ตอนที่ 20 จูบที่จับจอง

รักครั้งแรกของคุณชายปีศาจ

ตอนที่ 20 จูบที่จับจอง

เมิ่งเสี่ยวหลงจ้องมองจั๋วหรันด้วยสายตาที่ไม่มองไปทางอื่นเลย ก็เป็นแค่ลูกน้องข้างกายของหลิงเล่เท่านั้น บรรยากาศก็เย็นขนาดนี้ คิดดูแล้วไอ่หลิงเล่ ก็ไม่ธรรมดานะ

จับไหล่ของมู่เทียนซิง เขานำเธอมาอยู่ด้านหลังของเขา กล่าว:“แกไปเช็คเอาท์เลย”

มู่เทียนซิงมองเมิ่งเสี่ยวหลงด้วยความเป็นห่วง แต่เห็นแววตาของเขา ที่เต็มไปด้วยวความรักความรู้สึกที่มีต่อเธอทั้งนั้น

ทันใดนั้นเธอก็เหมือนกับโทษตนเอง

ทำไมผ่านไปนานหลายปี เธอเอาแต่โทษตัวเองว่าทำไมไม่เคยอยู่ในสายตาของเขา แต่เธอไม่เคยคิดและค้นพบเลยว่าจริงๆแล้วตนอยู่ในใจของเขาตั้งนานแล้ว?

หลังจากที่เช็คเอาท์เสร็จ เธอหันหลังมา

เมิ่งเสี่ยวหลงจับมือของเธอ ยิ้มอ่อน:“กลับบ้านกันเถอะ!”

มู่เทียนซิงปากชะงักเบาๆ เหลือบตาไปมองจั๋วหรันทีนึง พูดเบาๆ:“นั่งรถของคุณชายสี่ไปด้วยกันหรอ?”

เมิ่งเสี่ยวหลงจ้องมองเธอไปหนึ่งที ชัดเจนเลยว่าโมโหแล้ว:“พูดอะไรเนี่ย!ตอนนี้มือถือก็สามารถเรียกรถได้แล้ว

ผมเรียกไว้หนึ่งคันแล้ว จอดอยู่หน้าประตูโรงแรม เราไปด้วยกันเถอะ!”

เธอยิ้ม แต่ก็กลัวจั๋วหรันหาเรื่องเมิ่งเสี่ยวหลง จึงมองจั๋วหรันด้วยสีหน้าที่จริงจัง กล่าว:“เดี๋ยวพวกเราเรียกรถกลับไปเอง ไม่รบกวนนายแล้วนะ สำหรับคุณชายสี่ นายกลับไปบอกเขา รอฉันกลับบ้านไปปรึกษาพ่อแม่ก่อน หลังจากนั้น เรื่องของงานแต่ง ฉันจะอธิบายกับเขาเอง”

เรื่องของงานแต่ง ก็คงเป็นตะปูบนประตูเหล็กแล้วแหละ

ยังจะอธิบาย งั้นก็คงเป็นการอธิบายว่าทำไมถึงยกเลิกงานแต่งงานแล้วหล่ะ

เธอพูดได้อ้อมค้อมมาก แต่ทำให้คิดก็รู้เลยว่าต้องการสื่อว่าอะไร

ดวงตาของเมิ่งเสี่ยวหลงได้มีแสงรุ้งประกายผ่าน จ้องมองที่ใบหน้าอันน่ารักของเธอ และต่อหน้าจั๋วหรันแบบนี้ จูบลงที่หน้าผากของมู่เทียนซิง

เธอหลบทัน ใช้แววตาที่ดื้องอแงมองเขา

ภาพนี้มันตกอยู่ในสายตาของคนบางคนที่อยู่ในที่ลับ รู้สึกแค่ว่าพวกเขากำลังหวานกันอยู่

ในขณะที่เมิ่งเสี่ยวหลงจับมือมู่เทียนซิงเดินจากไป จั๋วหรันก็จะเดินตามไปทันที แต่ทันใดนั้นหูฟังบลูทูธที่หูซ้าย ก็ได้มีเสียงของน้องชายจั๋วซีดังขึ้น:“พี่ครับ คุณชายสี่เขียนว่า【ปล่อย】”

จั๋วหรันก็หยุดเดินทันที!

อาจจะเป็นเพราะว่าจั๋วซียังไม่เข้าใจความรักระหว่างคนสองคนมากเท่าไหร่ แต่ว่าจั๋วหรันที่แต่งงานมีลูกแล้ว แน่นอนอยู่แล้วที่ต้องรู้ว่า ถ้าคุณชายสี่ไม่ได้รู้สึกรักจริงๆ แล้วทำไมต้องใส่ใจเรื่องของคุณหนูมู่ขนาดนี้?

