…? ที่บ้านของเธอหรอ…?”
อารอนกล่าวขอบคุณนางพยาบาล ก่อนที่เขาจะเอาผ้าเช็ดตัวผืนนั้นมาเช็ดร่างที่เปียกปอนของเด็กสาวและสอบถามเรื่องของเธอเพิ่มเติมดู
“ค…ค่ะ จากที่… บ้าน… ของหนูน่ะค่ะ…”
เธอตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงลังเลเล็กน้อยและยอมอยู่นิ่งๆ ให้อารอนเช็ดตัวอย่างว่าง่าย แต่ว่าเธอก็ใช้ยังนัยน์ตาสีฟ้าของเธอมองไปทางพยาบาลสาวที่นั่งอยู่ห่างๆ อย่างไม่ลดละ
“เอาเถอะ…ถ้ากะจะมาหาหมอเธอก็มาหาถูกคนแล้วล่ะ ถ้างั้นเดี๋ยวยังไงฉันขอตรวจอาการเบื้องต้นให้เด็กคนนั้นก่อนละกัน ส่งเขามาทางนี้สิ”
“ค…ค่ะ!”
ซึ่งเมื่อเด็กสาวผมสีเทาได้ยินว่าเขาจะยอมตรวจอาการของเด็กทารกคนนั้นให้ เธอก็ตอบกลับมาอย่างดีใจก่อนจะรีบยื่นห่อผ้าที่มีร่างของเด็กทารกคนนั้นให้เขาในทันที
อารอนจึงยื่นมือไปรับห่อผ้านั้นมาอุ้มไว้ในอ้อมแขน ก่อนที่จะคลี่เปิดมันออกเพื่อตรวจดูอาการของทารกน้อยด้านใน
“ฮึ่ม….”
“ข…เขาเป็นอะไรหรือเปล่าคะ!?”
ทันที่อารอนเปิดห่อผ้าออกมาและเห็นร่างของทารกน้อยด้านในนั้นเขาก็ส่งเสียงออกมาเล็กน้อย ทำให้เด็กสาวที่ได้ยินแบบนั้นก็หน้าซีดและรีบเอ่ยปากถามออกมาอย่างร้อนรน
“อ่ะ…ขอโทษที่ทำให้ตกใจ… เท่าที่ฉันดูจากภายนอกแล้วก็ไม่มีอาการผิดปกติอะไรหรอกนะ แค่กำลังหลับอยู่เท่านั้นเอง…”
เขารีบหันกลับมาตอบเธอก่อนที่จะแอบส่งสายตาไปมองทางพยาบาลที่ลุกขึ้นมารออยู่อย่างรู้งาน ก่อนที่เขาจะพูดออกมา
“แต่ว่ายังไงเราก็ควรจะตรวจให้ละเอียดกว่านี้… ฉันคงต้องขอให้คุณพยาบาลเขาเป็นคนตรวจให้แทนได้หรือเปล่า คุณพยาบาลเขาเชี่ยวชา— เก่งกว่าฉันเรื่องการตรวจเด็กทารกน่ะ… เธอจะยอมให้เขาตรวจดูได้มั้ย… เพื่อตัวเด็กคนนี้เองน่ะ?”
“ถ— ถ้าคุณหมออารอนพูดแบบนั้น… ก็ได้ค่ะ…”
เมื่อเด็กสาวผมสีเทาได้ยินแบบนั้นเธอก็ลังเลอยู่เป็นเวลานานก่อนที่จะตอบกลับมา โดยที่ไม่ได้รู้เลยว่าอารอนนั้นแค่ใช้เรื่องของเด็กทารกเป็นข้ออ้างเพื่อที่จะทำให้เด็กสาวเปิดใจให้กับนางพยาบาลเท่านั้นเอง
“ถ้าเธอยอมตกลงแล้วฉันจะให้คุณพยาบาลเขาเริ่มตรวจเลยละกันนะ… แต่ว่าเราไม่มีห้องสำหรับเด็กเล็กโดยเฉพาะ คงต้องให้เธอตรวจที่นี่แล้วล่ะนะ…”
“ตกลงค่ะ~ ถ้างั้นฉันขอไปหยิบอุปกรณ์ก่อนละกัน เดี๋ยวฉันมานะคะ~”
อารอนหันไปบอกกับพยาบาลสาวเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะลุกยืนขึ้นและเดินเข้าไปจับไหล่ของเด็กสาวที่กำลังอุ้มเด็กทารกนั้นกลับมาไว้ในอ้อมกอดอีกครั้ง
“ค—คะ!?”
