ตอนที่ 53 เจ้าเป็นตัวซวยก็อย่าลากข้าไปเดือดร้อนด้วย ตอนที่ 54

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 53 เจ้าเป็นตัวซวยก็อย่าลากข้าไปเดือดร้อนด้วย / ตอนที่ 54 แม่นยิ่งกว่าตาเห็น!

ตอนที่ 53 เจ้าเป็นตัวซวยก็อย่าลากข้าไปเดือดร้อนด้วย

ฉินหลิวซีหลับไปและไม่ได้ลุกมากินข้าวเที่ยงด้วยซ้ำ จนกระทั่งยามเซิน[1] นางจึงลืมตาขึ้นรวบรวมสติและลุกขึ้นนั่ง

“คุณชาย ท่านตื่นแล้ว” เฉินผีที่กำลังงีบหลับอยู่ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวและรินน้ำชาให้นาง “ท่านหลับลึก ข้าก็เลยไม่ได้ปลุกท่าน อาหารเที่ยงยังอยู่ในกล่องอุ่นๆ ท่านอยากจะกินกล่องนี้หรือจะรับขนมดีขอรับ”

ฉินหลิวซีรับถ้วยชามาพลางเอ่ย “เป็นเวลาใดแล้ว” นางเงยหน้ามองเฉินผีแล้วขมวดคิ้วทันที

“คุณชาย ทำไมหรือขอรับ”

ฉินหลิวซีเอ่ย “เราถึงไหนกันแล้ว เจ้ามีเคราะห์ จะเลือดตกยางออก”

“หา?”

ฉินหลิวซีนิ่วหน้ามองใบหน้าที่มีกลิ่นอายเลือดลอยขึ้นจางๆ แม้ว่าจะได้เลือด แต่ก็ไม่มีอันตรายจนถึงแก่ชีวิต จึงเอ่ยต่อไปว่า “เจ้ามีเหรียญอีแปะทองแดงหรือไม่”

เฉินผีรู้นิสัยของนางดี รีบหยิบเหรียญทองแดงออกจากกระเป๋าในแขนเสื้อส่งให้นาง

ฉินหลิวซีรับไปและโยนขึ้นอย่างง่ายๆ ในขณะที่มือข้างหนึ่งนับนิ้วคำนวณไปด้วย นางโยนอีกครั้ง นิ้วมือเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว

เฉินผีรออย่างเงียบๆ

หลังจากนั้นไม่นานฉินหลิวซีก็เก็บเหรียญทองแดงพลางเอ่ย “หยุดเถิด เราเดินหน้าต่อไปไม่ได้แล้ว”

เฉินผีเปิดประตูรถม้าและตะโกนให้หยุดทันที

หั่วหลางควบม้าเข้าไปและเอ่ยถาม “เฉินผีน้อย เกิดอะไรขึ้นหรือ”

“หยุดเถิด คุณชายของข้าบอกว่าไปต่อไม่ได้แล้ว”

หั่วหลางชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ย “รอสักครู่”

เขาควบม้าไปยังรถม้าของฉีเชียนเพื่อรายงาน

ฉีเชียนที่กำลังพิงหน้าผากงีบหลับได้ยินเช่นนั้นก็เหลือบมองนาฬิกาแดดและเอ่ย “หยุด”

เขาลงจากรถม้า อิงหนานเองก็เดินตามมาด้วย “นายท่าน อยู่ดีๆ ไยพวกเราถึงเดินทางต่อไปไม่ได้เล่าขอรับ”

ฉินหลิวซีลงจากรถม้าแล้ว กำลังมองดูสภาพแวดล้อมและท้องฟ้า ตอนนี้พวกเขาอยู่บนถนนทางการที่ล้อมรอบด้วยภูเขา ตามที่องครักษ์บอกพวกเขากำลังจะผ่านเข้าไปในช่องเขาแคบและสูงชันแห่งหนึ่ง

“ท่านหมอฉิน”

