ตอนที่ 27 สร้างบ้าน

เมื่อกลับมาถึงบ้าน จี้จือฮวนก็วางเผยจี้ฉือลงบนเตียง พับขากางเกงของเขาขึ้นเพื่อตรวจดูอาการ

โชคดีที่แผลไม่ได้รับความกระทบกระเทือน แต่ตอนที่ถูกหวังกุ้ยฟางฉุดกระชากลากไปนั้น ทำให้มีรอยถลอกและรอยฟกช้ำตามร่างกายเล็กน้อย

หลายวันมานี้เผยจี้ฉือคุ้นชินกับกล่องยาน้อย ๆ กล่องนั้นแล้ว ทุกครั้งที่กล่องนั้นปรากฏขึ้นข้างในนั้นก็มักจะมีของที่ต่างกันออกไป แต่ละชิ้นล้วนมีรูปร่างหน้าตาประหลาด

“นี่คือสิ่งใด?” เผยจี้ฉือตกใจเป็นอย่างมาก

จี้จือฮวนเอ่ยด้วยเสียงเรียบนิ่ง “ยาผงขาวยูนนาน เป็นแบบสเปรย์”

สเปรย์คือสิ่งใดกัน?

ไม่นานเผยจี้ฉือก็ได้คำตอบ เขามองจี้จือฮวนเก็บของลงกล่องยาด้วยความตื่นตระหนก จากนั้นนางก็หยดของสิ่งหนึ่งใส่ปากเขา

“ให้ใช้พ่นที่แผลของตัวเองทุกวัน” จี้จือฮวนวางยาแก้ฟกช้ำเอาไว้บนหัวเตียงของเขา จากนั้นก็เปิดม่านออก ก่อนจะพบว่าเจิ้งต้าเฉียงกำลังนั่งดูกระดาษวาดภาพอยู่ในห้องโถง เมื่อเห็นนางออกมาแล้ว เจิ้งต้าเฉียงก็เอ่ยถามขึ้น “กระดาษวาดภาพนี่ใครเป็นคนวาดกัน?”

“ข้าเอง ทำไม ทำได้หรือไม่?”

นางคิดว่าตัวเองวาดให้เข้าใจง่ายมากแล้ว

“ได้อยู่แล้ว แต่เหตุใดเจ้าถึงรู้เรื่องเช่นนี้ด้วย” ช่างไม้ส่วนใหญ่จะวาดภาพได้ เพราะพวกเขาต่างก็ได้รับการสั่งสอนจากอาจารย์มา เช่นการทำเครื่องเรือนอะไรพวกนั้น แต่ของที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้กลับมีไม่มากนัก ทว่านางเป็นแค่สาวชาวบ้านคนหนึ่งเหตุใดถึงรู้เรื่องพวกนี้ได้กัน

“ทำได้ก็พอแล้ว ยังมีเตียงและตู้ในบ้านที่ต้องรบกวนท่านด้วย”

“ได้ เจ้าวางใจเถอะ รับรองว่าข้าจะทำจนกว่าเจ้าจะพอใจแน่นอน”

“ไม่ทราบว่าใช่บ้านของจี้จือฮวนหรือไม่!” จู่ ๆ ด้านนอกก็มีคนตะโกนขึ้นมา อาชิงจึงวิ่งดุกดิกออกมาจากห้องครัว “ท่านมาหาใคร?”

ด้านนอกเป็นคนมาส่งของ “ข้ามาจากในตำบลฉาซู่ จี้จือฮวนสั่งไก่ เป็ด และหมูจากร้านเราไว้ ข้าไม่ได้มาผิดที่ใช่หรือไม่?”

