ตอนที่ 30 ความสามารถในการสร้างศัตรู

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 30 ความสามารถในการสร้างศัตรู

“ถวายบังคมเสด็จอา!”

องค์ชายสาม องค์ชายสี่โน้มตัวถวายบังคม

องค์หญิงติ้งเถาพยายามอดกลั้นต่อความไม่เป็นธรรมและไฟโกรธไว้ภายในใจ ก่อนจะถวายบังคมตามประเพณี

“ติ้งเถา พี่น้องตระกูลเยียนเป็นแขกที่ข้าเชิญมา อย่าได้มีเรื่องกับพวกนางพี่น้องเลย ถือว่าให้เกียรติข้า”

องค์หญิงเฉิงหยางพูดและกระทำอย่างตรงไปตรงมา

นางพูดเรื่องที่ตนเองต้องการออกมาอย่างไม่มีกลอุบายอ้อมค้อม

องค์หญิงติ้งเถาทำหน้าสลดปนโกรธ “เสด็จอาทรงเห็นเพียงข้าจะลงโทษเยียนอวิ๋นเกอ แต่กลับไม่เห็นว่าความน่าลงโทษของนาง ท่านทรงทอดพระเนตรเนื้อหาที่นางเขียนราวกับชี้นกด่าไม้ ข้าเป็นถึงองค์หญิงแห่งต้าเว่ย แต่กลับถูกหญิงสาวที่มาจากชนบทเหยียดหยามเช่นนี้ หากแพร่กระจายออกไป ข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด”

องค์หญิงเฉิงหยางพูดตักเตือน “แต่เจ้าไม่อาจหาเรื่องคุณหนูสี่ตระกูลเยียนที่ไม่สามารถพูดได้ หากแพร่กระจายออกไป ผู้อื่นจะหาว่าเจ้ารังแกคน”

องค์หญิงติ้งเถาโกรธจัด พลันชี้ไปที่เยียนอวิ๋นเกอ

“เจ้าก็แค่อาศัยที่ตนเองพูดไม่ได้จึงบังอาจเพียงนี้ หากเจ้าพูดได้ ข้าไม่มีวันยอมให้เจ้ายืนอยู่ตรงนี้”

เยียนอวิ๋นเกอโกรธมาก

พูดไม่ได้กลายเป็นความผิดของนางหรือ

หากพูดได้ นางไม่มีทางปล่อยให้อีกฝ่ายต่อว่าอยู่ตรงหน้าอย่างแน่นอน

ตลกสิ้นดี!

หากนางพูดได้ ปากของนางคงสามารถเปลี่ยนสิ่งมีชีวิตเป็นสิ่งไร้ชีวิต เปลี่ยนสิ่งไร้ชีวิตเป็นสิ่งมีชีวิต นางต้องทำให้องค์หญิงติ้งเถาโกรธจนอกแตกตายอย่างแน่นอน

องค์หญิงเฉิงหยางมองใบหน้าที่ไม่ยอมความของเยียนอวิ๋นเกอ พลันรู้สึกสาแก่ใจยิ่งหนัก

เยียนอวิ๋นเกอร้ายกาจนัก!

ความสามารถในการสร้างศัตรู นางยอมรับเป็นที่สองไม่มีผู้ใดกล้ายอมรับเป็นที่หนึ่ง

ก่อนหน้านี้นางต้องทนกล้ำกลืนความโกรธที่เกิดจากเยียนอวิ๋นเกอ เวลานี้นางจึงทำให้องค์หญิงติ้งเถาได้ลิ้มรสเสียบ้าง

อีกทั้งยังสามารถทำให้เยียนอวิ๋นเกอเป็นที่จดจำต่อเถาฮองเฮา

สมบูรณ์แบบ!

