บทที่ 2 ตอนที่ 6

 

    การตั้งชมรม

    ถ้าแค่พูดออกมาก็ฟังดูเหมือนง่าย แต่พอมาลองทำมันจริงๆแล้วมันกลับไม่ได้ง่ายแบบนั้น

    เริ่มแรก จำเป็นต้องรวบรวมสมาชิก ตามกฏของโรงเรียนเรา จำเป็นจะต้องมีสมาชิก 5 คนเพื่อเริ่มตั้งชมรม และแทนที่จะเป็นแค่การเอามาใส่ๆเพื่อเติมเต็มจำนวน พวกเราจำเป็นต้องมีสมาชิกที่จะอยู่ภายในชมรมต่อไปอีก 1 ปี

    ต่อไป จำเป็นต้องหาที่ปรึกษา ตรงนี้จะเป็นส่วนที่ยากที่สุด

    สำหรับอาจารย์ที่จะมาเป็นปรึกษาชมรมนั้น มันก็เหมือนกับเป็นเกมลงโทษที่ไม่ได้มีผลประโยชน์อะไรให้เลย นั่นก็เพราะคุณจะไม่ได้ค่าจ้างส่วนที่ล่วงเวลาเพิ่ม แถมความรับผิดชอบยังมีมากขึ้นอีก อาจารย์อาวุโสทุกคนต่างต้องการจะหลีกเลี่ยง, อาจารย์ที่ไฟแรงและอาจารย์ที่อ่อนแอต่อแรงกดดันต่างรับตำแหน่งที่ปรึกษากันไปหมดแล้ว, ส่วนอาจารย์หน้าใหม่ก็มัวแต่ยุ่งอยู่กับการทำความเคยชินกับหน้าที่การงานจนไม่มีเวลามาเป็นที่ปรึกษา

    สุดท้าย หลังจากทำเงื่อนไขอื่นได้แล้ว จำเป็นต้องยื่นใบสมัครแก่สภานักเรียนเพื่อขออนุมัติ ซึ่งดูเหมือนทางสภานักเรียนก็ต้องไปขออนุมัติกับทางโรงเรียนอีกที แต่จุดนี้ถ้าสามารถหาที่ปรึกษาได้แล้วก็ผ่านได้ไม่มีปัญหา

    ดังนั้นแล้ว ที่พวกเราต้องทำก็คือหาสมาชิกและที่ปรึกษา…..

 

「—-หาไม่ได้เลยน้า」

 

    ช่วงพักเที่ยง บนดาดฟ้า

    ผมกำลังคิดไปเรื่อยขณะกินมื้อเที่ยงกับคู่หูตะวันออก-ตะวันตก

    ที่อยู่ตรงหน้าผมก็คือแบบฟอร์มสำหรับตั้งชมรมใหม่ พร้อมรายชื่อ『ประธาน・อันนา คาโน่』『รองประธาน・อุทามาโร่ คิทากาว่า』2 คนเพียงแค่นั้น

    ที่ได้เจออันนาก็ผ่านมาแล้ว 2 วัน แต่พวกเรายังไม่สามารถหาสมาชิกได้เลยแม้แต่คนเดียว

 

「จิงดิ? ชั้นได้ยินมาว่ามันเป็นหัวข้อที่ดังเอามากๆจากที่ห้องชั้นเลยนะ แถมมีคนตั้งเยอะรวมตัวกันไปด้วย」

 

    พอฮิกาชิโนะได้ยินที่ผมบ่น เขาก็ทำท่าตกใจ

 

「ก็มีรวบรวมมาได้อยู่บ้างหรอก แต่ท่านประธานปัดทิ้งไปหมดน่ะสิ」

 