ฉินหลิวซีหมุนตัวกลับมา

ฉีเชียนเห็นว่าใบหน้าด้านหนึ่งของนางมีรอยแดง ดูมีเลือดฝาด จึงเบนสายตาไปทางอื่นและประสานมือถาม “ข้าได้ยินว่าท่านเรียกให้พวกเราหยุดหรือ”

“อืม” ฉินหลิวซีเอ่ย “ในอีกครึ่งชั่วยามจะมีฝนตกหนักและค่อนข้างกะทันหัน การข้ามช่องเขาจะเสี่ยงอันตราย หยุดแล้วหาที่กำบังลมฝนก่อนชั่วคราวเถิด”

ฉีเชียนและคนอื่นๆ ต่างก็อึ้งงั้นไป

อิงหนานเงยหน้ามองดวงอาทิตย์บนท้องฟ้าและอดเอ่ยออกมาไม่ได้ “ไม่สิ ท่านหมอฉิน แดดยังแรงออกอย่างนี้ ท่านว่าฝนจะตกอย่างนั้นหรือ”

ล้อเล่นกันหรือไร!

ฉีเชียนเองก็ลังเลเล็กน้อย แม้ว่าอาการป่วยของท่านย่าเขาจะไม่ได้ถึงกับอยู่ในภาวะวิกฤติ แต่หากเขากลับไปได้เร็วหนึ่งวัน ท่านย่าของเขาก็จะทุกข์ทรมานน้อยลงหนึ่งวันด้วย ดังนั้นหากเป็นไปได้ เขาก็อยากจะกลับไปให้เร็วที่สุด

“ใช่ ข้าบอกว่าฝนจะตก ถ้าเจ้าอยากไปก็ไปเถิด” ฉินหลิวซีเหลือบมองเขาและยิ้มออกมา “แต่ข้าเห็นว่าจุดเทียนถิง[2]ของเจ้ามีรอย จมูกก็มีรอย สีหน้าดำคล้ำซึ่งเป็นสัญญาณของการเสียทรัพย์ เกรงว่าในอีกไม่นานอาชีพขุนนางของเจ้าก็คงจะไม่ราบรื่น ตอนนี้จุดอิ้นถัง[3]ก็ดำคล้ำ กลิ่นอายเลือดปกคลุมใบหน้า หากยังฝืนไปต่อ เจ้าจะกลายเป็นคนที่เร่งให้เกิดความโชคร้ายคนนั้น! เจ้าเป็นตัวซวยก็ไม่เป็นไรหรอก แต่จะมาทำให้พวกเราเดือดร้อนไปด้วยไม่ได้ เฉินผี ไปเอาสัมภาระของเรามา”

“ขอรับ”

อิงหนานถูกฉินหลิวซีวิจารณ์โหงวเฮ้งเช่นนั้นก็โกรธจนควันออกหู เขาแทบจะพุ่งเข้าไปและถกแขนเสื้อถามหาเหตุผลกับอีกฝ่ายแล้ว แต่หั่วหลางกลับรั้งเขาไว้ด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาหลายครั้ง

“เมื่อวานเจ้าก็ทำถุงเงินหายมิใช่หรือ” หั่วหลางเตือนเขาด้วยเสียงแผ่วเบาข้างหู “เจ้าทำให้นายท่านโกรธจนส่งเจ้าไปที่อิงถัง”

อิงหนานตัวแข็งทื่อ ปลายนิ้วชาไปในทันที พอเจ้านายโมโหเขาก็อดรู้สึกกระวนกระวายใจไม่ได้ ตอนที่ออกไปทำงานจึงทำถุงเงินหาย ท่านหมอฉินคงไม่ได้สะกดรอยตามเขาไปหรอกกระมัง?

ประเด็นที่สำคัญที่สุดคือท่านหมอฉินมาจากอารามเต๋า และหากที่เอ่ยออกเมื่อครู่นี้ถูกต้องทั้งหมด

ดังนั้น เขาเป็นตัวซวยอย่างนั้นหรือ

เล่ม 2 ภาค 1

ตอนที่ 54 แม่นยิ่งกว่าตาเห็น!

