สงคราม ณ ดินแดนที่สูญสิ้น
ท่านผู้กล้าคนก่อนได้ปรากฎตัวขึ้นและเข้าร่วมการต่อสู้ในสงคราม
1 อาทิตย์ต่อมาข่าวการปรากฎตัวของกลุ่มของท่านผู้กล้าคนปัจจุบัน ได้ถูกส่งออกไปทั่วโลก
และ ณ ขณะนี้
เหล่าผู้นำของแต่ละประเทศได้มาชุมนุมกัน
[ นับจากนี้ ดิชั้นขอเริ่มการประชุมครั้งนี้อย่างเป็นทางการ ]
สาวสวยผู้มัดผมสีเงินของเธอ ซิลเวีย ได้ประกาศเริ่มต้นการประชุมกับเหล่าผู้นำโลก มากกว่า 20 คน ณ ที่นี่
[ ก่อนอื่น ก่อนที่เราจะพูดถึงหัวข้อแรกนั้น ดิชั้นอยากจะอธิบายอะไรบางอย่างให้กระจ่างก่อน ]
ตอนนี้เธอไม่ได้สวมชุดเกราะแต่อย่างใด ซิลเวียเธอกำลังสวมชุดกระโปรงยาวสีฟ้า และในมือของเธอถือกระดาษคำร้องขอจำนวนหนึ่ง
ในกระดาษนั้น เป็นเรื่องเกี่ยวกับท่านผู้กล้าคนก่อน หรืออีกความหมายคือ เรื่องของ ยู ยาชิโระ เนื้อหาในคำร้องนั้นมีใจความประมาณว่าท่านผู้กล้าคนก่อนอยู่ที่ไหน
ไม่สิ จุดประสงค์จริงๆคือ พวกเขาต้องการใช้ประโยชน์จากท่านผู้กล้าคนก่อนเท่านั้น
[ ท่านผู้กล้าคนก่อนนั้นเสร็จสิ้นภาระกิจของเขาแล้ว หมายความว่าเขานั้นได้เป็นอิสระ และเหตุผลที่ว่านี้ท่านผู้กล้านั้นไม่ได้อยู่ภายใต้อาณาจักรลีซาเรี่ยนอีกต่อไป ]
แม้เสียงของเธอจะสั่นๆเพราะความโกรธ แต่เธอก็ยังควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดี แม้ปกติเธอคงฉีกคำขอร้องพวกนี้เป็นชิ้นๆในทันที
[ ด้วยเหตุผลที่ว่านี้ ถ้าหากพวกคุณยังแสดงความต้องการที่จะควบคุม ใช้ประโยชน์ ข่มขู่ อะไรก็ช่างประมาณนี้ ต่อท่านผู้กล้าคนก่อน พวกเรา อาณาจักร ลีซาเรี่ยน คงไม่อนุญาติคำขอเหล่านั้นได้ . . . ดังนั้น ดิชั้นจะขอกล่าวในหัวข้อถัดไปแทนนะคะ ]
ขณะที่เธอกำลังโล่งใจและนั่งลงที่เก้าอี้
ก็มีเสียงหนึ่งพูดขัดขึ้นมา
[ ขอประทานอภัย ข้าขอพูดอะไรบางอย่างได้รึไม่ ]
ชายร่างอ้วนน่ารังเกียจ ผู้สวมชุดหรูหราที่ประดับอัญมณีมากมาย เขาคือ พระคาดินัล แห่งศาสนจักร Holy Ulquiorra เขาได้พูดขัดขึ้นมาพร้อมกับใบหน้ายิ้มแย้ม
[. . . .พระคาดินัล เกลเนล . . .มีอะไรคะ กรุณารวบรัดด้วย ]
แม้ท่าทางของซิลเวียแสดงออกมานั้นเห็นได้ชัดว่าเป็นการยั่วยุ แต่รอยยิ้มของเขานั้นไม่ได้หายไปจากบนใบหน้า ไม่สิ มันเป็นอะไรที่น่ารังเกียจกว่านั้น มันเหมือนกับว่า เขามีความสุขที่สุดในชีวิต
แม้ความรู้สึกของซิลเวียจะเต็มไปด้วยความรู้สึกที่อยากจะฆ่าและในใจอยากจะบ่นด่าถ้อยคำหยาบคายออกมา แต่การแสดงออกของเธอนั้นทำได้เพียงแต่เก็บไว้และจ้องมองกลับเท่านั้น
ในสถานที่ที่เป็นทางการแบบนี้ การพูดสิ่งที่คิดอยู่ในใจหรือทำอะไรบางอย่างเป็นจุดสนใจนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง
(ชิ . . ยู ชั้นล่ะอิจฉานาย ชั้นอยากจะใช้ชีวิตธรรมดาแบบนายจริงๆ )
เพราะว่ามันเป็นมารยาท เธอจึงยิ้มตอบเพียงเล็กน้อยและได้แต่คิดว่าชายคนนั้นจะมาไม้ไหน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปนั้น มันทำให้เธอถึงกับตัวแข็งทื่อไปเลย . .
