ซู่เจินมองไปที่ไม้เท้าที่อยู่บนพื้น ซึ่งเห็นได้ชัดว่าไม้เท้าอันนี้มันเป็นเพียงแค่ส่วนเดียวเท่านั้นจากทั้งหมด แต่แค่มีมันเพียงแค่ส่วนเดียวก็ดีมากแล้ว เพราะว่ามันถูกสร้างขึ้นจากวัสดุที่พิเศษมาก ๆ และเมื่อดูจากรูปร่างแล้วมันน่าจะเป็นส่วนล่างสุดของไม้เท้า!

แน่นอนว่านาตาชาไม่รู้ว่าสิ่งนี้มันคือไร แต่ซู่เจินรู้!

เจ้าสิ่งนี้มันก็คือไม้เท้าเบอร์เซิร์กเกอร์ของชาวแอสการ์ด เมื่อใดก็ตามที่มีคนถือมันมันจะทำให้คน ๆ นั้นกลายเป็นเบอร์เซิร์กเกอร์พร้อมกับความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นเท่ากับนักรบธรรมดาสิบคนร่วมกัน แน่นอนว่านักรบที่พูดถึงก็คือ … ชาวแอสการ์ด!

โดยธรรมชาติแล้วไม้เท้าเบอร์เซิร์กเกอร์อันนี้ไม่สามารถนำไปเปรียบเทียบกับค้อนของธอร์ได้ แต่ถึงยังไงมันก็เป็นอาวุธของชาวแอสการ์ด และแน่นอนว่าอาวุธของชาวแอสการ์ดจะต้องทรงพลังมากกว่าอาวุธของโลกอย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งมันมีเวทมนต์แห่งความมืด ที่ทำให้คนที่ใช้มันถูกครอบงำด้วยความโกรธอย่างรุนแรง และฝังลึกความกลัวเข้าไปในจิตใจของผู้ถือครองอย่างช้า ๆ แม้แต่ชาวแอสการ์ดก็ไม่สามารถควบคุมไม้เท้าอันนี้ได้อย่างสมบูรณ์ ไม่งั้นมันคงไม่ถูกแยกเป็นส่วน ๆ และนำไปเก็บซ่อนเอาไว้

ซู่เจินจ้องมองไปที่ฝ่ามือของเขาเล็กน้อย … เขาอยากจะลองดู!

ซู่เจินค่อย ๆ ก้มตัวลงและยื่นมืออกไปอย่างช้า ๆ หลังจากนั้นเขาก็สูดลมหายใจเข้าไปให้เต็มปอดและเอามือคว้าไปจับที่ไม้เท้าทันที

ทันใดนั้นก็มีพลังงานบางอย่างหลั่งไหลเข้ามาในร่างกายของซู่เจินอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเริ่มครอบงำจิตใจของเขาด้วยความโกรธและความบ้าคลั่งทันที ราวกับว่ามันต้องการให้เขาทำลายทุกสิ่งที่อย่างที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งซู่เจินก็รู้แล้วว่ามันคือเวทมนต์ที่มาจากไว้เท้าอันนี้ ทำให้เขาค่อย ๆ ยับยั้งความบ้าคลั่งที่อยู่ภายในจิตใจของเขาอย่างช้า ๆ หลังจากนั้นไม่นานมันก็ค่อย ๆ สงบลง

พลัง!

พลังอันแข็งแกร่ง

ซู่เจินรู้สึกได้ถึงพลังอันแข็งแกร่งที่กำลังแล่นอยู่ภายในร่างกายของเขา อย่างน้อยในตอนนี้เขาก็แข็งแกร่งกว่าเดิมประมาณสองหรือสามเท่าได้ อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้รู้สึกถึงความกลัวเลยสักนิด และมันก็ไม่ได้มีอาการผิดปกติอะไรเพิ่มเติมนอกจากความโกรธและความบ้าคลั่ง

“ร่างกายของฉันสามารถต้านทานพลังวิเศษได้งั้นหรอ ? หรือว่าเป็นเพราะกำแพงพลังจิตของแหวนกรีนแลนเทิร์นที่ป้องกันการโจมตีจากไม้เท้า?”