โบราณว่าไว้เชื่อไว้ก่อนดีกว่า เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคำทำนายที่ตรงไปตรงมาและเด็ดขาดของท่านหมอฉินแล้ว ฉีเชียนก็เลือกที่จะเชื่อตาม

ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็พูดเรื่องที่เกิดขึ้นกับอิงหนานได้อย่างแม่นยำ

หั่วหลางรีบสั่งให้คนไปหาที่กำบังลมฝนทันที เพียงแต่ที่นี่ล้อมรอบไปด้วยภูเขา แล้วจะให้พวกเขาไปหาที่ไหนได้

“ไปทางทิศตะวันตกเถิด” ฉินหลิวซีหันหน้าไปทางทิศตะวันตก

หั่วหลางหันไปมองเจ้านายของตนโดยสัญชาตญาณ เมื่อเห็นว่าเขาพยักหน้าจึงนำคนมุ่งหน้าไปสำรวจทาง ไม่นานนักก็ส่งคนหนึ่งกลับมารายงานว่าไม่ไกลจากช่องเขามีวัดร้างเล็กๆ แห่งหนึ่งที่บัดนี้น่าจะเป็นที่พักชั่วคราวของพวกนายพรานล่าสัตว์

ฉีเชียนเหลือบมองฉินหลิวซีพลางครุ่นคิด

อิงหนานประหม่ายิ่งขึ้นไปอีก นี่มันแม่นอีกแล้ว

คนทั้งกลุ่มรีบเร่งเดินทางไปยังวัดร้างทันที จนกระทั่งพวกเขาเข้าไปในวัดร้างได้แล้ว ท้องฟ้าก็ยังคงแจ่มใส ทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่าฝนจะตกจริงหรือ คงไม่ได้พูดจาเหลวไหลหรอกนะ!

หั่วหลางนำผู้คนไปจัดการกับสภาพทรุดโทรมของวัดร้างไว้ก่อนแล้ว หลังจากปัดกวาดทำความสะอาดสถานที่พวกเขาก็ปูผ้าและเก็บกิ่งไม้แห้งจากในป่าด้านนอกกลับมาเตรียมไว้

ฉินหลิวซีเห็นเช่นนั้นก็เอ่ยกับฉีเชียน “คนคุ้มกันของท่านไม่เลวเลย เดินหนึ่งก้าวคิดล่วงหน้าไปสิบเก้า รู้จักคิดการล่วงหน้า ฉลาดมีไหวพริบ มีความจกรักภักดี รับผิดชอบงานใหญ่ได้”

หั่วหลางได้รับคำชมอย่างกะทันหันก็มีความสุขมาก เขาประสานมือคำนับ “ท่านหมอฉินล้อเล่นแล้ว”

เฉินผีเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ “คุณชายของข้าไม่เคยมองคนผิด ถ้าเขาบอกว่าท่านรับผิดชอบงานใหญ่ได้ก็หมายความเช่นนั้นจริงๆ”

หั่วหลางยิ้มกว้างขึ้น หยิบขนมงาออกมาจากแขนเสื้อแล้วส่งให้เฉินผี “เช่นนั้นก็ต้องขอบคุณคุณชายของเจ้าที่ชมข้า”

อิงหนานที่อยู่ข้างๆ มองมา ขอบตาของเขาแดงเล็กน้อย นางไม่ได้เอ่ยเรื่องดีๆ ของเขา เอาแต่เอ่ยเรื่องแย่ๆ

องครักษ์คนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมผลพุทราจำนวนหนึ่งในอ้อมแขน เอ่ย “มีต้นพุทราอยู่หลังวัดร้างนี้ต้นหนึ่ง ดูเหมือนจะมีอายุพอควร บนต้นมีลูกอยู่บ้าง ข้าน้อยก็เลยเด็ดมันลงมา”

