ซึ่งกว่านากาและคอนแนลนั้นจะแบกแมรี่และอลิซที่บาดเจ็บเดินกลับมาจากคฤหาสน์ของเวก้าจนกลับมาถึงบ้านของเอริกะ ท้องฟ้ารอบๆ ก็เริ่มจะมืดลงและบ่งบอกถึงช่วงเวลาพลบค่ำเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

ทันใดนั้นเองพรีมูล่าที่กำลังนั่งยองๆ มองดูผีเสื้อเกาะดอกไม้อยู่ที่แปลงดอกไม้หน้าบ้านก็หันมาเห็นพวกเขาทำให้เธอลุกยืนขึ้นและโบกไม้โบกมือต้อนรับพวกเขาในทันที

 

“อ่ะ พี่นากากลับมาแล้วหร– หว๊าย สภาพดูไม่จืดเลยอ่ะ”

 

“ว่าแต่เป็นยังไงบ้างพรีมูล่า ที่บ้านเกิดอะไรขึ้นบ้างมั้ย?”

 

ในขณะที่พวกเขากำลังเดินผ่านประตูรั้วบ้านไปนั้น อลิซที่ถูกนากาอุ้มอยู่ก็เอ่ยปากถามพรีมูล่าซึ่งเดินเข้ามาดูแผลบนแขนของนากาใกล้ๆ แต่ว่าพรีมูล่าก็ได้ส่ายหน้าปฏิเสธกลับมา

 

“ไม่อ่ะ หนูมายืนเล่— ยืนเฝ้าด้านหน้านี่ได้ตั้งนานแล้วยังไม่เจออะไรเลยเนี่ย ส่วนโมโกะจังเขาก็หลับปุ๋ยไปตั้งแต่ตอนที่พวกพี่ออกไปกันแล้วอ่ะ หนูปลุกให้มาเล่นด้วยกันก็ไม่ยอมตื่นเนี่ย”

 

“งั้นหรอ… แต่ว่าคงไม่มีอะไรให้เฝ้าข้างนอกนี่แล้วล่ะ เข้าไปข้างในกันเถอะ”

 

“ค่าาาา~”

 

อลิซที่ได้ยินเด็กสาวตอบกลับมาเธอก็เรียกให้พรีมูล่ากลับเข้าไปด้านในบ้าน เพราะว่าหลังจากที่พวกเธอจัดการเวก้าไปแล้วก็คงไม่น่าจะมีอะไรเกิดขึ้นอีก

 

“แล้วนี่คุณเอริกะเขากลับมาหรือยังครับเนี่ย?”

 

คอนแนลที่เดินตามเข้าบ้านมานั้นก็หันมาถามพรีมูล่าหลังจากที่เขาวางแมรี่ลงไปนอนบนฟูกที่นากาเอามาปูไว้ให้เพราะนากาได้วางอลิซลงนอนบนโซฟาเป็นที่เรียบร้อยไปก่อนแล้ว

 

“ไม่อ่ะ พี่เอริกะเขายังไม่เห็นกลับมาเลย”

 

พรีมูล่าส่ายหน้าไปมาตอบคำถามของคอนแนล ในขณะที่นากาก็มองไปรอบๆ ห้องนั่งเล่นที่ในตอนนี้มีพวกเขาทั้งหมดห้าคนกำลังนั่งและนอนอยู่ข้างในแล้วจึงบ่นออกมาเบาๆ

 

“เดี๋ยวอีกสักพักก็น่าจะกลับมาแล้วล่ะมั้ง… แต่จะว่าไปพอมีคนอยู่เยอะๆ แบบนี้แล้วบ้านนี้ก็ดูแคบไปเลยนะเนี่ย…”

 

“ฮะฮะ นั่นสินะครับ ถ้าเทียบบ้านของคุณเอริกะกับบ้านหลังอื่นแถวๆ นี้แล้วก็ถือว่าเล็กจริงๆ นั่นแหละครับ”

 

“ก็นั่นสิน๊า บ้านแถวๆ นี้มันหลังใหญ่กว่าของพี่เอริกะตั้งหลายเท่าเลยนี่นา~”

 

“เสียมารยาทที่สุด! ก็ปกติฉันอยู่คนเดียวไม่ได้มีคนมาอยู่ด้วยเยอะๆ แบบนี้สักหน่อย!”

