เมื่อเรือเข้าใกล้มากขึ้น กะลาสีก็เห็นเงาดำยักษ์ใต้น้ำทันทีและตะโกนด้วยความตกใจ “ดูเหมือนว่าจะมีก้อนหินอยู่ข้างหน้า”

เสียงเรียกดังขึ้นและกะลาสีขึ้นไปบนดานฟ้าเพื่อหาหินที่ซ่อนอยู่ใต้น้ำ กัปตันรีบไปที่ด้านหน้าของเรือ “นั่นเป็นไปไม่ได้ นี่เป็นเส้นทางที่ปลอดภัยมาก! เราแล่นเรือในเส้นทางนี้หลายครั้งแล้ว อยู่ๆจะมีก้อนหินโผล่มาได้ยังไง?”

อย่างไรก็ตามพวกเค้าเห็นเงาดำใต้น้ำใหญ่ขึ้นอย่างช้าๆ บริเวณวงกลมสีดำค่อยปรากฏขึ้นจากใต้น้ำ ความสับสนได้เกิดขึ้นในใจของทุกคน “นั่นคืออะไร?”

บูม! น้ำระเบิดขึ้นและมีหัวขนาดโตโผล่ขึ้นมาจากมหาสมุทรสู่สายตาของลูกเรือ ปลาหมึกยักษ์สีดำปะทุออกมาจากใต้มหาสมุทรหนวดยาวของมันไปพันเรือ ถ้วยดูดบนหนวดของมันดูน่ากลัวมาก

“พระเจ้า นั่นมันอะไร?!”

“มันเป็นสัตว์ประหลาดประเภทไหนกัน?!”

“ช่วยด้วยย!”

“แม่จ้า!”

ลูกเรืออ้าปากค้างขณะที่มองดูหนวดขนาดใหญ่จับเรือของพวกเค้า เอียงเรือของพวกเค้าไปในมหาสมุทร ลูกเรือถูกเหวี่ยงไปทั่วดานฟ้าด้วยพละกำลังของปลาหมึกยักษ์ เสียงหรีดร้องดังขึ้นจากเรือ

ชอร์ดสูญเสียการทรงตัวและถูกเขวี้ยงไปบนดานฟ้าตรงหน้าของสัตว์ประหลาด ปลาหมึกยักษ์เปิดปากดำสนิทของเค้าและชอร์ดก็เห็นเปลวไฟอยู่ข้างใน ชอร์ดหลบด้วยความมึนงงและพูดพึมพำเพียงคำเดียวว่า “สัตว์ประหลาด!” ไฟพุ่งออกมา ลุกติดเรือและเผาชอร์ดทันที เรือลำอื่นๆพยายามที่จะหนีแต่พวกเค้าก็ถูกปลาหมึกยักษ์ทำให้เรือล่มอย่างง่ายดาย

หลังจากเหตุการณ์นี้กองเรือก็ขับชนลูกหลานแห่งทะเลมากขึ้นเรื่อยๆ บางครั้งเป็นปลาหมึกยักษ์ บางครั้งเป็นวาฬขนาดใหญ่ บางครั้งเป็นฉลามที่มีหัวเป็นแคปซูลแข็งที่สามารถทำลายเรือได้ง่ายๆโดยการชนเข้ากับมัน สัตว์แต่ละตัวมีขนาดมหึมาและไม่ใช่อะไรที่มนุษย์ทั่วไปจะสามารถจัดการได้

ยิ่งเรือแล่นไปในมหาสมุทรมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีโอกาสที่จะเจอสิ่วมีชีวิตเหล่านี้มากขึ้น สิ่งชีวิตเหล่านี้มีขนาดใหญ่และไม่ค่อยปรากฏใกล้แผ่นดินหรือแหล่งน้ำตื้น แต่การปรากฏของพวกมันกลายเป็นอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่สำหรับการซื้อขายทางทะเลและลดรายได้ของพ่อค้าและขุนนางไปอย่างมาก

ผู้คนเริ่มใช้อัศวินสีเลือดเพื่อจัดการกับพวกมัน แต่แม้แต่อัศวินสีเลือดก็ไม่สามารถฆ่าพวกมันได้ พลังจากอัศวินสีเลือดสามารถสร้างความเสียหายอย่างมากให้กับพวกสัตว์ประหลาดแต่ไม่สามารถฆ่าพวกมันได้ สุดท้ายลูกหลานแห่งทะเลก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่สามารถใช้พลังเหนือธรรมชาติได้

สัตว์ประหลาดเหล่านี้เป็นเหมือนเทพเจ้า บางสามารถพ่นไฟได้ บางสามารถแช่แข็งได้ บางมีความสามารถในการปล่อยเสียงแปลกๆที่ทำให้เหล่าลูกเรือหลับ แต่ละตัวมีพละกำลังมากและผิวที่แข็งแรง สัตว์ประหลาดบางตัวรวมตัวเป็นกลุ่ม ว่ายน้ำในบางพื้นที่ของมหาสมุทร ลาดตระเวนดินแดนทะเลลึก ไม่มีกองเรือและอัศวินสีเลือดที่ออกเดินทางไปแล้วได้กลับมา แม้แต่นักรบที่ทรงพลังที่สุดก็ดูเหมือนจะไร้พลังเหมือนอยู่ตอหน้าเหล่าสัตว์ประหลาด มหาสมทุรกลับมาสู่ความมืดอีกครั้ง ผู้คนให้สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ด้วยชื่อ ‘ลูกหลานแห่งทะเล’

