ตอนที่ 22 เถ้าแก่ซูดีกับพวกเรา

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

ตอนที่ 22 เถ้าแก่ซูดีกับพวกเรา

ตอนที่ 22 เถ้าแก่ซูดีกับพวกเรา

“ซูเจิ้งชิง คุณสัญญากับฉันว่าก่อนแต่งงานเราจะได้ใช้ชีวิตในเถาหยางอย่างแน่นอน วันแต่งงานก็ใกล้เข้ามาทุกที ตอนนี้เหลือเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน ห้องที่เถาหยางที่ถูกปล่อยออกมาคุณก็คว้ามันไว้ไม่ได้ วันนี้ฉันได้ยินมาว่าห้องคู่ไม่มีแล้ว ส่วนห้องชุดแบบ 1 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่นก็เหลือแค่สองห้อง มีคนลงทะเบียนมากขนาดนั้นมันจะเหลือถึงฉันกับคุณไหม”

เมื่อเผชิญกับคำถามของแฟนสาวของตนเอง ซูเจิ้งชิงก็รู้สึกหงุดหงิดและทิ้งบุหรี่ลงพื้นอย่างฉุนเฉียว

“พรุ่งนี้ผมจะไปซื้อของนิดหน่อยแล้วเข้าไปที่เถาหยาง”

เพื่อเอาของขวัญไปให้…

แฟนสาวผงะและพึมพำ “ให้ของขวัญน่ะได้ แต่ต้องไม่ใช่คุณที่ออกเงินสิ พ่อของคุณและแม่เลี้ยงของคุณจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้ทำอะไรเพื่องานแต่งของเราเลย…”

ผู้ชายที่แต่งงานก่อนวันสิ้นโลก จำเป็นต้องมีรถมีบ้าน ตอนนี้ในยุควันสิ้นโลกไม่มีเงื่อนไขดังกล่าวอีกต่อไป ดังนั้นการเช่าบ้านเพื่อเป็นของขวัญเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้

คำพูดของแฟนสาวทำให้ซูเจิ้งชิงหงุดหงิด

“โอเค ไว้ผมจะไปถามพ่อแล้วกัน”

……

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น จวงหว่านมาพร้อมกับกระเป๋าใบใหญ่และลูกทั้งสองคนของเธอ เธอเต็มไปด้วยความปรารถนาและความสุขที่ต้องการเริ่มต้นชีวิตใหม่

ก่อนรุ่งสางผู้คนจำนวนมากมารวมตัวกันที่ประตูเขตเถาหยาง เมื่อจวงหว่านเห็นคนมาพร้อมกระเป๋าใบเล็กใหญ่ ก็ปรี่เข้าไปทักทายพวกเขาอย่างรวดเร็ว

“สวัสดีค่ะ คุณเป็นผู้เช่ารายใหม่ของเถาหยางใช่ไหมคะ ขอข้อมูลติดต่อของผู้เช่าด้วยค่ะ”

“ตอนนี้เจ้าของบ้านอยู่ที่เถาหยางหรือเปล่า”

“ผมเอาของขวัญมาให้และอยากเจอเจ้าของบ้าน ยังไงรบกวนติดต่อให้หน่อยได้ไหม”

“ขอสอบถามหน่อย การย้ายเข้ามามีเงื่อนไขยังไง ทำไมลงทะเบียนตั้งหลายครั้งแล้วไม่ได้สักที”

คำถามที่ท่วมท้นตามมาและรอยยิ้มของจวงหว่านก็ถูกแทนที่ด้วยความตระหนกทันที ทั้งยังต้องวิ่งไล่จับลูกทั้งสองอีก แม่บ้านอัจฉริยะจำจวงหว่านได้และปล่อยให้เธอกับลูกสองคนเข้าไปเท่านั้น ในขณะที่คนอื่น ๆ ยังคงถูกปิดกั้นอยู่นอกประตู

เมื่อเห็นซูเถา จวงหว่านก็บรรยายฉากที่น่าสะพรึงกลัวข้างนอกและพูดด้วยความกลัว

“ต้องขอบคุณหู่จือที่ทำให้ฉันได้เช่าบ้านกับคุณ ไม่เช่นนั้นเราสามคนแม่ลูกคงต้องอยู่ข้างนอกด้วยความกังวล”

ก่อนจะรีบบอกกับเด็กทั้งสองว่า

“เฉินหยาง เฉินซี ทักทายพี่สาวเร็วสิ”