 

“ฮึ้ย–!? / ผ–ผมเปล่านะ!?”

 

แต่ในขณะที่คอนแนลและพรีมูล่ากำลังพูดหยอกเล่นกันอยู่นั้นเอง ก็ได้มีเสียงของเอริกะก็ดังขึ้นมาจากทางหน้าบ้าน จนทำให้สองนั้นถึงกับสะดุ้งพร้อมหันขวับไปมองมาทางต้นเสียงในทันที

 

“มาช่วยฉันยกของพวกนี้เข้าบ้านกันหน่อยสิ…”

 

“อ…อ่า… / ด..ได้สิครับ!”

 

ซึ่งเมื่อทุกคนหันไปก็ได้พบกับเอริกะที่แบกและหิ้วกล่องจำนวนหนึ่งมาเต็มอ้อมแขน และยังมีกล่องจำนวนมากวางกองอยู่เต็มบริเวณสวนหน้าบ้าน

 

เมื่อเห็นแบบนั้นนากากับคอนแนลก็รีบลุกขึ้นไปหยิบเอากล่องที่เธอถือไว้มาวางไว้ในห้องนั่งเล่น ก่อนจะเดินกลับไปขนกล่องที่วางอยู่เต็มสวนเข้ามาวางไว้ภายในตัวบ้านทีละกล่องสองกล่อง จนทำให้บ้านของเอริกะที่มีพวกเขาอัดแน่นอยู่แล้วแทบจะไม่เหลือทางเดิน

 

“เฮ้อ…ครบสักทีให้ตายสิ”

 

เอริกะถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อย พร้อมทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ที่ถูกเลื่อนมาใกล้ๆ เพื่อหลบที่ให้กองของพวกนั้น ก่อนที่เธอจะหันไปมองอลิซที่นอนอยู่บนที่นั่ง

 

“ว่าแต่สภาพดูไม่ได้เลยนะพวกเธอน่ะ”

 

“อื้ม…เสียท่าไปหน่อย…”

 

“เอาเถอะ เดี๋ยวฉันลองไปตามอารอนมาให้ดูละกัน ฮึ้บ~”

 

เธอบอกอลิซกลับไปก่อนที่จะลุกขึ้นและเดินไปหยิบกล่องบางส่วนเดินหายเข้าไปในออฟฟิศของเธอ โดยที่ไม่ทันได้สังเกตเห็นแมรี่ที่ถูกกล่องจำนวนมากบังเอาไว้อยู่ ในขณะที่นากาก็มองดูกล่องซึ่งพวกเขาวางไว้บนโต๊ะและทำท่าเหมือนกับว่าจะเปิดมันออกดู

 

“ว่าแต่กล่องพวกนี้มันคืออะไรกันล่ะเนี่ย”

 

“อย่าไปเปิดของคุณเอริกะเขาเล่นดีกว่าครับ บางทีมันอาจจะเป็นของอันตรายก็ได้”

 

“นั่นสิ รอพี่เขาออกมาแล้วค่อยถามดีกว่ามั้งพี่นากา?”

 

แน่นอนว่าเมื่อคอนแนลเห็นเข้าเขาก็รีบร้องห้ามนากาออกมาในทันที ส่วนทางพรีมูล่านั้นก็รีบเข้ามาหยิบกล่องบนโต๊ะให้พ้นจากมือของพี่ชายเธอไป

 

แต่ว่าเมื่อเธอมองดูมันอยู่สักพักก็กลับเขย่าๆ มันและทำท่าเหมือนกับว่าจะเปิดมันออกมาดูเองซะแทน ทำให้คอนแนลต้องรีบแย่งกล่องในมือของเธอมาถือไว้เองในทันที

 

“เดี๋ยวสิครับ! พูดแบบนั้นออกไปแล้วทำไมถึงทำท่าเหมือนจะเปิดซะเองแบบนั้นกันล่ะครับ!?”