นอกเหนือจากภัยธรรมชาติต่างๆ ตอนนี้นักเดินเรือยังต้องเจอกับอุปสรรคที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ทะเลลึกกลายเป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่กล้าเสี่ยง

หลังจากสร้างสากูนแล้วลูซีหยูเริ่มคิดเกี่ยวกับการทำงานของตัวเองอีกครั้ง อย่างไรก็ตามเค้าไม่ได้วางแผนที่จะสร้างต้นแบบสิ่งมีชีวิตในตำนานเพื่อตัวเค้าเอง เค้าสามารถลองเพิ่มความสามารถพิเศษบางอย่างลงไปในยีนของเค้าได้ ในแง่นั้นเค้าจะเป็นเหมือนสิ่งมีชีวิตที่ได้รับผลกระทบจากเลือดของสากูน เค้าไม่ได้เป็นสิ่งมีชีวิตที่ไร้วิญญาณและเต็มไปด้วยความอ่อนแอ แต่เค้าไม่สามารถเร่งสิ่งต่างๆ การพยายามใช้ต้นแบบสิ่งมีชีวิตในตำนานกับตัวเค้าจะทำให้เซลล์และยีนของเค้าพังทลายจำนวนมาก ลูซีหยูไม่ต้องอยู่โดยมีแค่สมอง

การคำนึงถึงร่างกายของเค้าทั้งหมดจะใช้เวลา17ปี มันผ่านมาเป็นเวลา1ปีแล้วและเค้าสามารถรอได้ นอกจากนี้เค้าสามารถใช้เวลานี้เพื่อพิจารณาชนิดของต้นแบบสิ่งมีชีวิตในตำนานที่เค้าต้องการได้ สิ่งแรกที่เค้าพิจารณาคือความอ่อนแอของสิ่งมีชีวิตในตำนานและวิธีฆ่าผู้คน จนถึงตอนนี้ดูเหมือนว่าสัตว์ในตำนานนั้นสามารถแก้ไขได้และเป็นอมตะ พวกมันสามารถมีพลังมากขึ้นเรื่อยๆและศักยภาพของพวกมันนั้นไร้ขีดจำกัด แต่พวกมันนั้นสมบูรณ์แบบจริงๆใช่มั้ย?

“ตราบใดที่ฉันไม่สามารถฆ่าเซลล์ที่ได้รับการแก้ไขของสิ่งมีชีวิตในตำนานทั้งหมดในการโจมตีครั้งเดียว พวกมันจะไม่ตายและมันยังมีโอกาสเกิดใหม่!” ลูซีหยูส่ายหัว นี่มันพูดง่ายกว่าทำ มันเป็นไปได้มากกว่าที่สิ่งมีชีวิตในตำนานจะมีกลุ่มของสิ่งมีชีวิตอื่นๆที่ได้รับผลกระทบ โดยเจตนาหรือไม่ จะมีรูปแบบของสิ่งมีชีวิตอื่นๆที่หลอมรวมเข้ากับสิ่งมีชีวิตในตำนานโดยไม่ได้ตั้งใจหรือหลอมรวมกับเซลล์ที่ได้รับการแก้ไขของมัน สิ่งมีชีวิตเหล่านี้เป็นไข่ของสิ่งมีชีวิตในตำนาน แม้ว่าร่างกายหลักจะถูกฆ่าแต่สิ่งมีชีวิตในตำนานจะสามารถเกิดใหม่ได้จากร่างของไข่ของพวกมัน ในกรณีที่จะฆ่าสิ่งมีชีวิตในตำนานได้อย่างสมบูรณ์ เราจะต้องไม่ฆ่าเพียงสิ่งมีชีวิตในตำนานแต่ยังต้องฆ่าไข่ของมันด้วยเพื่อป้องกันไม่ให้มันเกิดใหม่ มิฉะนั้นถ้าให้เวลาเพียงพอพวกมันจะสามารถกลับมาเกิดใหม่ได้

“พวกมันมั่นใจว่าจะใช้ชีวิตในชื่อสิ่งมีชีวิตในตำนาน!”

เค้าใช้เวลานานในการคิดถึงความอ่อนแอและไม่สามารถคิดอะไรได้เลย แน่นอนว่าสอดคล้องต่อความคาดหวังของลูซีหยู

“ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับสิ่งมีชีวิตในตำนานคืออะไร? อะไรคือแก่นของการดำรงอยู่ของพวกมัน?”

