บทที่ 11 ให้ถวนจื่ออยู่

Lucky baby คุณพ่อ ต้องพยายามจีบแม่

บทที่ 11 ให้ถวนจื่ออยู่

ท้ายที่สุด เจียงหยุนเอ๋อก็ทนความดื้อรั้นถวนจื่อไม่ไหว ทำได้เพียงปล่อยให้เขาไปพร้อมกับลี่จุนถิง

กลางคืน เจียงหยุนเอ๋อที่อยู่บ้านคนเดียวเพียงลำพังเนื่องจากถวนจื่อสายมากแล้วยังไม่กลับมา รู้สึกกังวลนั่งไม่ติด

เธอนั่งบนโซฟาพักใหญ่ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงเคาะประตู

เจียงหยุนเอ๋อสะดุ้ง ยืนขึ้นอย่างรวดเร็วและวิ่งเหยาะๆ ไปเปิดประตู เปิดประตู ถวนจื่อยิ้มให้เธอจากข้างนอก แล้วลี่จุนถิงยืนอยู่ด้านหลังถวนจื่อ

“หยุนเอ๋อผมบอกแล้วไงว่าจะกลับบ้านตรงเวลาแน่นอน ทำไมแม่ต้องกังวลขนาดนี้ล่ะ?” ถวนจื่อบ่นพึมพำ มองดูท่าทางของเจียงหยุนเอ๋อ ที่ยังไม่ทันได้เก็บซ่อนอาการตึงเครียด

“กลับมาก็ดีแล้ว” เจียงหยุนเอ๋อโล่งอกไปที แล้วเหลือบมองลี่จุนถิงที่ยังคงเย็นชา “ขอบคุณที่ส่งถวนจื่อกลับมานะคะ”

“ไม่เป็นไร” เสียงของลี่จุนถิงค่อนข้างเย็นชา

ถวนจื่อถูกเจียงหยุนเอ๋อดึงเข้าบ้าน จึงนึกขึ้นได้และโบกมือให้ลี่จุนถิง: “แล้วเจอกันครับคุณอาลี่”

มุมปากของลี่จุนถิงยกขึ้นทำให้เกิดรอยยิ้มมุมปาก เกือบทำให้ เจียงหยุนเอ๋อมองตาข้าง ผู้ชายคนนี้……เวลายิ้มก็ดูดีจัง

“แล้วเจอกัน” ลี่จุนถิงพูดกับถวนจื่อ

หลังจากบอกลา ร่างของลี่จุนถิงหายไปจากทางเดิน เจียงหยุนเอ๋อดึงถวนจื่อมานั่งบนโซฟา ถามว่า: “ลูกไม่ได้สร้างปัญหาอะไรใช่ไหม?”

ได้ยินดังนั้น ถวนจื่อจึงแสร้งทำเป็นโกรธพูด: “หยุนเอ๋อแม่มองผมเป็นคนแบบไหนกัน? ผมเป็นเด็กดื้อที่ชอบสร้างปัญหารึไง?”

เจียงหยุนเอ๋ออดหัวเราะไม่ได้: “ถวนจื่อไม่ใช่แน่นอน”

ลี่จุนถิงลงข้างล่าง ขมวดคิ้วมองไปรอบๆ ย่านนี้ ทันใดนั้นก็ส่ายหัว

ผู้ช่วยมองสีหน้าของเขา ถามอย่างประหม่าเล็กน้อย: “คุณชายลี่ เป็นอะไรครับ?”

“สภาพแวดล้อมของย่านนี้ ไม่ค่อยดี” ลี่จุนถิงพูด

ผู้ช่วยฟังอย่างงุนงงเล็กน้อย ไม่สามารถคาดเดาได้ทันทีว่าเขาหมายถึงอะไร: “งั้น……เราไปจากที่นี่กันครับ?”

“เดี๋ยว คุณจัดเตรียมบ้านไว้หลังหนึ่ง” ลี่จุนถิงออกคำสั่งอย่างไม่ลังเล

“ห๊ะ? เตรียมบ้านทำไมครับ?”