    ตามที่ฮิกาชิโนะว่ามา พอมีการติดประกาศหาสมาชิก ก็มีคนจำนวนไม่น้อยมากันอยู่

    มีทั้งพวกที่ชื่นชมนักผจญภัยจริงๆ, พวกที่ต้องการจะเข้าใกล้อันนา, พวกที่อยากจะเป็นนักผจญภัยแบบผม, และก็มีบางส่วนที่เป็นนักผจญภัยอยู่ในโรงเรียน

    แต่อันนาปัดทิ้งได้หมดด้วยการสัมภาษณ์ง่ายๆ

    ด้วยว่า『ไม่รู้สึกถึงความมุ่งมั่นหรือพรสวรรค์ที่จะเป็นมืออาชีพอยู่เลย』บอกมาว่างั้น

    จริงอยู่ว่า หากคำนึงถึงจุดประสงค์หลักของชมรมนักผจญภัย นั่นคือ「สร้างกองกำลังที่แข็งแกร่งมากพอที่จะอยู่รอดจากการล่มสลายของโลก」แล้วล่ะก็ มันก็เข้าใจได้ว่าไม่ต้องการพวกครึ่งๆกลางๆ แต่ว่า…..

 

「ถ้าเอาแค่คนที่จะเป็นมืออาชีพได้เท่านั้นแล้ว คิดว่าโอกาศที่จะเป็นมืออาชีพได้นี่มันมีเท่าไหร่กัน…..」

 

    จากนักผจญภัย 15,000 คนในประเทศญี่ปุ่น มีที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นมืออาชีพอยู่ไม่ถึง 100 คน คิดเป็นต่ำกว่า 0.1% อีก

    แล้วการจะมองหา 5 คนจากในโรงเรียนมัธยมปลายแห่งนี้ที่มีคนน้อยกว่า 700 คน….. ที่มีอยู่ 2 คนตรงนี้ก็นับได้ว่าปาฏิหาริย์มากแล้ว

    นิชิดะยิ้มแห้งให้กับการคร่ำครวญของผม

 

「แบบนั้นมันก็หาไม่ได้แหละนะ ก็คิดอยู่ว่าถ้าคนไม่พอพวกเราเองก็ช่วยเติมจำนวนให้ได้แต่…..ภายใต้เงื่อนไขแบบนั้นคงเป็นไปไม่ได้หรอก」

「ถ้างั้นแล้วพวกนายไม่ลองเป็นนักผจญภัยจริงๆจังๆดูล่ะ?」

 

    ถ้าเกิดเจ้าพวกนี้อยากจะเป็นนักผจญภัยกันจริงๆ ก็สามารถเอาการ์ดแรงค์ D ที่วางแผนว่าจะเอาไปขายมาใช้ได้

    มีความรู้สึกแบบนั้นตอนที่เสนอไป…..

 

「มันก็นะ ถ้าเป็นพวกเราคงไม่ไหวหรอก ดูแว่บแรกมันก็ดีอยู่หรอก แต่เอาเข้าจริงแล้วดูจะงานหนักน่าดูเลย」

「ยิ่งไปกว่านั้นยังต้องเสี่ยงชีวิต…..แม้แต่ในหมู่พวกที่ต้องการเป็นนักผจญภัยเพราะชื่มชมมาโร่ พอได้ไปเขาวงกตครั้งเดียวก็ดูเหมือนจะหมดใจกลับมาด้วยไม่ใช่เหรอ?」

「อืม งั้นเหรอ…..」

 

    ทั้งคู่พูดมาพร้อมรอยยิ้มแห้งๆบนใบหน้า ผมจึงไม่มีทางเลือกนอกจากถอยมาแต่โดยดี

    ต่อให้มีการ์ดแรงค์ D แล้วมีความปลอดภัยมากในเขาวงกตแรงค์ F แต่ความกลัวที่ต้องไปอยู่ในเขาวงกตมันก็เป็นอีกเรื่อง