“เธอเองก็ต้องตรวจร่างกายเหมือนกันนะเข้าใจมั้ย… ท่าทางจะเดินตากฝนมาตั้งไกลเลยไม่ใช่หรอ…? ถ้าเกิดว่าเธอไม่สบายขึ้นมาเด็กคนนั้นก็มีโอกาสจะติดหวัดไปด้วยนะรู้มั้ย…”
“อ…เอ๋… จริงหรอคะ? ถ้างั้นก็รีบไปตรวจกันเถอะค่ะ!”
ซึ่งในตอนแรกที่เด็กสาวได้ยินว่าเธอต้องแยกจากทารกน้อยในอ้อมกอดไปตรวจร่างกายนั้น เธอก็ทำท่าทีเหมือนว่าจะปฏิเสธกลับมา แต่เมื่อเธอได้ยินว่าถ้าเกิดเธอไม่สบายขึ้นมาแล้วอาจจะทำให้เด็กทารกคนนั้นไม่สบายขึ้นมาด้วย เธอก็ร้องขึ้นมาอย่างตกใจและส่งทารกในอ้อมแขนของเธอมาให้เขาอุ้มไว้ก่อน ก่อนที่จะรีบเร่งให้เขาพาเธอไปตรวจในทันที
“อื้ม…ถ้างั้นพวกเราไปที่ห้องตรวจกันเถอะ”
อารอนได้ส่งเด็กทารกในห่อผ้านั้นไปให้นางพยาบาลที่เพิ่งเดินกลับมาเพื่อให้เธอนำไปตรวจดูอย่างละเอียดจากนั้นเขาก็เดินนำเด็กสาวออกไปจากห้อง โดยเด็กสาวที่เดินตามไปด้วยนั้นยังคงเหลือบมองไปยังนางพยาบาลที่รับห่อผ้านั้นไปอย่างไม่ละสายตา
และเมื่อพวกเขามาถึงห้องตรวจ เขาก็ชี้ให้เด็กสาวไปนั่งรออยู่บนเตียงคนไข้ ก่อนที่เขาจะหันไปเลื่อนรถเข็นสำหรับวางอุปกรณ์มาไว้ใกล้ๆ จากนั้นจึงค่อยๆ หยิบอุปกรณ์พวกนั้นขึ้นมาตรวจเช็กสภาพดูทีละอัน พร้อมกับสอบถามเด็กสาวคนนั้นเพิ่มไปด้วย
“ว่าแต่แล้วนี่เธอชื่อว่าอะไรล่ะ…? เธอยังไม่ได้บอกชื่อให้ฉันรู้เลยนี่…”
“อ…เอ่อ…”
“…ถ้าเธอไม่อยากบอกก็ไม่เป็นอะไรหรอกนะ แต่อย่างน้อยก็ช่วยบอกสักหน่อยละกันว่าจะให้ฉันเรียกเธอว่าอะไรดีน่ะ… ไม่ต้องเป็นชื่อจริงๆ ของเธอก็ได้…”
ซึ่งพออารอนเห็นท่าทีลังเลของเด็กสาวแบบนั้น เขาก็รีบพูดออกมาเพื่อที่จะได้ไม่เป็นการกดดันเธอมากเกินไป
เพราะเขาก็รู้ดีว่าการที่จะมีคนอย่างเด็กสาวตรงหน้าเขาอุ้มเด็กทารกเดินตากฝนมาที่นี่ด้วยตัวคนเดียวเพื่อขอความช่วยเหลือแบบนี้ มันหมายความว่าจะต้องมีเรื่องอะไรผิดปกติเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
“ม–แมรี่! น—หนูชื่อแมรี่…”
แต่แล้วเมื่อเด็กสาวเห็นอารอนมีท่าทีแบบนั้น เธอก็รีบบอกชื่อของตนเองออกมาในทันที
“แมรี่สินะ…ถ้างั้นเราก็มาเริ่มกันเถอะ…”
“ค…ค่ะ…”
อารอนที่ได้ยินชื่อของเธอก็พยักหน้าตอบกลับมา แล้วจึงเลื่อนเก้าอี้ของเขาเข้ามาใกล้ๆ พร้อมกับจับหน้าของแมรี่เอาไว้เบาๆ เพื่อที่จะได้ตรวจดูดวงตาของเธอ ที่เขาสังเกตเห็นความผิดปกติอะไรบางอย่าง
“—!?”