อาอินได้ยินเสียงก็วิ่งออกมา “ที่นี่ถูกต้องแล้วเจ้าค่ะ”

นางรีบวางของลงและเปิดประตูรั้วออก คนที่มาใช้เกวียนวัวลากทุกอย่างมาส่ง อาทิเป็ด ไก่ ห่านสิบกว่าตัว และลูกหมูอีกหลายตัว อาชิงดีใจเป็นอย่างมาก เด็กน้อยนั่งยอง ๆ ลงและอุ้มพวกมันขึ้นมา

ท่านป้าหยางมองด้วยความสนใจ นี่นับว่าเป็นเงินก้อนโตเลยทีเดียว ซื้อมาเยอะเพียงนี้ ขนาดบ้านหัวหน้าหมู่บ้านยังมีไม่เยอะเช่นนี้เลย

จี้จือฮวนเดินออกมาจ่ายเงิน รอจนกระทั่งคนส่งของจากไปแล้ว นางก็หันมาคุยกับเจิ้งต้าเฉียงเรื่องโครงร่างภายในลานบ้านต่อ เรือนทั้งสองฝั่งไม่ช้าก็เร็วต้องรื้อและสร้างใหม่ นอกจากนี้พื้นที่โล่งด้านข้างนางก็จะทำเป็นห้องอาบน้ำ ด้านหลังติดกับภูเขาถึงเวลาก็ใช้ไม้ไผ่ทำเป็นท่อน้ำ ต่อน้ำจากลำธารลงมา เอาไว้อาบน้ำ ซักผ้า และทำกับข้าวได้

ถึงเวลาค่อยต่อท่อระบายน้ำออกมาจากห้องน้ำอีกที ก็จะสามารถใช้น้ำรดผักได้อีกด้วย

เจิ้งต้าเฉียงฟังด้วยความตกตะลึง สุดท้ายก็พูดขึ้นมาหนึ่งประโยคว่า ขอเพียงแค่นางสามารถอธิบายรูปร่างหน้าตาของสิ่งเหล่านั้นได้ เขาก็สามารถทำให้ได้

อีกด้านหนึ่ง เทียบกับทางฝั่งของจี้จือฮวนแล้ว เมื่อเฉินเย่าจงกลับมาถึงบ้าน ก็รู้สึกถึงบรรยากาศที่แปลกไป

จนได้ฟังคนที่บ้านเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว เฉินเย่าจงก็ราวกับถูกฟ้าผ่าก็มิปาน

เขาคิดไม่ถึงว่าที่ดินที่จู่ ๆ บ้านของตัวเองได้เพิ่มมานั้น จะเป็นของครอบครัวเผย ครอบครัวเผยมีความเป็นอยู่เช่นไรคนในหมู่บ้านต่างรู้กันดี

เรื่องนี้ถ้าแพร่งพรายออกมา ชื่อเสียงของเขาก็คงป่นปี้เป็นแน่!

“เรื่องนี้พวกเราไม่ขอยุ่งด้วย เงินที่เย่าจงเรียนหนังสือล้วนเป็นเงินที่พวกเราช่วยกันออก และเรื่องนี้พวกเราก็ไม่ได้เป็นคนก่อขึ้น เหตุใดต้องให้พวกเราออกเงินด้วย?” อาสะใภ้รองเอ่ยด้วยความไม่พอใจ

เฉินเย่าจงหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันที เฉินไคชุนจึงตบโต๊ะและเอ่ยขึ้นมา “โวยวายอะไรกัน ผู้ชายคุยกันใช่เรื่องที่เจ้าจะอ้าปากพูดได้อย่างนั้นหรือ?”

เมื่อเขาเอ่ยจบ ทันใดนั้นก็มีเสียงสะอื้นดังขึ้น

เฉินไคชุนหยิบโฉนดที่ดินขึ้นมา “พวกเจ้าไม่ต้องห่วงหรอก เงินข้ายังพอมีอยู่ ข้าจะเอาไปให้เอง”

เฉินเย่าจงจึงเอ่ยปากขึ้น “ให้ข้าไปเองดีกว่าขอรับ”

เฉินไคชุนมีสีหน้าประหลาดใจ แต่เฉินเย่าจงกลับหยิบเงินและโฉนดที่ดินเดินออกไปแล้ว

เขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรไป เพียงอึดใจเดียวก็วิ่งมาถึงเนินเขาแล้ว พลันนั้นเขาก็ได้เห็นภาพภายในบ้าน

