ซูฟ่านพูดถูกจริง ๆ

หลังจากทะเลาะกับครอบครัวเธอก็วางแผนที่จะหนี

แต่สักพักก็ไม่รู้จะไปไหนดี

เดิมทีเธอต้องการพบฉินเสี่ยวหยุนและถามว่าอีกฝ่ายจะพาเธอไปได้หรือเปล่า

แต่ฉินเสี่ยวหยุนกำลังยุ่งอยู่กับงานและไม่ได้ตอบเธอจนถึงตอนนี้

เธอไม่ต้องการรบกวนฉินเสี่วหยุนซ้ำแล้วซ้ำอีก

เธอไปที่ธนาคารเพื่อยืนยันว่าบัตรของเธอถูกอายัดจากที่บ้านหรือไม่

อย่างไรก็ตามเธอต้องการถอนเงินสดบางส่วนเพื่อไม่ให้ถูกค้นพบว่าเธอใช้จ่ายเงินจากที่ไหน

เมื่อวางแผนที่จะจากไป ซูฟ่านก็ปรากฏตัวขึ้น

จากนั้นเธอก็รู้ว่าซูฟ่านต้องการออกไปนอกเมือง

หลินจูจึงตามซูฟ่าน

เธอรู้สึกอีกครั้งว่าเธอและซูฟ่านถูกลิขิตเอาไว้

เมื่อฟังแผนการหลบหนีของหลินจู ซูฟ่านก็รู้สึกขบขันเล็กน้อย

อย่างไรก็ตามซูฟ่านรู้สึกดีที่ผู้หญิงที่ดีเช่นนี้สามารถออกไปเพื่อแสวงหาความสุขของตัวเองได้

แม้ว่าฉินเสี่ยวหยุนจะแข็งแกร่งและนุ่มนวล

แต่ในแง่หนึ่งหลินจูก็คล้ายกับฉินเสี่ยวหยุนมาก

ไม่คิดประนีประนอมกับความสุขของตัวเอง

การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของหลินจูไม่ได้รบกวนซูฟ่าน

ในทางตรงกันข้ามซูฟ่านรู้สึกว่าหลินจูสามารถช่วยเขาปกปิดตัวเองได้ดีขึ้น

“คุณอยู่ในโบกี้ไหน”

ซูฟ่านมองไปที่หลินจูและถาม

“อยู่ห่างออกไปสี่หรือห้าโบกี้ ยังไงเดี๋ยวคนตรงข้ามคุณก็ลงจากรถแล้ว ฉันจะรอสักพัก”

หลินจูพูดอย่างประชดประชันเล็กน้อย

ซูฟ่านไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องตกลง

ในแสงสลัวซูฟ่านพาหลินจูกลับไปที่เตียงของเขา

เขาหยิบมือถือออกมาและเพื่อไม่ให้รบกวนกับคนรอบข้าง เขาจึงปรับความสว่างของมือถือให้สว่างขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น

ทั้งสองนั่งบนเตียงด้วยกัน

ทันใดนั้นซูฟ่านก็รู้สึกมีอะไรสั่นในกระเป๋ากางเกงของเขา

แอร์พอร์ดของเขาเอง

ซูฟ่านคิดว่าเพราะมีข่าวบางอย่างแต่พอใส่กลับไม่มีเสียง

ซูฟ่านรู้สึกแปลก ๆ เขาตัวแข็งทื่อทันทีที่เขากำลังจะถอดหูฟังออก

ถ้าเขาจำได้ถูกต้องเขาใส่หูฟังไว้ในกระเป๋าเป้!

แต่ตอนนี้หูฟังปรากฏอยู่ในกระเป๋ากางเกงของเขาอย่างอธิบายไม่ได้

ซูฟ่านได้ทดลองดูแล้วและพบว่าเมื่อหูฟังอยู่ห่างจากเขา 500 เมตรหรือมีความสูงต่างกันหูฟังจะกลับสู่ตำแหน่งเขาโดยอัตโนมัติ

ระยะห่างระหว่างตัวเขากับหูฟังในตอนนี้ไม่เพียงพอที่จะทำให้หูฟังกลับสู่ตำแหน่งเดิมโดยอัตโนมัติได้

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือหูฟังถูกนำออกไปจึงถูกดึงคืนโดยอัตโนมัติ!

