บทที่ 14 เย่เสี่ยวหวั่นถูกโจมตี

คิงดราก้อน

บทที่ 14 เย่เสี่ยวหวั่นถูกโจมตี

ภายในห้องทำงาน

“ท่าน ให้ฉันเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ เป็นเกียรติของฉันจริงๆ”

เมื่อเจิ้งอีเหรินรู้ว่าเซียวหยางต้องการให้เธอเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของบริษัท เธอตอบตกลงทันที

ต่อหน้าเซียวหยาง เธอไร้ความหยิ่งทะนงของซุปเปอร์สตาร์อันดับหนึ่งแต่อย่างใด ตรงกันข้ามกลับว่านอนสอนง่าย เสมือนเด็กนักเรียนคนหนึ่งเสียมากกว่า

“ค่าใช้จ่าย?”

“ท่านล้อเล่นหรือเปล่า ฉันไม่กล้าคิดค่าใช้จ่ายหลอกค่ะ ขอเพียงแค่ท่านตอบตกลงฉันเรื่องนึงก็พอ” เจิ้งอีเหรินเอ่ยด้วยสายตาประกาย

“เรื่องอะไร?”

“ฉันอยากรับประทานอาหารกับคุณ คุณพอจะให้เกียรติฉัน…..”

เซียวหยางไม่ใช่คนธรรมดา หากมีความสัมพันธ์กับเขา สำหรับเธอเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด แถมเธอรูปลักษณ์หน้าตา ราวเทพธิดา หากเป็นคนธรรมดาทั่วไป อย่าว่าแต่ปฏิเสธ คงยื้อแย่งกันเลี้ยงเธอไปแล้ว

“เธอกำลังต่อรองกับฉัน?” เซียวหยางจับจ้องเธอนิ่ง

เจิ้งอีเหรินสั่นเทาไปทั่วร่าง ชั่วครู่ สายตาคู่คมเพ่งพินิจเสมือนว่าเธอถูกเปลื้องผ้าจนหมด เธอเหงื่อผุดไปทั่วร่าง

“ไม่ ไม่กล้า เป็นฉันที่บังอาจไปเอง อภัยให้ฉันด้วย” เจิ้งอีเหรินโค้งคำนับไม่หยุดหย่อน เต้านวลทั้งสองข้างแทบหลุดออกมา

หากแต่เซียวหยางไม่มองแม้แต่น้อย เขาเพียงเอ่ยเสียงเรียบ “ออกไปได้แล้ว”

ประตูถูกผลักออก จางเฉียงยังคงยากที่จะเชื่อ ไอ้ลูกเขยแต่งเข้ามันจะเชิญซุปเปอร์สตาร์มาได้อย่างไร?

เจิ้งอีเหรินเธอสวยมาก สวยจากภายในสู่ภายนอก สง่างามเหลือเกิน

เย่หยุนซูไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตน เธอไม่เคยรู้สึกหึงเช่นนี้มาก่อน

“เหอะ ไม่รู้ว่าไหว้พระวัดไหน ถึงได้หลอกล่อดาราดังมาได้”หูเจียวเจียวสบถขึ้น

จางเฉียงจับจ้องไปทางเซียวหยางที่เดินออกมาพร้อมเจิ้งอีเหริน ด้วยความโมโหสุดขีด ก่อนหน้านี้เขามั่นใจว่าเซียวหยางไม่สามารถทำได้ แต่ตอนนี้ไม่เชื่อคงไม่ได้ หลักฐานอยู่ตรงหน้านี้แล้ว

“เหอะ ไม่ช้าก็เร็วฉันไล่แกออกแน่!”

…..

ตกดึกหลังเลิกงาน คราแรกเซียวหยางคิดจะรับเย่หยุนซูกลับด้วยกัน

แต่เย่หยุนซูไม่รู้ว่าเพราะเรื่องเชิญซุปเปอร์สตาร์เมื่อบ่ายนี้หรือเพราะอะไรกันแน่ เธอได้กลับไปก่อน โดยที่ไม่รอเซียวหยาง

เซียวหยางทำได้เพียงเดินกลับไปเอง

บนถนนสายหนึ่ง รถหรูเบนท์ลีย์ผ่านไป

เขาไร้ความสนใจในเบนท์ลีย์แต่อย่างใด หากแต่ สายตาเซียวหยางเหลือบเห็นบุคคลที่คุ้นเคย

เย่เสี่ยวหวั่น!