องค์หญิงเฉิงหยางแอบสาแก่ใจ แต่ภายนอกยังคงทำเป็นเกลี้ยกล่อมติ้งเถา

“พี่น้องตระกูลเยียนเป็นแขกของข้า ข้าจะปล่อยให้พวกนางได้รับอันตรายได้อย่างไร ติ้งเถา เจ้าฟังข้า เรื่องเพียงเล็กน้อย ผ่านไปแล้วก็ผ่านไป ข้าเชื่อว่าคุณหนูสี่ตระกูลเยียนรู้ซึ้งถึงความผิดแล้ว”

“นางรู้ผิด? เสด็จอาทรงยกย่องเจ้าเด็กใบ้เกินไปหรือไม่เพคะ”

แค่กๆ…

องค์ชายสาม เซียวเฉิงอี้เตือนติ้งเถา เวลานี้แล้วยังเรียกอีกฝ่ายว่าเจ้าเด็กใบ้ไม่เหมาะสมยิ่งนัก

องค์หญิงติ้งเถาถลึงตาใส่องค์ชายสาม เซียวเฉิงอี้ นางตรัสด้วยความโกรธ

“พวกท่านล้วนไม่ให้ข้าแตะต้องเจ้าเด็กใบ้ ได้ ข้าจะเข้าวังทูลรายงานต่อเสด็จพ่อและเสด็จแม่ ข้าจะให้เสด็จพ่อและเสด็จแม่ทรงทวงความยุติธรรมแทนข้า”

เมื่อตรัสจบ นางก็นำคนออกจากจากจวนองค์หญิงเฉิงหยางไปอย่างเอิกเกริก

องค์ชายสาม เซียวเฉิงอี้ยิ้มเก้อ “เสด็จอา ติ้งเถาไม่รู้ประสา ทรงอย่าถือสา”

“ข้าไม่ถือสา!” องค์หญิงเฉิงหยางตรัสด้วยความใจกว้าง

“องค์ชายสาม เจ้ารีบตามไป ติ้งเถาเกิดเรื่องไม่ได้”

“ข้าเชื่อฟังเสด็จอา”

เมื่อองค์ชายสามจากไป องค์ชายสี่ย่อมไม่มีเหตุผลในการอยู่ต่อจึงจากไปตามกัน

“เอาล่ะ…เอาล่ะ เรื่องจัดการเสร็จแล้ว” องค์หญิงเฉิงหยางปรบมือ

“อวิ๋นฉี อวิ๋นเกอ พวกเจ้าตกใจหรือไม่ ซูอวิ้น เจ้ารับรองแขกอย่างไร เจ้าทำให้แขกได้รับความไม่เป็นธรรมรู้หรือไม่”

จ้งซูอวิ้นทำหน้าหวาดกลัว “ล้วนเป็นความผิดของลูก เสด็จแม่ทรงลงโทษข้าเถิด”

องค์หญิงเฉิงหยางทำหน้าบึ้งตึง

“ข้าย่อมต้องลงโทษเจ้า ข้าลงโทษให้เจ้าพาพี่น้องตระกูลเยียนไปเดินเล่น”

เยียนอวิ๋นฉีรีบปฏิเสธ “ขอบพระทัยเพคะองค์หญิง พวกเราเดินเล่นเสร็จแล้ว รบกวนเวลานานเพียงนี้ ถึงเวลาต้องกลับไปปรนนิบัติอยู่ข้างกายท่านแม่แล้ว”

องค์หญิงเฉิงหยางพูดด้วยรอยยิ้ม “เอาเถิด ข้าไม่บังคับพวกเจ้า”

พี่น้องตระกูลเยียนเดินตามบ่าวรับใช้กลับไปยังโถงรับแขก

องค์ชายใหญ่ เซีบวเฉิงเย่จากไปแล้ว

เซียวฮูหยินถาม “ได้ยินว่าพวกเจ้าพบกับองค์หญิงติ้งเถาหรือ”

“เจ้าค่ะ!”

“ร้ายแรงหรือไม่” เซียวฮูหยินมองเยียนอวิ๋นเกออย่างเป็นห่วง

เยียนอวิ๋นเกอยิ้มพลางส่ายหัว นางไม่เป็นอันใด

แต่องค์หญิงติ้งเถาใกล้จะอกแตกตายเพราะนาง

เยียนอวิ๋นฉีพูดขึ้น “โชคดีที่องค์หญิงเฉิงหยางปรากฏตัวทันเวลา น้องสี่เกือบจะลงมือแล้ว”