 

ซึ่งเมื่อนากานึกถึงอุปกรณ์ของเอริกะที่เวก้าเอามันมายิงใส่พวกเขาแล้วเขาก็พยักหน้าเห็นด้วย ก่อนที่จะตัดสินใจไม่เปิดกล่องอะไรมั่วซั่วขึ้นมาเพราะกลัวว่ามันอาจจะยิงลำแสงใส่พวกเขากลางห้องนั่งเล่นนี้ก็เป็นได้ และทันใดนั้นเองเอริกะก็ชะโงกหน้าออกมาจากออฟฟิศของเธอ

 

“เดี๋ยวอีกสักพักอารอนจะมาทำแผลให้นะ ระหว่างนี้ก็อย่าเพิ่งหนีไปไหนละกัน”

 

“สภาพแบบนี้ต่อให้อยากหนีก็คงจะยากล่ะ…”

 

“หื้ม~?”

 

แต่เมื่อเอริกะเหลือบไปเห็นแมรี่ที่นอนสลบอยู่นั้น เธอก็เดินออกมาจากออฟฟิศและเข้าไปนั่งดูแมรี่ใกล้ๆ

 

“ว่าแต่เด็กคนนี้คือใครละเนี่ย? อย่าบอกนะว่าเด็กนี่ไปทำให้อลิซโกรธเข้าเธอก็เลยลักพาตัวมาน่ะ?”

 

“ตลกมากล่ะ พวกฉันแค่คิดว่าเธอมีเรื่องที่ต้องคุยกับเด็กคนนั้นเลยพามาด้วยน่ะ แต่เธอก็ระวังหน่อยละกัน เพราะไม่รู้ว่าพอเขาตื่นขึ้นมาแล้วจะยังคลั่งอยู่หรือเปล่าน่ะ”

 

“เห~ คลั่งงั้นหรอ? งั้นก็พอจะเดาได้อยู่ล่ะว่าพวกเธอหมายถึงอะไรน่ะ…”

 

เอริกะที่ได้ยินแบบนั้นเธอก็ตอบกลับมาด้วยท่าทีสบายๆ เหมือนว่าไม่เป็นกังวลกับคำเตือนของอลิซเลยแม้แต่น้อย ก่อนที่หันกลับลงไปมองแมรี่และจิ้มแก้มของเธอเล่น จนทำให้นากาและคอนแนลหันมามองหน้ากันด้วยความสงสัย

 

“ว่าแต่กล่องพวกนี้คืออะไรอ่ะพี่เอริกะ? มันรกเต็มบ้านไปหมดจนไม่มีที่จะเดินแล้วอ่ะ”

 

แต่ว่าก่อนที่พวกเขาจะได้ถามอะไรออกมานั้น พรีมูล่าที่พยายามเดินไปหาขนมกินเล่นในห้องครัวก็ได้ร้องโวยวายออกมาก่อน เพราะว่าเธอไม่สามารถหาช่องทางที่จะเดินไปได้เลยแม้แต่น้อย

 

“อ๋อ ก็ห้องเก็บของนั่นมันโดนระเบิดไปใช่มั้ยล่ะ พวกเบื้องบนก็เลยสั่งให้ฉันเอาของที่เหลืออยู่กลับมาซ่อมให้หมดน่ะ”

 

“ทั้งหมดนี่เลยงั้นหรอครับ!?”

 

“ช่าย~ ทั้งหมดนั่นเลย”

 

เมื่อคอนแนลได้ยินเอริกะตอบกลับมาด้วยท่าทางสบายๆ แบบนั้น เขาก็ร้องออกมาด้วยความตกใจ เพราะว่าของทั้งหมดที่กองอยู่ในห้องนี้มันเยอะกว่าของที่เขาได้ยินมาว่าเอริกะเป็นคนสร้างให้ทางวังหลวงซะเกือบสองสามเท่าซะด้วยซ้ำ

 

“แล้วเจ้าคนวางระเบิดนั่นก็ไม่รู้ว่าแค้นฉันมาจากไหนถึงได้วางระเบิดไปทั่วห้องจนเละไปหมดซะขนาดนั้นน่ะ ฉันถึงต้องขนกลับมาซ่อมเยอะขนาดนี้เนี่ย อ้ะ–เกือบลืมไปเลย”