เย่เสี่ยวหวั่นเป็นลูกพี่ลูกน้องของเย่หยุนซู ขณะนี้เธอหมดสภาพที่หลังรถ ข้างๆเขามีชายฉกรรจ์คนหนึ่ง

ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนดีอะไร เซียวหยางขมวดคิ้วอย่างสงสัย

เขาไม่ชอบยุ่งวุ่นวายเรื่องของคนอื่น แต่เย่เสี่ยวหวั่นไม่ใช่ใครอื่น

ยังไงซะเธอก็เป็นน้องสาวของเย่หยุนซู

ต้องตามไปดูสักหน่อย!

คิดได้ดังนั้น เซียวหยางตั้งสติ

ควบคุมความเร็วของตน วิ่งตามรถคันดังกล่าว

ดีที่ไม่ไกลมากนัก สิบกว่านาทีก็ถึง เบนท์ลีย์เคลื่อนตัวเข้าสู่คฤหัสถ์หลังหนึ่ง

เซียวหยางสังเกตเห็นกล้องวงจรปิดโดยรอบ จึงค่อยๆเคลื่อนไปตามผนังกำแพง

ประตูรถเบนท์ลีย์เปิดออก คนขับและชายหนุ่มอีกคนแบกเย่เสี่ยวหวั่นเข้าไปด้านใน พลางหยอกล้ออย่างอารมณ์ดี

“คุณชายจุน นังนี่ไม่เลวเลย โชคดีของเราจริงๆ”

คนขับเป็นวัยรุ่นอายุ20ต้นๆ ที่มีสายตาเล่นสนุกปนอยู่ เขาถูกเรียกว่าคุณชายจุน “ใช่แล้ว อีนี่ปกติหยิ่งเล่นตัวเป็นบ้า คราวนี้แหละฉันจะเอาให้มันซ่าไม่ออก!”

ทั้งคู่ขึ้นไปยังชั้นบน “ของที่ฉันให้แกหาได้เอามาไหม?”

“แน่นอน คราวนี้ผมซื้อกล้องที่แจ่มที่สุดในตอนนี้มาเลย ต้องถ่ายภาพนังนี่ครางร้องชัดแจ๋วแน่!”

ฮ่าฮ่าฮ่า ทั้งคู่หัวเราะออกมาอย่างสนุกสนาน

เซียวหยางตามทั้งคู่ไปติดๆ กระทั่งห้องนอนชั้นสอง เขาเห็นเย่เสี่ยวหวั่นถูกโยนลงบนเตียงตามร่องประตูที่ปิดไม่สนิท

เย่เสี่ยวหวั่นหมดสติไม่รู้ความ

“คุณชายจุน ผมเตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว”

น้ำเสียงคนขับรถเอ่ยอย่างตื่นเต้น ยังไงซะเย่เสี่ยวหวั่นก็นับได้ว่าเป็นหญิงที่งดงาม ได้เห็นเรือนร่างอันขาวนวลราวหิมะ แค่คิดเม็ดเลือดในร่างก็พลุ่งพล่านแล้ว!

เฉิงจุนทนไม่ไหวอีกต่อไป เขากระชากเสื้อเชิ้ตหญิงสาวฉีกขาด อกเนินขาวนวลเด้งรับสายตา

“ฮ่าฮ่าฮ่า นังแพศยานี่หุ่นไม่เลวเลย ฉันชอบ!”

เฉิงจุนน้ำลายไหลยืด ก่อนไปสเต็ปถัดไป เซียวหยางทนดูไม่ไหวอีกต่อไป เขาถีบประตูออกเสียงดัง!

“ใคร?”

ทั้งคู่ตกใจจนสั่นเทาไปทั่วร่าง เซียวหยางไม่ให้เวลาทั้งคู่ได้ไหวตัวทัน เขาถีบเข้าไปที่ชายคนขับรถเต็มแรง

เฉิงจุนตระหนกกับสิ่งที่เกิดขึ้น เซียวหยางกระชากคอเสื้อชายหนุ่มจนตัวลอยเหนือพื้น

“แค้กแค้ก…..”