เยียนอวิ๋นเกอโบกมือ นางมีขอบเขต นางไม่มีทางลงมือต่อองครักษ์ขององค์หญิงติ้งเถา

อย่างมากนางก็แค่วิ่งหนี นางไม่เชื่อว่าองครักษ์กลุ่มนั้นจะจับนางได้

เยียนอวิ๋นฉีส่งเสียงไม่พอใจ

“น้องสี่ เจ้าทำให้ข้าตกใจแทบแย่ คราวหน้าพวกเราอดทนไว้ได้หรือไม่ อีกฝ่ายเป็นองค์หญิง อีกทั้งยังเป็นธิดาของฮองเฮา ไม่ใช่เจ้าอยากด่าก็ด่า อย่างน้อยก็เหลือเกียรติให้อีกฝ่ายเสียบ้าง”

เยียนอวิ๋นเกอตอบรับอย่างรวดเร็ว

แต่นางมักจะยอมรับผิดอย่างกระตือรือร้น หากแต่ไม่ยอมปรับปรุงตัว

คราหน้าหากพบองค์หญิงติ้งเถา อีกฝ่ายยังกล้าเรียกนางว่าเจ้าเด็กใบ้ นางย่อมไม่เกรงใจเหมือนเคย

เมื่อเยียนอวิ๋นฉีเห็นน้องสี่สำนึกผิดแล้วจึงวางใจลง

จากนั้นนางเป็นกังวลอีกเรื่องขึ้น

“ท่านแม่ ท่านเจรจากับองค์ชายใหญ่แล้วหรือ พระองค์ทรงคิดเห็นอย่างไร”

เซียวฮูหยินพูดเสียงเบา “เรื่องนี้กลับไปค่อยพูด”

พระราชวัง

องค์หญิงติ้งเถาเสด็จไปทูลฟ้องยังตำหนักเว่ยยาง

“เสด็จแม่ เยียนอวิ๋นเกอช่างกำเริบเสิบสาน ไม่ไว้หน้าของลูกแม้แต่น้อย บังอาจชี้นกด่าไม้ หาว่าข้าขาดการสั่งสอน อีกทั้งพี่สามยังรั้งข้าเอาไว้ ไม่ให้ข้าลงโทษเยียนอวิ๋นเกอ”

เมื่อองค์ชายสาม เซียวเฉิงอี้ที่เดินตามอยู่ด้านหลังองค์หญิงติ้งเถา ได้ยินติ้งเถาทูลฟ้องจึงรีบตรัส

“ข้าได้เตือนเจ้าแล้วก่อนไปแล้ว วันนี้เป็นเพียงแค่การลองเชิง ยังไม่เอาจริง เจ้ากลับดี เกือบไม่รอดในตอนสุดท้าย”

องค์หญิงติ้งเถาตรัสด้วยความโกรธ “ในเมื่อเกือบไม่รอด ท่านก็อย่างขัดขวางข้าประหารนาง”

องค์ชายสาม เซียวเฉิงอี้โกรธมาก

“เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ! เยียนอวิ๋นเกอเป็นบุตรสาวของเยียนโส่วจ้าน เจ้าประหารนาง เจ้ากลัววแม่ทัพประจำชายแดนจะไม่มีเหตุผลในการก่อกบฏหรืออย่างไร เวลานี้ท่านอ๋องจากแต่ละพื้นที่ต่างเดินทางเข้าเมืองเพื่อเฉลิมฉลอง เวลานี้เจ้าประหารคนตระกูลเยียน เชื่อหรือไม่ว่าพระบรมวงศานุวงศ์และแม่ทัพเหล่านั้นจะก่อความโกลาหลขึ้นมาทันที”

“ตระกูลเยียนยิ่งใหญ่ถึงเพียงนั้นหรือ” องค์หญิงติ้งเถาไม่ยอม

องค์ชายสามเซียวเฉิงอี้โกรธจนหัวเราะออกมา

“บอกว่าเจ้าไม่รู้เรื่อง เจ้ายังอวดเก่ง ไม่ใช่ตระกูลเยียนยิ่งใหญ่ แต่หากพวกเราแตะต้องคนของตระกูลเยียนในเวลานี้ แล้วมีจุดอ่อนตกอยู่ในมือของคนที่มีเจตนาไม่ดี เรื่องนี้จะกลายเป็นเสด็จพ่อทรงเป็นผู้ต้องการแตะต้องแม่ทัพประจำชายแดน ไม่มีคนเชื่อว่าเจ้าเพียงแค่ไม่พอใจเยียนอวิ๋นเกอ ความรับผิอบล้วนตกอยู่ที่เสด็จพ่อ แม่ทัพเหล่านั้นกำเริบเสิบสาน ตอนที่ไม่มีเรื่องยังกล้าขัดขืนพระราชโองการ หากเกิดเรื่องขึ้น พวกเขาย่อมคิดจะจับปลาในน้ำขุ่น เมื่อถึงเวลานั้น เจ้ากับข้าคงมีโทษอันใหญ่หลวงนัก”