[ ฝ่าบาททรงเข้าใจผิดแล้วพะยะค่ะ สำหรับพวกเราแล้ว พวกเราเพียงแค่ต้องการกล่าวคำสรรเสริญและตอบแทนบุญคุณต่อท่านผู้กล้าคนก่อนก็เท่านั้นพะยะค่ะ ]
พระคาดินัลแห่งศาสนจักร Holy Ulquiorra ได้กล่าวออกมา มันเป็นคำพูดที่ซิลเวียไม่เคยคิดเลยว่าจะออกมาจากปากของเขา และนั้นมันทำให้ซิลเวียถึงกับโมโหภายในใจเป็นอย่างมาก
( แกพูดว่า ท่านผู้กล้า ??? แก- เป็นไอ้ชั่วที่ประกาศออกมาว่า ยู เป็นศัตรูของพระเจ้าไม่ใช่รึไง ?? แล้วนี่อะไร กล่าวคำขอบคุณ! ตอบแทนบุญคุณ! แกพูดออกมาได้ไง ?? )
ก่อนหน้านี้ เกลเนลเขานั้นเคยสูญเสียตำแหน่งในองค์กรมาก่อน แต่นั้นก็ไม่ถือว่าเป็นการลงโทษเขาแต่อย่างใด ในขณะที่เขาสูญเสียตำแหน่งนั้น เขาได้ใช้ทรัพย์สมบัติมากมายในการจ่ายให้กับประเทศต่างๆเพื่อให้มาสนับสนุนเขา และเขาได้กระจายข่าวไปทั่วโลกเหตุที่เขานั้นสูญเสียตำแหน่งไปนั้นเกิดจากท่านผู้กล้านั้นกลายเป็น ศัตรูของพระเจ้า
สำหรับพวกประเทศเหล่านั้นที่สนับสนุนเขา เกลเนลได้ล่วงรู้ความลับเรื่องที่ไม่ดีที่พวกประเทศเหล่านั้นสร้างไว้ และนั้นมันทำให้เป็นจุดอ่อนที่ถูกเกลเนลล่วงรู้ และนั้นเองทำให้ประเทศเหล่านั้นจึงสนับสนุนเขา และแทบจะในทันที เขาจึงได้กลับมาดำรงในตำแหน่งพระคาดินัล
[ และแน่นอน ถ้าหากท่านผู้กล้านั้นได้ออกมาเปิดเผยตัวในสาธารณะชนในขณะนี้ เพื่อเป็นรางวัลนั้น ทางเราศาสนจักรจะยกเลิกสถานะ “ศัตรูของพระเจ้า” ให้กับท่านผู้กล้า และเรามั่นใจว่าการที่ท่านผู้กล้านั้นไปสนิทสนมกับเหล่ากึ่งมนุษย์เป็นเพราะความมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีของท่านผู้กล้าเท่านั้นเอง ]
สำหรับเผ่ากึ่งมนุษย์ที่เกลเนลหมายถึงนั้นเป็นเผ่าพันธุ์เช่น เซนทอร์หรืออารัคเน่ แม้เผ่าพันธุ์พวกนี้จะมีความฉลาดในระดับสูง แต่ร่างกายของพวกเขานั้นยังมีส่วนที่แตกต่างจากมนุษย์และเอลฟ์มากเกินไป ถึงกระนั้น เกลเนลก็รังเกียจแม้กระทั้งพวกเอลฟ์ที่มีร่างกายใกล้เคียงกับมนุษย์ที่สุดก็ตาม เขาถือว่าพวกนั้นเป็นเผ่าพันธุ์ที่ด้อยกว่ามนุษย์
ในความเชื่อในศาสนา Holy Ulquiorra นั้น “มนุษย์” คือเผ่าที่อยู่บนจุดสูงสุด และเผ่าพันธุ์กึ่งมนุษย์ที่ร่างกายแตกต่างจากมนุษย์ทั่วไปนั้นตกเป็นเป้าหมายในการดูถูกและเหยียดหยามนั้นเอง
เมื่อ 3 ปีก่อน ยูนั้นได้รับรู้การข่มเหงผู้อื่นเพียงเพราะพวกเขามีร่างกายที่แตกต่างจากมนุษย์ และนั้นทำให้ยูได้เข้าพูดไปบางอย่างกับทางศาสนจักร