 

เอริกะที่กำลังบ่นอยู่นั้นก็ทำท่าเหมือนเพิ่งนึกอะไรออก เธอจึงได้หยิบเอาแผ่นกระดาษจำนวนหนึ่งซึ่งมีลวดลายสีน้ำเงินประดับอยู่ตรงขอบออกมาจากด้านในเสื้อโค้ตของเธอและยื่นให้กับนากา

 

“อ่ะ พวกเธอเอานี่ไปกันคนละใบแล้วก็กรอกข้อมูลลงไปให้เรียบร้อยซะล่ะ ถ้าภายในอาทิตย์นี้ฉันหาเวลาว่างได้ฉันจะได้พาพวกนายไปส่งเลย”

 

“หา? มันคืออะไรละเนี่ย?”

 

นากาที่รับมันมาก็ส่งให้อลิซ พรีมูล่า และคอนแนลไปกันคนละใบ ก่อนที่เขาจะเอ่ยปากถามออกมา

 

“เอกสารแนะนำตัวสำหรับสมัครเข้าเรียนกลางเทอมของโรงเรียนรีมินัสที่ออกโดยวังหลวงไงล่ะ พอดีว่าพวกเบื้องบนเขายืนยันว่าจะให้ฉันซ่อมของพวกนี้ให้ได้ ฉันก็เลยฉวยโอกาสนี้เรียกเอาเอกสารแนะนำตัวนี่มาซะเลย”

 

“อ–เอกสารแนะนำตัวของวังหลวงนี่มันสำคัญมากเลยไม่ใช่หรอครับ? ทำไมพวกเขาถึงยอมออกมาให้ตั้งหลายใบแบบนี้กันละครับ…?”

 

“แหม~ ก็พวกนั้นคิดว่าของพวกนี้มันมีค่ามากยังไงล่ะ ทั้งๆ ที่มันก็แค่ของเล่นที่ฉันสร้างขึ้นมาเวลาว่างๆ เองนะ~ อ้อ… แล้วเอกสารในมือนายมันของโมโกะเขานะ ถ้าฉันจำไม่ผิดนายก็เรียนอยู่ที่นั่นด้วยนี่นา งั้นก็ฝากดูแลพวกนากาในฐานะเพื่อนร่วมชั้นด้วยละกันเนอะ~”

 

เอริกะหันกลับยักไหล่พูดกับคอนแนลซึ่งกำลังแปลกใจกับเอกสารในมือของเขาก่อนที่จะพูดออกมาสบายๆ ซึ่งเมื่อพรีมูล่าได้ยินแบบนั้นเธอก็ยิ้มตาเป็นประกายออกมาในทันที

 

“ถ้างั้นเดี๋ยวหนูเอาไปให้โมโกะจังเขาดูเอง~!”

 

ก่อนที่เธอจะคว้าเอาเอกสารที่อยู่ในมือของคอนแนลและวิ่งขึ้นไปหาโมโกะซึ่งกำลังนอนพักอยู่บนชั้นสองด้วยท่าทีร่าเริงไปอย่างรวดเร็ว

 

“เธอนี่มีอะไรให้ฉันแปลกใจอยู่เรื่อยเลยนะเอริกะ… แล้วก็ขอบคุณนะ”

 

“แหม~ ฉันสัญญากับอารอนไปแล้วนี่ตอนที่รับพวกนายเข้ามาน่ะ อีกอย่างถ้านายได้เข้าเรียนที่นั่นฉันก็ได้ประโยชน์ไปด้วย แต่ว่าตอนนี้พวกนายช่วยขนของพวกนี้ไปไว้ในออฟฟิศฉันหน่อยสิ จะได้มีที่ให้อารอนเขารักษาอลิซสะดวกๆ หน่อยน่ะ”

 

“อ่า ได้เลย!”

 

“ถ้างั้นเดี๋ยวผมขอช่วยด้วยนะครับ!”

