บทที่ 23 หม้อทองคำใบที่หนึ่ง

ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก

บทที่ 23 หม้อทองคำใบที่หนึ่ง

บทที่ 23 หม้อทองคำใบที่หนึ่ง

กลิ่นหอมที่ปะทุระเบิดออกไป บาร์บีคิวที่ปิ้งเสร็จก็ถูกส่งมอบให้ลูกค้า หลายคนอดใจไม่ไหวรอรับส่วนของที่ตนเองสั่ง ทันทีที่ทานเข้าไป บรรดาคนที่เคี้ยวตุ้ยต่างก็ชมไม่ขาดปาก

ทั้งกลิ่นหอมฟุ้งและคำชมจากผู้คนรอบด้าน เป็นการช่วยอู๋ฝานดึงดูดลูกค้าเข้ามามากขึ้น ดังนั้นตั้งแต่เริ่มลงมือขายไม้แรกจนสุดท้ายจึงไม่ได้หยุดมือแม้แต่น้อย เป็นการง่วนกับการปิ้งบาร์บีคิว

กิจการวันนี้เรียกได้ว่าดีที่สุดนับตั้งแต่อู๋ฝานเริ่มกิจการมาเลยทีเดียว หน้าร้านมีคนต่อแถวคอยอยู่ไม่ขาด เรื่องราวนี้จึงทำอู๋ฝานที่ไม่ได้เตรียมตัวถึงระดับนี้มาก่อน ต้องขายหมดเกลี้ยงก่อนจะเที่ยงคืนด้วยซ้ำ

“ต้องขออภัยด้วยครับ ตอนนี้ขายหมดทุกอย่างแล้ว คงต้องขอให้มาใหม่วันพรุ่งนี้ครับ” อู๋ฝานกล่าวบอกกลุ่มคนตรงหน้าร้านที่ยังต้องการซื้อบาร์บีคิว

“ไม่ได้สิ นี่ฉันต่อแถวรอมาตั้งสิบนาทีนะ เถ้าแก่ มีอะไรปิ้งอันนั้นมาให้ก็ได้”

“ใช่แล้ว ยืนดมกลิ่นในแถมอยู่ตั้งนาน ถ้าวันนี้ไม่ได้กิน คืนนี้คงนอนไม่หลับเพราะคาใจแน่”

“เถ้าแก่ ไม่ได้อยากว่าอะไรนะ แต่ดูเวลาหน่อยไหม? ของที่เตรียมมาขายหมดเสียแล้ว ถือว่าเตรียมมาน้อยเกินไปนะ”

“เก้าอี้ยังพอมีว่าง แต่โต๊ะไม่พอนะ”

เห็นได้ชัด ว่าพอบาร์บีคิวของอู๋ฝานขายหมด จึงทำหลายคนไม่พอใจ บางคนต่อแถวรออยู่นานพอสมควรแต่อดกิน บ้างก็กินไปแล้ว ชอบในรสชาติ จึงต้องการซ้อเพิ่มก็มี แต่ไม่ว่าจะกรณีไหน ตอนนี้ไม่อาจซื้อได้อีก ไม่แปลกหากว่าจะเกิดความไม่พอใจขึ้น

นอกจากนี้อุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือที่อู๋ฝานมีก็ค่อนข้างธรรมดา จำนวนการสั่งไม่มากยังไม่เป็นไร หากแค่ถือทานยังไม่เท่าไหร่ แต่มีคนที่สั่งจำนวนมากและคิดไปหาสถานที่นั่งทาน กลับได้พบว่ามีที่นั่งไม่มากพอ หากไม่ใช่เพราะบาร์บีคิวของร้านอู๋ฝานดีกว่าร้านอื่นจริง พวกเขาคงไม่เลือกกินที่นี่ ดังนั้นพอขายหมดก่อนเวลาที่จะรับได้ ไม่แปลกหากจะมีคำบ่น

“ผมต้องขอโทษจริง ๆ ครับ วันนี้หมดแล้ว พรุ่งนี้ผมจะเตรียมมาให้มากขึ้นครับ” อู๋ฝานได้แต่ขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ส่วนเรื่องโต๊ะกับเก้าอี้ พรุ่งนี้ผมจะเตรียมมาให้มากขึ้นครับ”

พบเห็นอู๋ฝานไม่มีอะไรขายให้แล้วจริง กลุ่มคนจึงต้องแยกย้ายแม้ไม่ยินดี อู๋ฝานเองก็เร่งรีบเก็บของกลับบ้าน เพราะไม่กล้าที่จะอยู่ต่อนาน