“มองมาทางฉันนิ่งๆ นะ—”
อารอนพูดออกมาเมื่อเขาเห็นว่าแมรี่นั้นทำท่าเหมือนจะหันหนีเขาไปทางอื่นทำให้เธอยอมหันกลับมามองเขาแต่โดยดี และเมื่ออารอนได้มองเข้าไปที่นัยน์ตาข้างซ้ายของเธอนั้น เขาก็ค้นพบอะไรบางอย่างที่ทำให้เขาต้องนิ่งเงียบไปพักใหญ่
“ฮื่ม…”
“อ— เอ่อ… ตาของหนูมันมีอะไรผิดปกติหรือเปล่าคะ?”
แมรี่ที่เห็นอารอนเงียบไปสักพักก่อนจะส่งเสียงเหมือนไม่พอใจออกมาเล็กน้อย เธอก็เอ่ยปากถามออกมาด้วยความกังวล ซึ่งเมื่ออารอนได้ยินที่เธอถามออกมา เขาก็รีบปรับสีหน้าของตนและปล่อยมือออกจากใบหน้าของเธอ ก่อนที่จะหยิบปากกาออกมาเขียนอะไรบางอย่างลงไปในเอกสารบนโต๊ะ
“ไม่มีอะไรหรอก… ฉันเห็นว่าตาของเธอมันแดงๆ น่ะ น่าจะเป็นเพราะว่าตากฝนมานาน พักเดี๋ยวเดียวก็หายแล้ว…”
“หมายความว่าหนูไม่ได้ไม่สบายอะไรงั้นสินะคะ…?”
“อื้ม…จะว่าอย่างนั้นก็ได้แหละ…”
ซึ่งพอแมรี่ได้ยินแบบนั้น เธอก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมา ก่อนที่เธอจะรีบก้มหัวพูดขอบคุณอารอนออกมา
“ขอบคุณคุณหมออารอนมากนะคะ ที่ยอมตรวจอาการให้หนูแบบนี้”
“อ่า… ไม่ต้องคิดมากหรอก… แล้วก็ไม่ต้องเรียกว่าคุณก็ได้ เรียกฉันว่าพี่อารอน หรืออารอนเฉยๆ เลยก็ได้… เธอนั่งรออยู่แป๊บนึงนะ ขอฉันเขียนผลตรวจของเธอให้เสร็จก่อน…”
“ข…เข้าใจแล้วค่ะ…”
“จะว่าไป… แล้วเด็กทารกคนที่เธออุ้มมาด้วยนั่นชื่ออะไรหรอ…? พอจะบอกฉันหน่อยได้หรือเปล่า…?”
“…..”
“แมรี่…?”
แต่ว่าเมื่ออารอนเอ่ยปากถามออกมาแบบนั้นแมรี่กลับเงียบไปลงโดยไม่ได้ตอบอะไรกลับมา จนทำให้เขาต้องหันกลับมามองเธอด้วยความสงสัย และพบว่าเด็กสาวที่นั่งอยู่บนเตียงนั้นกำลังมีสีหน้าซีดเผือดและสั่นระริกราวกับว่าเธอกำลังหวาดกลัวอะไรบางอย่างอยู่
จนทำให้อารอนที่เห็นแบบนั้น ต้องรีบผละมือออกมาจากเอกสารที่เขากำลังเขียนอยู่ พร้อมกับคุกเข่านั่งลงที่ด้านหน้าของเด็กสาวก่อนจะจับไหล่ของเธอเอาไว้ และค่อยๆ ลูบศีรษะของเธอเบาๆ หวังว่าจะช่วยให้เธอใจเย็นลงบ้างสักนิดก็ยังดี
“ถ้าเธอไม่อยากบอกก็ไม่เป็นอะไรหรอก… ฉันแค่ถามออกมาจะได้เรียกพวกเธอถูกเท่านั้นแหละ… ไม่ต้องกลัวนะ ไม่เป็นอะไรแล้ว…”
“พี่อารอน…”
เธอเงยหน้ามามองอารอนด้วยสีหน้าที่สดใสขึ้นพร้อมปล่อยให้เขาลูบหัวไปมา ก่อนที่เธอจะก้มหน้ากลับลงไปนึกตัดสินใจอยู่สักครู๋
“น…หนูก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ…ชื่อของเด็กคนนั้น…”
“อื้ม…เข้าใจแล้วล่ะ…”
อารอนพยักหน้าพร้อมยิ้มบางๆ ตอบแมรี่กลับไป ก่อนที่เขานั้นจะลุกกลับขึ้นไปเขียนเอกสารอยู่สักครู่หนึ่ง
โดยที่ในระหว่างนั้นเขาก็แอบเหลือบหันกลับมามองแมรี่ ที่เหมือนว่าสีหน้าจะดีขึ้นกว่าเมื่อตอนที่เธอเพิ่งมาถึงอยู่บ้างไม่มากก็น้อย ถึงแม้ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงเพียงแค่เล็กๆ น้อยๆ แต่มันก็ถือว่าเพียงพอแล้วสำหรับนายแพทย์อย่างเขา
“เอาล่ะ…เสร็จแล้ว ถ้างั้นพวกเรากลับไปหาคุณพยาบาลเขากันเถอะ”
“ค—ค่ะ!”