“ให้ถวนจื่ออยู่” พูดถึงถวนจื่อ สีหน้าของลี่จุนถิงอ่อนโยนลงมากทันที ทำให้ผู้ช่วยรู้สึกประหลาดใจมากยิ่งขึ้น

สำหรับพฤติกรรมของลี่จุนถิงในช่วงนี้ ผู้ช่วยก็คาดเดายากมาก ในความทรงจำ ลี่จุนถิงไม่เคยชอบเด็ก ถึงขั้นพยายามหนีให้ห่างจากเด็ก แต่มีเพียงถวนจื่อคนนี้คนเดียวเท่านั้น……ที่รู้รู้สึกได้ว่าชอบจากใจจริง

ตอนแรกผู้ช่วยก็ไม่ค่อยเข้าใจ แต่พอนึกว่าเด็กคนนั้นมีพรสวรรค์ในการเล่นเกม ช่วงนี้บริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปก็กำลังพัฒนาโครงการเกมพอดี บางที อาจเพราะเหตุนี้จึงทำให้ลี่จุนถิงดูแลเอาใจใส่เด็กคนนั้นมากขึ้นก็ได้

หลังจากลี่จุนถิงจากไปไม่นาน ประตูบ้านของเจียงหยุนเอ๋อถูกเคาะอีกครั้ง

“คุณอาลี่กลับมาอีกแล้วหรือเปล่า?” ถวนจื่อถาม

เจียงหยุนเอ๋อขมวดคิ้วประหลาดใจเล็กน้อย ตามหลักแล้ว เธอเพิ่งย้ายเข้ามา ก็ไม่น่ามีคนมาหาตัวเอง หรือว่าจะเป็น……

แต่หลังจากเปิดประตู เธอเห็นคนสองคนที่ไม่ต้องการเห็น——

ฝู้ชูเหมยและเจียงหนิงเอ๋อ

“พวกแกมาได้ยังไง?” สีหน้าเจียงหยุนเอ๋อไม่ดีนัก “ขอโทษนะ ที่นี่ไม่ต้อนรับพวกแก”

พูดเสร็จ เจียงหยุนเอ๋อกำลังจะปิดประตู แต่เจียงหนิงเอ๋อตาไวมือไวค้ำยันประตูไว้อย่างรวดเร็ว ไม่ให้เธอปิด

“ไอ๊หยา พี่สาวที่แสนดีของฉัน พวกเราก็แค่มาพูดคุยเรื่องอดีตกับพี่ พี่ก็อย่าใจร้ายนักเลย”

ดวงตาเจียงหยุนเอ๋อเย็นชาเล็กน้อย พูด: “กับพวกแก ฉันไม่มีความจำเป็นอะไรต้องเกรงใจ”

ได้ยิน รอยยิ้มบนใบหน้าของเจียงหนิงเอ๋อค้างทันที แต่คิดถึงจุดประสงค์ของพวกเธอที่จะมาในครั้งนี้ แล้วพูดต่อ: “พี่ พวกเราหวังดีกับพี่จากใจจริงๆ นะ”

ฝู้ชูเหมยก็เอ่ยปากพูด: “เจียงหยุนเอ๋อ ตอนนี้เธอดูแลแม่ของเธอ ยังต้องแบกรับค่ารักษาพยาบาลที่สูงนั้น อยู่อย่างยากลำบาก เอาอย่างนี้ละกัน แค่เธอยอมเซนต์สัญญาฉบับนั้น ฉันก็จ่ายค่าชดเชยให้เธอห้าแสน แล้วเธอ ก็ให้แม่ได้ใช้ชีวิตที่ดี ต่อจากนี้พวกเราจะไม่มารบกวนอีก ดีไหม?”

เจียงหยุนเอ๋อหัวเราะเย็นชา สองแม่ลูกนี่ หน้าด้านกว่าที่เธอคิดไว้เสียอีก

“ห้าแสน? ฝู้ชูเหมย คุณคิดว่ามันเยอะมากหรือไง? พูดออกมาได้ยังไงว่าแค่ห้าแสน?ตอนที่แม่ถูกพวกคุณกดขี่ข่มเหง ไม่ได้รับเงินแม้แต่แดงเดียว ฉันขอพูดไว้ตรงนี้เลย ฉันไม่มีวันเซ็นต์สัญญา ตอนนี้พวกคุณไสหัวไปให้พ้น!”

ได้ฟังคำพูดที่ไม่สุภาพของเจียงหยุนเอ๋อ สีหน้าการแสดงออกของฝู้ชูเหมยและเจียงหนิงเอ๋อก็ดูแย่ลง

“เจียงหยุนเอ๋อไว้หน้าแล้วพี่อย่าทำเป็นหน้าด้านหน่อยเลย!” เจียงหนิงเอ๋อพูดอย่างหยิ่งยโส “พวกเรายินยอมจ่ายค่าชดเชยห้าแสนให้พี่ก็ควรดีใจแล้ว พี่ก็ดูสถานการณ์ของตัวเองตอนนี้มันเป็นยังไง พี่ไม่ต้องแกล้งทำเป็นเฉยเมย ผู้ชายครั้งก่อนที่ถูกพี่ลากมาหลอกเป็นคนมีหน้ามีตาในสังคม วันนั้นพี่แอบอ้างบารมีข่มเหงคนอื่น คิดว่าฉันไม่รู้รึไง? ”