ในตอนที่อู๋ฝานกลับถึงที่พัก ก็เพิ่งจะแค่เที่ยงคืน มันเร็วกว่าปกติ เห็นได้ชัดว่ากิจการปกติเป็นอย่างไร ขณะที่วันนี้ร้อนแรงสุดขั้ว อู๋ฝานย่อมทราบดีว่าทั้งหมดก็เพราะฝีมือทำอาหารของตนเองก้าวหน้าขึ้นมาก บาร์บีคิวเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของทักษะทำอาหาร แต่แม้จะเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่ง แต่ด้วยทักษะทำอาหารระดับสูงที่เปรียบดังพรแก่อู๋ฝาน ก็ทำให้คุณภาพเปลี่ยนแปลงไปอย่างมหาศาล

ภายหลังวางของที่ขนกลับมา อู๋ฝานจึงนำปีกไก่จำนวนหนึ่งออกจากตู้เย็น เพื่อปิ้งสำหรับกินเอง

“รสชาติดีกว่าก่อนหน้านี้มากจริง เทียบเปรียบกับบาร์บีคิวเจ้าอื่น น่าจะสูงกว่าสักหนึ่งหรือสองระดับได้ เพียงแต่หากเทียบกับฝีมือของป้าใหญ่หวังแล้ว ถือว่ายังเลวร้ายกว่ามาก” อู๋ฝานกินไปพลางวิเคราะห์ทักษะทำอาหารของตนเองไป เพื่อให้ตนเองมีความใจต่อระดับปัจจุบัน

แม้ว่าระดับของบาร์บีคิวจะสูงกว่าร้านอื่นอยู่สักหนึ่งหรือว่าสองระดับ แต่สองระดับนี้ไม่ใช่ว่าจะทำได้โดยง่าย ระหว่างบาร์บีคิวของอู๋ฝานกับของเจ้าอื่นยังมีแก่นแท้ที่แตกต่าง มันจึงทำให้ผู้คนเกิดความรู้สึกร่วมกัน เมื่อได้ลอง จึงได้ทราบชัดเจนว่าบาร์บีคิวของเจ้าใดที่อร่อยกว่า

มันจึงเป็นสาเหตุที่บาร์บีคิวของอู๋ฝาน วันนี้จึงขายดีเป็นเทน้ำเทท่า

เพียงแต่ อู๋ฝานทราบดีว่าแนวทางการพัฒนาบาร์บีคิวของตนเองยังมีอีกมาก อย่างแรกคือตัวเขามีทักษะทำอาหารระดับสูง ระดับของการทำอาหารสามารถเพิ่มขึ้นได้ ดังนั้นจึงพัฒนาได้ง่ายกว่าคนอื่น ที่ตัวเขาต้องทำก็เพียงแค่ทำอาหารต่อไปเรื่อย มันก็มากพอจะเพิ่มค่าประสบการณ์ เพียงแต่คนทำอาหารคนอื่นคิดเพิ่มระดับฝีมือนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย หากจะมีก็คงเป็นคนทำอาหารผู้มีพรสวรรค์

นอกจากนี้แล้ว วัตถุดิบก็ถือเป็นตัวแปรสำคัญ สาเหตุที่ไก่ของป้าใหญ่หวังอร่อยล้ำ มันไม่เพียงเพราะเธอเป็นแม่ครัวยอดฝีมือ แต่ยังเป็นเพราะคุณภาพของเนื้อแก่ที่เธอขุนเลี้ยงด้วยตัวเอง มันดีกว่าไก่ตัวใด ดังนั้นจึงไม่แปลกหากว่ารสชาติจะยอดเยี่ยม

สำหรับอู๋ฝาน ตอนนี้ที่มีหลังภูเขาของหมู่บ้านมือใหม่เป็นของตนเอง เขาสามารถเพาะปลูกผัก ผลไม้ รวมถึงเลี้ยงไก่และเป็ด ถึงเวลานั้น ลำพังแค่วัตถุดิบ ในโลกความเป็นจริงร้านของเขาย่อมดีกว่าร้านของคนอื่น ต่อให้ร้านอื่นคิดไล่ตามให้ทัน พวกเขาก็แทบไม่อาจไล่ตามให้ทันได้