ลูกทั้งสองคนของเธอ พี่ชายอายุแปดขวบและน้องสาวอายุหกขวบ ทั้งคู่ดูคล้ายกับจวงหว่านมาก ประพฤติตัวสุภาพ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาได้รับการสั่งสอนมาอย่างดี แต่พวกเขาเป็นเด็กขี้อาย การพูดการจาเรียบร้อย เด็กชายจับมือแม่ของเขาอย่างประหม่า

ซูเถาลูบหัวเด็กทั้งสองแล้วพาพวกเขาไปที่ห้องที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้

เมื่อจวงหว่านเห็นห้องนอน เตียงสองชั้นที่น่ารักและสิ่งอำนวยความสะดวก โต๊ะและเก้าอี้ขนาดเล็ก รวมถึงเตียงเดี่ยว ตู้เสื้อผ้าและฉากกั้นความเป็นส่วนตัวที่เตรียมไว้ให้ เธอก็น้ำตาไหลทันที

“เถ้าแก่ซู ฉันไม่รู้จะพูดอะไรจริง ๆ ขอบคุณ ขอบคุณนะคะ ฉันขอบคุณแทนลูกทั้งสองด้วย”

เด็กสองคนเฉินหยางและเฉินซี ขอบคุณพี่สาวด้วยน้ำเสียงออดอ้อน ดวงตาที่ไร้เดียงสาเปล่งประกายวิบวับด้วยความตื่นเต้น

ซูเถารู้สึกเขินอายทำจนตัวไม่ถูก

“พี่ซูเถา โต๊ะนี้เตรียมไว้ให้เราเหรอ? แล้วก็สมุดวาดภาพเล่มนี้ด้วย?”

“ใช่ ของพวกเรานั่นแหละ ยังมีปากกา สีน้ำและไม้บรรทัดด้วย” ซูเถาเห็นสิ่งเหล่านี้ตอนที่ซื้อเฟอร์นิเจอร์สำหรับเด็ก ราคาค่อนข้างถูก เธอจึงคิดว่าเด็ก ๆ น่าจะชอบมันก็เลยซื้อมา

เฉินหยาง เฉินซีร้องว้าวอย่างตื่นเต้น พวกเขามีความสุขมาก

จวงหว่านรู้สึกซึ้งใจจนแทบจะน้ำตาไหล เธอโอนค่าเช่าสามเดือน 60,000 เหลียนปังให้ซูเถาทันที

ก่อนที่จวงหู่จะจากไป เขาได้ทิ้งเงินไว้จำนวนหนึ่งให้เธอและลูก รวมถึงค่าชดเชยของการเสียสละและเงินช่วยเหลือรายเดือนจำนวนมากบวกกับเงินเดือนที่ซูเถาจ่ายให้เธอในภายหลัง ซึ่งเพียงพอสำหรับที่จะเช่าบ้านเพื่อเลี้ยงดูลูก

ทรัพย์สินทั้งหมดของซูเถาเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 126,000 เหลียนปัง

การอัปเกรดเป็นระดับ 4 ต้องใช้เงินถึง 200,000 เหลียนปัง และตอนนี้ได้ก้าวหน้าไปกว่าครึ่งแล้ว การจะมีจำนวนห้องถึง 50 ห้อง มันจำเป็นต้องอาศัยการทำงานอย่างหนัก

“วันนี้พักผ่อนให้เต็มที่ พรุ่งนี้ค่อยช่วยฉันคัดเลือกผู้เช่า พรุ่งนี้มันจะยุ่งมาก อ้อ ฉันจะให้พี่ 10,000 เหลียนปังต่อเดือน รวมอาหารสามมื้อจากตู้ขายอาหารเช้า พี่กับลูกสองคนสามารถกินอะไรก็ได้ ถ้าทำงานได้ดีในอนาคตจะได้โบนัสและขึ้นเงินเดือน แบบนี้โอเคไหมคะ”

จวงหว่านพยักหน้าอย่างแรง “ตกลง ตกลง ขอบคุณมาก ๆ”

ไม่ต้องพูดถึง 10,000 รวมค่าอาหาร แม้ว่าให้เธอแค่สองสามพัน เธอก็จะทำ!

ความรู้สึกที่ตัวเองมีค่า มันดีอย่างนี้นี่เอง!