 

คอนแนลที่ได้ยินแบบนั้นเขาก็รีบอาสาเข้ามาช่วยขนกล่องพวกนั้นในทันที ก่อนที่พวกเขาจะเริ่มขนย้ายกล่องเหล่านั้นอย่างระมัดระวัง โดยมีเอริกะนั่งมองแมรี่ซึ่งกำลังหลับไม่ได้สติอยู่และแอบเหลือบมองท่าทีของคอนแนลอยู่เป็นระยะ

 

และเมื่อพวกเขายกกล่องเหล่านั้นเข้าห้องของเอริกะจนหมด ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่อารอนได้เปิดประตูเข้ามาในบ้านของเอริกะพอดี และเมื่อเขามองเห็นอลิซซึ่งสะดุ้งขึ้นมานั่งหน้าซีดมองเขาอยู่ก็ขมวดคิ้วขึ้นมา ก่อนที่จะเดินตรงเข้าไปหาเธออย่างรวดเร็ว

 

“ขอยาชา ยาฆ่าเชื้อ แล้วก็ล็อกตัวคนไข้เอาไว้! เอริกะเธอมีเสาแขวนน้ำเกลือกับคีมหนีบหรือเปล่า!?”

 

“รับทราบค่ะ!”

 

“จะไปมีได้ไง… เอาเสาแขวนเสื้อนี่ไปแทนก่อนได้หรือเปล่าล่ะ? ส่วนคีมหนีบเดี๋ยวฉันไปสร้างมาให้ละกัน”

 

อารอนที่เห็นอาการของอลิซเขาก็รีบร้องขอสิ่งที่เขาจำเป็นต้องใช้ในการรักษาออกมาในทันที

 

ซึ่งเอริกะที่ได้ยินแบบนั้นเธอก็หันไปคว้าเสาแขวนเสื้อนอกที่ตั้งไว้แถวประตูบ้านมายื่นให้เขา ก่อนที่จะเดินหายเข้าไปในออฟฟิศเพียงไม่กี่วินาทีและเดินกลับออกมาพร้อมกับแท่งเหล็กงอสองชิ้นที่เชื่อมติดกันกลายเป็นคีมหนีบ

 

ส่วนนางพยาบาลที่อุ้มเด็กทารกตามมาด้วยก็รีบเดินเข้าไปหาแมรี่และวางเด็กทารกลงข้างๆ ตัวเธอ ก่อนที่จะเปิดกระเป๋ายาที่พกติดตัวไว้และหยิบเอายาที่อารอนสั่งออกมายื่นให้เขา แล้วจึงเดินเข้าไปหาอลิซด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มในทันที

 

“ด–เดี๋ย—”

 

หมับ!

 

“จุ๊ๆ อย่าดิ้นสิจ๊ะ ถ้ายิ่งดิ้นเดี๋ยวจะยิ่งเจ็บน๊า~”

 

อารอนนั้นไม่ได้สนใจท่าทางของอลิซเลยแม้แต่น้อย เขาเอาถุงเลือดกับถุงน้ำเกลือไปแขวนไว้กับเสาที่เอริกะตั้งไว้ให้ ก่อนที่เขาจะต่อท่อยางสีใสเข้ากับมันทั้งสองถุง แล้วจึงเอาปลายอีกด้านที่เป็นเข็มแหลมแทงเข้าใส่เส้นเลือดใหญ่บนแขนของอลิซอย่างแม่นยำ

 

จึก!!

 

“—!!?”

 

“แผลบนไหล่เปิดอีกแล้ว คราวนี้มีแผลขนาดใหญ่เพิ่มที่ขาแล้วก็มีแผลกระจกบาดเล็กน้อยเต็มไปหมด… เริ่มฉีดยาชาเพื่อที่จะสำรวจบาดแผลหาเศษกระจกที่อาจจะตกค้างอยู่ภายใน… ฝากเธอตรวจดูชีพจรแล้วก็รายงานฉันทุกๆ ห้านาทีด้วย”

 

“เข้าใจแล้วค่ะ~”

 

กรี๊—อุ๊

 

“จุ๊ๆ เสียงดังมากเดี๋ยวจะไปรบกวนเพื่อนข้างบ้านเขาหมดนะจ๊ะ~”

