[ นะ นั้นมัน ลิสวาเดีย !! ]
[ คุ เคะ ! ! ]
หลังจากช่วย 2 เด็กสาวไม่นานนัก ผมเดินทางออกจากป่าโดยปกป้องพวกเธอไปด้วย และสิ่งที่ปรากฎอยู่ตรงหน้าพวกเราขณะนี้ คือเมืองที่มีหอนาฬิกาขนาดยักตั้งอยู่ ณ ใจกลางเมือง
[ ชะ- ใช่แล้วค่ะ แต่ที่ถูกต้องจริงๆคือ “นครแห่งการศึกษาเวทย์มนตร์ ลิสวาเดีย” ค่ะ เพราะเมืองนี้ถูกพัฒนาโดยโรงเรียนเวทย์มนตร์ ลิสวาเดีย ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองค่ะ ]
สาวแว่นที่อธิบายออกมามากมายเธอชื่อว่า “มาน่า ลูเล่”
และอีกคน สาวเงียบผมดำยาวเธอชื่อว่า “เอริ เทสโตเรีย”
2 เด็กหญิงที่ผมช่วยไว้ตอนนี้กำลังนั่งอยู่บนหลังของ ซิลเบอร์
หลังจากออกจากเส้นทางบนถนนหลัก และได้ช่วย 2 เด็กสาวโดยบังเอิญ แต่ผมเองก็ได้ถูกพวกเธอช่วยทำให้ออกมาจากป่าได้สำเร็จเช่นกัน
แต่เอาจริงๆ ถ้าหากผมกระโดดเอาล่ะก็ ผมก็สามารถยืนยันเส้นทางที่จะไปได้อยู่นะ แต่ผมไม่อยากทำอะไรที่มันดูเกินมนุษย์ทั่วไปที่จะทำได้ต่อหน้าเด็กสาวหรอกนะ ผมจึงให้พวกเธอใช้เวทย์นำทางจึงสามารถออกมาจากป่าได้
หลังจากที่แนะนำตัวกันเสร็จ ผมก็ได้รู้ว่าพวกเธอนั้นกำลังศึกษาอยู่ที่โรงเรียนเวทย์มนตร์ ลิสวาเดีย และดูเหมือนเป็นเพราะกำลังทำรายงานบางอย่าง พวกเธอจึงเข้ามาที่ป่าเพื่อรวบรวมวัตถุดิบกลับไปทำยา
[ ว้าวว มันช่างเป็นหอคอยขนาดยักจริงๆ พอลองวัดความสูงของมันจากสายตาดูแล้ว มันสูงสัก 100-200 เมตรเลยนะเนี้ย มันจะสูงเท่ากับโตเกียวทาวเวอร์เลยมั้ยนะ ]
สิ่งแรกที่เข้ามาในสายตาของผมคือหอคอยขนาดยัก แม้เราจะยังอยู่ห่างจาก ลิสวาเดีย แต่ก็สามารถเห็นมันได้ชัดเจน แต่ถึงมันจะใหญ่ยักแต่มันก็บอกอะไรรอบๆไม่ได้มากหรอก ผมอยากจะไปบนนั้นและถ่ายรูป หรือทำอะไรก็ได้ที่ได้รูปภาพมาจังเลย
[ โตเกียวววว !! คู่แข่งด้านความสูงของหอนาฬิกา ลิสวาเดียว !! อะไรคือโตเกียวคะ !!! ]
มาน่า เธอในตอนนี้ยิงคำถามออกมารัวๆ อาจเพราะถูกความกระหายในความรู้ครอบงำ ตาขอเธอเปร่งประกายวิ้งๆ มันทำให้ผมถอยห่างโดยไม่รู้ตัว
[ ใจเย็นลงหน่อย มาน่า เธอกำลังทำให้ ยาชิโระซัง เป็นทุกข์อยู่นะ ]
[ ห๊ะ !!! . . . ฉะ- ฉันของโทษจริงๆค่ะ ยาชิโระซัง ฉันค่อนข้างถูกกระตุ้นได้ง่ายโดยความรู้แปลกใหม่ . . .]
