บทที่ 23 ความรักที่จำกัดบนโลกใบนี้
มู่อี้เจ๋อเดินไปด้วยตนเอง
ยกถ้วยที่ใส่น้ำน้ำตาลทรายแดงไว้ เป็นถ้วยโบราณที่ทำด้วยแก้ว สีน้ำเงินเข้ม รอบๆก็มีรอยเส้นประดับช้อนเป็นคริสตัลใส แต่ก็มีสีน้ำเงินผสมด้วยเหมือนกัน เป็นชุดรับประทานอาหารที่งดงามมาก
มู่อี้เจ๋อมองชุดรับประทานอาหารนี้ที่มีความงดงามออกแนวผู้หญิง หัวเราะออกมาอัตโนมัติ:“คุณชายสี่อย่าถือสาเลยนะครับ เทียนซิงของเราเนี่ยเธอชอบสีน้ำเงิน ผมก็มีลูกสาวสุดที่รักอยู่คนเดียว ดังนั้นสิ่งของเครื่องใช้ในบ้านทั้งหมด ส่วนมากก็จัดตามที่เธอชอบนั้นแหละ”
คิดว่าหลิงเล่จะรังเกียจซะอีก
แต่กลับไม่ได้คิด คนคนนั้นยื่นมือไป ยกถ้วยโบราณขึ้น นิ้วมือที่ยาวเรียวก็ได้จับที่ช้อน
อ้าปาก ริมฝีปากชมพูอ่อนเป่าลมที่อุ่นออกมา ดวงตาของเขาก็ได้ประกายทะลุผ่านไอความร้อน แววตาที่อ่อนโยน
น้ำน้ำตาลทรายแดงไข่ต้มที่แม่ยายทำเองกับมือ
ไม่มีใครค้นพบ ว่าตอนที่เขาอ้าปากทานช้อนแรกเข้าไป ก็ได้แสดงรอยยิ้มที่อบอุ่นใจ
หลิงเล่ทานน้ำน้ำตาลทรายแดงไข่ต้มนี้จนหมดไม่เหลือแม้แต่หยดน้ำเดียว!
ทันใดนั้นที่วางช้อนถ้วยลง อีกข้างของโซฟา มู่เทียนซิงก็ได้ควงแขนของเมิ่งเสี่ยวหลงเดินมาแล้วพูดคุยกันไปด้วยอย่างมีความสุขทั้งสองได้มาตรงหน้าโซฟา เหลือบตามองหลิงเล่ไปแวบหนึ่ง
มู่เทียนซิงไม่ได้พูดอะไร และก็ไม่ได้ทักทายหลิงเล่
สายตาของเธอก็ได้มองไปที่ชุดรับประทานอาหารที่ถูกใช้แล้ว นึกถึงสิ่งที่จั๋วหรันพูด บอกว่าลูกเขยเข้าบ้านวันแรกก็ต้องทานน้ำน้ำตาลทรายแดงไข่ต้ม อยู่ดีๆใจของเธอก็เต้นอย่างไร้สาเหตุไปสองที
รีบเดินไปที่ข้างกายของพ่อ เธออยากจะไปจากสถานการณ์ที่ตึงเครียดและเกรงกันแบบนี้
อย่างน้อย เธอก็อยากจะหลบหน้าหลิงเล่ หลบสายตาที่เย็นชาคมลึกของเขา มันมารบกวนเธอด้วยพลังบางอย่างที่มองไม่เห็น!
“พ่อคะ เมื่อคืนพวกเรากลับมาบ้านก็ดึกมากแล้ว ไม่ได้พักผ่อนดีๆเลย ฉันกับพี่เสี่ยวหลงขอขึ้นไปก่อนนะคะ”
มู่อี้เจ๋อได้ยินเช่นนี้ รู้อยู่แก่ใจว่าลูกสาวไม่อยากเผชิญหน้ากับหลิงเล่
แต่ว่า เขามาที่ตระกูลมู่ ก็บ่งบอกอย่างชัดเจนแล้วว่ามาหาเธอ ถ้าเธอขึ้นไปแล้ว มันใช่เรื่องมั้ย?
มู่อี้เจ๋อพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน:“แกนั่งอยู่ตรงนี้อีกสักพักเถอะ คุณชายสี่เขาก็ยุ่งๆไม่ได้ว่างขนาดนั้น ไม่อยู่ที่นี้นานหรอก เดี๋ยวแกค่อยขึ้นไปก็ได้”
โดยเฉพาะ สถานการณ์ของวันนี้ เสมือนว่าหลิงเล่แคร์มู่เทียนซิงมากๆ
ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆ งานแต่งครั้งนี้จะยกเลิกดีมั้ย จะยกเลิกยังไง มันก็เป็นปัญหาที่ปวดหัวเหมือนกันนะ ทั้งครอบครัวก็คงต้องพูดคุยปรึกษากันดีๆหลังจากที่หลิงเล่กลับไปแล้ว
มู่เทียนซิงมองเมิ่งเสี่ยวหลงไปแวบนึง
เมิ่งเสี่ยวหลงหัวเราะออกมา:“งั้นก็นั่งสักพักเนอะ เพราะไหนๆตอนนี้ก็ปิดเทอมแล้ว แกเหนื่อยเมื่อไหร่ก็สามารถพักได้เมื่อนั้นเลย นอนพักทั้งวันยังไม่ใช่ปัญหา”
มู่เทียนซิงพยักหน้า เป็นความน่ารักและเชื่อฟังที่บอกไม่ถูก:“โอเค ฉันฟังพี่นั้นแหละ!”