เจียงหนิงเอ๋อพูด และเดินเข้าใกล้เจียงหยุนเอ๋ออีกก้าว ดวงตาเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย: “อย่างสภาพแบบนี้ของพี่สิ ยังมีอดีตที่เหลือทนนั่น อย่าไปคิดฝันว่าปีนป่ายหามหาเศรษฐีที่ไม่มีวันเป็นจริงอะไรนั่นเลย!พี่ก็ไม่ส่องกระจกดูว่าสภาพตัวเองตอนนี้เป็นอย่างไร ขายหน้าจริงๆ ฉันจะบอกอะไรให้ถ้าพี่ไม่ยอมรับข้อเสนอของพวกเรา พวกเราก็ไม่มีทางเลือกแม้แต่ห้าแสนพี่ก็จะไม่ได้รับมัน!”

แววตาเจียงหยุนเอ๋อดูเย็นชา ถูกยั่วโมโหจนถึงสุดขีด: “ออกไป! ฉันไม่ต้องการเจรจาต่อรองกับพวกแก”

ถวนจื่อยืนอยู่ข้างหลังเจียงหยุนเอ๋อตลอด เริ่มที่จะปกป้อง เจียงหยุนเอ๋อ: “คนร้าย หยุนเอ๋อไล่พวกคุณแล้ว รีบออกไปสิ!”

“แก!” เจียงหนิงเอ๋อนึกไม่ถึงว่าเด็กตัวกะเปียดแค่นี้จะกล้าโอ่อ่าต่อหน้าตัวเอง และเดินไปหาเขาโดยไม่คิด ยกมือขึ้นเตรียมจะตบเขา

เจียงหยุนเอ๋อดูท่าทางเกรี้ยวกราดของเจียงหนิงเอ๋อ รีบเข้าไปปกป้องถวนจื่อ และผลักเจียงหนิงเอ๋อล้มลงกับพื้น

เสียงดัง “พรึ๊บ” เจียงหนิงเอ๋อล้มอยู่กับพื้น เธอรู้สึกเจ็บปวดที่มุมปาก ใช้มือสัมผัส แล้วเห็นคราบเลือดบนมือ

“เจียงหยุนเอ๋อ ฉันว่าพี่คงเบื่อกับชีวิตแล้วสินะ!” เจียงหนิงเอ๋อลุกขึ้นยืนอย่างโกรธเคือง

ฝู้ชูเหมยเห็นว่าเจียงหนิงเอ๋อบาดเจ็บ ก็โกรธมากด้วย ทั้งสองเดินพุ่งเข้าหาเจียงหยุนเอ๋อด้วยความโกรธ เตรียมจัดการกับเจียงหยุนเอ๋อ

เจียงหยุนเอ๋อกอดถวนจื่อไว้ในอ้อมแขน ทำอะไรไม่ถูกอยู่สักพัก ถ้ามีแค่คนเดียวก็แล้วไป แต่นี่สองคน เธอไม่สามารถเอาชนะได้อย่างแน่นอน……

กำลังคิด ทันใดนั้นเงาดำสองคนก็พุ่งเข้ามาที่ประตู เจียงหยุนเอ๋อยังไม่ทันตอบสนองแม้แต่นิด ก็เห็นฝู้ชูเหมยและเจียงหนิงเอ๋อถูกสกัดไว้แล้ว

“ใคร? ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!” เจียงหนิงเอ๋อด่าเสียงแหลม

เจียงหยุนเอ๋อตะลึง มองไปจึงพบว่าคนที่มาคือบอดี้การ์ดสองคนของลี่จุนถิง!

ได้ยินคำถามของเจียงหนิงเอ๋อ บอดี้การ์ดจับมือเธอไปด้านหลัง เจียงหนิงเอ๋อตะโกนด้วยความเจ็บปวดทันที: “โอ๊ย!เจ็บ!เจ็บ!เจ็บ!”

“หนิงเอ๋อ!” ฝู้ชูเหมยอยากเข้าไปด้วยความกระวนกระวาย แต่เธอถูกบอดี้การ์ดอีกคนจับอยู่ เคลื่อนไหวไม่ได้เลย

เจียงหยุนเอ๋อมองทั้งสองคน พูดกับบอดี้การ์ด: “ปล่อยพวกเธอไปเถอะ”

บอดี้การ์ดปล่อยมือทันที เจียงหนิงเอ๋อล้มนั่งลงกับพื้น

“ยังไม่รีบออกไปอีก!” บอดี้การ์ดตะคอก

เจียงหนิงเอ๋อกลัวจนตัวสั่น ทั้งสองพร้อมกับฝู้ชูเหมยก็ช่วยพยุงซึ่งกันและกัน ออกจากที่นี่ด้วยความกระอักกระอ่วน