เรื่องการหาผู้ช่วยก็เป็นอันเสร็จสิ้น ซูเถาเริ่มกังวลเกี่ยวกับเรื่องการหาผู้ช่วยทำความสะอาดต่อ

ขณะนี้มีห้องพักทั้งหมด 27 ห้อง รวมทั้งห้องเดี่ยว ห้องคู่ ห้องชุด และพื้นที่ส่วนกลางถูกขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้ง ถ้าไม่ทำความสะอาดทุกสองหรือสามวัน ซูเถาจะต้องทำความสะอาดทั้งวัน

สุขอนามัยเป็นปัญหาใหญ่จริง ๆ เครื่องซักผ้าสาธารณะจำเป็นต้องได้รับการฆ่าเชื้อและทำความสะอาดเป็นประจำ โต๊ะและเก้าอี้ในโรงอาหารขนาดเล็กก็ต้องถูกเช็ดบ่อย ๆ ขยะก็ต้องกำจัดทุกวัน ไม่อย่างงั้นจะกองพะเนินเป็นภูเขา

ซูเถานึกถึงเฉียนหรงหรงที่ช่วยเธอทำความสะอาดครั้งก่อน เธอหาข้อมูลติดต่อของเฉียนหลินแม่ของเฉียนหรงหรงและฝากข้อความถึงเธอ รอแม่เฉียนกลับมาในตอนเย็นหลังจากเลิกงาน

ซูเถาแค่อยากจะขอบคุณเฉียนหรงหรงที่ช่วยเธอทำความสะอาดในครั้งก่อน

แม่เฉียนโบกมืออย่างรวดเร็วและพูดอย่างสบาย ๆ ว่า “เถ้าแก่ซู ไม่ต้องเกรงใจหรอก! เจ้าหรงหรงเนี่ยถ้าว่างจากงานเธอก็ชอบที่จะหาอะไรทำ ให้เธอช่วยแบ่งเบาเถอะ อีกอย่าง คุณสร้างสิ่งแวดล้อมดี ๆให้กับเรา ทั้งโรงอาหารขนาดเล็กและเครื่องซักผ้า เราจะไปหาบ้านดี ๆ เจ้าของบ้านดี ๆ แบบนี้ได้จากที่ไหน ช่วย ๆ กันดูแลนี่แหละ ไม่ต้องเกรงใจ”

ซูเถากล่าวว่า

“ไม่ได้ค่ะ ฉันจะปล่อยให้หรงหรงทำโดยเปล่าประโยชน์ไม่ได้ ฉันจะให้ค่าตอบแทนแก่หรงหรง ให้เธอทำความสะอาด 1-2 ชั่วโมงทุกวันหลังเลิกงาน แล้วฉันจะจ่ายให้เธอ 3,000 เหลียนปังทุกเดือน”

ก่อนที่เธอจะพูดจบ แม่เฉียนก็พูดอย่างเกรงใจว่า “ไม่จำเป็นเลย ฉันจะช่วยคุณคุยกับผู้เช่ารายอื่นให้ช่วยกันดูแลเรื่องสุขอนามัยและช่วยกันทิ้งขยะให้เป็นที่ ที่เหลือก็ให้หรงหรงช่วยจัดการ ไม่จำเป็นจ่ายเงินหรอก”

ซูเถาไม่รู้จะพูดยังไง ดังนั้นเธอจึงได้แต่ขอบคุณ

แม่เฉียนยิ้มอย่างเต็มใจ “เถ้าแก่ซู เราขอเครื่องซักผ้าอีกสองเครื่องได้ไหม ตอนนี้มีคนใช้งานเยอะมาก มันไม่พอใช้”

ซูเถาซื้อเครื่องซักผ้าอีกสี่เครื่องในคืนนั้น ตอนนี้มีเครื่องซักผ้าสิบเครื่องวางไว้อย่างเรียบร้อยที่ประตูหลัง

แม่เฉียนใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้และพูดว่า “เพื่อน ๆ ทุกคน อย่างที่ได้เห็นกันว่าเถ้าแก่ซูปฏิบัติต่อเราอย่างดี หวังว่าทุกคนจะไม่สร้างปัญหาให้เถ้าแก่ซูและใส่ใจกับเรื่องเล็กน้อย เช่น เรื่องสุขอนามัยและเริ่มที่จะนำขยะไปทิ้งหลังจากกินข้าวในโรงอาหารเสร็จและเช็ดโต๊ะก่อนออกไป”