— ถ้าหัวใจของพวกเขานั้น มีความเป็น “คน” นั้นก็หมายความว่าพวกเขาเป็น “คน”เหมือนกับพวกเรา —
มันเป็นคำพูดของชายผู้ใช้ทั้งชีวิตอยู่บนเส้นทางแห่งการต่อสู้ ถึงแม้หลังจากนี้ผู้คนจะไม่รู้ถึงสิ่งที่เขาได้ทำ แต่การที่คนเหล่านั้นได้มีชีวิตอย่างสงบสุขนั้นคือสิ่งที่เขาต้องการ
มันเป็นคำพูดของชายผู้ปกป้องโลกนี้ไว้ เพียงเพราะต้องการให้หัวใจของผู้คนเหล่านั้นเต็มไปด้วยความอบอุ่น แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีรูปร่างเหมือนกับมนุษย์ก็ตาม
— ถ้าอะไรก็ตามที่เรียกว่า “พระเจ้า”นั้น มองดูผู้คนที่โชคร้ายเหล่านี้ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังนิ่งเฉยกับสิ่งที่เกิดขึ้น , ผมไม่มีทางยอมรับมันเด็ดขาด ผมไม่มีทางเชื่อว่าเขานั้นเป็นพระเจ้าเด็ดขาด !! —
ถึงแม้นั้นจะไม่ใช่เจตนาของเขา แต่คำพูดที่เขาพูดออกมานั้นก็เป็นหลักฐานเพียงพอที่เขาจะกลายเป็นศัตรูขอพระเจ้า
แต่ก็ว่านะ ยูอาจจะยอมรับการเป็นศัตรูของพระเจ้าเองก็ได้มั้ง
และ ยูนั้นจะต้องถูกผู้คนหัวเราะเยาะขนาดใหนกันเขาถึงจะพอใจ !!
[ พูดออกมาได้หน้าตาเฉยนะ!! .. เรื่องที่ท่านผู้กล้าเป็นศัตรูของพระเจ้าเป็นเรื่องที่ผิดพลาด อย่าลืมสิ ก่อนหน้านี้ท่านผู้กล้านั้นเป็นคนขับไล่จอมมารและจอมมารได้ถูกผนึกลงจนถึงทุกวันนี้ !!!! ]
ซิลเวียเธอได้ปลดปล่อยความโกรธมาพร้อมกับเสียงตะโกนของเธอไปยังพระคาดินัล
แต่ถึงกระนั้น พระคัลดินัลเกลเนลก็ยังคงยิ้ม และพูดต่อ
[ แน่นอน การที่เขาขับไล่จอมมารไปได้จนถูกผนึกเป็นความจริง อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เรียกว่าการ”ผนึก”จอมมารนั้น ทำให้ท่านพี่สาวของพระองค์. . และทางเราศาสนจักรเองก็สูญเสียบุคคลที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น “บุตรสาวของพระเจ้า” ท่านอมาเทล” ข้าได้ยินมาว่า “ท่านนักบุญโอลิเวีย” นั้นได้อุทิศชีวิตเพื่อผนึกแต่ . . . ]
[ . . . อะไร แกพยายามจะบอกอะไร !!!!!! . . . ]
ซิลเวียตอนนี้ตกอยู่ภายใต้ความโกรธสุดๆ
[ นี่เป็นเพียงแค่การสัญนิฐาน . . . อาจเพราะ ท่านผู้กล้าคนก่อนนั้นหวาดกลัวที่จะ “ตาย” และเขาได้เอาตัวรอดโดยการเสียสละท่านนักบุญของพวกเรา? . . . และนี่ คือสิ่งที่พวกเรา ศาสนจักร Holy Ulquiorra คิดพะยะค่ะ . .]