กริ๊งงงง—-!
แต่ในขณะที่อารอนกำลังเดินนำแมรี่กลับไปที่ห้องพักพนักงานนั้นเอง เสียงกระดิ่งของคลินิกก็ได้ดังขึ้นมาอีกครั้งซะก่อน จนทำให้เขาหยุดเท้าลงและมองไปยังประตูคลินิกของเขาอย่างสงสัย
“ฮื่ม… ดูเหมือนวันนี้จะยุ่งเป็นพิเศษนะเนี่ย…”
“ม…มีแขกมาหรอคะพี่อารอน?”
“น่าจะเป็นแบบนั้นแหละ… ขอฉันออกไปรับแขกก่อนละกันนะ เธอเข้าไปรอในห้องก่อนเลยก็ได้…”
อารอนพูดบอกแมรี่ไปก่อนที่เขาจะเดินไปทางประตูของคลินิก แต่เมื่อเขาพบว่าแมรี่ได้เดินตามหลังเขามาไม่ยอมห่างเขาก็หันกลับไปยิ้มให้กับเธอเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะเปิดประตูออกไปเพื่อที่จะพบกับผู้มาเยือน
“….!”
แต่เมื่อเขาเปิดประตูออกไปแล้วอารอนก็กลับนิ่งไป เมื่อเขาเห็นร่างเล็กๆ ของสาวใช้ผมสีเทาทรงหางม้าในชุดเครื่องแบบสีน้ำตาลเข้มคาดทับด้วยผ้ากันเปื้อนสีขาว
ที่ถึงแม้ว่าเธอจะยืนอยู่ท่ามกลางฝนที่ตกอยู่ข้างนอก แต่ว่าทั้งชุดและเส้นผมของเธอกลับไม่มีท่าทีว่าจะเปียกเลยแม้แต่น้อย ในขณะที่เธอนั้นก็ได้ใช้นัยน์ตาสีแดงทั้งสองข้างของเธอมองตรงมาที่เขาด้วยสีหน้านิ่งเฉย
“เธอ…”
“ถึงเวลาแล้วค่ะ… ท่านอารอน”
เธอตอบเขากลับมาเพียงแค่สั้นๆ จนทำให้อารอนได้แต่เกาศีรษะตัวเองไม่รู้จะพูดยังไงกับเธอต่อดี
ก่อนที่เขาจะรู้สึกถึงชายเสื้อที่ถูกดึงลง ทำให้เขาหันลงไปเห็นแมรี่ซึ่งเดินมาเกาะชายเสื้อของเขาและกำลังมองมาที่เขาด้วยความเป็นห่วง เขาจึงตัดสินใจที่จะเชิญผู้มาเยือนคนที่สองเข้ามาคุยกันด้านในก่อน
“เข้ามาก่อนสิ… จะได้คุยกันได้สบายๆ หน่อย”
“ขอบพระคุณมากค่ะ”
สาวใช้ตัวเล็กนั้นตอบอารอนกลับมาด้วยสีหน้านิ่งเฉย ก่อนที่จะเดินเข้ามาในตัวอาคาร แต่ว่าเมื่อนัยน์ตาสีแดงของเธอเหลือบไปเห็นแมรี่ที่กำลังเกาะชายเสื้อของอารอนอยู่นั้น เธอก็ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ พร้อมกับจ้องไปที่ดวงตาข้างซ้ายของแมรี่จนทำให้เธอสะดุ้งตกใจ
“….!?”