“ไหลมา เทมา” อู๋ฝานเริ่มนับเงินด้วยดวงตาเป็นประกายยามนึกถึงอนาคต

วันนี้เพียงหนึ่งวัน เขาขายได้รวมสี่พันหยวน เทียบเปรียบกับรายได้ประจำวันของร้านบาร์บีคิวร้านใหญ่ ถือว่ายังไม่ใช่จำนวนที่มากมายอะไร ยิ่งถ้าเทียบเปรียบกับร้านระดับภัตตาคารด้วยยิ่งแล้วใหญ่ เพียงแต่หากเทียบกับรายได้ทางการค้าที่อู๋ฝานเคยทำได้ วันนี้ถือว่าเก็บเกี่ยวได้ครั้งใหญ่ เพราะตัวเขาเตรียมวัตถุดิบไปไม่มากพอด้วย หากว่าเตรียมไปมากกว่านี้ จำนวนรายรับจะยิ่งเพิ่มขึ้น

“วันนี้ถือเป็นวันที่ได้รับหม้อทองคำใบแรกจากการใช้โลกแห่งเกมละนะ” อู๋ฝานครุ่นคิดกับตัวเอง

แม้อู๋ฝานเคยคิดภาพฉากของวันนี้ เมื่อตอนที่ตระหนักได้ว่าสามารถนำอะไรกลับมาจากอีกโลกหนึ่งสู่โลกแห่งความเป็นจริงได้บ้าง แต่ก็ไม่ได้นึกคิดว่าจะรวดเร็วขนาดนี้ และยามเมื่อมันเป็นจริง ก็ยังคงต้องรู้สึกประหลาดใจและนึกทึ่ง ทักษะทำอาหารที่เป็นเพียงหนึ่งในความสามารถซึ่งได้รับจากอีกโลกหนึ่ง มันยังไม่ใช่ความโดดเด่นอันเป็นพิเศษด้วยซ้ำ เชื่อว่าอีกไม่นาน อู๋ฝานจะใช้สิ่งที่ได้รับจากอีกโลกหนึ่ง มาแสวงหาประโยชน์จากโลกความเป็นจริงได้อีกมาก

ดังทราบว่าตัวเขาเพิ่งจะเข้าไปยังอีกโลกหนึ่งได้เพียงไม่กี่วัน ทั้งยังอยู่แค่หมู่บ้านมือใหม่ ยังไม่ใช่เข้าใจต่ออีกโลกหนึ่งอย่างเต็มที่ กลับนำความเปลี่ยนแปลงมาสู่ชีวิตที่มากขึ้นถึงเพียงนี้แล้ว

ภายหลังสงบอาการตื่นเต้นยินดีในใจลงไป อู๋ฝานจึงไปอาบน้ำ ก่อนจะกลับมาที่ห้องอีกครั้ง และด้วยแหวนพิเศษนั้นเอง เขาจึงกลับไปยังอีกโลกหนึ่ง

สภาพรอบด้านเปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหัน อู๋ฝานที่เมื่อครู่ยังคงอยู่ในห้อง พริบตาจึงได้กลับมายังเหมืองที่มีแสงสลัวอีกครั้ง

ภารกิจของช่างตีเหล็กซุนยังไม่แล้วเสร็จ ดังนั้นอู๋ฝานจึงดำเนินการขุดเหมืองต่อไป ภายในเหมืองอันเงียบงัน มันปรากฏเสียงระเบิด ดังซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ภายในเหมือง

เพียงแต่เรื่องราวดำเนินอยู่ได้ไม่นาน ภายหลังอู๋ฝานเทเลพอร์ตมา ร่างอันคุ้นเคยก็ปรากฏขึ้นในทัศนการมองเห็น

เป็นหนูขนทองอีกตัวหนึ่ง!

แต่แล้ว ยามที่อู๋ฝานพบเห็นหนูขนทอง เปลือกตากลับกระตุกหลายครั้งอย่างไม่รู้ตัว เพราะหนูขนทองตัวนี้มันขนาดใหญ่กว่าที่เคยพบเห็นมาก่อน ขนาดหมอบกับพื้นยังตัวใหญ่ น่าจะสูงเกินกว่าครึ่งเมตร หากว่ามันยืนขึ้น ย่อมต้องสูงเกินกว่าหนึ่งเมตร

มันไม่อาจเรียกว่าหนูได้อีกต่อไป แต่ควรเรียกได้ว่าเป็นหมีตัวหนึ่ง!