[ ฮ่าๆ อืม ผมไม่เป็นอะไรหรอกครับ ผมได้ยินเรื่องนี้มา 7 รอบแล้วครับ ]
ถูกแล้วล่ะ ตลอดทางมานี่ นี่รอบที่ 7 แล้ว ตั้งแต่เรื่องกระสุนยางลบของผม ต่อมาก็เรื่องเจ้านกสีเงินคืออะไร และอื่นๆ ทุกครั้งที่เธอถูกความอยากรู้ครอบงำ เอริก็จะเป็นคนหยุดเธอทุกครั้ง
[ ถึงมันจะไม่ใช่เรื่องที่ผมควรถามก็เถอะ มันคือยาชนิดอะไรหรอครับที่พวกเธอหมายถึง ]
เมื่อผมถามไป มาน่าเธอก็ดันแว่นของเธอขึ้น
[ มันคือ ยาฟื้นพลังเวทย์ ค่ะ แต่จริงๆแล้วที่พวกเราจะทำมันไม่ใช่ยาฟื้นพลังเวทย์ทั่วๆไปหรอกนะคะ ที่ฉันกับเอริจะสร้างคือ ยาฟื้นพลังเวทย์ ขั้น 2 ค่ะ ]
ยาฟื้นพลังเวทย์ ถ้าสำหรับคนทั่วๆไปคงเคยได้ยินจากในเกม RPG มาบ้าง ตามความหมายของมันยานี้จะทำให้พลังเวทย์ฟิ้นคืนขึ้นมา แต่มันติดปัญหาตรงที่ว่า แค่เพียงเล็กน้อยและก้แพงเอามากๆ
[ โฮ แสดงว่าเธอศึกษาเรื่องสมุนไพรทำยามาพอสมควรสินะ ถ้าผมจำไม่ผิดล่ะก็ การที่จะสร้างยาฟื้นพลังเวทย์ขั้นที่ 2 นั้น จะต้องใส่พลังเวทย์ลงไปในหญ้าแสงจันทร์เพียงเล็กน้อย และ ผลคุริเต้ เมื่อหญ้าแสงจันทร์ทำปฎิกิริยากับพลังเวทย์แล้ว ให้นำผลคุริเต้สดมาบดแล้วใส่ตามลงไป แล้วต้มไปจนเดือด ก็เป็นอันเสร็จ ถูกต้องรึปล่าว ]
เมื่อผมโชว์ความรู้ที่ได้รับมาจากองค์หญิงลำดับที่ 3 ของอาณาจักร ลีซาเรี่ยน หรือน้องสาวของซิลเวียนั้นเอง แม้ผมจะไม่มีพลังเวทย์และไม่สามารถสัมผัสถึงพลังเวทย์ได้เลย แต่ผมก็ถูกจับสอนเรื่องต่างๆเกี่ยวเวทย์มนตร์อยู่ดี แต่พอมาคิดๆดูแล้ว การที่ผมพูดภาษาอเล็กซีเรียหรือภาษาของเอลฟ์ได้เพราะ ภาษาของเอลฟ์ใช้เป็นคำร่ายเวทย์มนตร์ ดังนั้นต้องขอบคุณองค์หญิงลำดับที่ 3 ที่เธอบังคับให้ผมท่องจำอะนะ
[ ว้าว คุณมีความรู้แน่นมากทีเดียว แต่ว่าสิ่งสำคัญในการทำยาฟื้นพลังเวทย์ขั้นที่ 2 ที่จะทำให้เกิดผลเยี่ยมที่สุดนั้น จำเป็นต้องมีอัตราส่วนและเวลาต้มเท่าไร คุณพอจะรู้รึปล่าวคะ ]
อาจเพราะประหลาดใจที่ผมเรียกตัวเองว่านักผจญภัยแต่ดันไปมีความรู้อย่างละเอียดในการทำยาฟื้นพลังเวทย์ ตาของมาน่าตอนนี้มีแสงระยิบระยับจนผมไม่สามารถมองตรงๆได้ . . . .