องค์หญิงติ้งเถาได้ยินจึงเผยสีหน้าตกใจและสลด

“หรือจะปล่อยให้เยียนอวิ๋นเกอยโสโอหังเพียงนี้ นางเป็นเพียงครอบครัวของแม่ทัพชายแดน ไม่ไว้หน้าข้าแม้แต่น้อย แม่ทัพชายแดนกลุ่มนี้ล้วนมีใจคิดก่อกบฏ เสด็จแม่ พวกเราควรทำอย่างไรเพคะ”

เถาฮองเฮาสีหน้าเรียบเฉย “ก่อนที่พวกเจ้าไปจวนองค์หญิงเฉิงหยาง ข้ากำชับว่าอย่างไร”

องค์หญิงติ้งเถาตรัสด้วยเสียงแผ่วเบา “เสด็จแม่ทรงให้ลูกลองเชิงคุณหนูตระกูลเยียน ลูกทำตามที่เสด็จแม่รับทรงสั่ง ไม่เกินกว่าคาด เยียนอวิ๋นเกอกำเริบเสิบสาน ไม่ยอมกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรม”

เถาฮองเฮาส่งเสียงไม่พอใจ “แต่เจ้าเกือบทำลายเรื่องสำคัญของข้าเพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ”

ดวงตาขององค์หญิงติ้งเถาแดงก่ำทันที ทั้งกลัวทั้งน้อยใจ

“เสด็จแม่ ลูกสำนึกผิดแล้ว คราหน้าข้าจะทำให้ดี”

เถาฮองเฮายากที่จะระงับความโกรธจึงไม่สนใจนาง หากแต่ถามองค์ชายสามเซียวเฉิงอี้

“เจ้ามีความคิดเห็นอย่างไร”

องค์ชายสาม เซียวเฉิงอี้ตรัสด้วยท่าทางครุ่นคิด

“เห็นได้ชัด ฮูหยินแห่งท่านโหวกว่างหนิงไม่อยากให้บุตรสาวสมรสกับพี่ใหญ่ ระหว่างนั้น ไม่ว่าพวกเราจะมีปากเสียงร้ายแรกเพียงใด พี่ใหญ่ก็ไม่ปรากฏตัว เขาเปรียบเสมือนเต่าที่หดหัวในกระดองเสมอมา หากพูดให้น่าฟัง เขานั้นรู้เวลาที่เหมาะสม หากพูดอย่างไม่น่าฟัง เขาก็แค่กลัวปัญหา

นอกจากนี้ เยียนอวิ๋นเกอสมดังคำล่ำลือ อารมณ์ร้อน ไม่กลัวปัญหา ส่วนคุณหนูรองตระกูลเยียน ถึงแม้จะไม่โดดเด่นเหมือนเยียนอวิ๋นเกอ แต่ลูกมองออก นางก็เป็นคนที่ไม่เกรงกลัวปัญหาเช่นเดียวกัน”

เถาฮองเฮาขมวดคิ้วครุ่นคิด “ไม่กลัวปัญหาทั้งตระกูล นี่แหละคือความมั่นใจ!”