แมรี่ที่ถูกจ้องมองในระยะประชิดนั้นก็ได้แต่ตกใจจนทำตัวไม่ถูกก่อนจะรีบขยับหลบไปด้านหลังของอารอนและเอาหน้าซุกกับเสื้อของเขาเอาไว้หวังว่าจะให้เขาช่วยปกป้องเธอ แต่ว่าอารอนกลับนิ่งเงียบไม่พูดอะไรและปล่อยให้สาวใช้ร่างเล็กคนนั้นขยับเข้ามาใกล้ๆ
“จนได้สินะคะ…”
“อ—เอ๋ะ…?”
แปะ
“….?”
ทันใดนั้นเองแมรี่ที่กำลังหวาดกลัวอยู่นั้นก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่สัมผัสกับศีรษะของเธอ เมื่อเธอเงยหน้ากลับขึ้นมาด้วยความสงสัยก็พบว่ามันคือมือของสาวใช้ที่กำลังลูบหัวของเธอไปมา พร้อมกับมองมาที่เธอด้วยความสงสาร
“อืม… ไปกันเถอะ ด้านในห้องมีเก้าอี้อยู่ ไปนั่งคุยกันที่นั่นดีกว่า…”
เมื่ออารอนเห็นว่าสาวใช้ตัวน้อยไม่ได้พูดอะไรออกมามากกว่านั้นเขาก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงโล่งอก ก่อนที่เขาจะเดินนำทั้งสองเข้าไปด้านในห้องพัก ซึ่งมีนางพยาบาลกำลังอุ้มทารกที่แมรี่ฝากเอาไว้อยู่ในอ้อมกอดรอพวกเขาอยู่
“อ่ะ ตรวจเสร็จแล้วหรอคะคุณอารอ—- นี่เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงน่ะ!!?”
แต่พอนางพยาบาลสาวเห็นร่างเล็กๆ ของสาวใช้ผมสีเทาที่เดินตามหลังเขาเข้ามาด้วย เธอก็สะดุ้งตกใจ
ก่อนจะเดินถอยหลังไปด้วยสีหน้าตื่นตระหนกตกใจกับว่ากำลังเห็นผีอยู่อย่างไรอย่างนั้น
แต่ว่าก่อนที่เธอจะได้พูดอะไรไปมากกว่านั้นอารอนก็ยกมือขึ้นมาห้ามนางพยาบาลของเขาเอาไว้ก่อน
“ไม่ต้อง… เขาเป็นแขกของฉัน…”
“ข—แขกงั้นหรอคะ—!? เธอคนนี้เนี่ยนะคะ!? คุณอารอน!! นี่ในที่สุดคุณก็เป็นบ—”
แต่ว่าอารอนกลับไม่สนใจเสียงโวยวายของนางพยาบาลเลยแม้แต่น้อย เขาเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานของเขา และเลื่อนเก้าอี้อีกสองตัวมาให้แมรี่กับผู้มาเยือนอีกคน
“กาแฟมั้ย…? ถึงฉันจะไม่ได้ชงเองแต่ว่ารสชาติก็น่าจะถูกปากเธออยู่นะ…”
เขาพูดถามออกมาพร้อมเทกาแฟจากเหยือกแก้วบนโต๊ะของออกมา ก่อนที่เขาจะยื่นมันให้กับสาวใช้ร่างเล็กซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่เขาเลื่อนมาไว้ให้ โดยมีแมรี่นั่งอยู่ข้างๆ เขาด้วยท่าทีกล้าๆ กลัวๆ ไม่กล้ามองผู้มาเยือนรายใหม่ตรงๆ
“….”
สาวใช้ร่างเล็กคนนั้นรับถ้วยกาแฟมาจากอารอน และหยิบมันขึ้นมาจิบเล็กน้อยก่อนที่จะพ่นลมหายใจออกมาทีหนึ่ง ซึ่งเมื่อเห็นท่าทางของเธอแบบนั้นก็ทำให้เขารู้ว่าเธอค่อนข้างจะถูกใจกาแฟที่เขายื่นให้อยู่พอสมควร
“ได้เห็นเธอทำท่าทางแบบนี้แล้วก็นึกถึงเรื่องเมื่อก่อนดีนะ… เธอคิดว่าไงล่ะ…?”
“….”