ซู่เจินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับมันมากนัก เพราะไม่ว่ามันจะเป็นด้วยเหตุผลอะไรมันก็ได้ผลดีทั้งคู่!

โดยที่เขาสามารถเสริมสร้างความแข็งแกร่งของเขาได้โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับผลข้างเคียงหรือผลกระทบอะไรทั้งสิ้น

แน่นอนว่ามันเป็นสิ่งที่ดี!

ซู่เจินเก็บไว้เท้าเอาไว้ในมิติเก็บของ หลังจากนั้นเขาก็หันไปมองที่นาตาชา

แน่นอนว่านาตาชาในตอนนี้กำลังนอนไม่ได้สติอยู่บนพื้น ซู่เจินเดินไปอุ้มเธอขึ้นมาและวางเธอลงบนเตียงเบา ๆ และจู่ ๆ เธอก็แสดงสีหน้าหวาดกลัวออกมา … ซึ่งซู่เจินก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอกำลังเห็นอะไรอยู่ในฝันของเธอ!

มันน่าจะเป็นความทรงจำที่เลวร้ายในอดีตใช่มั้ย?

ซึ่งมันน่าจะเป็นความทรงจำที่เกี่ยวกับ ‘สถาบันห้องแดง’ ที่เป็นอดีตของนาตาชาที่เธอจะไม่มีวันลืมมันไปชั่วชีวิต โดยตอนที่เธออยู่ที่นั่นเธอได้รับการฝึกฝนที่โหดร้ายต่าง ๆ นา จนทำให้เธอกลายเป็นแม่ม่ายดำ! และความทรงจำแบบนี้มันก็จะตามหลอกหลอนเธอไปเรื่อย ๆ จนกว่าเธอจะเอาชนะความกลัวในจิตใจของเธอได้

“ผู้หญิงคนนี้กล้าหาญมากจริง ๆ !“

ซู่เจินอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวเบา ๆ เมื่อมองไปยังนาตาชาที่ดูเหมือนจะเป็นคนเข้มแข็งมาก ๆ ในตอนแรก แต่ตอนนี้เธอกลับดูทุกข์ทรมาณและน่าสมเพช

ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

จู่ ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น พร้อมกับเจ้าของโรงแรมค่อย ๆ พลักประตูเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว

“คุณไม่ต้องกังวล พวกเราจะพักที่นี่กันชั่วคราว และผมขอรับรองว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างแน่นอน แล้วก็ … นี่เงินของคุณ!” แน่อนว่าการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงภายในห้องตอนนั้น มันจะต้องทำให้คนอื่นเกิดความสงสัยอย่างแน่นอน และการที่เจ้าของโรงแรมมาที่นี่ด้วยตัวเองก็เพื่อเช็คว่าสถานการณ์ภายในห้องยังคงปกติดีอยู่ไหม

ก่อนที่เจ้าของโรงแรมจะได้พูดอะไร จู่ ๆ ซู่เจินก็พูดขึ้นมาอย่างกระทันด้วยน้ำเสียงที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ หลังจากนั้นเขาก็โยนเงินก้อนหนึ่งให้กับเจ้าของโรงแรม

ซึ่งเจ้าของโรงแรมก็คุ้นเคยกับเรื่องพวกนี้เป็นอย่างดี เขาหยิบเงินและหันหลังเดินจากไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับปิดประตูให้โดยไม่ได้พูดสักคำ เมื่อซู่เจินเห็นว่าประตูถูกปิดเรียบร้อยแล้วและกำลังจะหันหน้าไปมองที่นาตาชา ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่ามือของเขาถูกจับอยู่