เฉิงจุนบิดตัวอย่างทรมาน พร้อมขอขมาลาโทษไม่หยุดยั้ง “พี่ชาย พี่ชายปล่อยผมไปเถอะ มีอะไรคุยกันได้…..”

ทั้งคู่ไม่รู้จักสถานะของเซียวหยาง ไม่รู้ว่าเขาเข้ามาตอนไหน แต่ฝ่ายตรงข้ามแข็งแกร่งยิ่ง สิ่งนี้ที่พวกเขาเกรงกลัว

“ไอ้สวะ!”

เซียวหยางไม่สนใจที่จะแยแส เขาเสยไปที่ท้ายทอย ก่อนที่ทั้งคู่จะหมดสติไป

เซียวหยางเผยรอยยิ้มเย็นชาพร้อมจุดที่ไปส่วนร่างของทั้งคู่ สำหรับพวกขยะของสังคมต้องให้บทเรียนสักหน่อย

แม้ตอนนี้จะไร้การเปลี่ยนแปลง แต่หลังจากพรุ่งนี้เป็นต้นไปพวกเขาจะไม่ใช่ผู้ชายอีกต่อไป

หลังจัดการเรื่องทั้งหมด เขาจัดการแจ้งความ ก่อนที่สายตาจะเพ่งไปยังเย่เสี่ยวหวั่น

ใบหน้าที่แดงก่ำสายตาล่องลอยไร้สติ เธอถูกวางยาอย่างเห็นได้ชัดเจน ตอนนี้ส่วนบนเธอเหลือเพียงชุดชั้นในปกปิดเต้าเต่ง

เซียวหยางหยิบเสื้อเชิ้ตเธอขึ้นเพื่อช่วยเธอสวมใส่ หากแต่ถูกเฉิงจุนฉีกจนขาดวิ่นไม่เหลือชิ้นดี บัดนี้เพราะฤทธิ์ยา เย่เสี่ยวหวั่นเริ่มร้องดิ้นทุรน

“ร้อน ร้อนชะมัด…..”

หญิงสาวพลางกรีดร้อง แขนทั้งสองสองพลางลูบไล้เรือนร่างขึ้นลงไปมา เสื้อผ้าที่ขาดวิ่นยับยู่กว่าเก่า

เย่เสี่ยวหวั่นเธอเซ็กซี่อยู่ไม่น้อย หากไม่ใช่เซียวหยาง คนธรรมดาใครจะทนอยู่ได้

อย่าว่าแต่เย่เสี่ยวหวั่นที่เป็นน้องสาวของเย่หยุนซู แม้แต่เจิ้งอีเหรินที่เป็นซุปเปอร์สตาร์อันดับหนึ่งเขายังไม่คิดที่จะมอง

เซียวหยางแตะมือลงบนหน้าผากของเย่เสี่ยวหวั่น ถ่ายถอดลมปราณเข้าสู่ร่างกายเธอ

“สบาย สบายจังเลย…”

เย่เสี่ยวหวั่นขยับเคลื่อนกายไปมา เธอรู้สึกได้ถึงไออุ่นของใครบางคน เธอเอื้อมมือลูบไล้เซียวหยางเช่นเดียวกัน

มือเล็กเรียวลูบไล้ไปมาบนเรือนร่างชายหนุ่ม เพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถถอนตัวได้

หากแต่เซียวหยางไม่อยู่ภายใต้การควบคุม เขายังคงถ่ายถอดลมปราณต่อเนื่อง สิบนาทีผ่านไป ฤทธิ์ยาบนร่างเธอถูกกำจัดจนหมด

“ที่นี่…..ที่ไหน?”

เย่เสี่ยวหวั่นค่อยๆลืมตาตื่นขึ้น เธอเปิดเปลือกตาพบเซียวหยางตรงหน้าเธอ แถมเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยของเธออีก เธอตกใจแทบบ้า

เพราะร่างที่อ่อนแอ เธอจึงฟุบหมดสติไปอีกครั้ง

เซียวหยางถอดเสื้อคลุมของตัวเองออกก่อนสวมใส่ให้เธอ

เขาจำที่อยู่ของเธอได้ แต่เมื่อเขามาถึงบ้านของเย่เสี่ยวหวั่น แสงไฟจากบ้านของเธอสว่างจ้า!

อะไรกัน หรือว่าในบ้านมีคนอื่นอยู่อีก?