อย่าเห็นแต่ว่าคุณชายสี่ของพวกเขาเวลาจัดการเรื่องอะไรก็ดูโหดร้ายไปหมด จริงๆแล้วกับความรัก เขาดูใสซื่อกว่าผู้ชายซื่อบื้อพวกนั้นอีก

อายุ 6 ปีก็ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรอีกเลย ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็โดดเดี่ยวมาตลอด อายุ17 ปีก็ได้นั่งอยู่บนรถเข็น ใช้ชีวิตที่ต่างกับมนุษย์ทั่วไป ในชีวิตของเขาก็ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนโผล่มา หรือจะบอกว่า ในโลกของเขา ในการงานอาชีพของเขา ฟ้าดินของเขา ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนปรากฏตัวมาเลยก็ว่าได้

จูบนั้นตอนครึ่งปีก่อนที่โรงงานน้ำ สำหรับคุณชายสี่แล้ว อาจจะเป็นรักแรกที่เขารอคอยในใจอย่างเงียบๆมานานก็ได้!

แต่วันนี้กลับเขียนคำคำเดียว “ปล่อย”มันยิ่งบ่งบอกถึงความรู้สึกในใจของหลิงเล่

“พี่ พี่ยืนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับไปไหนเลยทำอะไรอะ?คุณชายสี่บอกว่าปล่อยเฉยๆ แต่ไม่ได้บอกว่าไม่สนใจแล้วสักหน่อย พี่รีบตามไปเลยนะ ดูว่าพวกเขากลับไปที่บ้านตระกูลมู่จริงหรือเปล่า”

ได้ยินเสียงของน้องชายที่ผ่านเข้าหูทางหูฟังบลูทูธอย่างต่อเนื่อง จั๋วหรันรีบวิ่ง ตามไปทางที่มู่เทียนซิงเขาเดินไปทันที

วันรุ่งขึ้น

ท้องฟ้าก็ได้สว่างขึ้นเสมือนกับท้องปลาตั้งนานแล้ว แสงแดดสีทองที่ส่องแสงทะลุหน้าต่างเข้ามาในห้อง

เมิ่งเสี่ยวหลงนั่งอยู่ตรงหน้าโซฟา มองหน้าของมู่เทียนซิงที่กำลังนอนหลับอยู่อย่างเงียบๆ ไม่ยอมขยับกลัวเธอจะตื่นมา เพราะเธอน่ารักที่สุดตอนหลับตา

หลังจากที่กลับมาจากเมื่อคืน ในบ้านยังไม่ได้จัดเตรียมห้องรับแขกไว้ดีๆ เขาไม่อยากรบกวนคนในบ้านให้ตื่น ก็เลยเสนอว่าให้นอนโซฟาของห้องโถงไปก่อนคืนนึง

ยิ่งกว่านั้นคือมู่เทียนซิงก็ดีใจมาก จะพูดคุยกับเขาที่โซฟาให้ได้

ในมือของเขาสองคนมีน้ำพุทราคนละแก้ว คุยเรื่องตอนเด็กที่อยู่เมืองชิงเฉิงจนกระทั่งเรื่องของตอนโต จากนั้น เธอก็ค่อยๆหาว เขาได้สังเกตเห็น จึงได้หัวเราะอย่างเอ็นดู จึงเล่าเรื่องที่เขาเจอมาตอนเรียนอยู่ที่โรงเรียนทหาร

เขาเล่าอยู่ดีๆ ศีรษะของเธอก็เอนนอนลงมาเรื่อยๆทีละนิดทีละนิด มือที่ขาวเนียนก็ยกคางไว้ไม่ไหว จากนั้นร่างกายของเธอเอนตกลงไปอีกฝั่งทันที

เขาหัวเราะ

เจ้าหญิงในใจ ก็ยังคงน่ารักใสซื่อเหมือนเดิม

เขาเสียสละโซฟายาวที่เขาจะนอนให้กับเธอ ตนนั่งอยู่ข้างๆเธอ จ้องมองเธอตลอดเรื่อยมา

เจี่ยงซินได้ข่าวตั้งแต่เช้า ตอนที่ลงมาจากชั้นบน ก็เห็นเมิ่งเสี่ยวหลงนั่งอยู่ข้างๆลูกสาวตนด้วยสีหน้าที่เป็นห่วงและเอ็นดู จ้องมองลูกสาวอย่างซื่อๆ

หลังจากที่ได้ตะลึงไปสักแปป แน่นอนว่าเธอเองก็เข้าใจว่าเมิ่งเสี่ยวหลงรู้สึกยังไงกับลูกสาวของตน

ยิ้มแล้วเดินลงจากบันได เข้าใกล้เรื่อยๆแล้วก็พูดไปว่า:“เสี่ยวหลง!”

เมิ่งเสี่ยวหลงเงยหน้าขึ้น ได้เห็นเจี่ยงซินเดินมา เขารีบลุกขึ้นด้วยความเกรง ยิ้ม:“น้าซิน!”

“รีบมาให้น้าซินดูหน่อยสิ ว่าผอมลงหรือเปล่า?”