“คุณตื่นแล้วงั้นหรอ ?” เมื่อซู่เจินหันหน้าไปทางนาตาชา นาตาชาก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างช้า ๆ “เป็นยังไงบ้าง คุณบาดเจ็บตรงไหนไหม? “

นาตาชาส่ายหัวเบา ๆ และไม่ได้พูดตอบออกมา เพราะว่าตอนนี้ภายในดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เธอค่อย ๆ มองไปที่ซู่เจินอย่างช้า ๆ “ไม่ต้องกังวล ตอนนี้คุณยังได้รับผลกระทบจากไม้เท้าอยู่ ไม่นานเดี๋ยวมันก็จะค่อย ๆ หายไปเอง คุณอย่าไปพยายามคิดเกี่ยวกับเรื่องในอดีตของคุณ เพราะว่าตอนนี้มันได้ผ่านไปแล้ว คุณจะต้องคิดเกี่ยวกับอนาคตเอาไว้ให้มาก ๆ ดังนั้นในตอนนี้ไม่ต้องกลัวแล้วนะ! เดี๋ยวผมจะไปเอาน้ำมาให้คุณดื่มเพื่อสงบสติอารมณ์ก่อน!” เมื่อซู่เจินพูดจบเขาก็ลุกขึ้นทันที แต่ทันใดนั้นจู่ ๆ นาตาชาก็กระชากแขนของเขาของอย่างรุนแรง ทำให้ซู่เจินที่ไม่ได้ทันตั้งตัวเสียหลักล้มลงทับร่างของนาตาชาทันที

“จุ๊บ!“

ซู่เจินพยายามที่จะลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่นาตาชาก็กระชากแขนของซู่เจินอย่างรุนแรงอีกครั้งหนึ่ง ทำให้ร่างของซู่เจินล้มลงไปทันทีพร้อมกับปากของเขาและนาตาชาที่ประกบติดกัน

หลังจากนั้นไม่นานก็ค่อย ๆ มีกลิ่นเลือดกระจายออกมา

ซู่เจินรู้สึกเจ็บที่มุมปากของเขาเล็กน้อย และเมื่อเขามองไปยังมุมปากของนาตาชา เขาก็เห็นว่าปากของเธอก็แตกเช่นกัน

“คุณปล่อยผมก่อนได้ไหม ผมไม่หนีคุณไปไหนแล้ว!” เมื่อเห็นว่านาตาชาดึงตัวของเขาเข้าไปหาเธอก็เพราะความกลัว ซู่เจินก็พูดขึ้นมาเบา ๆ และเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการลุกขึ้น

แต่นาตาชากับส่ายหัวเบา ๆ แทนที่เธอจะปล่อยซู่เจินในตอนแรก ตอนนี้เธอกับดึงตัวของซู่เจินมากอดเอาไว้ให้แน่นยิ่งขึ้น หลังจากนั้นเธอก็เอาแขนไปโอบรอบคอของซู่เจินเอาไว้ และเธอก็จูบลงไปที่ปากของซู่เจินอย่างดูดดื่ม จนทำให้เลือดจากปากที่แตกของพวกเขาทั้งสองคนปนกันไปปนกันมาอยู่ภายในปากของพวกเขา ซึ่งซู่เจินก็ไม่กล้าใช้แรงของเขามากนัก เพราะกลัวว่าเขาจะไปทำร้ายนาตาชาเอาได้ ในขณะเดียวกันนาตาชาก็เริ่มบ้าคลั่งขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งมันน่าจะเป็นเพราะเลือดที่อยู่ในปากของเธออย่างแน่นอนที่เป็นสิ่งกระตุ้นให้เธอบ้าคลั่งขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้เธอในตอนนี้เอาพลังมาจากไหนก็ไม่รู้ตั้งมากมาย จนทำให้ซู่เจินเริ่มทนไม่ไหวอีกต่อไป

แค่จูบก็มีเลือดออกแล้ว มันไม่เกินไปหน่อยงั้นหรอ!!