หลิงเล่เสมือนกับหุ่นแกะสลัก ไม่มองใคร ไม่พูดไม่จา และไม่ขยับตัวเลย
จั๋วหรันที่อยู่ข้างหลังเขา กลับเอ่ยปากพูดในขณะที่ทุกคนกำลังนั่งลง:“คุณชายสี่รู้ว่าวันนี้คุณหนูมู่ได้เริ่มปิดเทอมแล้ว ดังนั้นจึงตั้งใจมาเที่ยวเยี่ยมที่บ้านโดยเฉพาะ นี้เป็นสาเหตุแรก สาเหตุที่สอง เพื่อความสัมพันธ์ที่ดีของหลังแต่งงาน ที่คุณชายสี่มาวันนี้ก็ตั้งใจที่จะมารับคุณหนูมู่กลับไปที่คฤหาสน์จื่อเวยเช่นกัน”
คฤหาสน์จื่อเวย?
ทันใดนั้นในสมองของมู่เทียนซิงก็ได้มีภาพทะเลที่สวยงามคฤหาสน์จื่อเวยปรากฏขึ้นมา
ไม่รอใครเอ่ยปากพูด เธอก็ได้ถามก่อนแล้ว:“เป็นบ้านหลังที่คุณลุงอยู่หรอ ก็คือที่ที่ฉันไปครั้งที่แล้ว?”
จั๋วหรันพยักหน้า:“ครับ”
นึกถึงทะเลจื่อเวยที่งดงามนั้นแล้ว คฤหาสน์หลังนั้นที่ดูใหญ่และหรูหรากว่ามหาวิหารแห่งอังกฤษซะอีก การออกแบบแนวทะเลที่มีสีน้ำเงินและสีขาว และยังมีน้ำพุทราที่อร่อยที่สุดเท่าที่เธอเคยดื่มมา
มู่เทียนซิงกลืนน้ำลายซ้ำๆ วินาทีต่อไป มือที่ขาวและใหญ่เสมือนว่ามองเห็นว่าเธอคิดอะไรอยู่ ยื่นน้ำพุทราให้เธอหนึ่งขวด
เธอมองไปแวบนึง
ด้านบนเป็นแต่ภาษาจีน
ก็เป็นแบบที่อาทิตย์ก่อนที่บ้านของหลิงเล่ ที่เขาเคยให้เธอดื่มแบบนั้นแหละ
ยิ้มทันที ทันใดนั้นสีหน้าของเธอก็ดีใจมาก เปิดฝาออกอย่างไม่เกรงใจ นำน้ำพุทรายื่นให้กับเสี่ยวหลงแล้วยักคิ้ว กล่าว:“พี่เสี่ยวหลง พี่ลองชิมดูสิ่ นี้เป็นน้ำพุทราที่อร่อยที่สุดเท่าที่ฉันเคยดื่มมาเลยนะ!”
มู่อี้เจ๋อสองสามีภรรยาก็มองไปที่หลิงเล่อย่างไม่สบายใจ
แต่ว่าสิ่งที่พบเห็นคือ หลิงเล่ได้เขียนลงที่กระดาษ แล้วยื่นให้กับจั๋วหรันที่ยืนอยู่ด้านหลัง
เชิญ
แน่นอนว่าจั๋วหรันก็เข้าใจความหมายของเจ้านายทันที เอ่ยปากพูดกับเมิ่งเสี่ยวหลงว่า:“คุณเสี่ยวหลงครับ คุณชายสี่บอกว่า
นี้เป็นน้ำที่คุณชายสี่กับคุณหนูมู่เลี้ยงคุณดื่มเองครับ เชิญ”
สีหน้าของเมิ่งเสี่ยวหลงเปลี่ยนทันที ไม่ได้มองหน้าของมู่เทียนซิง นำน้ำพุทราที่อยู่ในมือของเธอวางลงบนโต๊ะ กล่าว:“คุณชายสี่ไม่ต้องเกรงใจขนาดนี้ก็ได้ครับ ความหวังดีที่เทียนซิงมีให้ผมบริสุทธิ์มากครับ ไม่ว่าเธอเห็นอะไรที่ดีที่สุด ก็จะนึกถึงผมคนแรกเลย ก็ตามนั้น คุณชายสี่ไม่ต้องวางแผนทำให้ผมกับเธอแตกแยกกันหรอกครับ ไม่มีประโยชน์”
อะไรคือ หลิงเล่กับมู่เทียนซิงเลี้ยงเมิ่งเสี่ยวหลงดื่ม?