 

แต่ยังไม่ทันที่อลิซจะได้ร้องออกมานั้น นางพยาบาลที่ยิ้มอยู่ก็ยื่นมือไปคว้าผ้าผืนหนึ่งออกมาพร้อมจับมันยัดเข้าปากของอลิซทันที

 

“หึ๊ยยย…คุณพยาบาลยังโหดเหมือนเคยเลย…”

 

“เหวอ…”

 

ซึ่งนากากับคอนแนลที่มองดูอยู่ก็ร้องออกมาอย่างเสียวไส้เมื่อเห็นอารอนและพยาบาลของเขาเริ่มทำการรักษาให้อลิซ ทำให้พวกเขารีบหันหน้าหนีฉากสยองขวัญตรงหน้าในทันที

 

“ยังไงก็อย่าให้มันเลอะเทอะมากนักละ ฉันขี้เกียจมาเก็บกวาดทีหลังน่ะ~”

 

“จะพยายาม…”

 

และเมื่ออารอนได้ยินแบบนั้น เขาก็เอื้อมมือไปคว้าผ้าที่นางพยาบาลไปหยิบมาเตรียมให้ตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่ทราบ และเอามันมารองซับเลือดของอลิซที่ไหลลงมาเอาไว้ ก่อนจะหันกลับไปเย็บแผลให้เธอต่อ

 

“อ้าว… มีเด็กมาจากไหนอีกคนเนี่ย? …นี่อารอน บ้านฉันไม่ใช่สถานรับเลี้ยงเด็กนะรู้มั้ย?”

 

ซึ่งพอเอริกะเห็นเด็กทารกที่นางพยาบาลวางเอาไว้บนฟูกที่แมรี่นอนอยู่นั้น เธอก็เดินเข้าไปมองเด็กคนนั้นใกล้ๆ

 

“ว่าไงจ๊ะหนูน้อย~ แบร่~”

 

“แอ๊~”

 

เธอนั่งลงเบื้องหน้าและทักทายทารกคนนั้น พร้อมกับยื่นมือเข้าไปเล่นด้วย ซึ่งเด็กทารกคนนั้นก็ร้องออกมาด้วยท่าทางอารมณ์ดี

 

“ห…หื้ม…?”

 

“ฮะแฮ่ม~ ว่าไงจ๊ะ ตื่นแล้วหรอ”

 

แต่แล้วแมรี่ที่นอนอยู่ข้างๆ ก็ส่งเสียงออกมาเล็กน้อยและลืมตาตื่นขึ้น ก่อนที่เธอจะหันไปเห็นเอริกะที่กำลังแลบลิ้นปลิ้นตาเล่นกับเด็กทารกอยู่ข้างๆ ทำให้เอริกะกระแอมออกมาเล็กน้อยและทำหน้าตาให้เป็นปกติแล้วจึงหันมายิ้มให้กับแมรี่

 

“–!?”

 

แมรี่ที่มองเห็นเอริกะก็กะพริบตามองเธออย่างมึนงงอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่จะเหลือบไปเห็นทารกน้อยตรงหน้า ทำให้เธอรีบคว้าเด็กทารกขึ้นมากอดไว้ในทันทีและถอยกรูดออกไปให้ห่างจากเอริกะราวกับว่ากำลังพยายามที่จะปกป้องเด็กน้อยในอ้อมกอดเอาไว้

 

และเมื่อเธอถอยไปจนติดกับกำแพงห้องจนไม่มีที่ให้ถอยแล้วนั้นเอง นัยน์ตาข้างซ้ายของเธอก็เริ่มที่จะเรืองแสงสีทองออกมาจางๆ พร้อมกับที่มีประกายไฟฟ้าปะทุออกมาเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะหันไปมองรอบๆ เพื่อประเมินสถานการณ์และมองเห็นอารอนกับนากาและคอนแนลเข้า

 

“พ–พี่อารอน…? แล้วก็พวกพี่ชายด้วย…?”