    บ้านผีสิงมันปลอดภัย แต่ก็ยังน่ากลัวอยู่ดี…..เดาว่าคงอยากจะพูดแบบนั้น

    มันเป็นเรื่องปกติที่ผู้คนซึ่งไปเป็นนักผจญภัยเพราะว่าถูกดึงดูดจากด้านสว่างของนักผจญภัยอย่างเดียว แล้วต้องใจสลายในตอนที่ไปเจอกับมอนสเตอร์ตัวจริง

    แล้วในตอนนั้นเอง ฮิกาชิโนะก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ก็เลยเอ่ยปากถาม

 

「จะว่าไป ทำไมประธานถึงไม่ใช่นายแต่เป็นรุ่นน้องผู้หญิงล่ะ?」

「อะ ใช่ใช่ นั่นก็สงสัยเหมือนกัน ทำไมเด็กปี 1 ถึงได้เป็นประธานล่ะ? ปกติแล้วต้องเป็นนักเรียนที่อยู่ชั้นปีสูงกว่าไม่ใช่เหรอ?」

「อา~…..」

 

    ด้วยคำถามของทั้งคู่ ผมจึงตอบพร้อมด้วยรอยยิ้มแห้งๆ

 

「เธอ กับกิจกรรมชมรมพิเศษแบบนี้มันก็ต้องนำโดยสาวสวยเป็นธรรมดาอยู่แล้ว! ว่างั้นแหละ」

 

    เป็นความคิดของโอตาคุขนานแท้ แล้วก็ตามคาด คู่หูตะวันออก-ตะวันตกก็ได้แต่หัวเราะแห้งๆให้

    แต่ว่า ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปมันก็ไม่สามารถรวบรวมคนได้แน่ คงจะต้องหาทางลดมาตรฐานสำหรับสมาชิกใหม่ลงไปหน่อย…..

    ขณะที่ผมคิดอะไรอยู่แบบนั้น ก็ได้รับข้อความไลน์จากอันนา พอผมเปิดอ่านดูก็「โอ๋?」ส่งเสียงตกใจมาอย่างช่วยไม่ได้

 

「มีอะไรรึ?」

 

    กับคำถามของนิชิดะ ผมก็โชว์ข้อความในไลน์ให้ดูแล้วบอก

 

「สมาชิก หาได้ 1 คนแล้วล่ะ」

 

 

 

    หลังเลิกเรียน ผมมุ่งไปจุดนัดพบที่นัดไว้กับอันนา

    สถานที่คือ Denim ที่เคยคุยกันกับอันนามาก่อน

    อันนาดูจะติดใจร้านอาหารครอบครัวนี้มาก ทำให้ Denim มักจะกลายเป็นสถานที่นัดพบอยู่เสมอ

    พอเข้าร้านอาหารมา หัวแดงอันโดดเด่นก็รออยู่ที่โต๊ะแล้ว

    ทำการบอกพนักงานที่เข้ามาต้อนรับว่าเพื่อนมารออยู่ก่อนแล้ว พอมุ่งหน้าไปที่โต๊ะ ก็สังเกตุเห็นเด็กสาวที่ไม่รู้จักกำลังนั่งอยู่ข้างอันนา

    เป็นเด็กสาวอายุพอๆกับอันนา ผมสีดำดัดสั้น ชุดเครื่องแบบถูกดันแปลงไปมากจนสามารถสังเกตุเห็นได้จากระยะไกล ทั้งจีบและเข็มขัดจำนวนมาก….. ดูเหมือนจะเป็นอะไรที่เรียกว่าโกธิคโลลิต้าพังค์(Gothic Lolita Punk) สวมชุดที่มีความจูนิเบียวมาก ถึงแม้ว่าม.ปลายของเราจะอนุญาตให้ปรับแต่งเครื่องแบบได้ แต่ถ้าปรับไปมากขนาดนี้ก็ตกใจอยู่พอตัว

    เธองั้นรึที่จะมาเป็นสมาชิกคนที่ 3 ผมนั่งลงในขณะที่นึกสงสัย

   