เจี่ยงซินจับแขนของเขามา มองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วก็เท้าจรดหัวซ้ำแล้วซ้ำอีกหลายรอบมาก ยิ่งมองก็ยิ่งพึงพอใจ กล่าว:“จือจือจือ เสี่ยวหลงของน้าสูงขึ้นอีกแล้ว ผิวไม่ได้ขาวเหมือนตอนเด็ก แต่ว่าดูแข็งแรงแมนดี!”

“ฮ่าฮ่า น้าซิน ผมอยากทานเกี๊ยวที่น้าทำมาตลอดเลยอะ แต่ว่าพอได้ไปเรียนมหาลัยก็ไม่ค่อยมีโอกาสเลย ที่โรงอาหารของสถาบันทหารผมก็มีเกี๊ยวนะ แต่ว่ารสชาติยังไงก็สู้น้าซินทำไม่ได้หรอก!”

เมิ่งเสี่ยวหลงเอาใจใหญ่เลย แล้วก็พูดต่อ:“โรงเรียนของเสี่ยวหวีอีกหนึ่งอาทิตย์ถึงจะปิดเทอม เธอได้จองตั๋วเครื่องบินกลับเมือง Mล่วงหน้าก่อนแล้ว น้าซินครับ ถ้าไม่เป็นการรบกวน ผมอยากจะอยู่ที่นี้จนถึงอาทิตย์หน้า รอเสี่ยวหวีมาค่อยกลับไปที่เมืองชิงเฉิงพร้อมกัน”

เมืองชิงเฉิงเป็นเมืองเล็กที่อยู่ติดกับเมือง M การผลิตถูกครอบงำโดยอุตสาหกรรม และอุตสาหกรรมเคมีได้เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา

พ่อของเมิ่งเสี่ยงหลงก็คือบอสใหญ่ของการผลิตอุตสาหกรรมเคมีในเมืองชิงเฉิง

ส่วนเมืองM เป็นเมืองหลวงของจังหวัด ระยะห่างกับเมืองชิงเฉิงก็ค่อนข้างใกล้ ในตัวเมืองของชิงเฉิงก็ไม่ได้มีสนามบิน เพราะฉะนั้นทุกครั้งที่เมิ่งเสี่ยวหลงสองพี่น้องนี้เปิดเทอมหรือปิดเทอม ก็จะเที่ยวรอบเมืองMก่อนที่จะกลับบ้านหรือไปเรียน

เจี่ยงซินได้ยินเช่นนี้ ก็ดีใจมากกว่าเดิมอีก

เธอดึงเมิ่งเสี่ยวหลงแล้วพาขึ้นไปที่ชั้นบนโดยตรง กล่าว:“เมื่อกี้น้าได้สั่งคนจัดการห้องให้เสี่ยวหลงแล้วนะ ป่ะ ขึ้นไปดูกันว่าชอบหรือเปล่า ขาดอะไรหรือต้องการอะไรก็บอกน้าได้นะ อย่าว่าแต่จะอยู่อาทิตย์นึงเลย จะอยู่ทั้งชีวิต น้าซินก็ชอบใจมาก!”

แต่แค่ว่า เมิ่งเสี่ยวหลงเดินไปไม่กี่ก้าวก็ได้หยุดลง

สายตาที่อบอุ่นและเป็นห่วงของเขาก็มองไปที่ร่างกายของมู่เทียนซิง รู้สึกไม่ค่อยวางใจเท่าไหร่:“น้าซินครับ เดี๋ยวผมค่อยไปดูดีกว่าครับ เทียนซิงยังไม่ตื่นเลย”

เจี่ยงซินยิ้มแย้ม ภายในใจของเธอดีใจมาก

เธอเห็นเมิ่งเสี่ยวหลงเสมือนกับลูกชายแท้ๆของตนตั้งแต่แรกแล้ว ตระกูลเมิ่งเองก็เห็นเทียนซิงเสมือนกับลูกสาวแท้ๆของพวกเขาเช่นกัน ถ้าเมิ่งเสี่ยวหลงชอบลูกสาวของเธอจริงๆ นั้นก็เป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมที่สุดเลย

แต่ว่า พอนึกถึงเรื่องงานแต่งของเทียนซิงกับหลิงเล่

รอยยิ้มของเจี่ยงซินก็แข็งขึ้นมาทันที

เธอต้องการสื่อกับเมิ่งเสี่ยวหลงอีกความหมายหนึ่ง ภายใต้คำพูดของเธอเหมือนมีอะไรซ่อนอยู่:“เสี่ยวหลง แกเรียนที่สถาบันทหารต่างจังหวัด เรื่องราวบางเรื่องในเมืองMแกก็คงไม่ได้เข้าใจมากมายอะไร น้าซินชอบแกจากใจเลยนะ และก็สนับสนุนให้แกอยู่กับเทียนซิงมาก แต่ว่า พวก พวกแกตอนนี้ก็ยังเด็กๆกันอยู่ สามารถ……”