 

เธอร้องเรียกพวกเขาออกมาอย่างแปลกใจ ก่อนที่นัยน์ตาซึ่งกำลังเรืองแสงสีทองออกมาก็ค่อยๆ ดับลงและกลายเป็นสีฟ้าสดใสเหมือนเดิม

 

“อ—อื้อ พวกพี่เองไม่ต้องตกใจไปหรอก”

 

นากาที่กำลังยื่นมือของเขาจับที่ดาบแน่นก็รีบปล่อยมือออกมาแล้วยิ้มตอบเธอกลับ ส่วนทางด้านคอนแนลนั้นเขาก็รีบวางถาดวางแก้วที่เขายกขึ้นมาใช้แทนโล่กลับคืนลงไปบนโต๊ะ ก่อนที่จะทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แนะนำตัวเอริกะให้เธอฟัง

 

“ส่วนผู้หญิงคนนั้นคือคุณเอริกะน่ะครับ เธอเป็นผู้มีพระคุณที่คอยช่วยพวกผมอยู่เรื่อยๆ น่ะ เพราะงั้นคุณหนูไม่ต้องกลัวไปหรอกครับ”

 

“แฮะๆ ก็ไม่ได้อะไรขนาดนั้นหรอก~ ขอโทษที่ทำให้เธอตกใจก็ละกันนะ”

 

เอริกะที่ได้ยินคอนแนลพูดออกมาแบบนั้นเธอก็ลูบหัวตัวเองแก้เขินเล็กน้อย ก่อนที่จะพูดขอโทษแมรี่ที่เธอเผลอทำให้ตื่นกลัวไปเมื่อสักครู่

 

“ม…ไม่เป็นไรหรอกค่ะ…”

 

ถึงแม้ว่าแมรี่จะพยักหน้าตอบกลับมาแบบนั้น แต่ว่าเธอก็ยังจ้องมองเอริกะที่แต่งตัวเหมือนนักวิจัยและเว้นระยะห่างออกมาอย่างหวาดระแวง

 

“เห?”

 

“ท่าทางว่าเด็กคนนี้จะกลัวคนที่แต่งตัวแบบคุณเอริกะน่ะครับ เห็นบอกว่าเธอโดนจับไปทดลองอะไรสักอย่างมานี่แหละ”

 

“อืม ถ้าฟังจากที่เวก้าเขาเพ้อออกมาน่ะ แต่ว่าฉันก็ไม่รู้รายละเอียดเหมือนกัน… จริงๆ แล้วขนาดชื่อของเธอฉันก็ยังไม่รู้เลยนี่สิ”

 

ซึ่งพอคอนแนลเห็นเอริกะเอียงคอมองแมรี่ด้วยท่าทางสงสัยนั้น เขาก็อธิบายเรื่องของแมรี่ให้เธอฟัง โดยที่มีนากาพูดเสริมออกมาอยู่ใกล้ๆ

 

“อ๋อ~ เป็นแบบนั้นเองสินะ ว่าไงจ๊ะแม่หนูน้อย หนูชื่ออะไรหรอพอจะบอกพี่ได้มั้ย? ส่วนพี่ชื่อเอริกะนะ ยินดีที่ได้รู้จัก~”

 

“…พ….พี่อารอน…”

 

แมรี่ที่เห็นเอริกะยื่นหน้าเข้ามาใกล้กว่าเดิมนั้น เธอก็รีบเดินถอยออกมาอย่างรวดเร็วก่อนที่จะร้องขอความช่วยเหลือจากอารอนขึ้นมา

 

“ยัยนั่นเป็นเพื่อนของฉันเอง…เธอไม่ต้องกลัวไปหรอก…”

 

“ง…งั้นหรอคะ…”

 

อารอนที่ยังคงก้มหน้าทำแผลให้อลิซอยู่โดยไม่ได้หันกลับมามอง แต่เขาก็พูดขึ้นมาเหมือนกับว่ารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างหลังเขากันแน่ เลยทำให้แมรี่ที่ได้ยินแบบนั้นก็หยุดขาที่กำลังเดินถอยหลังอยู่ลง ก่อนจะตอบพวกเอริกะกลับมาด้วยเสียงกล้าๆ กลัวๆ

 