「’โทษทีที่มาสาย」

「ไม่หรอกค่ะ พวกชั้นเองก็เพิ่มมาถึงเหมือนกัน!」

「งั้นเหรอ แล้ว…..ทางนี้คือ?」

 

    ผมหันความสนใจไปทางสาวน้อยโกธิคโลลิต้าพังค์ที่นั่งอยู่ข้างๆเธอ

    เป็นเด็กสาวที่เหมือนกับตุ๊กตาพร้อมใบหน้าเข้ารูป แทนที่จะบอกว่าน่ารัก ดูเป็นสาวสวยที่ให้ความรู้สึกเย็นชาเล็กน้อย ตอนที่มองมาจากด้านหลังไม่ทันสังเกตุแต่ดูเหมือนจะมีย้อมผมเป็นสีฟ้าอยู่แค่ด้านในเท่านั้น ที่เรียกกันว่าสีผมหลบใน(inner color hair)

 

「หึ สงสัยในนามของเรางั้นรึ? งั้นก็ได้ จะบอกให้เอง นามของเราคือ—-อ่อค!」

「อ่อค?」

 

    ขณะที่เอียงคอจากชื่อแปลกๆ อ่อคซังก็จ้องไปทางอันนา

    …..ดูเหมือนว่า อันนาจะใช้ข้อศอกจิ้มไปที่สีข้างของเธอ

 

「ท-ทำอะไรน่ะ!」

「แหม ก็ดูทำท่าจะควบคุมตัวเองไม่ได้อีกแล้วนี่หน่า อันที่จริง ไม่ใช่ว่าเพิ่งจะหยุดทำมันไปเพราะต้องเจ็บปวดมาขนาดนั้นหรอกเหรอ?」

「อู…..」

 

    พออันนาพูดออกมาด้วยความตะลึง อ่อคซังก็ก้มหน้าลงราวกับหมดคำพูด

 

「หมายความว่าอะไรกัน?」

「ก็แหม ตอนที่ได้ไปม.ต้นส์พร้อมกับเธอคนนี้ เธอยังไม่ได้มีคาแรคเตอร์แบบนี้หรอกส์ อันที่จริงก็รู้สึกธรรมดาๆ แต่พอขึ้นม.ปลายมาก็กลายเป็นแบบนี้…..」

 

    อย่างงี้นี่เอง ผมพยักหน้า

 

「การเปิดตัวม.ปลายแบบนั้นสินะ…..」

「………………..」

 

    ด้วยคำพูดของผม อ่อคซังจึงมีหน้าแดงไปจนถึงหู

    การเปิดตัวม.ปลาย มันเป็นอะไรที่คล้ายกับพิธีกรรมที่เหล่าผู้คนซึ่งขาดความมั่นใจในตัวเอง ไปทำการย้อมผมหรือเปลี่ยนแฟชั่นของตัวเองในตอนที่ได้เป็นนักเรียนมัธยมปลาย เพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง

    ในหมู่พวกเขาก็มีบ้างที่ประสบความสำเร็จและสามารถเข้าร่วมกลุ่มเรียจูได้ แต่ก็มีพวกเขาหลายคนที่พยายามจะทิ้งตัวตนที่น่าเบื่อที่พวกเขามีมาจนถึงตอนมัธยมต้น แล้วลงเอยไปในทิศทางทแยงขึ้นสุดกู่

    อ่อคซังคนนี้เองก็คงจะเป็นหนึ่งในผู้ที่พยายามทำอย่างก้าวกระโดดใหญ่ๆ

    ยิ่งกว่านั้นในกรณีของเธอ ดูเหมือนจะมีการตื่นของจูนิเบียวมาด้วย

    คนรุ่นอายุเดียวกับพวกเราจำนวนมาก เพราะว่าชื่นชอบรูปลักษณ์อันเฉียบคมและพฤติกรรมของการ์ด จึงไปปลุกความจูนิเบียวขึ้นมา