ฉินหลิวซีตาเป็นประกายและลุกขึ้นยืนทันที นางทำนายได้ว่าจะมีเรื่องน่ายินดีอย่างคาดไม่ถึงระหว่างการเดินทางครั้งนี้ หรือว่ามันจะอยู่ที่นี่กัน

“ต้นพุทรานี้อยู่ที่ใดหรือ”

“อยู่ข้างหลังขอรับ โน่น ตรงนั้นแหละ” องครักษ์ชี้ไปทันที

ฉินหลิวซีและเฉินผีมองออกไป และเห็นว่าตรงตำแหน่งทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของวัดร้างนี้มีรอยแตกหักกลายเป็นช่องหน้าต่างใหญ่ๆ จนสามารถมองเห็นว่ามีต้นพุทราต้นหนึ่งอยู่ด้านนอก ลำต้นของมันหนา เกรงว่าน่าจะมีอายุหลายสิบปีแล้ว

ฉีเชียนเห็นท่าทางฉินหลิวซีสนอกสนใจเช่นนั้นจึงเอ่ยถามขึ้น “ท่านหมอฉิน หรือว่ามีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับต้นพุทรานี้”

“อา ก็แค่ต้นพุทราต้นหนึ่งจะมีอะไรผิดปกติได้ รีบมาชิมความหวานของพุทราต้นนี้กันเถิด” ฉินหลิวซียิ้ม

ฉีเชียนไม่ได้เผยออกมาให้เห็นทางสีหน้า แต่กลับรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายไม่ไว้วางใจเขา

“ฟ้าเริ่มมืดลงแล้วขอรับ” ต้าหย่ง องครักษ์คนหนึ่งที่เฝ้าอยู่ตรงทางเข้าอุทานออกมาด้วยความตกใจ

ทันทีที่สิ้นเสียงเอ่ยของเขา ลมก็พัดแรงจนราวป่าสั่นไหวเสียงดังสนั่น ท้องฟ้าค่อยๆ ปกคลุมด้วยเมฆดำมืด ไม่มีแสงใดเล็ดลอดเข้ามาได้

ยังไม่ทันถึงพ้นชั่วเวลาจิบชาหนึ่งถ้วยดีก็มีเสียงฟ้าร้องดังขึ้น หลังจากนั้นฝนก็เทลงมาอย่างหนัก รวดเร็วและรุนแรง

ทุกคนทยอยกันหันไปมองฉินหลิวซีที่กำลังดื่มชาและกินขนมด้วยสายตายำเกรง

แม่นอีกแล้ว

อิงหนานกลืนน้ำลาย ไม่เป็นไร เขายังไม่มีเลือดออก ยังนับว่าแม่นไม่ได้

“นายท่าน ข้าจะออกไปดูหน่อยว่าฝนตกหนักแค่ไหนนะขอรับ” เขาลุกขึ้นยืนและเดินไปที่ประตูทางเข้า เดินไปได้เพียงสามก้าวเท่านั้น จู่ๆ เขาก็เจ็บหน้าผากและตาลายขึ้นมาอย่างกะทันหัน

เสียงปังดังขึ้น

กระเบื้องแผ่นหนึ่งหล่นลงมา

อิงหนานลูบหน้าผากตนเองก่อนจะพบเลือดแดงๆ แม้จะไม่มาก แต่ก็เป็นเลือด

จุดอิ้งถังดำคล้ำ เลือดตกยางออก แม่นอย่างกับตาเห็น!

ทุกคน “!”

หากอยากให้ปรมาจารย์ทำนายดวงให้ ไม่รู้ว่าต้องใช้เงินเท่าใด

ภายใต้สายตาอันยำเกรงของทุกคน ฉินหลิวซีแย้มยิ้มด้วยสีหน้าอย่างคนเก็บงำความสามารถ

[1] ยามเซิน คือ ช่วงเวลา 15.00 -17.00 น.

[2]จุดเทียนถิง จุดกึ่งกลางหน้าผาก

[3]จุดอิ้นถัง จุดกึ่งกลางหว่างคิ้ว