อ้อไม่สิ แสงสะท้อนจากแว่นตาของเธอแยงตาผมนี่เอง ผมถึงมองตรงๆไม่ได้
สำหรับเอริ ดูเธอจะไม่ค่อยแสดงอาการอะไรออกมา แต่ดวงตาของเธอจ้องมาที่ผมแบบไม่กระพริบเชียวล่ะ
โอย ด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็นขนาดนั้น ผมคงจะต้องตอบออกไปอย่างเดียวสินะ
[ อะ- เอ่อ ถ้าผมจำไม่ผิด อัตราส่วนอยู่ที่ 7 หญ้า ผลคุริเต้ 3 และใช้เวลาต้ม 40 นาทีถูกต้องรึปล่าวครับ ]
[ ยังไม่ถูกทั้งหมดค่ะ เวลาต้ม 40 นาทีนั้นถือเป็นเวลามาตรฐาน เวลาที่ทำให้เกิดผลที่ดีที่สุดคือ 20 นาทีค่ะ ]
มาน่าเธอยืดอกตอบออกมามาอย่างภูมิใจ
แต่เมื่อเธอทำอย่างนั้น หน้าอกของเธอยิ่งดันผ้าคลุมนูนขึ้นมาอย่างเด่นชัด !!!
น-นะ นมขนาดยักนั้นมันอะไรกัน !! จะหาว่าผมโม้ก็เถอะ ผมพูดได้ว่าขนาดของมันใหญ่เกินที่มือผมจะกำได้หมด นี่มันคือหนองโพของเด็กที่เพิ่งจะอายุประมาณ 12 จริงๆนะรึ
หรือว่านี่ คือสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า “โลลิโนตม” ใช่มั้ยนะ
เมื่อผมกำลังตกใจกับความลึกลับของร่างกายผู้หญิงอยู่นั้น เอริได้กุมไปที่หน้าอกของมาน่า
[ ว้ายยย ]
[อย่างต่ำๆ นี่คง คัพ D เห็นจะได้]
[ อะไรนะ !!! ]
ถึงผมจะไม่รู้วิธีการวัดขนาดหน้าอกที่ถูกต้อง แต่วิธีที่เอริแสดงการวัดหน้าอกมาน่าให้ผมดูนั้น ผมชอบมันจริงๆ
[ เอริ ! ! ]
มาน่าตอนนี้เธอกำลังจะร้องไห้ออกมา เอริจึงปล่อยมือที่กำลังนวดหน้าอกของมาน่า ถึงมันจะเป็นเพียงแค่หน้าอกของเด็ก แต่พระเจ้าช่วย ผมคิดว่าผมอิจฉาเอริจริงๆ
ไม่ดี ไม่ดี ผู้กล้าต้องเป็นมิตรกับเหล่าเด็กๆสิ จะมาทำอะไรแบบนี้ไม่ได้ ! !
[ ชั้นคิดว่า ยาชิโระซัง จะรู้สึกดีใจ ดังนั้น เลยเผลอทำลงไปโดยไม่รู้ตัว ]
[ แบบนั้นมันเกินกว่าคำว่าไม่รู้ตัวไปแล้วว ]
[ แต่ที่ชั้นเห็น ดูเหมือนยาชิโระซังจะชอบนะ ]
[ เอ๋ ! ! ]
หลังจากหัวข้อการสนทนาถูกเปลี่ยน และดูเหมือนมันจะเกี่ยวกับการกระทำที่หน้าละอายใจของผม นั้นมันทำให้ผมเผลอร้องออกมา
[ จริงหรอคะ ยาชิโระซัง ! ! ]
[ ผะผะผะ-ผมเป็นนักสู้ บนเส้นทางของนักสู้นั้น ผู้หญิงน่ะไม่จำเป็น! ! ]
[ แต่ตาของคุณกับจ้องแต่หน้าอกของมาน่า ราวกับว่าตกเป็นทาสของนมนั้นเลยเชียวนะ ]
[ เอริ ! ! ! ]
[ ชุแว้บ ]
เอริหลบการโจมตีของมาน่าราวกับเป็นการเคลื่อนไหวของงู และลงมาจากหลังซิลเบอร์มาหลบที่ข้างหลังผม
[ เฮ้เดียวก่อน แบบนี้ผมก็จะกลายเป็นคนไม่ดีน่ะสิ ]
[ ช่วยด้วย แง้ ]
[ ชั้นว่าเธอควรจะทำอะไรเป็นการขอบคุณผู้ช่วยชีวิตเธอหน่อยนะ ]
[ แต่ว่า ฉากเซอร์วิสก่อนหน้านี้ มันคงพอสำหรับยาชิโระซังแล้วนะ ]