ร่างเล็กๆ นั้นยังคงนิ่งเงียบไม่ตอบคำถามของอารอน พลางค่อยๆ จิบกาแฟในมือแก้วนั้นต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมันหมดไป ก่อนที่สาวใช้ผมเทาคนนั้นจะวางแก้วกาแฟลง และหันกลับมามองหน้าของอารอนด้วยดวงตาสีแดงทั้งสองข้างของเธอ
“ท่านอารอน คำตัดสินได้ถูกกำหนดออกมาแล้ว… ที่ดิฉันมาในวันนี้ก็เพื่อที่จะแจ้งเรื่องนี้ให้ท่านทราบ และมารอคำตอบรับของท่านอารอนค่ะ”
“เป็นเรื่องนั้นจริงๆ ด้วยสินะ…”
ซึ่งพออารอนได้ยินแบบนั้น เขาก็กำแก้วกาแฟในมือของเขาแน่น ก่อนที่เขาจะวางมันลงบนโต๊ะและจ้องหน้าของสาวใช้ผมเทาคนนั้นกลับไปบ้าง
“ถ้าเกิดว่ามันเป็นเรื่องนั้นจริงๆ ทำไมหัวหน้าของเธอถึงไม่มาเองล่ะ…? ถึงฉันจะยังไม่พร้อมที่จะเจอหน้าเขาอีกครั้งก็เถอะ…”
“ตอนนี้ท่านหัวหน้าและคนอื่นๆ กำลังปฏิบัติภารกิจอยู่ภายในเมืองค่ะ”
“ภารกิจ…ที่นั่นงั้นสินะ…”
สาวใช้ผมเทานั้นก็พยักหน้ากลับมาเป็นคำตอบไปทีหนึ่ง โดยที่ไม่สนใจถึงสายตาสับสนของแมรี่เลยแม้แต่น้อย ก่อนที่อารอนซึ่งกำลังก้มหน้านั่งนึกอะไรบางอย่างอยู่นั้นจะเอ่ยปากถามสาวใช้คนนั้นกลับไป
“ฉันสามารถพาใครไปด้วยได้บ้าง…?”
“สำหรับท่านอารอนแล้ว ไม่ว่าจะพาใครไปด้วยก็ได้รับอนุญาตทั้งนั้นค่ะ แต่หัวหน้าเขาเชื่อว่าท่านอารอนคงจะไม่เลือกที่จะพาใครไปพร่ำเพรื่อหรอกนะคะ”
เธอพูดออกมาพร้อมกับเหลือบนัยน์ตาสีแดงของเธอไปมองนางพยาบาลที่หลบอยู่ตรงมุมห้อง กับแมรี่ซึ่งกำลังนั่งอยู่ข้างๆ อารอนเล็กน้อย ก่อนที่จะหันกลับไปมองหน้าอารอนซึ่งกำลังจ้องมองแก้วกาแฟบนโต๊ะด้วยสีหน้าลำบากใจอย่างเห็นได้ชัดโดยไม่พูดอะไรออกมาอีก
“ฉัน… ขอเวลาฉันคิดดูก่อนละกัน…”
“…..”
หลังจากที่สาวใช้ผมเทาได้ยินแบบนั้น เธอก็พยักหน้าให้เขากลับมาทีหนึ่งก่อนที่จะลุกขึ้นและเดินเข้ามาใกล้ๆ อารอน
“หัวหน้าเขาคงจะรู้อยู่แล้วล่ะค่ะว่าท่านจะต้องตอบแบบนี้… เขาถึงได้ฝากคำพูดมาให้ดิฉันบอกกับท่านอารอนอย่างหนึ่งด้วยค่ะ”
“ฝากคำพูดเอาไว้หรอ…?”
“ใช่ค่ะ หัวหน้าฝากดิฉันมาบอกท่านว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เขาก็จะทำให้ความปรารถนาของท่านอารอนเป็นจริง… ถึงแม้ว่าท่านจะไม่ต้องการมันแล้วก็ตาม…”
“ความปรารถนาของฉัน…งั้นหรอ…”
อารอนที่ได้ยินแบบนั้น เขาก็ได้แต่ก้มหน้าลงพร้อมกับขมวดคิ้วและกัดฟันแน่น เมื่อภาพความทรงสมัยก่อนที่เขาพยายามที่จะลืมมันไปได้ไหลผ่านกลับเข้ามาในหัวของเขาอีกครั้งหนึ่ง
จนทำให้นางพยาบาลที่อยู่แอบฟังอยู่ตรงมุมห้องนั้นได้รีบเดินกลับเข้ามาส่งร่างของทารกน้อยในอ้อมแขนของเธอกลับคืนให้กับแมรี่ ก่อนที่เธอจะโอบกอดร่างของอารอนเอาไว้และส่งสายตาตำหนิไปให้สาวใช้ร่างเล็กคนนั้นในทันที
“….”
แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่กล้าที่จะพูดต่อว่าอะไรสาวใช้ผมสีเทาคนนั้นที่กำลังมองเธอกลับมาด้วยสายตานิ่งเฉย ทำให้เธอได้แต่โอบกอดอารอนและลูบศีรษะของเขาเบาๆ อย่างอ่อนโยน
เมื่ออารอนสงบสติลงได้แล้วเขาก็เงยหน้าขึ้นสบตากับพยาบาลสาว ซึ่งเธอก็พยักหน้าให้กับเขาเหมือนกับจะบอกให้รู้ว่า ไม่ว่าเขาจะตัดสินใจอย่างไร เธอก็จะเคารพในสิ่งที่เขาได้เลือกลงไป
“มันจะ… ไม่เป็นการเห็นแก่ตัวเกินไป…ใช่หรือเปล่า…?”
เขาเงยหน้าขึ้นมาถามสาวใช้ผมเทาคนนั้น ซึ่งมันก็ทำให้เธอเผยรอยยิ้มเล็กๆ ตรงมุมปากที่คนอื่นแทบไม่ทันสังเกตเห็นออกมา ก่อนที่เธอจะพูดตอบเขากลับมาสั้นๆ
“ขอแค่ท่านเอ่ยปากออกมาว่าต้องการอย่างไรก็พอแล้วค่ะ…”
ก่อนที่เธอจะลุกขึ้นและเดินตรงไปที่ประตูห้องพร้อมๆ กับที่ประตูบานนั้นถูกเปิดออกมาเอง โดยไม่สนใจนางพยาบาลที่กำลังมองเธอด้วยสายตาไม่เป็นมิตรเลยแม้แต่น้อย
“ถ้าเกิดท่านอารอนพร้อมที่จะให้คำตอบเมื่อไหร่ ท่านก็คงรู้ว่าจะหาตัวดิฉันได้ที่ไหนสินะคะ”
“เดี๋ยวก่อน…! ฉันมีเรื่องที่ต้องถามอยู่…”
แต่แล้วเมื่ออารอนเห็นอีกฝ่ายกำลังจะเดินออกจากห้องไปนั้น เขาก็รีบลุกขึ้นพร้อมเรียกเธอเอาไว้ ซึ่งสาวใช้ผมเทาก็หยุดพร้อมหันกลับมามองรอคำถามของเขาอยู่นิ่งๆ
“เธอก็รู้ว่าฉันอาจจะไม่ตอบตกลงกับพวกเธอก็ได้ไม่ใช่หรอ…? ถ้าเกิดเป็นแบบนั้นขึ้นมาเธอจะทำยังไงล่ะ…?”
“ไม่ทำค่ะ…”
ซึ่งเธอก็ตอบเขากลับมาสั้นๆ ก่อนที่จะหันหลังกลับและก้าวเดินออกไปอีกครั้ง ทำให้อารอนต้องรีบลุกขึ้นและเดินตามไปก่อนที่เธอจะได้เดินออกจากคลินิกของเขาไป
“ถ้าอย่างนั้นทำไมถึง…”
“หัวหน้าบอกกับดิฉันเอาไว้ว่า…. ถ้าเกิดว่าท่านยังตัดสินใจไม่ได้สักที… สักวันหนึ่งโลกใบนี้จะทำให้ท่านหายลังเลเองค่ะ…”
และเมื่อสาวใช้ผมสีเทาร่างเล็กพูดเสร็จ ประตูของคลินิกก็ถูกเปิดออกด้วยตัวของมันเอง ก่อนที่เธอจะเดินออกไปข้างนอกท่ามกลางฝนที่ยังคงตกอยู่ และประตูบานนั้นก็ค่อยๆ เลื่อนกลับมาปิดเองอีกครั้งในทันที
ปึ้ง!!
“เดี๋ยวก่อนสิ…!”