“ตระกูลเยียนห่างจากเมืองหลวงอย่างมาก ข้าไม่เข้าใจ พวกนางแม่ลูกสามคนเอาความมั่นใจมากจากที่ใด” องค์หญิงติ้งเถาสงสัยอย่างมาก

เถาฮองเฮายิ้ม “ความมั่นใจของพวกนางแม่ลูกสามคนมาจากการที่พวกนางเป็นทหารหน้าม้าหรือเป็นหมากของเยียนโส่วจ้าน แต่หมากสามตัวนี้ล้วนไม่ใช่หมากที่ยอมอยู่กับที่ ไม่อาจสั่งการได้ง่าย ผู้ที่กล้าแตะต้องหมากสามตัวนี้ หากหมากสามตัวนี้โหดเหี้ยมขึ้นมาก็กัดคนได้เช่นเดียวกัน ทำให้คนขัดใจยิ่งนัก”

พวกนางมีความสามารถเพียงนี้เชียวหรือ

องค์หญิงติ้งเถาไม่อยากเชื่อ พูดเสียงแผ่ว “ก็แค่สตรีสามคน ไม่สามารถใช้วิธีอื่นจัดการพวกนางหรือ”

“เจ้าหมายถึงลอบสังหาร?” เถาฮองเฮามององค์หญิงติ้งเถาราวกับมองคนโง่เขลา

องค์ชายสาม เซียวเฉิงอี้รีบอธิบาย “น้องหญิง เจ้าอย่าได้พูดเหลวไหล! พวกนางเป็นครอบครัวของขุนนางราชสำนัก จะใช้วิธีนี้จัดการพวกนางได้อย่างไร นอกจากนี้ พวกนางแม่ลูกสามคน ไม่ว่าผู้ใดออกจากจวนล้วนมีองครักษ์หลายสิบหลายร้อยนายคุ้มกันอยู่ข้างกาย องครักษ์เหล่านั้นล้วนเป็นทหารเก่าที่เคยผ่านสงครามนับร้อยครั้ง มีความโหดเหี้ยมอย่างมาก นอกเสียจากใช้องครักษ์ต้องห้าม หรือองครักษ์จินอู่ถึงจะมีโอกาสชนะได้”

ติ้งเถาขมวดคิ้ว “ไม่มีวิธีจัดการพวกนางเลยหรือ สตรีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ไม่ใช่แม่ทัพชายแดนที่แข็งแกร่ง เหตุใดพวกเราจึงต้องระวังเพียงนี้”

องค์ชายสาม เซียวเฉิงอี้ส่ายหน้าระรัว “ถึงแม้จะพูดเช่นนี้ แต่เรื่องไม่ง่ายเพียงนั้น ในสายตาของเจ้า พวกนางเป็นเพียงสตรีที่ไร้ความสำคัญ แต่ภายในสายตาของแม่ทัพ พวกนางเป็นหินถามทางที่กำลังลองเชิงท่าทีของเสด็จพ่อต่อเหล่าแม่ทัพที่ประจำอยู่ชายแดน ปล่อยพวกนางเอาไว้ดีกว่าแตะต้องพวกนาง เข้าใจหรือไม่”

เถาฮองเฮาทรงชื่นชม สมกับที่เป็นโอรสของนาง วิเคราะห์ได้อย่างมีเหตุมีผล

นางตักเตือนองค์หญิงติ้งเถา “เชื่อฟังพี่สามของเจ้า ต่อจากนี้อยู่ห่างจากเยียนอวิ๋นเกอนั้นเอาไว้ เจ้าอารมณ์ร้อน เยียนอวิ๋นเกอมีนิสัยคล้ายกับเจ้า อีกทั้งนางยังไม่กลัวปัญหา ก่อนที่ข้าจะแตะต้องพวกนาง เจ้าอย่าได้ไปหาเรื่องคนตระกูลเยียน”

องค์หญิงติ้งเถาทำหน้าเศร้า “ลูกจะไม่ไปหาเรื่องนางตามรับสั่งของเสด็จแม่เพคะ”

แต่นางจะให้เยียนอวิ๋นเกอคุกเข่าอยู่ใต้เท้านางในสักวัน

เวลานี้มีขันทีทูลรายงาน “ทูลฮองเฮา องค์ชายสองรงขอเข้าเฝ้าอยู่ด้านนอกตำหนักพ่ะย่ะค่ะ”

เถาฮองเฮาขมวดคิ้ว “เจ้าสองไม่รักษาตัวให้ดี เหตุใดจึงวิ่งมาหาข้าในวันหิมะตกหนัก ไปเชิญองค์ชายสองเข้ามา”

ขันทีรับคำสั่ง

หลังจากนั้นชั่วครู่ ชายหนุ่มที่ผอมแห้งซูบเซียวถูกเชิงเข้ามาในตำหนักเว่ยยาง