 

「แบบว่า ดูเหมือนจะอยากเปลี่ยนแปลงตัวเองที่ธรรมดาแต่ว่าดันเกินการควบคุมไป เพราะแบบนั้นเลยทำให้รู้สึกเหมือนถูกโดดเดี่ยวในชั้นเรียนส์ เลยคิดว่าต้องการจะทำอะไรให้ซักอย่างเพราะงั้นก็เลยพามาที่นี่แหละค่ะส์」

「อย่างงี้นี่เอง…..แล้ว หมายความว่าเธอคนนี้สามารถเข้าร่วมชมรมนักผจญภัยได้งั้นเหรอ?」

「ค่ะ ถึงจะเห็นเป็นแบบนี้ แต่เธอก็เป็นถึงนักผจญภัย 2 ดาวเลยนะ」

「2 ดาว!?」

 

    ด้วยแรงค์ที่สูงอย่างคาดไม่ถึง ทำเอาผมจ้องเธอตาเขม็ง

    ก็แปลว่าได้เป็นนักผจญภัย 2 ดาวมาตั้งแต่ตอนม.ต้นแล้ว ถ้างั้นก็ไม่จำเป็นต้องใช้การเปิดตัวม.ปลายหรอก

    อืม หรือบางทีอาจจะไม่ได้อยากจะขึ้นไปอยู่ด้านบนของชนชั้นโรงเรียน แค่อยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเท่านั้นจริงๆ?

 

「ถ้างั้น อ่อคซัง—-」

「ม-ไม่ใช่อ่อคซักหน่อย! นั่นมันก็แค่สำลักเฉยๆต่างหาก!」

 

    เพื่อที่จะขัดคำพูดของผม อ่อค—-เธอก็ส่งเสียงดังขึ้นมาเล็กน้อย

 

「อ-อา ถ้างั้นก็’โทษที เอ็ตโต แล้วชื่อจริงๆว่าอะไรล่ะ?」

「น-นามของเราก็คือ คริสติน่า・ชวาร์ส—–」

「จ้า โกหกจ้า เธอคือโอริเบะ ซาโยะ(織部小夜)ไม่ใช่เหรอส์?」

「เดี๋-!」

 

    ซาโยะซังที่มีชื่อใหม่เป็นคริสติน่า พยายามเอามือปิดปากอันนา

 

「ก็ไม่คิดว่าเป็นชื่อที่แปลกอะไรเลยนะ…..」

「…..ก็แบบ ซาโยะมันฟังดูตกยุค แล้วนามสกุลก็ฟังแล้วคล้ายกับแม่ทัพยุคเซ็นโกคุด้วย…..」

 

    ดูเหมือนจะมีปมที่เฉพาะตัวเองที่เข้าใจอยู่

 

「ดูตกยุคงั้นเหรอ ดูออกจะสง่างามดีออก」

「ส-สง่างาม…..」

 

    พอได้ยินผมพึมพำ โอริเบะซังก็ทำท่าเขินแล้วเริ่มเล่นผมตัวเอง

    อันนาที่เห็นโอริเบะซังเป็นแบบนั้นจึงหันหน้ามาทางนี้

 

「รุ่นพี่ จู่ๆก็จีบเลยเหรอส์ค่ะ?」

「ซะที่ไหนกันล่ะ」

 

    ที่พูดไปไม่ได้มีความหมายลึกซึ้งอะไรซักหน่อย

    สาเหตุก็เพราะ…..หน้าอกของโอริเบะนั้นมีแค่พอประมาณ

 

「เอาเถอะ ยังไงก็ตามแต่ เท่านี้ก็มี 3 คนแล้ว เหลืออีกแค่ 2 คนล่ะนะ」

「นั่นส์สินะคะแต่ว่า อยากจะพักเรื่องหาสมาชิกเอาไว้ก่อนแล้วไปให้ความสำคัญกับการหาที่ปรึกษาแทนก่อนส์」