ลูซีหยูตัดสินใจที่จะถามคำถามจากอีกมุมหนึ่ง เวลาที่เค้าใช้ทดลองกับสากูนได้เพิ่มความเข้าใจเกี่ยวกับวิญญาณ พลังจิต และเซลล์ที่ได้รับการแก้ไข

จิตวิญญาณเป็นจิตสำนึกและความคิดที่บริสุทธิ์ที่สุด มันสามารถหลอมรวมกับแหล่งพลังงานเพื่อให้กลายเป็นพลังจิตได้ พลังจิตเป็นผลมาจากการหลอมรวมของจิตวิญญาณและแหล่งพลังงาน เซลล์ที่ได้รับการแก้ไขนั้นเป็นผลจากการหลอมรวมของพลังจิตกับเซลล์ สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับสิ่งมีชีวิตในตำนานควรจะเป็นจิตสำนึกและความคิดของมัน ลูซีหยูสงสัยทันทีว่ามีวิธีที่จะข้ามผ่านพลังจิตและเซลล์ที่ได้รับการแก้ไขมั้ยและโจมตีโดยตรงไปที่จิตสำนึกและความคิดของสิ่งมีชีวิตในตำนาน

“ความคิดในตัวเองเป็นพลังรูปแบบหนึ่ง ฉันจะสามารถพัฒนาชนิดของพลังนี้สำหรับต้นแบบสิ่งมีชีวิตในตำนานของฉันและกลายเป็นสิ่งมีชีวิตในตำนานที่สามารถควบคุมจิตสำนึกและความคิดได้!”

ความคิดและจิตสำนึกในบางแง่มุมคือการรวบรวมข้อมูล มันเป็นพาหนะของจิตวิญญาณและจิตใจ ลูซีหยูสร้างความสัมพันธ์กับวิธีการที่เค้าสร้างมิติความคิดหลังจากเค้าแก้ไขเซลล์ในสมองของเค้า นั่นคือวังที่เก็บความตั้งใจและข้อมูลทั้งหมดของเค้า!

ลูซีหยูรู้สึกว่าเค้าสามารถเปลี่ยนเซลล์ที่ได้รับการแก้ไขและเสริมสร้างมิติความคิดของเค้าผ่านทางนั้น เปลี่ยนมันให้เป็นพื้นที่ของจิตสำนึกที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยวิธีนี้ไม่ว่าสิ่งมีชีวิตในตำนานจะทรงพลังแค่ไหน เค้าก็สามารถเพิกเฉยต่อพลังจิตที่แข็งแกร่ง เซลล์ที่ได้รับการแก้ไข และความสามารถทางพันธุกรรมและคิดในพื้นที่จิตสำนึกของเค้าเอง

ในดินแดนของเค้าลูซีหยูจะมีวิธีการต่างๆในการลบจิตสำนึกของพวกมัน ตราบใดที่จิตสำนึกของพวกมันถูกลบทิ้ง สิ่งมีชีวิตในตำนานจะไม่สามารถฟื้นคืนชีพได้ไม่ว่าพลังจิตและเซลล์ที่ได้รับการแก้ไขจะแข็งแกร่งแค่ไหน โดยพื้นฐานแล้วมันจะต้องตายคล้ายกับที่มนุษย์สามารถทำให้สมองตาย ร่างกายของพวกมันจะไม่ตายแต่ตัวตนของมันจะตาย

แน่นอนว่าวิธีนี้อันตรายมาก ลูซีหยูพิจารณาเพียงมุมเดียวและยังต้องทดลองอีกสองสามครั้งเพื่อหาว่าเค้าต้องทำอะไร อย่างไรก็ตามเค้ารู้ว่าถ้าเค้าประสบความสำเร็จแม้แต่สิ่งมีชีวิตในตำนานอาจตายอย่างสมบูรณ์ สิ่งนี้เตือนเค้าถึงความอ่อนแอของเค้าเอง ในกรณีที่มีคนอื่นพยายามจะทำสิ่งเดียวกันกับเค้าในอนาคต ลูซีหยูต้องทำทันที

“ฉันควรใช้ความสามารถทางจิตของฉัน ความสามารถในการถ่ายทอดความคิด นี่จะมีผลอย่างมากต่อการสร้างและนำทางของมิติความคิด!”

ในสายตาของลูซีหยู จิตสำนึกและความคิดของคนๆนั้นเป็นข้อมูลทั้งหมด โลกแห่งความฝันที่เค้าต้องการสร้างคือโลกแห่งข้อมูลที่สมบูรณ์ แต่พื้นที่นี้จะมีอยู่ภายในตัวเค้า มันจะเป็นโลกแห่งความคิดที่ถูกหยั่งรากภายในเซลล์ที่ได้รับการแก้ไขของเค้า

หากลูซีหยูต้องการสร้างโลกเช่นนี้เซลล์ที่ได้รับการแก้ไขของเค้าจะต้องมีความสามารถในการควบคุมและปรับเปลี่ยนข้อมูล จากนั้นเค้าจะสามารถควบคุมและนำทางพื้นที่แห่งการมีจิตสำนึกผ่านเซลล์ของเค้า!

“ฉันจะเรียกมันว่า ‘โลกแห่งความฝัน’ พื้นที่ที่เต็มไปด้วยจิตสำนึกและข้อมูล!” ลูซีหยูได้ตัดสินใจ