[ แก . . !! ]
ลูกไฟขนาดใหญ่ ได้ลุกท่วมที่แขนของ ซิลเวีย
สำหรับผู้ใช้วิญญาณภูติเพลิงนั้น ถึงแม้เธอจะควบคุมพลังได้อิสระก็ตาม แต่บางครั้งพลังนั้นก็รั่วไหลออกมาเองตามอารมณ์ของเธอ อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นครั้งสุดท้ายก็เมื่อ 3 ปีก่อน
[ การฆ่าจอมมารนั้น คือภารกิจของท่านผู้กล้า ! แต่ดูสิ่งที่เกิดขึ้น “ท่านนักบุญ”ได้เสียชีวิต และท้ายที่สุดกับจบลงเพียง “ผนึก”มันเอาไว้เท่านั้น พวกเรา ศาสนจักร ไม่จำเป็นต้องคิดให้มากความเลยกับสิ่งที่พวกเราสัญนิฐานออกมา . แต่ มันเป็นความจริงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน สงความ ณ ดินแดนที่สูญสิ้น , ท่านผู้กล้าคนก่อนนั้นได้ต่อสู้เพื่อพวกเรา ฝั่งมนุษย์ อีกครั้ง และได้นำพาชัยชนะมาให้แก่พวกเรา และนั้นทำให้เราได้ทบทวนข้อสัญนิฐานของพวกเราครั้งก่อน พวกเราจึงได้เปลี่ยนความคิดที่พวก ท่านผู้กล้านั้นไม่ได้”กลัวที่จะตาย” แต่เป็นเพราะ “มีเหตุผลบางประการ” พะยะค่ะและเหตุผลที่ว่ามาเหล่านี้ การที่พวกเราเรียกร้องให้ท่านผู้กล้าออกมาแสดงตัวนั้น เพราะพวกเราเพียงแค่ต้องการตอบแทนและกล่าวขอบคุณท่านผู้กล้าคนก่อนเท่านั้นเอง พะยะค่ะ ]
—————-
[ ฝ่าบาทขอรับ ]
[. . . . .! ]
ในขณะที่ซิลเวีย เธอกำลังจมอยู่กับความคิดของตัวเอง เธอถูกเรียกขึ้นโดยอัศวินของเธอ
[ ขอโทษที ลีโอ ชั้นกำลังคิดอะไรอยู่นิดหน่อย ]
สองวันหลังจากที่การประชุมของเหล่าผู้นำโลก ณ ตอนนี้ ซิลเวียเธออยู่ในงานฉลองชัยชนะที่ทางอาณาจักรลัคซีเรียจัดขึ้น
ซิลเวียเธอนั่งอยู่ที่มุมหนึ่งภายในงานฉลอง
เธอกำลังคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อ 2 – 3 วันก่อน
[ คิดเรื่องเกี่ยวกับเขารึปล่าวครับ . . .หมายถึง ยู น่ะขอรับ ]
ลีออนฮาทพูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้มที่มีสเน่ห์ถ้าใครก็ตามมาเห็นละก็ต้องหลงรักแน่นอน
[ . . .ก็ทุกๆเรื่องนั้นและ ]
[ ฝ่าบาทอย่าปฎิเสธมันดีกว่าขอรับ ]
ลีโอตอบกลับมาพร้อมกับยิ้มอีกแล้ว
. . . .ไอ้หมอนี่
อารมณ์ดีตลอดเวลาเลยรึไงกันนะ
ลีโอนั้นมักจะยิ้มอยู่เสมอ
แต่เขาเองก็แอบซาดิสเล็กๆในเรื่องชอบแกล้งคนอื่น
มันควรจะบอกว่าลีโอนั้นถือว่าโรคจิตพอตัว แต่เขาไม่ได้โรคจิตแบบเดียวกับยูหรอก เขาเพียงแค่อยากเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเหล่าหญิงสาวก็แค่นั้น
[ . . . .อืม . . .ชั้นกำลังคิดถึงเรื่องของ ยู ]
[ ฟุฟุ องค์หญิง—ไม่สิตอนนี้ฝ่าบาทได้เติบโตขึ้นแล้วสินะขอรับ ]
คำพูดที่ลีโอพูดออกมานั้น เขามักจะพูดให้พวกเธอเหล่านั้นสับสน แต่นั้นมันทำให้พวกเธอเหล่านั้นรู้สึกสบายใจ
[ อย่างไรก็ตาม ผิวที่แก้มของฝ่าบาทที่เคยขาวราวกับหิมะแรกของฤดูนั้น ตอนนี้เริ่มที่จะแดงเหมือนกับผลแอปเปิ้ลเพราะความอาย แล้วนะขอรับ ]
[ เอ๊ะ !! ]
เธอจับที่แก้มของเธอด้วยสองมือ มันคงจะจริงอย่างที่เขาพูด
เพราะแก้มของเธอนั้นเริ่มร้อนขึ้นมาแล้ว
[ . . . . . . ]
ลีโอ ที่ปกติเขาจะยิ้มอยู่ตลอดเวลานั้น อยู่ๆเขาก็เปลี่ยนท่าทีกลายเป็นจริงจัง และได้ก้าวออกมายืนที่ข้างหน้าของซิลเวีย
[ โอย้า . คุณนั้นเอง . .คุณมีธุระอะไรกับฝ่าบาทรึ ]
[ เอ่อ . .คือ ไม่สิ แค่จะ. . .ทักทาย ครับ ]
เด็กหนุ่มผู้มีผมสีดำ กล่าวขึ้น เขาคือผู้กล้าคนปัจุบันนั้นเอง