[ . . . . อ่าา ผมขอโทษด้วยนะ ที่เธอต้องมาทำอะไรแบบนั้นเพื่อความต้องการของผม แต่ผมจะขอบคุณมาก ถ้าหากเธอใช้ 2 แขนของเธอดันหน้าอกเข้าหากันจนเป็นเหมือนร่องเขา ผมขอร้อง ]
ตัวผมในตอนนี้
มันได้ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นแล้ว
คำว่าศักดิ์ศรีและทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมสะสมมา
ผมได้ทิ้งมันไปหมดสิ้น
และตอนนี้ผมได้นั่งลงคุกเข่าอ้อนวอน
เพื่อที่หลังจากนั้นผมจะได้มีความสุขกับหุบเขาร่องนมของมาน่า
ซึ่งตอนนี้หน้าของเธอยิ่งกว่ากลายเป็นสีแดง
________________
[ อ่าา ชะชะชะชะใช่ แล้ว . . . . . ยาชิโระซังจะอยู่ที่ ลิสวาเดีย นานเท่าไรคะ ]
หลังจากที่เข้ามาในเมืองลิสวาเดีย พวกเราตกลงกันไว้ว่า พวกเราจะแยกทางกันเมื่อถึงหน้ากิลด์ ลิสวาเดีย
แต่ตอนนี้ มาน่า เธอได้ถามขึ้นด้วยใบหน้าที่แดงแจ๋
เอ๋ผมคิดว่า เธอยังลำบากใจอะไรในตัวผมรึปล่าวนะ เพราะเธอจ้องผมอยู่ตลอดเวลาเลย
[ อ่า ผมยังไม่ได้วางแผนไว้เลย แต่ผมคิดว่าผมคงอยู่ไม่นานเท่าไรหรอกนะ ผมกะว่าจะรับภารกิจที่กิลด์สัก 2 – 3 งาน เพื่อเพิ่มเงินในกระเป๋าและเดินทางต่อ คงสักประมาณ 2 อาทิตย์ นี่คือที่ผมคาดไว้นะ ]
[สองอาทิตย์ ถ้างั้น . . . พวกเราขอแยกตัวตอนนี้เลยนะ ]
มาน่าเธอวิ่งออกไปในทันทีโดยที่เธอลากเอริไปกับเธอด้วย
พวกเธอทั้งคู่ช่างมีบุคคลิกที่แตกแต่งกันเสียจริงๆ
[ อืมม พวกเราคงจะไม่ได้พบกันอีกแล้วล่ะมั้งนะ ]
นั้นเพราะพวกเธอทั้งสองน่าจะเป็นนักเรียน และผมค่อนข้างแน่ใจว่าพวกเธอคงจะยุ่งมากๆ และอีกอย่างผมเป็นนักผจญภัยด้วย แต่ว่ามันคงจะดีกว่าถ้าหากพวกเราได้พบกันอีกนะ ผมพยายามที่จะคิดแบบนั้น
[ ขอโทษครับ ในกิลนี้มีใครอยู่มั้ยครับ ]
ผมได้เปิดประตูกิลด์และได้ถามออกไป
[ สวัสดี มีอะไรให้ช่วยกันล่ะ ]
ผมบรอน สวมแว่น คนที่ปรากฎอยู่ที่โต๊ะพนักงานต้อนรับของกิลด์คือพนักงานหนุ่มน่าตาดีคนหนึ่ง และเขากำลังลุกออกมาหาผมที่ประตู
[ ก็ อย่างที่คุณเห็น ตอนผมเดินทางมาที่เมืองนี้ เจ้านี่มันก็ตายแล้ว ผมคิดว่ามันน่าเสียดาย ผมเลยนำมันมากับผมด้วยที่นี่น่ะครับ ]
[ นะ นะ-นั้นมัน ราชาป่าแห่งความความสับสน ราชาหมูป่า !!! ]
หนุ่มหล่อคนนั้นหลังจากเห็นเจ้าหมูป่าที่ขนาดเท่าๆกับรถบรรทุกที่อยู่นอกประตู เขาถึงกับอ้าปากค้างเลยทีเดียว
ผมว่าแล้ว เจ้านี่ถ้าเอามาที่เมืองด้วยจะทำให้เกิดปัญหาจริงๆ
ผมเดาะลิ้นและเริ่มคิดเกี่ยวกับมันในขณะที่งาของเจ้าหมูป่า ที่ถูกเรียกว่าราชานั้น อยู่ในมือของผม . . . .