ซูฟ่านหยิบกระเป๋าเป้ขึ้นมาอย่างรวดเร็วและพลิกดู

อาหารและเครื่องดื่มในนั้นยังคงอยู่ที่เดิมแต่เงินสดสามพันและหูฟังที่เขาใส่เข้าไปนั้นไม่อยู่

ตอนนี้ได้หูฟังคืนแต่หายไปสามพันหยวน

อาจจะเป็นองค์กรนั้น?

แต่ทำไมพวกนั้นถึงขโมยหูฟังและเงินโดยไม่มีเหตุผล

อาจจะเป็นแค่โจรธรรมดาก็ได้?

“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”

หลินจูขมวดคิ้วและถามซูฟ่าน

ซูฟ่านคิดอยู่ครู่หนึ่งและดึงหลินจูขึ้น

“มีคนขโมยของของผม ไปหาผู้ควบคุมกันเถอะ”

หลังจากพูดจบซูฟ่านก็พาหลินจูไปหาผู้ควบคุม

หลังจากอธิบายสถานการณ์แล้วผู้ควบคุมขบวนก็ได้ช่วยซูฟ่านในการตรวจสอบด้วยความร่วมมือเป็นอย่างดี

ซูฟ่านและหลินจูคุยกันประมาณสิบห้านาที นั่นคือมีคนขโมยบางอย่างจากเขาในช่วงสิบห้านาทีนี้

ผู้คุมสอบถามเวลาและปรับกล้องวงจรปิด

ฉากที่หลินจูมาพบซูฟ่านฉายขึ้นในหน้าจอ

หลังจากนั้นซูฟ่านก็พาหลินจูไปคุย

หลังจากดูประมาณสามหรือสี่นาทีหน้าจอการตรวจสอบก็เปลี่ยนเป็นสีขาว

จากนั้นก็มีหิมะโปรยลงมา

เจ้าหน้าที่มองไปที่หน้าจอด้วยความประหลาดใจ

“มันอาจจะทำงานผิดปกติ”

เธอรีบปรับกล้องวงตรปิดอีกครั้งแต่มันยังคงเป็นเกล็ดหิมะ

นานถึงสองนาทีก่อนที่ซูฟ่านและหลินจูจะกลับไปที่เตียง

นี่เป็นเรื่องแปลก

แต่เดิมซูฟ่านรู้สึกโชคดีที่เป็นเพียงโจรที่ขโมยสิ่งของของตัวเองไป

แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่โจรธรรมดาจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการกล้องวงจรปิดโดยไม่ถูกตรวจจับ

“เป็นไปไม่ได้…หรือผมจะโทรเรียกตำรวจให้คุณก่อนแล้วหยุดที่ป้ายถัดไปเพื่อให้ตำรวจตรวจสอบ”

เจ้าหน้าที่บนรถไฟถาม

“ไม่เป็นไร ผมจะหาใหม่อีกทีบางทีผมอาจจะลืมว่าผมวางไว้ที่อื่น อย่าเพิ่งโทรหาตำรวจตอนนี้เลย”

ด้วยเงินเพียงสามพันหยวน ซูฟ่านไม่ต้องการสร้างปัญหาให้ยุ่งยาก

ถ้าไม่ใช่โจรธรรมดาก็ไร้ประโยชน์ถ้าตำรวจมา มันจะเสียเวลาเปล่า

เขาขอบคุณผู้คุมขบวนแล้วซูฟ่านจึงกลับไปที่เตียงของเขา

“ฉันยังไม่ได้ถามคุณเลย ทำไมคุณถึงไปเมืองกุ่ยหยุน”

“ประธานคังฝากธุระไว้กับผม”

ซูฟ่านตอบสั้น ๆ

ตอนนี้เขายกหูขึ้นตั้งใจฟังทุกการเคลื่อนไหวในรถอย่างระมัดระวัง

“คิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะติดต่อกับคังหมินฟูด้วย”

“ไม่มีอะไร ผมแค่ช่วยเขานิดหน่อย”

“ช่วยอะไรเหรอ?”

หลินจูอยากรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับซูฟ่านดังนั้นไม่ว่ามันจะเป็นอะไรเธอก็แทบรอไม่ไหวที่จะรู้เรื่องนี้

“เอ่อ แม่ของเขาถูกลักพาตัวไปผมก็แค่เดินผ่านไปก็เลยช่วยไว้”

“ว้าว!”

หลินจูอุทานดังจนบังเอิญไปปลุกพี่ใหญ่จากชนบทที่กำลังกรนอยู่ด้านข้าง

อยู่ ๆ ผู้คุมขบวนก็มาเตือนพี่ใหญ่คนนั้นว่าถึงเวลาต้องลุกขึ้นและลงจากรถไฟแล้ว

เขาเก็บข้าวของด้วยความงุนงง

เขาเอาผลไม้ที่ยังไม่สุกให้ซูฟ่าน

เมื่อเห็นสาวสวยปรากฏตัวขึ้นข้าง ๆ ซูฟ่านดวงตาของพี่ใหญ่คนนี้ก็เหยียดตรง

เขาจ้องไปที่ซูฟ่านและหลินจูอย่างมีนัยยะ

“เฮ้อ คนในเมืองรู้วิธีเล่นจริง ๆ เขาถึงกับจับสาวสวยในรถไฟได้”

พี่ใหญ่พึมพำในขณะที่เขาลุกขึ้นและเดินไปที่ประตูรถ

คำพูดของเขาทำให้ซูฟ่านและหลินจูเขินเล็กน้อย

หลินจูได้ย้ายไปที่เตียงตรงข้ามซูฟ่าน

ด้วยวิธีนี้เธอสามารถสนทนากับซูฟ่านแบบเห็นหน้าได้

“อ้อ คุณเพิ่งบอกว่าคุณช่วยแม่ของคังหมินฟู…”

หลินจูเริ่มสอบถามเกี่ยวกับซูฟ่านอีกครั้ง

ซูฟ่านตอบเท่าที่เขาสามารถตอบได้แต่เขาก็ไม่พูดอะไรเมื่อเขาไม่สามารถพูดได้ หลินจูก็จะไม่จี้ถามเช่นกัน

เขาไม่รู้ว่าใช้เวลานานแค่ไหนในที่สุดหลินจูก็หลับไปบนเตียง

เธอยังคงพึมพำเพื่อถามคำถามบางข้อกับซูฟ่าน

ซูฟ่านไม่รู้ว่าเธอถามอะไร

ซูฟ่านยิ้มอย่างช่วยไม่ได้และคลุมร่างของหลินจูด้วยผ้าห่ม

เขาล้มตัวลงนอนด้วยเช่นกัน

อาจเป็นเพราะระบบปรับปรุงความแข็งแกร่งทางกายภาพของเขา แม้ว่าเขาจะไม่นอนทั้งคืน แต่ซูฟ่านก็ไม่รู้สึกเหนื่อยเลย

รถไฟสายสีเขียวเคลื่อนไปข้างหน้า

ซูฟ่านจ้องไปที่กระดานชั้นบนด้วยความงุนงง

กลิ่นหอมแปลก ๆ ทะลุจมูกของซูฟ่าน

ประกอบกับจังหวะการโยกตัวของตัวรถและเสียงของรางรถไฟ ซูฟ่านรู้สึกว่าเปลือกตาของเขาหนักขึ้นเรื่อย ๆ

ภายในไม่กี่นาทีซูฟ่านก็หลับตาและผล็อยหลับไป

มีคนปรากฏตัวขึ้นที่หน้าเตียงของซูฟ่านอย่างเงียบ ๆ

เขามองไปที่ซูฟ่านด้วยใบหน้าที่มีชัยชนะ

จากนั้นเขาก็หยิบกริชออกมาและยื่นเข้าหาหน้าอกของซูฟ่าน

ขณะที่เขากำลังจะเจาะหน้าอกของซูฟ่านทันใดนั้นซูฟ่านก็ลืมตาขึ้น

เขาจับมือชายคนนั้นและยึดกริชมา

ชายคนนั้นไม่ได้เตรียมตัวและถูกซูฟ่านทำให้ผงะ

เมื่อฟื้นคืนสติก็เข้าต่อสู้กับซูฟ่าน

ชายผู้นี้ทำให้ทุกคนในตู้โดยสารใกล้เคียงหลับใหลเพื่อปฏิบัติการปล้นเพชร!