「แบบนั้นมันก็ได้อยู่หรอก แต่ทำไมล่ะ?」

 

    กับคำถามของผม อันนาก็เปิดสมุดโน๊ตออกมาพร้อมตอบ

 

「พอดีว่า หลังจากไปตรวจสอบดูก็เจอว่าสามารถส่งคำขอในการตั้งกลุ่มขึ้นมาได้ด้วยสมาชิก 3 คนหรือมากกว่าพร้อมส์กับที่ปรึกษาคะ ความแตกต่างกับชมรมมีอยู่แค่ตรงที่จะไม่มีห้องชมรมและเงินสนับสนุน ดังนั้น พวกเราที่ไม่ต้องการห้องชมรมและเงินสนับสนุนในทันทีอยู่แล้ว ก็คิดว่าจะตั้งกลุ่มเอาไว้ก่อน แถมดูเหมือนว่าถ้าทำกิจกรรมกลุ่มไปพอประมาณหนึ่งแล้ว มันจะทำให้การเลื่อนระดับเป็นชมรมไหลลื่นมากขึ้นด้วยคะ」

「ถ้าเธอไม่เป็นอะไรมันก็ได้อยู่หรอกแต่…..」

 

    ขณะที่พูดก็ชายตาไปมองที่โอริเบะซัง เธอก็พยักหน้ากลับมาให้เงียบๆ

    แต่ว่าตั้งกลุ่มก่อนงั้นเหรอ นั่นมันก็ดีอยู่หรอก…..

 

「แต่ว่าการจะหาที่ปรึกษาเนี่ยมันยากยิ่งกว่าการหาสมาชิกชมรมอีกนะ」

 

    พอผมพูดออกไป อันนาก็ยิ้มกลับมา

 

「ไม่เป็นอะไรส์คะ ได้เจอคนเหมาะๆสำหรับเรื่องนั้นแล้ว」

 

 

 

 

【Tips】ระบบทีม

    เพื่อความปลอดภัย ทางกิลล์แนะนำให้ทำการสำรวจเขาวงกตกันเป็นกลุ่ม มีการมอบสิทธิประโยชน์มากมายให้แก่เหล่านักผจญภัยที่ทำงานเป็นทีม ไม่ว่าจะเปิดทางให้เขาวงกตที่ปกติจะไม่เปิดแก่สาธารณะ, ส่วนลดในการใช้แปลงการ์ดและอุปกรณ์เวทบางอย่าง, ช่วยจัดหา”เควส” มีผลประโยชน์ให้มากมาย แต่ส่วนที่สำคัญที่สุดก็คือการผ่อนปรนข้อจำกัดการเข้าสำรวจตามแรงค์ของทีม

    นี่จะทำให้แม้แต่นักผจญภัยมือสมัครเล่นสามารถเข้าสำรวจดันเจี้ยนระดับมืออาชีพได้ ทว่าก็มีทีมแย่ๆอยู่ที่เรียกร้องค่าใช้จ่ายหรือการ์ดจากนักผจญภัยที่อยู่ในสังกัด

    แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีนักผจญภัยหลายคนที่สมัครใจเข้าร่วมทีมแบบนั้น เพราะว่าการจะพิชิตเขาวงกตระดับมืออาชีพได้ด้วยตัวเองมันเป็นเรื่องที่ยากเอามากๆ

    ในการเลื่อนระดับของนักผจญภัยจาก 3 ดาวเป็น 4 ดาว มันมีกำแพงใหญ่ขวางกั้น แต่มันก็มีพูดกันว่า ความแตกต่างระหว่างเขาวงกตแรงค์ D กับแรงค์ C มันยิ่งใหญ่มากยิ่งกว่านั้นอีก…..