อาชิงกำลังนั่งยอง ๆ อุ้มลูกหมูอยู่บนพื้น และตั้งชื่อให้เหล่าลูกไก่ของเขา

“เจ้าชื่อไก่กุ๊กกุ๊ก ส่วนเจ้าชื่อเอิ๊กอ๊าก…”

เปลือกตาของเขาแม้จะยังบวมอยู่เพราะผ่านการร้องไห้มา และคนในครอบครัวกำลังช่วยเจิ้งต้าเฉียงทำเล้าไก่ มีควันลอยขึ้นมาจากห้องครัวพร้อมกับได้ยินเสียงหัวเราะเป็นครั้งคราว ส่วนเผยจี้ฉือ เจ้าเด็กนั่นก็นั่งอยู่บนเก้าอี้และช่วยหยิบหญ้าแห้งให้

เห็นดังนั้นเฉินเย่าจงกลับรู้สึกอับอายขึ้นมา

“เจ้ามาทำไม!” อาอินที่เอาน้ำสกปรกออกมาเททิ้ง เห็นเฉินเย่าจงยืนอยู่หน้าประตูพอดี

เฉินเย่าจงจึงเอาเงินและโฉนดที่ดินยื่นให้ “มาส่งของ”

“เจ้ารอเดี๋ยว” อาอินไม่รู้หนังสือ นางรับมาแล้วก็วิ่งไปหาเผยจี้ฉือทันที

เฉินเย่าจงจึงสุดจะทนไหว เขารู้สึกว่าศักดิ์ศรีของตัวเองถูกคนของครอบครัวนี้เหยียบย่ำจนติดดินไปหมดแล้ว

เผยจี้ฉือมองดูโฉนดที่ดินอย่างละเอียด จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมองเฉินเย่าจงด้วยสายตาเรียบนิ่ง “เจ้าไปได้แล้ว”

เฉินเย่าจงเดิมทีก็ไม่อยากอยู่ต่ออีก เมื่อเขามองไก่ที่มีอยู่เต็มลานบ้าน แม้จะเป็นแค่ลูกไก่ แต่กลับมีเยอะกว่าที่บ้านเขาเสียอีก

อีกอย่างเผยจี้ฉือผู้นี้ทั้ง ๆ ที่ยากจนข้นแค้น แต่กลับมีท่าทางสูงส่งอย่างไม่อาจเอื้อมได้

วางท่าให้ใครดูกัน?

เฉินเย่าจงยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห เมื่อเห็นว่าพวกเขามีเงินเช่นนี้ ก็รู้สึกว่าจากที่เคยเหนือกว่าเผยจี้ฉือ ทว่าเวลานี้เขากลับหมดสิ้นทุกอย่างแล้ว

“พวกเจ้าไม่ขาดเงิน เหตุใดยังต้องมาบีบท่านแม่ของข้าเช่นนี้อีก สุขภาพของนางไม่ดี…”

เฉินเย่าจงยังพูดไม่ทันจบก็ต้องหยุดลง เพราะอาชิงอุ้มลูกหมูมายืนอยู่ตรงหน้าของเขา

ดวงตากลมโตคู่นั้นมองจนเฉินเย่าจงทำตัวไม่ถูก “เจ้ามองข้าเช่นนี้ทำไม?”

อาชิงกะพริบตาปริบ ๆ แล้วเอ่ยขึ้น “ท่านแม่ข้าบอกว่า ให้เจ้าไปผายลมไกล ๆ หน่อย อย่ามาผายลมที่หน้าประตูบ้านของพวกเรา”

เฉินเย่าจง “…”

!!!

หยาบคายเช่นนี้ เขาก็ไม่อยากจะเสียน้ำลายคุยกับคนพวกนี้เหมือนกัน รอให้เขาสอบได้เมื่อไหร่ ถึงตอนนั้นหากพวกเขาคิดจะมาประจบละก็ เขาจะไม่ชายตาแลคนพวกนี้สักนิดอย่างแน่นอน!

