บทที่ 23 สามีภรรยา

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

กู้เจียวกับเซียวลิ่วหลังตื่นกันมาแต่เช้า

เซียวลิ่วหลังไปหาบน้ำจากหน้าหมู่บ้าน

กู้เจียวไปในห้องเล็กดูอาการของหญิงชราก่อน ผื่นแดงบนหน้านางจางลงไปจนแทบมองไม่เห็นแล้ว ผิวหนังที่พุพองตรงหลังมือก็หายไปพอสมควรแล้วเช่นกัน

แม้จะเรียกว่ายังห่างจากคำว่าหายดีอยู่ไกลโข แต่การแพร่เชื้อของนางก็ระงับไว้ได้แล้ว

กู้เจียวลูบคางด้วยความพอใจ หันหลังไปต้มยาให้นางที่ห้องครัว

หญิงชรามองยาขมที่ยกมาตรงหน้าตน กลอกตาอย่างรังเกียจ

เพื่อให้นางยิ่งกินยาได้ดีขึ้น กู้เจียวจึงให้เซียวลิ่วหลังเอาผลไม้เชื่อมจากตัวอำเภอมาด้วย หญิงชราชอบกินผลไม้เชื่อมมาก แต่ถ้านางไม่กินยาก็จะไม่ได้กินผลไม้เชื่อม

กู้เจียววางยาถ้วยหนึ่งกับจานผลไม้เชื่อมหนึ่งจานเล็กลงบนโต๊ะพร้อมกัน

“น้อยแค่นี้! สามลูกเอง!” หญิงชราไม่พอใจกับจำนวนผลไม้เชื่อมเป็นอย่างมาก

“ผลไม้เชื่อมราคาแพงมากนัก ไม่กินก็แล้วไป” กู้เจียวเอ่ยพลางยื่นมือไปหยิบจานผลไม้เชื่อม

หญิงชราถลึงตาใส่กู้เจียวด้วยความแค้นใจ แย่งผลไม้เชื่อมมาไว้ในอก ดื่มยาขมทั้งถ้วยจนหมดด้วยความเกลียดชังอย่างสุดซึ้ง

เนื่องจากวันนี้เซียวลิ่วหลังต้องไปรักษาขาที่โรงหมอ ดังนั้นกู้เจียวจึงต้องไปด้วย แต่ก็ไม่อาจทิ้งหญิงชราให้อยู่บ้านคนเดียวได้อีก

กู้เจียวไม่ได้ไม่เคยคิดจะพาหญิงชราไปด้วย แต่บนถนนหลวงจุดตรวจยังมี เกิดเจ้าหน้าที่จำหญิงชราได้ ความพยายามที่ผ่านมาของพวกนางคงได้สูญเปล่าแล้ว

ถึงแม้ว่านางจะไม่แน่ใจว่าหญิงชราเป็นคนป่วยโรคเรื้อนที่พวกเขากำลังตามจับอยู่หรือไม่ แต่หากมีความละเอียดอ่อน​ สุขุมรอบคอบจึงจะกุมเรือหมื่นปีได้

ครุ่นคิดแล้วครุ่นคิดอีก กู้เจียวจึงเรียกให้กู้เสี่ยวซุ่นมาหา

“ท่านพี่! ในที่สุดพี่ก็ให้ข้าเข้าบ้านแล้ว!” กู้เสี่ยวซุ่นเอ่ยด้วยสีหน้าตื่นเต้น

กู้เจียวเอ่ยว่า “วันนี้ข้าต้องไปในเมืองเป็นเพื่อนพี่เขยเจ้า เจ้าอยู่ที่บ้านช่วยข้าดูหญิงชราหน่อย อาการป่วยของนางไม่แพร่เชื้อแล้ว ในห้องข้าก็ฆ่าเชื้อไว้แล้วด้วย”

กู้เสี่ยวซุ่นไม่เข้าใจคำว่า ‘ฆ่าเชื้อ’ นั้นหมายความว่าอะไร แต่ก็ไม่ได้ถามพี่สาวเขาว่ารู้ได้อย่างไรว่าอาการไม่แพร่เชื้อแล้ว เขาขานรับตอบไปโดยไม่ลังเลสักนิดว่า “ขอรับ! ท่านพี่วางใจเถอะ! ข้าจะดูนางไว้เอง!”

“มื้อกลางวันข้าอุ่นไว้ในหม้อแล้ว เจ้ายกไปให้นางชุดหนึ่งก็พอ” กู้เจียวสั่งการต่อ

กู้เสียวซุ่นเอ่ยว่า “ท่านพี่ ข้าจะทำงาน ท่านพี่วางใจได้!”