แต่เมื่ออารอนวิ่งตามเธอไปผลักประตูคลินิกให้เปิดออกนั้น เขาก็ไม่พบกับใครอยู่บริเวณด้านหน้าคลินิกของเขาเลยแม้แต่คนเดียว ราวกับว่าสาวใช้ที่มาหาเขาเมื่อสักครู่นั้นเป็นเพียงแค่ภาพลวงตาในช่วงเวลาฝนพรำเท่านั้น
“…..”
อารอนที่เห็นว่าเธอจากไปแล้วนั้นก็ได้แต่ปิดประตูกลับลงไปแบบเดิม และเมื่อเขาหันกลับมาก็พบว่านางพยาบาลและแมรี่ซึ่งกำลังอุ้มทารกน้อยอยู่ได้เดินตามเขาออกมาจากห้องพักพนักงานด้วยความเป็นห่วง
“พ…พี่สาวคนเมื่อกี้…เขาคือใครหรอคะพี่อารอน?”
“แค่คนรู้จักของอารอนเขาเฉยๆ น่ะจ้ะ ไม่ต้องไปสนใจหรอก”
“อื้ม… ก็ตามนั้นแหล่ะ…แค่เพื่อนเก่าเฉยๆ น่ะ…”
“ถ…ถ้าพี่อารอนว่างั้นก็ได้แหละค่ะ…”
เธอพยักหน้าตอบนางพยาบาลและอารอนที่พยายามรักษาท่าทีใจเย็นของพวกตนเอาไว้ ก่อนที่จะก้มไปมองทารกตัวน้อยในอ้อมกอดของเธอที่ได้ผล็อยหลับไปตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่ทราบ
“ว่าแต่เธอจะเอายังไงต่อดีล่ะแมรี่…? ให้ฉันช่วยพาไปส่งที่บ้านหลังฝนหยุดมั้ย?”
“อ…อ่า… คือเรื่องนั้น…คือแบบว่า…”
“หื้ม? นั่นมันอะไรน่ะ? อารอนคะมาดูทางนี้หน่อยสิ”
แต่ในขณะที่แมรี่กำลังอ้ำอึ้งตอบอะไรกลับไปไม่ถูกอยู่นั้นเอง นางพยาบาลที่สังเกตเห็นอะไรบางอย่างผ่านหน้าต่างของคลินิกก็ได้เอ่ยปากเรียกอารอนไปซะก่อน
“ไหน…? มีอะไรหรอ…?”
“พี่พยาบาลเห็นอะไรหรอคะ…?”
พอเขากับแมรี่เดินไปที่หน้าต่างบานนั้น พวกเขาก็เห็นปราสาทใจกลางเมืองรีมินัสที่บดบังวิวของหน้าต่างบานนั้นไปซะเกือบมิดจนพวกเขาแทบจะมองอะไรอย่างอื่นไม่เห็น
ซึ่งมันก็เป็นเรื่องปกติเพราะว่าเดิมทีแล้วหน้าต่างแถวนี้ทุกบานที่หันไปทางทิศนี้ก็ถูกตัวปราสาทบังซะจนมองอะไรแทบจะไม่เห็นอยู่แล้ว
“ตรงหน้าต่างชั้นบนของปราสาทนั้นน่ะจ้ะ เมื่อกี๊มันเหมือนมีแสงแว๊บออกมา”
“หืม…?”
นางพยาบาลตอบเขากลับมาพร้อมกับชี้นิ้วขึ้นไปที่หน้าต่างบานหนึ่งซึ่งอยู่ตรงส่วนบนของตัวปราสาท พวกเขาที่มองตามไปก็พบว่าที่หน้าต่างบานนั้นกำลังมีแสงวูบวาบลอดออกมา ก่อนที่จะมีกลุ่มควันสีดำจำนวนมากพวยพุ่งออกจากหน้าต่างบานนั้น
“ฟ—ไฟไหม้หรอคะ!?”
แมรี่ที่เห็นแบบนั้นเธอก็พูดออกมาด้วยความตกใจในทันที ทำให้อารอนรีบเลื่อนมือลงมาลูบหัวของเธอเบาๆ พร้อมพยายามพูดดึงความสนใจไปทางอื่น
“ไม่ต้องห่วงหรอก… ปกติพวกคนข้างในปราสาทเขาก็ทำอะไรแบบนี้เป็นประจำล่ะ ไม่น่ามีปัญหาอะไรหรอก… พวกเรากลับไปในห้องกันดีกว่——–”
ตู้ม!!!