“ผมคิดว่านิคฟิวรี่คงจะเสียใจมากอย่างแน่นอน ถ้าเกิดรู้ว่าผมเป็นคนทำภารกิจนี้สำเร็จ“

เมื่อได้ยินซู่เจินพูดแบบนั้น นาตาชาก็เข้าใจได้ทันทีเลยว่าไม้เท้าเบอร์เซิร์กเกอร์อันนั้นเธอไม่สามารถเอามันมาได้แล้วอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นสมาชิก SHIELD และ Avengers ก็ตาม! ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อไม้เท้าอันนั้นมันอยู่ในมือของซู่เจิน การที่เธอจะแย่งมันมาจากเขามันคงจะไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอน และในขณะเดียวกันเธอก็อยากรู้ว่าเขาเอาไม้เท้าอันนั้นเก็บไว้ที่ไหนกันแน่ ?

เธอจำได้ว่าเมื่อคืนซู่เจินไม่ได้ออกไปไหนนอกจากอยู่ในห้อง แล้วทำไมเธอถึงหาไม้เท้าอันนั้นไม่เจอ!

ซู่เจินยิ้มขึ้นมาและพูดว่า “ถ้าเกิดว่าเขาต้องการจะพูดอะไรกับผม ก็ให้เขามาหาผมด้วยตัวของเขาเองก็แล้วกัน! ส่วนตอนนี้คุณควรพักผ่อนได้แล้ว“

“โอเค ๆ !” แน่นอนว่าร่างกายของนาตาชาไม่ได้มีปัญหาอะไรมากนัก มันก็แค่มีความรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อยหลังจากผ่านศึกสงครามอันหนักหน่วงเมื่อคืน แต่ถึงอย่างไรก็ตามเธอก็ชอบความห่วงใยของซู่เจินที่มีต่อเธอในตอนนี้มาก

เมื่อซู่เจินเห็นว่านาตาชาเชื่อฟังสิ่งที่เขาพูด เขาก็ยิ้มขึ้นมาอย่างสบายใจ

“คุณบอกว่าไม้เท้าอันนี้มันเป็นเพียงแค่ส่วนเดียวฉันพูดถูกไหม ? ถ้าอย่างงั้นแล้วส่วนที่เหลือมันอยู่ที่ไหนล่ะ ? แล้วก็ … คุณไม่ได้รับผลกระทบจากมันจริง ๆ ใช่ไหม ?” นาตาชาพิงตัวของเธอไปที่หน้าอกของซู่เจินเบา ๆ และร่างของเธอก็ค่อย ๆ สั่นขึ้นด้วยความกลัวเล็กน้อย ทำให้เธอเริ่มรู้สึกอึดอัด

เมื่อเห็นว่าจู่ ๆ อารมณ์ของนาตาชาเปลี่ยนไป ซู่เจินก็ตบไปที่ไหล่ของเธอเบา ๆ และพูดว่า “ไม้เท้าอันนี้มันแบ่งเป็นสามส่วน ซึ่งผมก็รู้แล้วว่าอีกสองส่วนมันอยู่ที่ไหน แต่ผมจะรอให้อาการของคุณดีขึ้นก่อนผมถึงจะไปตามหาส่วนที่เหลือของมัน! ส่วนเรื่องของผลกระทบเมื่อผมถือไม้เท้าอันนี้ มันก็แค่ทำให้อารมณ์ของผมรุนแรงขึ้นเล็กน้อย ซึ่งมันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรมากนัก!”

“ดีแล้ว……“

นาตาชาถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เพราะเธอรู้ดีกว่าผลกระทบของไม้เท้าอันนี้มันรุนแรงและเจ็บปวดมากแค่ไหน ทำให้เธอไม่อยากให้ซู่เจินกลายเป็นแบบเธออย่างแน่นอน!

พวกเขาทั้งสองคนพักกันอยู่ในห้องจนถึงช่วงบ่าย และเมื่อเห็นว่าร่างกายของนาตาชาดีขึ้นแล้ว พวกเขาก็เช็คอินออกจากโรงแรมทันที และในขณะที่พวกเขากำลังเดินออกจากโรงแรม เขาก็เห็นสายตาแปลก ๆ ของเจ้าของโรงแรมที่มองมายังทางพวกเขา ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเขาคงจะรับรู้และได้ยินสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนอย่างแน่นอน

หลังจากที่พวกเขาเดินออกจากโรงแรม พวกเขาก็ออกไปหาอะไรกินด้วยกันทันที

“คุณจะกลับไปที่ SHIELD หรืออยู่กับผมก่อน“

หลังจากที่รับประทานอาหารอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซู่เจินก็หันไปถามกับนาตาชา

“คุณจะไปหาชิ้นส่วนของไม้เท้าที่เหลืองั้น?”