กู้เจียวนึกบางอย่างขึ้นมาได้จึงกำชับว่า “หากมีคนมาถามหา เจ้าก็บอกว่าเป็นญาติของพี่เขยเจ้า มาขอพึ่งพาอาศัยเขา”

กู้เสี่ยวซุ่นตอบอย่างเชื่อฟัง “ขอรับ!”

กู้เจียวกับเซียวลิ่วหลังเพิ่งจะออกไป กลุ่มอันธพาลเดิมที่ติดตามกู้เสี่ยวซุ่นก็มาหาถึงบ้าน

“พี่ใหญ่! นับได้ว่าเจอพี่เสียที! ได้ยินว่าพี่ไปเรียนหนังสือ เหตุใดพี่ยังเล่นลูกไม้เก็บตัวอีก! ไปกัน! ไปออกแรงกันสักตั้ง!”

“ไสหัวไป! ไสหัวไป! ข้ามีธุระ!” กู้เสี่ยวซุ่นไล่คนออกไปโดยไม่คิดสักนิด

แม้ว่าจะอุดอู้อยู่นานเขาคันไม้คันมือไม่น้อย แต่เรื่องที่พี่สาวเขาสั่งไว้ เขาต้องจัดการให้ดี

เมื่อกู้เจียวกับเซียวลิ่วหลังมาถึงหุยชุนถัง เฝิงหลินก็เดินกลับไปกลับมาอยู่หน้าประตูพักใหญ่แล้ว ตอนแรกนัดเวลากับหุยชุนถังไว้ยามฉือ แต่เขาห่วงว่าคนที่มาหาหมอจางจะมากเกินไป ดังนั้นพอยามเฉินก็มาถึงแล้ว

ไหนเลยจะรู้เขารออยู่ที่นี่มากว่าครึ่งชั่วยามแล้ว ไม่มีร่องรอยการต่อแถวเลยสักนิด

เขากำลังหงุดหงิดอยู่พอดี เห็นเซียวลิ่วหลังกับกู้เจียวเข้า

สีหน้าเขาพลันเคร่งขรึมขึ้น “เจ้ามาได้อย่างไร”

กู้เจียวยิ้มจางตอบว่า “ข้ามาเดินเล่น”

เฝิงหลินไม่เข้าใจ สตรีน่าขยะแขยงนางนี้ได้ยินว่าไปถูกใจคนอื่นแล้วมิใช่หรือ เหตุใดหมู่นี้จึงเอาแต่ตอแยท่านพี่เซียวไม่ปล่อยเลย กระทั่งท่านพี่เซียวมารักษานางก็ยังตามมาด้วย!

ท่านพี่เซียวก็จริงๆ เลย เรื่องการรักษาสำคัญเพียงนี้ ยังพาตัวยุ่งมาด้วยทำไม เกิดทำพังขึ้นมาจะทำอย่างไร

เฝิงหลินเอ่ยเสียงเย็นชาว่า “ข้าขอเตือนเจ้าไว้เลยนะ อีกเดี๋ยวเข้าโรงหมอไปเจ้าอย่าได้พูดเพ้อเจ้อ และอย่าได้แตะต้องของของคนอื่นเขามั่วซั่ว อย่าก่อความวุ่นวายให้ท่านพี่เซียว ทำให้การรักษาท่านพี่เซียวล่าช้า!”

“อืม” กู้เจียวขานรับ ไร้ซึ่งความไม่อดทน และไร้ซึ่งอารมณ์ใด

ทว่าเซียวลิ่วหลังกลับขมวดคิ้วมองเฝิงหลิน ถือไม้เท้าเดินเข้าไป

คนที่มาต้อนรับพวกเขาคือผู้ดูแลหวัง

ผู้ดูแลหวังก็รออยู่นานมากเช่นกัน เขายิ้มแย้มเข้าไปต้อนรับ มองกู้เจียวแวบหนึ่งโดยไม่ทิ้งให้สังเกตเห็น ยิ้มเอ่ยกับเฝิงหลินว่า “คุณชายเฝิงมาแล้ว ท่านนี้คงจะเป็นสหายของคุณชายเฝิงอย่างคุณชายเซียวกระมัง ข้าคือผู้ดูแลหวังของหุยชุนถัง”

เซียวลิ่วหลังพยักหน้าให้นิ่งๆ

ผู้ดูแลหวังแอบตกใจ คุณชายเซียวผู้นี้หน้าตารูปงามยิ่ง สวมแค่อาภรณ์คร่ำครึยากไร้แท้ๆ แต่สูงส่งเหนือโลกีย์กว่าคุณชายใดที่เขาเคยเจอมาเสียอีก

“ท่านนี้คือ…” ผู้ดูแลหวังมองไปยังกู้เจียว ท่าทางไม่รู้จักอย่างสิ้นเชิง

เซียวลิ่วหลังชะงักไป “ภรรยา แม่นางกู้”