“หึ!” เฉินเย่าจงสะบัดแขนเสื้อ และจากไปด้วยความโมโห

อาชิงเกาท้ายทอยเบา ๆ

คนผู้นี้แปลกคนจริง ๆ

เช้าวันต่อมา ตอนที่อาอินตื่นขึ้นมาก็พบว่าเผยจี้ฉือกำลังใส่เสื้อผ้าอยู่ เขาอธิบายว่า “พวกเจ้าไปขายของ ข้าเองก็จะไปช่วยด้วย ไม่อย่างนั้นให้อยู่แต่บ้าน ข้าก็รู้สึกไม่ดี”

อาอินไม่เห็นด้วย เพราะถนนหนทางที่ไปกลับตำบลนั้นขรุขระเป็นอย่างมาก ไม่ดีต่อขาของเผยจี้ฉือเท่าไรนัก

ทว่าจี้จือฮวนกลับเห็นด้วย

“ขาของเขาคงจะสามารถเดินได้แล้ว อีกอย่างวันนี้คงจะค่อนข้างยุ่งมากจริง ๆ” จี้จือฮวนไม่ได้อธิบายอะไรมากนัก ก่อนจะเดินไปที่ห้องครัวเพื่อขนของที่เตรียมไว้ทั้งหมดขึ้นรถเข็น ที่ด้านล่างเนินเขาก็มีเกวียนวัวคันหนึ่งมาจอดรออยู่แล้ว

คนขับเกวียนสวมหมวกฟางพลางตะโกนขึ้นมา จี้จือฮวนจึงให้อาอินเข็นรถลงไป และมัดไว้ที่ด้านหลังของเกวียนวัว

“วันนี้เหตุใดถึงเรียกรถเกวียนเล่า ข้าเข็นไหวนะ” อาอินคิดว่าจี้จือฮวนกำลังคิดว่าแรงของนางมีไม่พอ

“ที่เรียกเกวียนวัวมาเป็นเพราะรถเข็นของเราเล็กเกินไป” จี้จือฮวนประคองเผยจี้ฉือขึ้นไปนั่งบนเกวียน จากนั้นก็ให้อาอินขึ้นไปด้วย บนเกวียนมีโต๊ะและม้านั่งวางอยู่ เมื่อมีเด็กอีกสองคนขึ้นไปนั่ง ก็เบียดจนเต็มพื้นที่แล้ว

จี้จือฮวนจึงช่วยประคองรถเข็นอยู่ทางด้านหลังแทน

อาชิงอุ้มลูกหมูตัวเมื่อวานที่เขารักที่สุดมายืนมองส่งพวกเขาจากไปตาปริบ ๆ

“เสี่ยวปา เจ้าต้องรีบโตไว ๆ นะ เช่นนี้ต่อไปเจ้าก็จะได้ช่วยเฝ้าบ้าน ข้าก็จะได้สามารถตามพวกท่านแม่ไปขายของได้”

เจ้าลูกหมูก็ส่งเสียงอู๊ดอี๊ดตอบ

เป็นครั้งแรกที่เผยจี้ฉือมาขายของกับจี้จือฮวน ไม่รู้ว่าการค้าดีเพียงใด แต่เมื่อมาถึงตลาดผักไช่ซือเขาก็เข้าใจได้ทันที

ยังไม่ทันที่คนขับเกวียนจะเอาของลงจากเกวียน หน้าแผงก็มีคนมาเข้าแถวรอกันแล้ว

“โอ๊ย พวกเจ้ายังจะเข้าแถวกันอีกหรือ ที่ถนนตรงโน้นก็มีอันนี้ขายเหมือนกัน แถมราคาก็แค่สี่เหวิน และยังไม่ต้องเข้าแถวด้วย ไปซื้อตรงนั้นสิ!”