“ใช่! เพราะว่าผมไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้มันเกิดขึ้นกับคนอื่นอีก“

“แล้วหลังจากนั้นคุณจะทำอะไรต่อ ? “ นาตาชาถามขึ้นมาอีกครั้ง

ซู่เจินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “หลักจากนั้นผมจะไปที่ฐานเพื่อช่วยงาน เพราะว่าผมต้องการให้ฐานมันสร้างเสร็จให้เร็วที่สุด“

“งั้นฉันจะกลับไปที่ SHIELD”

“โอเค! งั้นช่วงนี้คุณอย่าเพิ่งทำงานหนักล่ะ พักผ่อนให้เยอะ ๆ! “

หลังจากที่พวกเขาจูบลากันเรียบร้อยแล้ว ซู่เจินก็ออกเดินทางเพื่อหาชิ้นส่วนของไม้เท้าต่อทันที แน่นอนว่ามันอาจจะยากสำหรับคนอื่นในการตามหาชิ้นส่วนที่เหลือเพราะว่ามันถูกเก็บซ่อนเอาไว้บนโลกเป็นเวลานานมาก แต่สำหรับซู่เจินแล้วมันง่ายยิ่งกว่าปลอกกล้วยเข้าปาก เพราะเขารู้ว่ามันถูกเก็บซ่อนเอาไว้ที่ไหน

แม้ว่าสถานที่ที่เก็บซ่อนชิ้นส่วนทั้งสองอันมันจะอยู่ค่อนข้างไกลเล็กน้อย แต่สำหรับซู่เจินที่สามารถบินได้แล้วมันค่อนข้างเร็วที่เดียว เพราะว่าเขาใช้เวลาไม่ถึงครึ่งวันเขาก็เจอชิ้นส่วนที่เหลืออีกสองอันเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นเขาก็หยิบชิ้นส่วนทั้งสามอันออกมาและวางมันลงกับพื้น หลังจากนั้นชิ้นส่วนไม้เท้าทั้งสามอันมันก็เชื่อมต่อกันด้วยแรงดึงดูดและรวมเข้ากันโดยอัตโนมัติ!

รูปร่างของไม้เท้าอันนี้มันดูคล้าย ๆ กับคทาของโลกิ แต่มันค่อนข้างจะดูเรียบง่ายและไม่อลังการเหมือนกับคทาของโลกิมากนัก

ซู่เจินค่อย ๆ ถือไม้เท้าเอาไว้ด้วยมือทั้งสองข้างของเขา ทันใดนั้นความโกรธก็ประทุขึ้นมาพร้อมกับความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้น ทำให้อารมณ์ของเขาในตอนนี้เต็มไปด้วยความพลุ่งพล่าน อยากที่จะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้า … ในขณะเดียวกันซู่เจินก็ค่อย ๆ ควบคุมอารมณ์ของเขาและโบกมือเบา ๆ

“ดูเหมือนว่ามันจะไม่ค่อยราบรื่นสักเท่าไหร่ … “

ซู่เจินขมวดคิ้วเล็กน้อย เพราะว่าไม้เท้าอันนี้มันเป็นอาวุธที่ค่อนข้างยาวทำให้เขาไม่ค่อยคุ้นชินกับมัน แต่ในทางกลับกันถ้ามันถูกแยกออกเป็นสองส่วน เขาสามารถใช้มันได้อย่างสบาย ๆ … หลังจากนั้นเขาก็เอาไม้เท้าเก็บไว้ในมิติเก็บของ และเขาก็กำมือของเขาให้แน่น ไม่นานมันก็มีมีดคู่สีดำสองเล่มปรากฏขึ้นมาในมือของเขา

เขาลองแกว่งไปแกว่งมาและออกกระบวนท่าเล็กน้อย …

หลังจากที่ลองอะไรเรียบร้อยแล้วซู่เจินก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ เพราะว่ามีดคู่มันสามารถใช้งานได้ง่ายกว่าไม้เท้าเป็นอย่างมาก

อย่างไรก็ตามมีดคู่เล่มนี้ก็ถูกสร้างขึ้นจากพลังงานของอนุภาคอีเทอร์และแหวนกรีนแลนเทิร์น แม้ว่ามันจะแข็งแกร่งมาก แต่มันก็ไม่ได้เพิ่มพลังให้กับเขาเหมือนกับไม้เท้าเบอร์เซิร์กเกอร์ และเมื่อเขาลองพิจารณาถึงพลังที่เพิ่มขึ้นจากการใช้ไม้เท้าแล้วมันคงจะหน้าเสียดายเกินไปที่เขาจะไม่ใช้มัน

“ดูเหมือนว่าฉันจะต้องตามหาเขาให้เจอ!“

ซู่เจินบ่นพึมพำขึ้นมาเบา ๆ ตอนแรกเขาไม่ได้วางแผนเอาไว้ว่าเขาจะไปหาเจ้าของไม้เท้าเบอร์เซิร์กเกอร์อันนี้ที่ซ่อนตัวอยู่บนโลก!

แถมเขาคนนี้ก็ไม่ใช่แค่เป็นชาวแอสการ์ดและเจ้าของไม้เท้าเบอร์เซิร์กเกอร์เท่านั้น เขายังเป็นช่างตีเหล็กอีกด้วย

ช่างตีเหล็กแห่งแอสการ์ด!