กู้เจียว : ภรรยา แม่นางกู้ โอ้ คำเรียกนี้น่าฟังไม่น้อย

ผู้ดูแลหวังประสานมือยิ้มแย้ม “ที่แท้ก็คือเซียวฮูหยินนี่เอง เสียมารยาทแล้ว”

กู้เจียว : พอเจ้าเรียกออกมาก็ไม่ได้น่าฟังขนาดนั้นแล้ว

“ผู้ดูแลหวัง หมอจางมาแล้วจริงๆ หรือ เหตุใดที่นี่จึงไม่มีคนป่วยมาต่อแถวแม้แต่คนเดียวเลยเล่า” เฝิงหลินถาม

“เฮ้อ เพราะอาการบาดเจ็บของหมอจางยังไม่หาย เขาจึงไม่สามารถรับผู้ป่วยจำนวนมากได้มิใช่หรอกหรือ ข้าแค่ไม่ได้ป่าวประกาศข่าวออกไป บอกแค่เพียงคนไข้เร่งด่วนจริงๆ ตอนเช้าก็พวกท่านคนหนึ่ง ที่เหลือล้วนเป็นตอนบ่าย!” ผู้ดูแลหวังรู้แต่แรกแล้วว่าเฝิงหลินจะถามออกมา จึงได้เตรียมคำตอบเอาไว้ล่วงหน้าเรียบร้อย

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้” เฝิงหลินไม่สงสัยเขา

ผู้ดูแลหวังยิ้มเอ่ยว่า “คุณชายเฝิงเชิญพักที่ห้องโถงใหญ่สักครู่ เดี๋ยวข้าจะพาคุณชายเซียวไปด้านในให้

หมอจางรักษา”

“ข้าเข้าไปไม่ได้หรือ” เฝิงหลินถาม

ผู้ดูแลหวังยิ้มเอ่ยว่า “เกรงว่าจะไม่เหมาะสมกับธรรมเนียมขอรับ”

เฝิงหลินครุ่นคิด พยักหน้าเอ่ยว่า “ก็ได้ ข้าฝากท่านพี่เซียวด้วย ผู้ดูแลหวัง เจ้าต้องให้หมอจางรักษาเขาให้หายนะ!”

ผู้ดูแลหวังรอยยิ้มเต็มใบหน้า “พวกเราจะพยายามสุดความสามารถ”

หลังจากเซียวลิ่วหลังกับผู้ดูแลหวังเข้าไปห้องปีกด้านหลังแล้ว กู้เจียวก็ลุกขึ้นยืน

“เจ้าจะทำอะไร” เฝิงหลินถามอย่างระแวง

“เข้าห้องน้ำ” กู้เจียวบอก

เฝิงหลินโวยวายด้วยใบหน้าแดงก่ำ “รีบไปรีบกลับ อย่าวิ่งไปทั่ว!”

กู้เจียวแบกตะกร้าใบเล็กไปเรือนแถวด้านหลัง

พอนางเดินเข้าห้องปีกข้างไป เซียวลิ่วหลังก็นอนหลับอยู่บนเก้าอี้หวายแล้ว

ผู้ดูแลหวังกับเถ้าแก่รองต่างอยู่กันพร้อม

“แม่นางกู้” เถ้าแก่รองประสานมือให้

กู้เจียวกวาดสายตาผ่านกระถางกำยานบนโต๊ะไปตกลงบนใบหน้าเซียวลิ่วหลังที่หลับสนิท ถามว่า “กำยานนี้ไม่มีปัญหากระมัง”

เถ้าแก่รองเอ่ยด้วยสีหน้าอ่อนโยน “แค่กำยานนอนหลับเท่านั้น พวกเราหุยชุนถังทำกันเอง ไม่ทำร้ายร่างกาย แม่นางกู้จะรักษาให้เขาตอนนี้เลยหรือไม่”

“อืม” กู้เจียวเดินไปหา วางตะกร้าใบเล็กลงบนโต๊ะ ด้านในบรรจุกล่องยาของนางไว้ แต่ว่า นางไม่ได้คิดจะเอาออกมาต่อหน้าพวกเขา

อันที่จริงเถ้าแก่รองอยากถามกู้เจียวมากว่า ในเมื่อคุณชายเซียวเป็นสามีนาง เหตุใดไม่บอกเขาไม่ตามตรง หรือว่าพวกเขาทั้งคู่ไม่ใช่สามีภรรยากันจริงๆ อย่างนั้นรึ

ทว่าเถ้าแก่รองเป็นคนฉลาด เปิดกิจการทำการค้าขายจะต้องฟังให้มากขึ้น พูดให้น้อยลง

สิ่งที่ไม่ควรถามก็อย่าได้ถามเด็ดขาด