พูดเหมือนกับว่าหลิงเล่กับมู่เทียนซิงเป็นสามีภรรยากันแล้ว มาดูแลต้อนรับแขกด้วยกันซึ่งเป็นเขางั้นหรอ?
ขอร้องเถอะนี้มันตระกูลมู่นะเว๊ย?
ไม่ใช่คฤหาสน์จื่อเวยอะไรของเขานั้น!
ทำเหมือนตัวเองเป็นเจ้าของแล้วสั่งนู้นชี้นี้ ท่าทางที่โอ้อวดแบบนี้ ทำให้เมิ่งเสี่ยวหลงหมั่นเขี้ยวจริงๆ
เมิ่งเสี่ยวหลงเองก็ยังวัยรุ่นอยู่ ก็เลยไม่ค่อยมีความอดทนอะไรมากมายขนาดนั้น
เขาจับมือของมู่เทียนซิง แล้วมองเธอ:“เดี๋ยวไว้ผมสั่งให้คุณเอง ก็เป็นของที่ส่งมาจากจีนไม่ใช่หรอ?”
“ขออภัยนะครับ”จั๋วหรันเอ่ยปากพูดอย่างไม่ร้อนไม่เย็น:“เพราะว่าอาทิตย์ก่อนคุณหนูมู่ได้ดื่มที่คฤหาสน์จื่อเวย แล้วชอบดื่มมากๆ ดังนั้นยี่ห้อนี้ก็ได้โดนคุณชายสี่สั่งซื้อแล้วครับ หลังจากนี้รสชาตินี้ของน้ำพุทรา จะผลิตให้กับคฤหาสน์จื่อเวยเท่านั้น นอกจากคฤหาสน์จื่อเวย ทั้งโลกไม่มีของอีกต่อไปครับ!”
ทุกคน:“.”
จั๋วหรันรีบพูดเพิ่มเติมต่อ:“ไม่เพียงเท่านี้ ทุกอย่างของยี่ห้อนี้ไม่ว่าจะเป็น เค้กพุทรา ขนมปังพุทรา ชาพุทราต่างๆ ก็จะผลิตให้กับแค่คฤหาสน์จื่อเวยเท่านั้น นอกจากคฤหาสน์จื่อเวย ทั้งโลกไม่มีของอีกต่อไปครับ!”
ผู้คนต่างก็จ้องมองที่จั๋วหรันอย่างตะลึง แล้วก็มองไปที่หลิงเล่!
ให้ตายเถอะ!
ทันใดนั้นมู่อี้เจ๋อสองสามีภรรยานี้ก็ได้ตะลึงและนิ่งเลย!
คุณชายสี่ก็เป็นแค่คนพิการคนนึงไม่ใช่หรอที่ไม่มีประโยชน์อะไรเลย เอาเงินมาจากไหนเยอะแยะถึงได้ข้ามประเทศข้ามน้ำไปซื้อธุรกิจนี้มาได้?
หลังจากที่ซื้อ ก็เพื่อที่จะผลิตไว้ในคฤหาสน์จื่อเวยแล้วให้มู่เทียนซิงทานคนเดียวโดยเฉพาะเลยหรอ?
เมิ่งเสี่ยวหลงก็คิดไม่ถึงว่าหลิงเล่จะทำแบบนี้ ตาทั้งสองข้างได้หรี่ลง ยิ่งรู้สึกสับสนวุ่นวายไปหมด
แววตาที่คาดหวังของเขาได้กวาดผ่านมู่อี้เจ๋อ ความหมายนั้นมันชัดเจนมาก:แม้แต่ตอนนี้หลิงเล่ยังรู้สึกกับเทียนซิงได้ขนาดนี้ แล้วถ้าหลังจากนี้ได้อยู่ร่วมกัน ผ่านไปหลายปี เขาจะยอมปล่อยมู่เทียนซิงได้ไงหล่ะ?
หรือจะให้เธอทุกข์ทรมานอยู่กับคนพิการทั้งชีวิตหรือไง?
มู่อี้เจ๋อหายใจเข้าลึกๆหนึ่งที แล้วก็ถอนหายใจไปหนึ่งที ชัดเจนเลยว่าก็มองไม่ออกแล้ว
ความสุขของลูกสาว เรื่องของทั้งชีวิต จะประมาทไม่ได้เด็ดขาด
เจี่ยงซินก็ได้หยิกสามีหลังหมอนกอดแรงๆไปหนึ่งที
ออกแรงเยอะไปหน่อย นั้นก็หมายความว่ากำลังโทษสามีอยู่ โทษที่เขาตอบตกลงเรื่องงานแต่งเร็วเกินไป ส่งผลให้ตอนนี้ทำอะไรไม่ได้!