ส่วนจุดประสงค์ของซู่เจินในการตามหาเขาคนนี้ก็คือ เขาต้องการให้เปลี่ยนไม้เท้าอันนี้ให้กลายเป็นมืดคู่ที่ยังคงเอฟเฟคในการเพิ่มพลังเอาไว้ ซึ่งถ้าซู่เจินจำไม่ผิดเขาน่าจะเป็นศาสตราจารย์อยู่ในมหาวิทยาลัยสักแห่งหนึ่งในเซวิญ่า!

ชาวแอสการ์ดที่ชอบวิถีชีวิตอันสงบสุขบนดาวโลก!

เมื่อซู่เจินเดินทางมาถึงเซวิญ่ามันก็มืดเรียบร้อยแล้ว ทำให้บริเวณโดยรอบมันค่อนข้างจะเงียบสงบ

และเขาก็เพิ่งรู้มาว่าชาวแอสการ์ดคนนี้มีชื่อว่าเอลเลียต แรนดอล์ฟ มีอาชีพเป็นศาสตราจารย์ที่สอนเกี่ยวกับตำนานเทพเจ้านอร์อยู่ในมหาวิทยาลัยสักแห่งหนึ่ง ซึ่งในตอนนี้มันก็เป็นเวลาในตอนกลางคืนทำให้เขาไม่สามารถอาศัยอยู่ในมหาวิทยาลัยได้อย่างแน่นอน!

และมันก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่ซู่เจินจะหาที่อยู่ของเขา

ซู่เจินโทรหาไปสกายอย่างรวดเร็ว และบอกข้อมูลคร่าว ๆ เกี่ยวกับ เอลเลียต แรนดอล์ฟให้กับเธอฟัง และไม่นานสกายก็พบที่อยู่ของเขาอย่างรวดเร็ว

แถมซู่เจินก็ยังได้รู้ข้อมูลอีกอย่างด้วยว่า เอลเลียต แรนดอล์ฟ คนนี้เป็นคนที่รวยมาก

เพราะถึงอย่างไรท้ายทีสุดแล้วเขาก็อาศัยอยู่บนโลกนี้มานานหลายปี และถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนที่ขี้เกรียจเล็กน้อย แต่เขาก็ยังรู้ว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้ชีวิตของตัวเองมีความสุข

ณ วิลล่าสุดหรู

ภายในห้องนอนสุดหรูในวิลล่า กำลังมีเสียงของผู้หญิงร้องขึ้นมาอย่างมีความสุข ทำให้ซู่เจินที่ยืนอยู่หน้าประตูรู้สึกหดหู่จริง ๆ

“แน่นอนว่าฉันก็รู้เหมือนกันว่าจะทำยังไงให้มีความสุขกับชีวิต!”

ซู่เจินส่ายหัวและเคาะประตูเบา ๆ

จู่ ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้พวกเขาทั้งสองคนที่อยู่ภายในห้องตกใจเล็กน้อย

ผู้หญิงคนนั้นหยุดทันทีและหันไปถามกับชายวัยกลางคนที่มีรูปร่างค่อนข้างอ้วนอย่างสงสัยว่า “มีคนอื่นอยู่ในบ้านของคุณด้วยงั้นหรอ?”

เอลเลียต แรนดอล์ฟส่ายหัวเบา ๆ และพูดว่า “บางที … อาจจะเป็นแขก งั้นผมขอตัวออกไปดูก่อนนะ! “

หลังจากพูดจบแรนดอล์ฟก็สวมใส่เสื้อผ้าและเปิดประตูออกมาอย่างระมัดระวัง

“คุณเป็นใคร?”

เมื่อมองไปยังชายหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องนอนของเขา แรนดอล์ฟก็ถามขึ้นมาพร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อย “ถ้าจำไม่ผิดที่นี่คือบ้านของฉัน และ … ฉันก็ไม่เคยเชิญคุณมาที่นี่ ?”

“ที่นี่เป็นบ้านของคุณจริง ๆ นั่นแหละ และมันก็อยู่บนดาวโลกด้วย ดังนั้น … คุณที่เป็นคนจากนอกโลกคงจะไม่ได้รับเชิญให้มาอยู่บนดาวโลกเหมือนกันใช่ไหม ? ” ซู่เจินพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม ทำให้การแสดงออกของแรนดอล์ฟเปลี่ยนไปทันทีพร้อมกับตัวของเขาที่สั่นขึ้นมาเล็กน้อย หลังจากนั้นเขาก็ส่ายหัวเบา ๆ และพูดว่า “ฉันไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดอะไรอยู่ ดังนั้นในตอนนี้ได้โปรดออกไปจากบ้านของฉันซะ มิฉะนั้นฉันจะโทรแจ้งตำรวจ“

“คุณแน่ใจงั้นเหรอ … ที่จะโทรแจ้งตำรวจ“

ซู่เจินหัวเราะขึ้นมาเบา ๆ ทันใดนั้นก็มีไม้เท้าเบอร์เซิร์กเกอร์ปรากฏขึ้นมาบนมือของเขา!