“น…หนูชื่อแมรี่ค่ะ…ข..ขอบคุณพวกพี่ที่ช่วยหนูไว้นะคะ…”

 

“ไม่เป็นไรหรอกครับ เอาจริงๆ ต้องบอกว่าพวกผมโชคดีที่ได้คุณหนูช่วยเอาไว้ซะมากกว่า อ่ะ ผมชื่อว่าคอนแนลครับ”

 

“นั่นสินะ ไม่งั้นฉันก็ไม่รู้ว่าจะหาทางสู้กับเวก้าเขายังไงเหมือนกัน ฉันชื่อว่านากา ส่วนผู้หญิงที่โดนอุดปากอยู่คนนั้นชื่อว่าอลิซน่ะ”

 

นากาที่เห็นคอนแนลแนะนำตัวนั้น เขาก็เดินมาหาแมรี่บ้างพร้อมแนะนำตัวเอง ก่อนที่จะชี้นิ้วไปทางอลิซซึ่งพยายามส่งเสียงกรีดร้องผ่านผ้าที่อุดปากออกมาตลอดการรักษา พร้อมพูดแนะนำตัวแทนให้เธอไป

 

“ค…ค่ะ พี่นากากับพี่คอนแนลแล้วก็พี่อลิซสินะคะ…”

 

ซึ่งเธอก็พยักหน้ากลับตอบพวกเขา ก่อนที่จะหันมามองเอริกะที่กำลังยื่นหน้ามามองเธอซะใกล้ พร้อมเอานิ้วลูบคางของตัวเองไปมาราวกับกำลังนึกอะไรอยู่

 

“ว่าแต่…ตาของเธอเมื่อกี้น่ะ… พอจะเล่าให้ฟังได้มั้ยว่าเกิดอะไรขึ้นถึงเป็นแบบนั้น”

 

เอริกะที่เห็นว่าแมรี่ไม่ได้พยายามที่จะถอยหนีไปแล้วก็เอ่ยปากถามออกมาพร้อมกับชี้นิ้วไปที่ตาของซ้ายของแมรี่ที่เรืองแสงออกมาเมื่อสักครู่ ทำให้อารอนที่ได้ยินแบบนั้นก็เหลือบตามามองเล็กน้อยก่อนที่เขาจะหันกลับไปเย็บแผลให้กับอลิซต่อโดยไม่ได้พูดอะไรออกมา

 

“…..”

 

แต่แมรี่ที่ได้ยินคำถามนั้นเธอก็ก้มหน้าลงและเผยสีหน้าลำบากใจอย่างเห็นได้ชัดออกมา จนทำให้นากาที่เห็นแบบนั้นก็เดินเข้าไปสะกิดไหล่เอริกะและพูดออกมา

 

“น…นี่ ถ้าแมรี่เขาไม่อยากเล่าก็ไม่ต้องไปคาดคั้นก็ได้มั้ง เปลี่ยนเรื่องถามก่อนดีกว่ามั้ย?

 

“ม…ไม่เป็นไรหรอกค่ะ! ไหนๆ พวกพี่ก็ช่วยหนูเอาไว้… อย่างน้อยๆ หนูก็ควรให้พวกพี่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นบ้าง… ใช่มั้ยล่ะคะ…”

 

แมรี่ซึ่งได้ยินที่นากากระซิบกระซาบกับเอริกะด้วยความเป็นห่วงนั้น ก็ทำให้เธอตัดสินใจที่จะเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นมาให้พวกเขาฟังในทันที

 

“อื้ม ขอบใจมากนะแมรี่ แต่ถ้าว่าเธอเกิดไม่อยากเล่าต่อหรืออะไรยังไงก็บอกพี่มาได้ทุกเมื่อเลยนะ”

 

เอริกะที่ได้ยินแมรี่พูดมาแบบนั้นก็ยิ้มให้พร้อมยื่นมือมาลูบหัวของเธอไปมาเบาๆ เพื่อพยายามที่จะให้แมรี่นั้นสบายใจขึ้นมาบ้างถึงแม้จะเพียงแค่เล็กน้อยก็ตาม

 

“ค…ค่ะ…เรื่องมันก็มีอยู่ว่า…”